พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1325 อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบ
เซี่ยโห้วหลงเฉิงประสบกับเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รายงานปี้เยว่ หรือเรียกได้ว่าติดต่อมาฟ้อง ทำให้ท่านโหวเทียนหยวนตกใจจนแทบจะปัสสาวะราดกางเกง
ที่เรือนด้านในของจวนแม่ทัพภาคตงหัว ปี้เยว่เก็บระฆังดาราแล้ว นางเม้มริมฝีปากกลั้นขำ พอหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ ก็หัวเราะจนร่างงามสั่นเทิ้มทันที
สามารถทำให้เทียนหยวนยอมแพ้แบบนี้ได้ ถือเป็นเรื่องที่สะใจมากสำหรับนาง ดีจัง ในใจยิ่งรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นให้ผ่อนคลาย
ผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว นางใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของเทียนหยวนมาตลอด นอกจากการปะทะฝีปากกันระหว่างสามีภรรยา นางก็ไม่กล้าต่อต้านอะไรทั้งนั้น อยู่โดดเดี่ยวเดียวดายมาหลายปีก็ยังไม่กล้ามีชู้ ประการแรกเป็นนางต้องพึ่งพาเทียนหยวน ประการต่อมาอาจจะเป็นเพราะนางกลัวเทียนหยวน นางจะเคยคิดได้อย่างไรว่าตัวเองจะจัดการเทียนหยวนได้ ในใจนางรู้สึกถึงอกถึงใจมาก
ไม่ง่ายเลยกว่าจะหยุดหัวเราะได้ นิ้วเรียวงามเคาะบนโต๊ะน้ำชาเบาๆ จากนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความอัศจรรย์ใจ
ในปีนั้นเทียนหยวนบอกไว้แล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นคนมีความสามารถ วันนี้นับว่านางยอมรับจากใจแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคาดเดาได้แม้กระทั่งว่าเทียนหยวนจะไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิง ทำให้นางเตรียมการได้ทันเวลา อุดทางหนีทีไล่ของเทียนหยวนไว้ได้ ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ตอนนี้นางยิ่งเชื่อว่าเวลาเหมียวอี้ก่อเรื่องที่ตลาดสวรรค์เมื่อก่อน ล้วนเป็นสิ่งที่วางแผนเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่ก่อเรื่องใหญ่โตติดต่อกันแบบนั้นจะอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?
ทว่าในคืนนั้นนางดีใจไม่ออกแล้ว
ภายใต้แสงจันทร์ ท่านโหวเทียนหยวนบุกเข้ามาในจวนแม่ทัพภาคเพียงลำพัง ฮูหยินของเขาอยู่ที่นี่ ที่นี่นับว่าเป็นบ้านของเขาเช่นกัน ใครจะกล้าขวางเขาไว้ล่ะ
เทียนหยวนมุ่งตรงมาที่ลานบ้านด้านหลัง พอสามีภรรยาพบหน้ากัน ปี้เยว่ก็ถูกกดดันประชิดเข้ามาจนก้าวถอยหลัง นางถูกเทียนหยวนดึงเข้ามาในอ้อมกอดทันที แล้วลากนางเข้าไปในบ้านโดยตรง ฉีกถอดเสื้อผ้าของปี้เยว่ออกจนหมด แล้วทำ ‘หน้าที่เดิม’ ของเขาอย่างบ้าระห่ำ ภายนอกเสียเปรียบแล้ว แต่ตอนนี้กลับใช้วิธีการของเพศผู้เพื่อเอาชนะ
ปี้เยว่อยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา กับเรื่องแบบนี้ ตามหลักเหตุผลแล้วไม่มีใครตำหนิอะไรเทียนหยวนได้ คนในจวนแม่ทัพภาคกลับหลบเลี่ยงไปพร้อมกัน…
ผ่านไปไม่นาน การตรวจสอบตรงประตูดวงดาวรอบๆ จวนแม่ทัพภาคตงหัวก็คลายคามเข้มงวดแล้ว ฝั่งปี้เยว่ก็ยกเลิกคำสั่งห้ามที่ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งแล้วเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าสัญจรไปมาเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแบบเดิมแล้ว
“เทียนหยวนประนีประนอมได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงกำลังเดินอยู่ระหว่างชั้นหนังสือลับที่มีจำนวนมากราวกับทะเลหมอก พร้อมเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่ติดตามอยู่ข้างหลังตอบว่า “ใช่ขอรับ เทียนหยวนไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ตำหนักคุ้มเมืองดาวอวี้หลัวด้วยตัวเอง เมื่อไม่บรรลุจุดประสงค์ ตอนหลังก็ไปลากปี้เยว่เข้าห้องที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวอีก เหมือนกำลังล้างแค้น จากนั้นเทียนหยวนก็ยอมถอยให้แล้ว ปี้เยว่ก็วางมือเช่นกัน ครั้งนี้นับว่าเทียนหยวนโดนฮูหยินของตัวเองทำให้เสียหน้าจนหมดสิ้น แต่เบื้องล่างก็ได้ข่าวมาอีก บอกว่าการที่ปี้เยว่ทำสำเร็จครั้งนี้ ที่จริงเป็นเพราะตระกูลเซี่ยโห้วที่ออกความคิดอยู่เบื้องหลัง”
ประมุขชิงหยุดเดินแล้วหยิบม้วนหนังสือโบราณมาไว้ในมือ กางออกตรวจอ่านพร้อมถามว่า “ไม่ใช่ว่าเทียนหยวนตบปี้เยว่จนปี้เยว่โต้กลับด้วยความโมโหเชียวหรอกเหรอ?”
“เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจขอรับ แม้แต่คนข้างกายปี้เยว่ก็ยังไม่รู้เลย เกรงว่าเรื่องนี้คงจะมีแค่ปี้เยว่กับตระกูลเซี่ยโห้วรู้ชัดที่สุด” ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบ
สมาธิของประมุขชิงจดจ่ออยู่ที่ของในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ให้ราชินีสวรรค์มาพบข้าหน่อย”
ผ่านไปไม่นาน นอกตำหนักดาราจักร ผู้ติดตามรออยู่ข้างนอก ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ถูกเรียกพบก้าวเข้ามาในตำหนักเพียงลำพัง ซือหม่าเวิ่นเทียนที่รออยู่ตรงประตูทำความเคารพ “พระนาง!” จากนั้นยื่นมือเชิญทันที เชิญให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตามเขามา
ทั้งสองเดินตามกันอยู่ระหว่างชั้นหนังสือที่มีมากมายราวกับทะเลหมอก พอเจอประมุขชิงที่กำลังตรวจอ่านม้วนหนังสือโบราณอย่างจริงจัง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ย่อเข่าข้างเดียวคำนับ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง “ฝ่าบาท!”
“อืม!” ประมุขชิงที่หันข้างให้ยกมือเบาๆ บอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี
จากนั้นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า ลงมือจัดม้วนหนังสือโบราณตรงหน้าประมุขชิงที่เดิมทีก็เรียบร้อยอยู่แล้วด้วยตัวเอง
ประมุขชิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เพียงถามเสียงเรียบว่า “เฉิงอวี่ ได้ยินเรื่องระหว่างสามีภรรยาของเทียนหยวนมาแล้วหรือยัง?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนเหลือบตาขึ้นสังเกตปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เงียบๆ นางยิ้มบางๆ พร้อมตอบว่า “ตลาดสวรรค์เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้น หม่อมฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรเพคะ ได้ยินว่าสองคนนั้นต่างคนต่างถอยคนละก้าวแล้ว การค้าขายของตลาดสวรรค์กลับมาเป็นปกติแล้ว”
ประมุขชิงค่อยๆ ม้วนเก็บม้วนหนังสือโบราณวางกลับไปบนชั้นหนังสือ แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ ขณะที่ตรวจดูของบนชั้นหนังสือ เขาก็กล่าวว่า “ข้างล่างมีข่าวลือมา ว่าสาเหตุที่ปี้เยว่ได้เปรียบในครั้งนี้ ทำให้เทียนหยวนผิดหวังหมดอาลัยตายอยากได้ ก็เป็นเพราะตระกูลของเจ้าออกความคิดอยู่เบื้องหลัง?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จัดม้วนหนังสือโบราณที่เขาวางลงอีกครั้ง แล้วเดินพูดอยู่ข้างหลังด้วยรอยยิ้ม “ข่าวนี้หม่อมฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้วจริงๆ เพคะ หม่อมฉันตั้งใจไปถามมาแล้ว ที่จริงปี้เยว่ติดต่อกับร้านค้าของตระกูลเซี่ยโห้ตั้งแต่ตอนที่นางลงมือแล้ว นางให้ผู้จัดการร้านส่งข่าวให้ตระกูลเซี่ยโห้ว ให้ตระกูลเซี่ยโห้วเตรียมป้องกันไม่ให้เทียนหยวนมาลงมือกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง หม่อมฉันได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ปรับปรุงตลาดสวรรค์ ตระกูลเซี่ยโห้วย่อมไม่มีทางต่อต้านฝ่าบาทอยู่แล้ว ถึงได้เตือนเซี่ยโห้วหลงเฉิงอย่างเข้มงวด แต่ใครจะคิดว่าจะเป็นอย่างที่ปี้เยว่คาดไว้จริงๆ เทียนหยวนเสียเปรียบเพราะปี้เยว่ เลยจะมาลงมือกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริงๆ ด้วย แต่มีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว เทียนหยวนย่อมทำไม่สำเร็จ หม่อมฉันรับรองต่อฝ่าบาทได้เลยว่าตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ออกความคิดใดๆ ให้ปี้เยว่เลย ตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องนี้ ล้วนเป็นปี้เยว่ที่ประลองกับเทียนหยวนอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่พลิกไปพลิกมา ขนาดตระกูลเซี่ยโห้วเองก็ยังถูกนางเรียกใช้งานแล้ว”
“อ้อ! เหอะๆ…” ประมุขชิงหยุดเดินแล้วหันตัวมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเริ่มหัวเราะแล้ว เขาหันกลับมาหาซือหม่าเวิ่นเทียนอีก แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ผ้าประดับศีรษะไม่ยอมหลีกให้หนวดเคราจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเทียนหยวนจะแพ้ให้กับฮูหยินของตัวเองแล้ว! ยามปกติปี้เยว่ไม่เคยแสดงความสามารถเลย ครั้งนี้โดนเทียนหยวนตบ สงสัยจะโมโหแล้วจริงๆ นางแค่ไม่ลงมือเท่านั้น พอลงมือขึ้นมาก็ไม่ธรรมดาเลย มองทะลุแผนการทั้งยังบีบจนเทียนหยวนเสียหน้า โจมตีจนเทียนหยวนหมดความสามารถจะรับมือ ไม่ธรรมดนะ! เฉิงอวี่ ในมือเจ้ามียอดฝีมือโผล่มาคนหนึ่งแล้วนะ!”
“ปี้เยว่แสดงความสามารถอย่างน่าทึ่งจริงๆ แต่ท่านโหวเทียนหยวนก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน หลานเซี่ยโห้วหลงเฉิงส่งข่าวกลับมาที่บ้าน บอกว่าเทียนหยวนฝากให้เขาไปบอกตระกูลเซี่ยโห้ว ว่าบัญชีแค้นนี้เขาจะมาทวงคืนกับตระกูลเซี่ยโห้ว ตอนนี้ข้างนอกมีข่าวลือว่านี่เป็นแผนของตระกูลเซี่ยโห้ว เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของเทียนหยวน เขาสูญเสียการควบคุมที่ตลาดสวรรค์แทบหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่เมียก็ไม่ยืนยู่ข้างเขา เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเสี้ยมให้กลุ่มขุนนางต่อต้านเรื่องปรับปรุงตลาดสวรรค์ จะได้บรรลุเป้าหมายที่บอกใครไม่ได้ของเขาได้สะดวก” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถือโอกาสแทงเทียนหยวนหนึ่งดาบ เทียนหยวนวางกับดักตระกูลเซี่ยโห้วได้ เมื่อตระกูลเซี่ยโห้วได้โอกาสก็ย่อมต้องให้บทเรียน
เป็นอย่างที่คาดไว้ ประมุขชิงได้ยินแล้วดวงตาฉายแววเย็นเยียบ จะบอกว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กำลังฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งก็ไม่ได้ เพราะการกระทำแบบนี้ของเทียนหยวน เดิมทีก็เพื่อควบคุมตลาดสวรรค์อยู่แล้ว ต่อให้เป็นคนตาบอดก็มองออก ที่จริงมีขุนนางในราชสำนักคนไหนบ้างที่ไม่อยากควบคุมตลาดสวรรค์ เพียงแต่ครั้งนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฟ้องเรื่องเทียนหยวนให้ดูใหญ่โตต่อหน้าประมุขชิงก็เท่านั้นเอง ปั้นเทียนหยวนให้กลายเป็นกองหน้าในการต่อต้าน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อยู่ข้างกายประมุขชิงมานานขนาดนี้ นางเข้าใจดีที่สุดว่าประมุขชิงไม่ชอบอะไร คนที่อยู่ในระดับอย่างประมุขชิง สิ่งที่รังเกียจที่สุดก็คือการที่มีคนมาท้าทายอำนาจบารมีของเขา
เห็นเพียงประมุขชิงทำเสียงฮึดฮัด “เอาชนะเมียตัวเองไม่ได้ รู้จักแต่แอบใช้อุบายตื้นๆ สิ่งของไร้ประโยชน์!”
ในขณะนี้เอง อีกฝั่งหนึ่งของชั้นหนังสือก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัว เป็นทูตตรวจการฝ่ายขวาเกาก้วน เมื่อเห็นประมุขชิงอยู่ที่นี่ เขาก็รีบก้าวเข้ามาคำนับ
“ค้นหาเจอรึยัง?” ประมุขชิงถาม
เกาก้วนใช้สองมือมอบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งให้ “ค้นหาเจอแล้วขอรับ ผลงานทดสอบที่ปี้เยว่ได้อันดับเก้ามีเพียงส่วนน้อยที่ซ้ำกับบริเวณอื่น จุดที่สำรวจส่วนใหญ่แตกต่างกับของคนหมู่มาก น่าจะไม่ใช่การโกงขอรับ”
“อ้อ!” ประมุขชิงยื่นมือไปหยิบแผ่นหยกมาตรวจดู ขณะที่ดูก็พยักหน้าเบาๆ “แม้แต่อาณาเขตที่สำรวจก็ครบถ้วนสมบูรณ์มาก ไม่ใช่เก็บรวบรวมมาทีละนิดละหน่อย ดูท่าแล้วคงจะไปเสี่ยงอันตรายที่นรกมาแล้วจริงๆ ดูจากสิ่งนี้ก็รู้แล้วว่าปี้เยว่มีความสามารถและความกล้าหาญอยู่บ้างจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นปี้เยว่ที่พลิกเมฆคว่ำฝนเองกับมือ เฉิงอวี่ การตบฉาดนั้นของเทียนหยวนมันช่างดีจริงๆ เป็นการมอบไม้ชั้นดีมาให้เจ้าแล้ว ดูแลนางให้ดีหน่อยนะ”
“หม่อฉันเข้าใจแล้วเพคะ” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบพร้อมรอยยิ้ม
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆ แววตาวูบไหวเล็กน้อย ที่มาที่ไปของคะแนนการทดสอบของปี้เยว่ เขาเคยรายงานประมุขชิงไปแล้ว ไม่รู้ว่าการที่ประมุขชิงให้เกาก้วนตรวจสอบอีกหมายความว่าอย่างไร แต่มีอย่างหนึ่งที่เขารู้อยู่แก่ใจ นั่นก็คือมีเรื่องบางเรื่องที่ประมุขชิงให้เพียงฝั่งซือหม่าเวิ่นเทียนไปทำเท่านั้น ไม่ให้เกาก้วนรู้ แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องที่ให้แค่เกาก้วนทำ ไม่ให้ซือหม่าเวิ่นเทียนรู้เช่นกัน
ประมุขชิงคืนแผ่นหยกให้เกาก้วน แล้วบอกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อีกว่า “คืนนี้ข้าจะค้างที่ตำหนักนารีสวรรค์”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ยินแล้วดีใจ “เพคะ! ถ้าฝ่าบาทไม่มีอย่างอื่นจะกำชับแล้ว หม่อมฉันก็ขออนุญาตกลับไปเตรียมตัว” นางต้องกลับไปอาบน้ำหวีผมดีๆ สักหน่อย
ประมุขชิงโบกมือ รอจนกระทั่งเกาก้วนออกไปแล้ว ก็เหลือแค่ซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกาย ประมุขชิงบอกอีกว่า “ทางจวนแม่ทัพภาคตงหัวฮวงจุ้ยดี เกิดไม้ชั้นดีขึ้นต่อเนื่องกัน เจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตั้งใจเอ่ยถึงหนิวโหย่วเต๋อผู้ต่ำต้อยอีกแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนเข้าใจในทันที เข้าใจสาเหตุที่ประมุขชิงให้เกาก้วนไปสืบผลงานของปี้เยว่แล้ว นี่ไม่ใช่การพุ่งเป้าไปที่ปี้เยว่ เขาตอบว่า “ส่งสายลับไปแล้วขอรับ ถ้ามีโอกาสเหมาะสมก็จับยัดเข้าไปข้างกายหนิวโหย่วเต๋อได้”
เขาชำนาญเรื่องประเภทนี้ และเป็นสิ่งที่อยู่ในหน้าที่ด้วย คนที่ประมุขชิงสนใจ เขาก็ต้องสนใจเช่นกัน ไม่ใช่ว่าทุกคนที่แสดงผลงานได้ดีแล้วประมุขชิงจะใช้งานได้ อย่างแรกเลยคือต้องสืบประวัติเบื้องลึกให้ชัดเจนก่อน หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาจริงๆ ถึงจะจัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่จะชุบเลี้ยงได้…
เรื่องที่เทียนหยวนกับภรรยางัดข้อกัน สะเทือนไปถึงคนที่ตำหนักสวรรค์จำนวนไม่น้อย ทว่าเหมียวอี้ทำตามคำแนะนำของหยางชิ่ง ซ่อนตัวอยู่หลังม่านตลอด คอยกระตุ้นยั่วยุเรื่องราวทั้งหมด แต่กลับไม่ดึงดูดความสนใจของใครเลยตั้งแต่ต้นจบจบ ทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ห่างจากคลื่นลม ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
จากนั้นสี่อ๋องสวรรค์กับจอมพลทั้งสิบเอ็ดคนก็กลับมาจากแดนสุขาวดีได้อย่างราบรื่น เรื่องน่ากังวลทุกอย่างที่ตำหนักสวรรค์เงียบสงบลงแล้ว เรื่องราวที่คาดเดาได้ยากก็ถูกกดเอาไว้เช่นกัน ตราบใดที่เบื้องบนไม่วุ่นวาย เรื่องของเบื้องล่างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำให้ทุกคนที่รู้สึกตึงเครียดโล่งใจแล้วเช่นกัน
เหมือนจะไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่พยานโดนผู้ร้ายฆ่าล้างเลือดอีก จำนวนคนที่ตรวจสอบอยู่ตามประตูดวงดาวแต่ละแห่งก็เริ่มลดลงโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน จนกระทั่งหายไปอย่างเงียบๆ เรื่องบางเรื่องผ่านไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆ
แต่ที่ประตูของตำหนักคุ้มเมืองในตอนนี้กลับมีแขกที่มาไม่บ่อยปรากฏตัว หลังจากแขกถูกพาเข้ามาในตำหนักคุ้มเมืองแล้ว เหมียวอี้ก็กันทุกคนออกไป แล้วพาแขกเข้ามาในห้องสมาธิของตัวเอง
เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว ชายรูปร่างกำยำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ก็ดึงหนังปลอมบนใบหน้าออก เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เป็นเยียนเป่ยหงนั่นเอง
เหมียวอี้ยิ้มอย่างรู้ใจ “พี่ใหญ่เยียน หลายปีมานี้ท่านไปไหนมากันแน่ น้องชายติดต่อไปบ่อยทำไมท่านไม่สนใจเลย?”
รอยยิ้มของเยียนเป่ยหงยังคงเปิดเผยและองอาจผึ่งผาย หัวเราะเสียงดังแล้วบอกว่า “ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แค่ไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากให้เจ้า”
“พี่ใหญ่เยียนพูดแบบนี้ได้ยังไง ให้หาที่พักให้พี่ใหญ่เยียนก็ยังไม่มีปัญหาเลย แค่ยกมือก็จัดการได้แล้ว จะบอกยุ่งยากได้ยังไง” เหมียวอี้กล่าว
เยียนเป่ยหงโบกมือบอกว่า “เรื่องบางเรื่องพูดมากตอนนี้ก็ไม่ดี ในภายหลังน้องชายจะเข้าใจเอง”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ เหมียวอี้ก็ไม่ถามอะไรมากอีก ในปีนั้นที่มาถึงพิภพใหญ่ เขาก็เคยเชิญให้เยียนเป่ยหงมาทำงานข้างกายตัวเองแล้ว ตอนนี้ก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “มาเยี่ยมกันบ่อยๆ ก็ได้อยู่แล้วมั้ง?”
เยียนเป่ยหงตอบว่า “ทีแรกก็ว่าจะมาตั้งนานแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ จะมีการตรวจค้นตามประตูดวงดาวแต่ละแห่ง ก็เลยต้องอดทนเอาไว้ก่อน รอให้เลิกตรวจแล้วก็มาหาเจ้าทันทีเลย”
“ท่านไม่ใช่ผู้ร้ายเสียหน่อย ถึงยังไงพวกเขาก็ตรวจค้นพอเป็นพิธีเฉยๆ อยู่แล้ว ท่านผ่านไปผ่านมาตามปกติจะมีอะไรน่ากลัว?” เหมียวอี้แปลกใจ
“นี่คือสาเหตุที่ข้ามาหาเจ้าไง” เยียนเป่ยหงถอนหายใจ
…………………………