พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1324 เซี่ยโห้วขวัญผวา
บทที่ 1324 เซี่ยโห้วขวัญผวา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ใช่แค่ยังไม่ออกไปไหน เมื่อวานดื่มเยอะจนเมามายกลับมา จนกระทั่งตอนนี้ยังนอนกอดสาวงามเปลือยกายสองคนอยู่เลย หลังจากได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แล้ว ก็ได้สัมผัสความรู้สึกยามเมาได้นอนหนุนตักหญิงงาม ยามตื่นได้กุมอำนาจของขุนนาง ใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์หรรษา เขามีอำนาจตัดสินใจในอาณาเขตนี้
สิ่งที่ทำให้คนพูดไม่ออกที่สุดก็คือ เวลาเขาออกไปกินดื่มและนอนกับผู้หญิงก็ไม่ยอมควักเงิน ถ้าร้านไหนกล้าเอ่ยถึงเรื่องเงินก็จะจบเห่แล้ว
ผู้หญิงที่เป็นดาวเด่นแบบเสวี่ยหลิงหลง เขาก็นอนด้วยไปหลายคนแล้ว พอเล่นเบื่อแล้วก็โยนกลับไป อย่าว่าแต่ไม่ยอมควักเงินจ่ายเลย แม้แต่รับผิดชอบก็ไม่เคยเลยสักนิด นางรำพวกนั้นโดนเขาเล่นงานจนอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา พอฝึกสาวงามคนไหนให้โด่งดังได้ ก็จะโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงเอาไปย่ำยีทันที ทั้งวงการหาดาวเด่นไม่เจอสักคน ทำให้วงการนี้หม่นมัวไม่คึกคัก
เผชิญหน้ากับคนที่ไม่ใช้เหตุผลอะไรเลย ทั้งยังทำอะไรเขาไม่ได้ พวกนางระบำทนรับไม่ไหวอีกแล้ว ขายร้านแล้วไปเติบโตอยู่ที่ตลาดสวรรค์แห่งอื่นแล้ว
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้ามีผู้หญิงที่อยู่ในกรอบประเพณีทำแบบนี้ต่อเนื่องกัน แล้วโดนคนเปิดโปงฟ้องร้องขึ้นไป เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็รับผิดชอบไม่ไหวเหมือนกัน การมีระบบขนาดใหญ่ย่อมต้องมีกฎระเบียบอยู่แล้ว ถ้าแม้แต่กฎระเบียบพื้นฐานยังไม่มี ก็จะทำให้ใต้หล้าวุ่นวายใหญ่โต ส่วนผู้หญิงพวกนั้นที่เดิมทีก็มีไว้ขายอยู่แล้ว ในด้านศีลธรรมจรรยา ผู้หญิงพวกนี้เกิดมาเพื่อเสียเปรียบ ต่อให้มีคนฟ้องร้องขึ้นไป ก็เป็นแค่เรื่องที่ต้องชดใช้เงินนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ว่าใครก็กลายเป็นจุดอ่อนที่เล่นงานเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้ ใครจะไปเอ่ยเรื่องที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเที่ยวหอนางโลมแล้วไม่จ่ายเงินในการประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์บ้างล่ะ? เรื่องเยอะโดยใช่เหตุ!
ใช่ว่าปี้เยว่จะไม่เคยได้ยินวีรกรรมของเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาก่อน แต่ขนาดปี้เยว่ยังไม่คิดเลยว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แม้แต่ถามก็ยังไม่เคยถามเลย
“ผู้บัญชาการใหญ่! ผู้บัญชาการใหญ่…”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนติดต่อกัน ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่นอนหมอบอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมา แล้วตะโกนถามว่า “มีเรื่องอะไร?”
“ผู้บัญชาการใหญ่ มีคนมอบของขวัญล้ำค่าให้” ด้านนอกมีเสียงตอบ
“มอบของขวัญล้ำค่า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้สติในชั่วพริบตาเดียว ลุกขึ้นนั่งทันที
แขนขาวดุจหยกของสาวงามข้างๆ พัวพันเข้ามาประจบสอพลอ เซี่ยโห้วหลงเฉิงยกมือขึ้นมา คว้าแขนนางโยนไปด้านข้างทั้งตัว “ไสหัวไปทางนั้น”
เรียกได้ว่าตอนเมาเป็นชายที่มีความรักใคร่ พอสร่างเมาก็เป็นชายหัวใจเหล็ก จะมีความรักความห่วงใยสักนิดได้อย่างไร มีอยู่จุดหนึ่งที่ในใจเขารู้ชัดเจน นั่นก็คือไม่ว่าจะมีสาวสวยแบบไหนมาประจบ อาศัยฐานะวงศ์ตระกูลอย่างเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะรับผู้หญิงจากหอนางโลมเข้าตระกูล ไม่อย่างนั้นจะโดนตีตายแน่นอน เอามาเล่นเฉยๆ ได้ แต่อย่าจริงจังเด็ดขาด ถ้ารักษากฎพื้นฐานได้ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรทั้งนั้น ถ้ารักษาไม่ได้ก็เท่ากับแกว่งเท้าหาเสี้ยน
เขาเก็บชุดคลุมตัวนอกออกมาคลุม แล้วเดินเท้าเปล่าออกไป พอเปิดประตูก็ถามทันทีว่า “มอบของขวัญล้ำค่าอะไร?”
ลูกน้องตอบว่า “ไม่ทราบขอรับ ผู้จัดการหูของร้านค้าตระกูลท่านโหวเทียนหยวนกำลังรออยู่นอกตำหนักคุ้มเมือง”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ “เชิญ”
“ขอรับ!” ลูกน้องเพิ่งจะหันตัวมา จู่ๆ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ตะโกนอีกว่า “ช้าก่อน เจ้ากำลังบอกว่าคนของร้านไหนนำของขวัญล้ำค่ามามอบให้นะ?” มัวคิดแต่เรื่องร่ำรวยจนเกือบลืมเรื่องสำคัญแล้ว
ลูกน้องหันตัวมากล่าวซ้ำอีกครั้ง “เป็นผู้จัดการหูร้านค้าของท่านโหวเทียนหยวนขอรับ”
“ฟื้ด…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงสูดหายใจลึกเมหือนตกตะลึง เอามือลูบคางที่เต็มไปด้วยหนวดเครา กะพริบตาที่โตเหมือนวัว แล้วโบกมือบอกว่า “บอกไปว่าข้าไม่อยู่ ข้าไปทำงานที่จวนแม่ทัพภาค ให้เขาไสหัวไป!” พูดจบก็หันตัวกลับเข้าไปในห้อง พอปิดประตูแล้ว ในห้องก็มีเสียงร้องโวยวาย “เงินของข้าล่ะ! มองอะไรของเจ้า ยังไม่มาปรนนิบัติใส่เสื้อให้ปู่คนนี้อีก!”
หลังจากทหารยามตรงประตูตำหนักคุ้มเมืองหยิบระฆังดาราขึ้นมาฟัง ก็บอกคนที่อยู่ตรงตีนบันไดว่า “ผู้จัดการหู ขออภัย ผู้บัญชาการใหญ่ไปที่จวนแม่ทัพภาคแล้ว ไม่อยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองแล้ว ข้าว่านะผู้จัดการหู เจ้ามอบของขวัญล้ำค่าอะไรกันแน่ เปิดเผยให้ดูหน่อยได้มั้ย?”
ท่านโหวเทียนหยวนกวาดสายตาเย็นเยียบมองผู้จัดการร้านซุน เหมือนกำลังถามว่า เจ้าบอกว่าอยู่ข้างในไม่ใช่เหรอ?
“…” ผู้จัดการร้านซุนที่ตาค้างอ้าปากกว้างเหงื่อออกท่วมศีรษะทันที รีบถ่ายทอดเสียงบอกท่านโหวเทียนหยวนที่กำลังทำสายตาไม่เป็นมิตรว่า “ท่านโหว ข้าน้อยไม่กล้าพุดเล่นต่อหน้าท่านโหวแน่นอน ข้าน้อยส่งคนไปเฝ้าไว้รอบๆ ตำหนักคุ้มเมืองแล้วจริงๆ ถ้าผู้บัญชาการใหญ่เซี่ยโห้วออกไปแล้วจริงๆ ไม่มีทางที่ข้าน้อยจะไม่รู้ นอกเสียจากจะขุดหลุมหนีไปเท่านั้น หรือไม่ก็ปลอมตัวออกไป”
ท่านโหวเทียนหยวนเชื่อว่าผู้จัดการร้านซุนไม่มีความกล้าที่จะหลอกเขา สายตาพลันจ้องไปที่ตำหนักคุ้มเมือง นั่นก็แสดงว่าปัญหาอยู่ข้างในแล้ว
เขาหรี่ตาทั้งคู่อย่างอดไม่ได้ ในปีนั้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นลูกน้องปี้เยว่ที่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวนตั้งหลายปี ปี้เยว่มักจะปวดหัวเพราะเซี่ยโห้วหลงเฉิงเสมอ เขาย่อมรู้ดีว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีนิสัยเป็นอย่างไร ขนาดอ้างเหตุผลว่า ‘มอบของขวัญล้ำค่า’ ยังล่อให้ออกมาไม่ได้ ถ้าไม่อยู่จริงๆ ก็แปลว่ามีปัญหาอะไรบางอย่างแล้ว
เบื้องบนให้เวลาเขาเพียงสามวัน นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันกว่าๆ แล้ว เขาเสียเวลาต่อไปไม่ไหวอีก ในดวงตาฉายแววคับแค้น พลิกมือหยิบบัตรขุนนางของตัวเองออกมา แล้วโยนไปให้ทหารยามโดยตรง พอทหารยามเห็นบัตรขุนนางสีรุ้งนี้ก็ตกใจมาก พอดูสถานะขุนนางอีกครั้งจนรู้ว่าเป็นใคร พวกเขาก็ตกใจอีกรอบ
ท่านโหวเทียนหยวนกางนิ้วทั้งห้า ดูดบัตรขุนนางกลับมาไว้ในมือ แล้วบีบคอทหารยามคนนั้นไว้ หิ้วเขาให้คอยเบิกทางให้ตลอดทาง
ทหารยามอีกคนรีบหยิบระฆังดารามาติดต่อข้างใน
“นายท่าน ท่านโหวเทียนหยวน ท่านโหวเทียนหยวนมาแล้ว!”
นอกห้องมีเสียงร้องตกใจดังอยู่พักหนึ่ง
สาวงามสองคนในห้องกำลังช่วยหวีผมให้เซี่ยโห้วหลงเฉิง พอเขาได้ยินแบบนั้นก็ผลักพวกนางไปไว้ด้านข้าง พุ่งออกไปในขระที่ผมยาวสยาย แล้วเบิกตากว้างถามว่า “อยู่ที่ไหน?”
ลูกน้องเล่าสถานการณ์ให้ฟัง
“แม่งเอ๊ย มาแล้วจริงๆ” เซี่ยโห้วหลงเฉิงพุ่งตัวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ดึงมือสาวงามสองคนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย พร้อมบอกว่า “ไป! ไปหลบในร้านของพวกเจ้า”
พอดึงพวกนางออกมาแล้วก็วิ่งไปที่ประตูหลังทันที
คนในครอบครัวเตือนเขาแล้วว่าต้องทำอย่างไร ให้เชื่อฟังปี้เยว่ที่เป็นผู้บังคับบัญชา แต่ทางที่ดีก็อย่ามีเรื่องกับท่านโหวเทียนหยวน ไม่อย่างนั้นถ้าสองสามีภรรยาคืนดีกัน คนที่ซวยก็จะเป็นเจ้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้อยากเจอท่านโหวเทียนหยวนเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องลำบากใจขนาดนี้
ท่านโหวเทียนหยวนที่ลากคอทหารยามเดินมาตลอดทางบุกเข้าตำหนักหลัง ร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดหาทั้งตำหนักคุ้มเมือง ทำให้พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติทันที แม้แต่บทสนทนาระหว่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับสองสาวงาม เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน จึงถลันตัวเหาะไปทันที มาขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กำลังหลบหนีแล้ว กำลังยืนหันหลังให้และเก็บหนังปลอมบนใบหน้า
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่หยุดอย่างกะทันหันผลักผู้หญิงสองคนไว้ข้างหน้า ส่วนตัวเองก็หดหัวหลบอยู่ข้างหลัง เป็นภาพที่ตลกขบขันยิ่งนัก
ท่านโหวเทียนหยวนหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นเยียบ พอโบกมือหนึ่งครั้ง สาวงามสองคนที่กำลังตื่นตระหนกก็ไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ำ มีเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งพร้อมเศษเลือดเนื้อที่ปลิวกระจาย เศษเนื้อหนังตกลงบนใบหน้าและร่างกายของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ทำเอาเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีเศษเนื้อเศษเลือดปนกันมั่วไปหมด
ท่านโหวเทียนหยวนเดินเหยียบเลือดเนื้อเข้ามาทีละก้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาโมโหแล้วจริงๆ!
เซี่ยโห้วหลงเฉิงราวกับเห็นผี เดินถอยหลังทีละก้าว พร้อมทั้งโบกมือสองข้า “ท่านโหว! ท่านบุกเข้ามาที่ตำหนักคุ้มเมืองได้ยังไง” เขาเองก็ตกใจแล้วจริงๆ
ท่านโหวเทียนหยวนตอบเสียงเย็นว่า “บุกเหรอ? ข้าเผยตัวตนเดินมาตลอดทาง ไม่เห็นมีใครขวางสักคน ทำไมปากเจ้าถึงบอกว่าข้าบุกได้ล่ะ? ข้าเห็นผู้หญิงสองคนนี้ทำให้เจ้าตกใจจนปล่อยผมสยายวิ่งหนีไปทั่ว ก็เลยจะมาลงมือช่วยแก้ปัญหาสักหน่อย หรือว่าเจ้าจะไม่รับไมตรีนี้? ทำไมล่ะ หรือว่าคิดจะลงมือกับข้าอีก?” ขณะที่พูดก็กวาดตามองทหารยามที่อยู่รอบข้างด้วยสายตาเย็นชาดุดัน
เซี่ยโห้วหลงเฉิงมองซ้ายมองขวา แล้วรีบโบกมือบอกว่า “ถอยไป ถอยไป!”
ต่อให้เขาจะโง่กว่านี้แต่ก็รู้เช่นกัน ว่าถ้าหากท่านโหวเทียนหยวนจะลงมือกับตนจริงๆ คนพวกนี้ก็ปกป้องเขาไม่ได้เลย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงถอยไปอยู่บนภูเขาจำลอง แผ่นหลังติดผนังแล้ว ถอยจนไม่มีทางให้ถอยแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนเลือดพยายามเจียดรอยยิ้ม “ท่านโหว ท่านมาได้ยังไง?”
ท่านโหวเทียนหยวนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นนิ้วมาเขี่ยเศษเนื้อชิ้นหนึ่งบนใบหน้าเขาออก ทั้งยังแกว่งเศษเนื้อที่ยังอุ่นๆ ชิ้นนั้นตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วย “ทำไมต้องทำให้ตัวเองสะบักสะบอมขนาดนี้? ว่ามาเถอะ เจ้าหลบข้าทำไม?” พูดจบก็ดีดนิ้ว เศษเนื้อเด้งไปติดบนจมูกเซี่ยโห้วหลงเฉิงอีกครั้ง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงจ้องปลายจมูกตัวเอง ดวงตาเหล่เล็กน้อย ตอนนี้ถึงได้รู้แล้ว รีบใช้สองมือเช็ดใบหน้าตัวเอง “อุ…” เขาอมลมในกระพุ้งแก้ม ยอดหญิงงามสองคนที่เมื่อคืนยังเคล้าเคลียอยู่กับเขา ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นเศษเนื้ออยู่บนร่างกายเขาแล้ว ทำให้เขาสะอิดสะเอียนจนแทบจะอ้วกออกมา
เขาเอามือทาบอก พยายามฝืนทนไม่ให้อาเจียนออกมา พลางพูดจาเหลวไหลแบบตาไม่กะพริบ “ไม่ได้หลบเสียหน่อย!”
ท่านโหวเทียนหยวนยกมือขึ้นตรงหน้าเขา คลึงขยี้รอยเลือดตรงปลายนิ้ว พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “ถ้าปี้เยว่ให้เจ้าหลบข้า พวกเราก็เจรจากันดีๆ ได้ ดูก่อนว่าเจ้าชอบของที่อยู่ข้างในนี้รึเปล่า” พอเขากระดกนิ้ว กำไลเก็บสมบัติที่ห้อยอยู่บนปลายนิ้วที่เปื้อนเลือดก็ส่งไปตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงร่ำร้องในใจ ‘ทางท่านโหวเทียนหยวนอาจจะใช้เงินทองจำนวนมากมาซื้อเจ้า’ สงสัยคนในครอบครัวตัวเองจะพูดถูกแล้ว แต่สิ่งที่คนในบ้านไม่ได้คาดการณ์ไว้ก็คือ ท่านโหวเทียนหยวนมาเยือนด้วยตัวเองแล้ว แรงกดดันนี้ใหญ่เกินไปหน่อย!
เขาเองก็อยากจะรับไว้ แต่คนในบ้านลั่นวาจาออกมาแล้ว ต่อให้เขาใจกล้ากว่านี้หมื่นเท่าแต่ก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วอยู่ดี จึงตอบด้วยสีหน้าลังเลสับสนว่า “ท่านโหว ข้ารู้ว่าท่านหมายความว่ายังไง ไม่ต้องดูของสิ่งนี้แล้วล่ะ ข้าไม่ชอบแน่นอน ต่อให้ท่านมอบเหมืองผลึกแดงให้ข้าหนึ่งแห่ง ข้าก็ไม่สนใจอยู่ดี”
พอพูดหยั่งเชิงมาแบบนี้ ท่านโหวเทียนหยวนก็เข้าใจแล้ว ที่เขาดึงดันจะบุกเข้ามาในนี้ ก็เพราะอยากจะเห็นว่าสาเหตุเกิดมาจากปี้เยว่หรือไม่ เพราะเขาไม่เชื่อว่าปี้เยว่จะมีสมองทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะคาดคะเนได้และถือโอกาสตัดทางหนีทีไล่เขาไว้ล่วงหน้า ตอนนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่แม้แต่จะดูของข้างในด้วยซ้ำ เขาเข้าใจแล้วว่าใครเป็นคนลงมือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปี้เยว่ เขาถึงขั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นแผนของตระกูลเซี่ยโห้ว
เขาพลิกมือเก็บกำไลเก็บสมบัติ แล้วแสยะยิ้มบอกว่า “กลับไปบอกคนในบ้านเจ้าด้วยนะ ว่าข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ ถ้ามีโอกาสจะต้องเอาคืนแน่นอน” พูดจบก็หันตัวเดินจากไป ไม่ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงลำบากใจอีก
สำหรับเขา ครั้งนี้ถือว่าแพ้อย่างยุติธรรม เพราะตระกูลเซี่ยโหว้ที่อยู่เบื้องหลังลงมือเองแล้ว ถ้ากลับไปรายงานเบื้องบนแบบนี้ ก็ไม่ถือว่าตัวเองเสียหน้าเหมือนกัน นับว่าหาบันไดลงให้ตัวเองได้แล้ว
“ท่านโหว กลับดีๆ นะ ส่งตรงนี้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือกล่าว
รอจนกระทั่งเบื้องล่างรายงานขึ้นมา แน่ใจว่าท่านโหวเทียนหยวนไปแล้ว เขาถึงได้หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อคนในตระกูล แล้วเล่าสถานการณ์ให้ฟังรอบหนึ่ง
บิดาของเขากล่าวว่า : ท่านโหวเล็กๆ คนเดียวก็กล้ามาขู่ตระกูลเซี่ยโห้วของเราเหรอ ท่านโหวที่ตระกูลเราบีบคอตายไปก็มีเจ็ดแปดคนแล้ว เป็นตัวอะไรกัน ไม่ต้องสนใจเขา!
เทียนหยวนที่เหาะเพียงลำพังอยู่บนฟ้าก็หยิบระฆังดาราติดต่อเทพประจำดาวคนฉลูเช่นัน เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ แล้วสุดท้ายก็กล่าวสรุป ว่าเรื่องนี้ตระกูลเซี่ยโห้วเป็นคนลงมือ
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซี่ยโห้วลงมือหรือไม่ เพื่อหน้าตาศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาจึงผลักเรื่องนี้ไปให้เซี่ยโห้วแล้ว ต้องการลดผลกระทบไม่ดีที่จะเกิดกับตัวเอง ประการต่อมาเป็นเพราะในใจเขาโมโหที่ตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ สามารถพูดได้ว่าถือโอกาสล้างแค้น ให้เบื้องบนได้รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วอยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา
เทพประจำดาวคนฉลูตอบว่า : ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สมกับเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ ลงมือได้อย่างไม่ธรรมดา พอได้ลงมือก็ตัดขาดทางหนีทีไล่ของเจ้าเลย โชคดีที่เบื้องบนไม่ได้บุ่มบ่ามลงมือ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะเสียหน้าแย่ ช่างเถอะ ครั้งนี้คิดเสียว่าให้เจ้าไปหยั่งเชิงจนไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าจะบอกเบื้องบนให้ เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของวังสวรรค์แล้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดจะเคลื่อนไหวอะไร ทางเจ้ารีบถือโอกาสวางมือแต่เนิ่นๆ อย่าทำให้เรื่องราวใหญ่โตในช่วงเวลานี้ ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีกับทุกคน
ท่านโหวเทียนหยวน : ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว
…………………………