พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1314 ใครกันแน่ที่โง่
เขาพูดจาเสียน่าฟัง ตัวเองอยากได้แท้ๆ แต่กลับบอกว่าช่วยน้องหนิวคิดบัญชี หาข้ออ้างได้ดีมาก
เหมียวอี้บอกว่า “กลัวจะอะไรล่ะ? แม่ทัพภาคหนีฉางคนก่อน เดิมทีก็เป็นคนใต้สังกัดของท่านโหวเทียนหยวนอยู่แล้ว ถ้ามีความเห็นแย้งอะไรก็ต้องผ่านด่านปี้เยว่ฮูหยินไปให้ได้ก่อน มิหนำซ้ำแม่ทัพภาคท่านนั้นก็ตายที่แดนอเวจีไปแล้ว ตอนนี้คนที่จะมารับตำแหน่งแม่ทัพภาคต่อยังมาไม่ถึง เป็นโอกาสดีในการคิดบัญชี พอจบเรื่องแล้วแม่ทัพภาคคนใหม่มาถึง ก็จะต้องเป็นคนสมองมีปัญหาเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นใครจะมาหาเรื่องหลานชายราชินีสวรรค์ได้ล่ะ”
“ทำแบบนี้เกินไปหน่อยรึเปล่า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงลูบคางอย่างสับสน แต่สายตาเหลียวซ้ายแลขวาแสดงออกถึงเจตนา
เหมียวอี้กล่าวว่า “ข้าก็อุตส่าห์หวังดี พี่เซี่ยโห้วได้รับประโยชน์ ข้าโดนด่าลับลัง! แต่ในเมื่อพี่เซี่ยโห้วรังเกียจเงินร้อนนี้ ข้าเก็บไว้เองคนเดียวก็สิ้นเรื่องแล้ว พวกเขาจะได้ไม่กล้าไม่ให้ แต่ข้าจะพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อนนะ ข้าจะเก็บไว้เองทั้งหมด ยาแก่นเซียนสี่สิบล้านเม็ดนั่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่เซี่ยโห้ว เอาล่ะ ข้าขอกลับก่อน ข้ายังต้องไปดูอีกว่าท่านแม่ทัพภาคจะไปเล่นตุกติกอะไรที่ดาวเทียนหยวนกันแน่”
“น้องหนิว!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงรีบกดแขนเขาไว้ แล้วยิ้มสู้พร้อมบอกว่า “หรือไม่ข้าก็ไปเก็บเงินให้ก่อนดีกว่า ถ้าข้าเก็บไม่ได้จริงๆ น้องหนิวค่อยออกหน้าเองก็ยังไม่สาย แบบนี้ดีมั้ย?”
เหมียวอี้กล่าวดูถูกในใจ เจ้าหมีควายนี่ไม่ได้โลภสมบัติแบบธรรมดาจริงๆ ด้วย จึงพยักหน้าบอกว่า “ก็ได้! ถ้าเจ้าเก็บได้ก็เป็นของเจ้า ถ้าเจ้าเก็บไม่ได้ข้าจะออกหน้าไปเก็บเอง” พูดจบก็เหาะขึ้นฟ้าจากไป
“น้องหนิวกลับดีๆ นะ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ หลังจากมองส่งเหมียวอี้หายลับไปในท้องฟ้าแล้ว ก็เอามือลูบคางพลางถอนหายใจ ถูไม้ถูมือไม่หยุด สุดท้ายก็กำหมัดชกฝ่ามือแรงๆ เหมือนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว รีบเหาะขึ้นฟ้าจากไป
ในดาราจักร คนจำนวนหนึ่งเหาะด้วยความรวดเร็วอยู่ข้างหลังปี้เยว่ฮูหยิน หลันเซียงที่ติดตามอยู่ข้างกายปี้เยว่ฮูหยินเก็บระฆังดาราในมือ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นนอกจวนแม่ทัพภาคให้ปี้เยว่ฮูหยินรู้
เรื่องที่เกิดขึ้นนอกจวนแม่ทัพภาคอยู่ใต้หนังตาทหารยามที่เฝ้าประตู ทหารยามไปยุ่งกับผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสิบไม่ได้ ทำได้เพียงรายงานขึ้นมา
เดิมทีหลันเซียงนึกว่าปี้เยว่ฮูหยินจะกลับทันที แต่ใครจะคิดว่าปี้เยว่ฮูหยินจะตอบว่า “ให้พวกเขาก่อเรื่องไปเถอะ”
หลันเซียงตกใจ ถามว่า “คนที่หนุนหลังพวกเหยียนซู่ล้วนเป็นลูกน้องคนสนิทของท่านโหว ถ้าไม่ถามไถ่ไม่สนใจเลย ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมรึเปล่าคะ?”
“นี่คือข้อแลกเปลี่ยนระหว่างข้ากับหนิวโหย่วเต๋อ ข้าหลบอยู่ที่แดนอเวจีสองร้อยปี ไม่กล้าเพ่นพ่านไปไหนซี้ซั้วเลย คะแนนทดสอบของข้าล้วนเป็นสิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อเสียสละมอบให้” ปี้เยว่ฮูหยินตอบ
หลันเซียงย่อมถามอย่างประหลาดใจ “หนิวโหย่วเต๋อมอบให้เหรอ? ข้าน้อยไม่เข้าใจ”
ปี้เยว่ฮูหยินแสยะยิ้ม “เจ้าเด็กนั่นใจกล้ามาก รู้ว่าตัวเองทำลายกลองสะท้านฟ้า ได้อันดับหนึ่งไปก็ไม่มีประโยชน์ ผลงานที่เขาทำได้จึงไม่ได้มีแค่ที่เขาส่งมอบขึ้นไปเท่านั้น เขาแอบซ่อนไว้ส่วนหนึ่งที่นรก เตรียมจะเหลือไว้รอตอนที่ตัวเองวรยุทธ์เพิ่มขึ้น แล้วมาเข้าร่วมทดสอบชิงตำแหน่งแม่ทัพภาค ตอนหลังโดนกดดันให้มอบผลงานที่ซ่อนไว้ให้ข้า ข้าถึงได้รักษาตำแหน่งแม่ทัพภาคไว้ได้ แต่เงื่อนไขก็คือต้องดูแลเขา พร้อมทั้งให้เขาได้ระบายความโกรธที่ได้รับความอัปยศในปีนั้น ไม่อย่างนั้นจะเปิดโปงเรื่องที่ข้าปลอมแปลงผลงาน”
นางรู้ว่าความผิดปกติของตัวเองจะต้องทำให้หลันเซียงสงสัย จำเป็นต้องหาข้ออ้างให้ตัวเองเพื่อปิดบัง
หลันเซียงเข้าใจในทันที นางรู้สึกว่าการที่ปี้เยว่ทดสอบได้อันดับเก้าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก นางติดตามปี้เยว่มาหลายปีขนาดนี้ จึงรู้อย่างลึกซึ้งว่าปี้เยว่ไม่ใช่คนที่จะกล้าไปเสี่ยงอันตรายในนรก นางยังนึกว่าท่านโหวเทียนหยวนช่วยคิดหาทางหาคะแนนมาให้ แต่ก็ยังมีท่านโหวคนอื่นๆ อีกไม่น้อยที่ตกอันดับ ท่านโหวเทียนหยวนก็ไม่ได้เก่งกว่าท่านโหวคนอื่นสักเท่าไร ในที่สุดตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
ผ่านไปไม่นาน จ้านหรูอี้ก็ส่งข่าวมาแล้ว ส่งข่าวมาฟ้องปี้เยว่ฮูหยิน เล่าอุบายขู่รีดเงินของเหมียวอี้ให้ฟัง ขอให้ปี้เยว่ฮูหยินทวงความยุติธรรมให้
ปี้เยว่ฮูหยินปวดหัวทันที ทหารยามที่อยู่นอกจวนแม่ทัพภาคแค่เห็นเหมียวอี้รังแกคนอื่น แต่ไม่รู้ว่าเหมียวอี้ใช้อุบายรีดไถเงินเยอะขนาดนั้น
ผ่านไปครู่เดียว ท่านโหวเทียนหยวนก็ติดต่อนางมาอีก ถามว่า : หนิวโหย่วเต๋อนั่นคิดจะทำอะไร? ลงมือทำร้ายคนในตำหนักประชุม ทำร้ายคนนอกจวนแม่ทัพภาคอีก ทั้งยังออกอุบายรีดไถเงิน อยากจะก่อกบฏเหรอ? เจ้าเตรียมจะจัดการยังไง?
ภรรยาของหัวหน้าภาคในสังกัดได้รับความไม่เป็นธรรม หัวหน้าภาคก็เลยมาหาเขา ให้เขาช่วยทวงความยุติธรรมให้
ปี้เยว่ฮูหยินถามกลับ : จะให้ลงโทษเขาให้ตายเชียวหรือ?
ท่านโหวเทียนหยวน : ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก เรื่องลอบสังหารในปีนั้นทำให้ฝ่าบาทพะวงอยู่ในใจตลอด หนิวโหย่วเต๋อขึ้นทะเบียนที่ตำหนักสวรรค์แล้ว บวกกับเรื่องการต่อสู้ของคนระดับบนก็ไม่รู้จะสงบลงเมื่อไร ถ้าลงโทษตอนนี้จนตายอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง อย่าทำให้เรื่องใหญ่โตเลย
ปี้เยว่ถามอีกว่า : ถ้าไม่ปิดปากเขา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเขาเอาเรื่องคะแนนทดสอบของข้าไปไปพูดจนทั่วขึ้นมา ข้าจะทำยังไง? เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้าเด็กนั่นยอมแลกทุกอย่างแล้ว เขาบอกว่าล่วงเกินผู้มีอำนาจหมดทั้งราชสำนักแล้ว สักวันก็ต้องตายอยู่ดี เจ้าเองก็รู้เรื่องการต่อสู้ของเบื้องบน เป็นไปได้สูงว่าฝ่าบาทจะหาโอกาสลงดาบ ถ้าตอนนี้มีข่าวเปิดโปงว่าข้าโกงการทดสอบ แล้วเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาจะทำยังไง?
ท่านโหวเทียนหยวนเหมือนจะกลุ้มใจนิดหน่อย หลังจากเงียบไปพักใหญ่ถึงได้ถามอีกว่า : เขาบอกจริงเหรอว่าเขาล่วงเกินผู้มีอำนาจหมดทั้งราชสำนักแล้ว สักวันก็ต้องตายอยู่ดี?
ปี้เยว่ฮูหยิน : ข้าต้องลหอกเจ้าด้วยเหรอ?
ท่านโหวเทียนหยวนด่าว่า : หมาบ้าที่ไม่กลัวตาย…แบบนี้ เจ้าบอกให้เขาเขาคายเงินที่ฮุบไว้ออกมา แล้วชดเชยเงินให้แต่ละบ้านนิดหน่อย แล้วค่อยให้เขาไปขอโทษทีละบ้าน ตอนนี้ทำแบบนี้ไปก่อน รอให้ช่วงเวลาที่อ่อนไหวนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยจัดการเขาอีกที
ปี้เยว่ฮูหยิน : รู้แล้ว…เออใช่ เจ้าไม่ต้องวิ่งวุ่นแล้ว ข้าไม่อยากออกจากจวนแม่ทัพภาคแล้ว
ท่านโหวเทียนหยวน : หมายความว่ายังไง?
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้าผึ่งทิ้งข้าไว้ที่ดาวเทียนหยวนหลายปีแล้ว ต่อให้เป็นก้อนหินก็มีความรู้สึกได้ พอลองกลับไปคิดดูแล้ว ข้าก็ไม่ได้จากไปเพราะเลื่อนตำแหน่งอย่างมีหน้ามีตา จำเป็นต้องตกใจเพราะตอหนามสองตอจนต้องทิ้งแม้กระทั่งบ้านเก่าของตัวเองเหรอ? ถ้าข้าจากไปจริงๆ ถึงตอนนั้นใครจะไม่รู้บ้างว่าข้าตกใจหนีไปเพราะลูกน้องตัวเอง เจ้าจะให้ข้าเอาหน้าที่ไหนไปเจอคนอื่น?
ท่านโหวเทียนหยวน : ความคิดอ่านของผู้หญิง ข้าจะขอเตือนเจ้านะ ถ้าตอนนี้เจ้าไม่ไป ถ้าจะโยกย้ายตอนหลังก็ไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะ ถึงตอนนั้นถ้าโดนจ้านหรูอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิงทรมานจนปวดหัว เจ้าก็อย่ามาบ่นกับข้าแล้วกัน
ปี้เยว่ฮูหยิน : เมื่อก่อนข้าก็กังวลจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าไม่กังวลแล้ว
ท่านโหวเทียนหยวนถามอีก : หมายความว่ายังไง?
ปี้เยว่ฮูหยิน : หนิวโหย่วเต๋อกับจ้านหรูอี้ไม่ถูกกัน เจ้าไม่รู้สึกเหรอว่าข้าอยู่ตรงกลางเพื่อคานอำนาจเป็นเรื่องดี? ลองคิดดูอีกมุมหนึ่ง ถ้ามีลูกน้องแบบจ้านหรูอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิง ไม่ว่าจะเป็นในอำนาจท้องถิ่น หรือจะเป็นในระบบตลาดสวรรค์ เวลาจะจัดการเรื่องอะไรก็สะดวกมาก
ท่านโหวเทียนหยวน : อาศัยสมองอย่างเจ้าเนี่ยนะจะคานอำนาจ เจ้าไหวรึเปล่า? อย่าไปแสดงความโง่อยู่ที่นั่นเลย รีบจบเรื่องนี้แล้วเปลี่ยนสถานที่ดีมั้ย?
ปี้เยว่ฮูหยินโมโหแล้ว : ไม่ได้ใช้เงินของเจ้า ได้จ่ายเงินของเจ้า เจ้าด่าใครว่าโง่? เจ้าเปลี่ยนใจกลับไปกลับมาจนเรื่องของหนิวโหย่วเต๋อวุ่นวายกลายเป็นแบบนี้ เจ้าว่าใครกันแน่ที่โง่กว่า?
คำพูดนี้สะกิดปมของท่านโหว ที่สำคัญเป็นเพราะโดนผู้หญิงของตัวเองดูถูก ทำลายศักดิ์ศรีของผู้ชาย ท่านโหวเทียนหยวนอับอายจนกลายเป็นความโมโหทันที : นางตัวแสบ! เจ้ากินยาผิดมารึไง หรือว่าบ้าไปแล้ว เจ้ารู้รึเปล่าว่าเจ้ากำลังพูดกับใครอยู่ เจ้าเชื่อมั้ยว่าข้าเลิกกับเจ้าได้?
ครั้งนี้ปี้เยว่ฮูหยินไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของเขาแล้ว กลับโต้ตอบอย่างฮึกเหิมว่า : เทียนหยวน ในที่สุดเจ้าก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้ว เจ้าแอบเลี้ยงผู้หญิงไว้เป็นโขยง อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ เกรงว่าคงจะอยากเลิกกับผู้หญิงแก่อย่างข้าตั้งนานแล้วน่ะสิ? ได้! เรื่องของลูกน้องข้า ข้าจะจัดการยังไงมันก็เรื่องของข้า ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าพูดมากหรอก ไม่ถึงคราวที่คนนอกระบบอย่างเจ้าจะมายุ่งเรื่องในตลาดสวรรค์ ข้าจะรอหนังสือหย่าจากเจ้าแล้วกัน!
ท่านโหวเทียนหยวน : นางตัวแสบ! เจ้าอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอย่ามาขอร้องข้านะ!
ปี้เยว่ฮูหยิน : ไสหัวไปให้ไกลแม่เท่าไรก็ยิ่งดี!
พอด่าจบก็เก็บระฆังดาราทันที ขี้คร้านจะสนใจท่านโหวเทียนหยวนอีก นางหันกลับมากำชับหลันเซียงว่า “หลันเซียง ต่อไปนี้ไม่ต้องไปสนใจไอ้เวรเทียนหยวนนั่นอีก!”
“เอ่อ…” หลันเซียงพูดไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว ฮูหยินทะเลาะกับท่านโหวอีกแล้ว
นางเดาไม่ผิด เพียงแต่การทะเลาะกันครั้งนี้ต่างจากครั้งที่ผ่านมานิดหน่อย
จู่ๆ ปี้เยว่ฮูหยินก็เร่งความเร็วในการเหาะ เพียงแต่แววตาสับสนนิดหน่อย นางอยากจะเจอลูกสาวตัวเองให้เร็วที่สุด และก็อยากเลิกกับท่านโหวเทียนหยวนให้เด็ดขาดจริงๆ จะได้ให้คำอธิบายกับลูกสาวตัวเองได้…
ดาวเทียนหยวน ตำหนักคุ้มเมือง เมื่อกลุ่มของปี้เยว่มาถึงแล้ว ทหารยามเฝ้าประตูก็ไม่กล้าขวาง ปล่อยให้เข้าไปโดยตรง
หลังจากเข้ามาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ไม่ให้ใครติดตามเข้าไปอีก แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าที่อุ้มอยู่ก็ส่งต่อให้หลันเซียงแล้ว บอกว่าอยากจะไปดูสถานที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่มาหลายปีเพียงลำพัง นางเดินวนอยู่ในตำหนักคุ้มเมืองคนเดียว
การมาเยือนของปี้เยว่ฮูหยินทำให้หยางชิ่งคาดไม่ถึงนิดหน่อย รีบติดต่อเหมียวอี้ทันที : นายท่าน แม่ทัพภาคมาแล้ว
เหมียวอี้ : ข้ารู้แล้ว
หยางชิ่ง : นายท่านกรุณาเล่าสถานการณ์ที่จวนแม่ทัพภาค ข้าน้อยจะได้รับมือทางนี้ได้สะดวก
เหมียวอี้เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟังทันที หลังจากได้ฟังแล้ว หยางชิ่งก็ค่อนข้างพูดไม่ออก ก่อนไปเหมียวอี้ก็บอกแล้วว่าต้องการจะทำเรื่องนี้ แต่เขาก็กำชับแล้วว่าถ้าจะทำ ก็ต้องทำให้ไกลๆ จวนแม่ทัพภาคหน่อย แต่นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะลงมือในตำหนักประชุม ทั้งยังยั่วโมโหให้ปี้เยว่ฮูหยินมาที่นี่ด้วย สมองมีปัญหารึไง?
ขนาดหยางชิ่งได้ฟังยังนึกกลัวย้อนหลัง แต่ทำไมปี้เยว่ฮูหยินจึงไม่ซัดเจ้าเวรนี่ให้ตายคาที่ไปเสียเลยล่ะ?
แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ พอนึกขึ้นได้ว่าเหมียวอี้เคยบอกว่าสามารถควบคุมคะแนนทดสอบของปี้เยว่ได้ เขาก็สงสัยเรื่องนี้ทันที สงสัยว่าในคะแนนทดสอบนี้จะต้องมีเรื่องบางอย่างที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้หรือเปล่า
หยางชิ่ง : นายท่านได้ให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไปคิดบัญชีกับจางฮั่นฟางและหลิ่วกุ้ยผิงหรือเปล่า?
เหมียวอี้ : บอกแล้ว แต่สงสัยจ้านหรูอี้จะต้องออกหน้าให้พวกเขาแน่เลย ข้ากังวลนิดหน่อยว่าทางตระกูลอิ๋งจะกดดันจนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หยางชิ่ง : นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย แต่นายท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ในเรื่องนี้ ตระกูลอิ๋งเองก็ไม่มีทางปล่อยให้จ้านหรูอี้ทำซี้ซั้วเหมือนกัน ถ้านายท่านจะกำเริบเสิบสานอีกสักนิด ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ถ้ากลับไปแล้วปี้เยว่ฮูหยินถามถึงเรื่องขู่รีดไถเงิน นายท่านก็จะต้องปากแข็งยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน คำพูดที่กล่าวออกมาไม่เพียงพอให้เป็นหลักฐาน ทางด้านนั้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงแค่ต้องไปจัดการอีกสองคน เขาจะต้องสร้างพยานหลักฐานเท็จให้นายท่านแน่นอน เงินที่เข้ากระเป๋าเขาไปแล้ว อย่าได้คิดเลยว่าเขาจะคายออกมาอีก
เหมียวอี้ : เขาออกไปคิดบัญชีสำเร็จรึเปล่า?
หยางชิ่ง : จางฮั่นฟางกับหลิ่วกุ้ยผิงข้าพอจะรู้จักอยู่บ้าง ทนคนที่ชอบก่อเรื่องอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ไหวหรอก พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปที่นั่น แล้วพบว่าเงินจ่ออยู่ตรงปาก ถ้าไม่ให้เขาละก็ เขาก็อาจจะฝืนแย่งมาก็ได้ สองคนนั้นทนรับไม่ไหวจะต้องให้แน่นอน หลังจากเสร็จเรื่อง เรื่องที่เกิดขึ้นทางนั้นก็จะเปิดเผยมาทางปี้เยว่ฮูหยินแน่นอน พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงเห็นนายท่านเบี้ยวเงิน เขาที่ไม่อยากคายเงินก็จะต้องเบี้ยวเงินตามเช่นกัน ถึงตอนนั้นถ้าปี้เยว่ฮูหยินไม่ลงโทษเซี่ยโห้วหลงเฉิง ก็ไม่สะดวกจะลงโทษนายท่านด้วยเช่นกัน ให้มหาเทพอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงคอยกันอยู่ข้างหน้าก็สิ้นเรื่องแล้ว
หลังจากได้ฟังแล้ว เหมียวอี้กลับแอบพึมพำว่า จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้มั้ย? แต่เขาก็ไม่บอกเรื่องระหว่างตัวเองกับปี้เยว่ฮูหยินให้หยางชิ่งรู้เช่นกัน
…………………………