พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1367 เปิดโปง
ถ้าจะบอกว่าสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ก็เป็นเพียงคำบรรยายเท่านั้น ที่จริงแล้วผู้ชายสี่คนนี้หน้าตาดี บางคนก็รูปงามแบบที่หาพบได้ยาก บางคนก็สวยกว่าสตรี บางคนก็ใบหน้าหล่อเข้มอาจหาญ หรือไม่ก็มีสง่าราศีความหล่อราวกับแสงอาทิตย์ ทั้งสี่สวมเครื่องแต่งกายต่างกัน ช่วยขับดุนคุณสมบัติประจำตัวของแต่ละคนให้เด่นออกมาพอดี ถ้าจะให้พูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งสี่ล้วนเป็นชายงามที่อยู่เหนือชายงาม
สวีถังหรานถึงขั้นสงสัยว่าคนที่หน้าตาสวยที่สุดในบรรดาพวกเขาเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะมีลักษณะเฉพาะที่บอกความเป็นเพศชายชัดเจน ก็จะทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ
หน้าตาดีก็ส่วนหน้าตาดี ชายงามทั้งสี่มองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาดูตื่นเต้นกังวลเล็กน้อย
“เจ้าไปเอาสินค้าหายากแบบนี้มาจากไหน?” สวีถังหรานกำลังจ้องประเมินทั้งสี่คน แต่ปากกลับถ่ายทอดเสียงถามหวงเสี้ยวเทียน
หวงเสี้ยวเทียนตอบว่า “นายท่าน ท่านมาตรฐานสูงเกินไปแล้ว ต้องการให้หน้าตาดี ทั้งยังร้องเพลงได้เต้นได้ ถ้าอยากจะหารวบรวมมาให้ได้ภายในเวลาอันสั้นก็ยากเกินกำลังเหมือนกัน ต้องใช้เวลาสืบหาสักหน่อยสิ ไม่มีทางรวบรวมมาได้สี่คนภายในเวลาสั้นๆ หรอก ถึงแม้จะไม่ใช่สินค้าคุณภาพดีอะไร แต่ท่านก็ใช้งานแก้ขัดไปก่อนแล้วกัน”
มารดาเจ้าเถอะ หน้าตาดีขนาดนี้แล้ว ยังไม่ใช่สินค้าคุณภาพดีอีกเหรอ? สวีถังหรานถามว่า “หรือว่ามีปัญหาอะไร?”
หวงเสี้ยวเทียนตอบว่า “ข้าเองก็หมดหนทางแลว้จริงๆ ในตลาดมืดมีปีศาจเฒ่าคนหนึ่งที่มีรสนิยมชายรักชาย ตามเสาะหายอดชายงามจากทุกที่เพื่อมาฝึกสอนไว้ใช้งานโดยเฉพาะ นี่คือของส่วนตัวของเขา อยากจะซื้อหรือขอยืมนั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าก็เลยฉวยโอกาสตอนที่สี่คนนี้ออกมาเที่ยวเล่น จ้างคนไปจับตัวมา ท่านไม่ต้องห่วง ช่วยท่านทำให้ชายสี่คนนี้เชื่องเรียบร้อยแล้ว วรยุทธ์ก็ไม่เท่าไร ถ้าสั่งให้ไปทางตะวันออก ก็จะไม่ไปทางตะวันตกแน่นอน”
“ปีศาจเฒ่าที่เจ้าพูดถึงเป็นหญิงหรือชาย” สวีถังหรานสงสัย
หวงเสี้ยวเทียน “ถ้าเป็นหญิงจะนับว่ามีรสนิยมชายรักชายได้ยังไง ก็ต้องเป็นชายอยู่แล้ว”
สวีถังหรานตกตะลึง “ชายสี่คนนี้นอนกับผู้ชายเหรอ?”
หวงเสี้ยวเทียนตอบว่า “แน่นอน!แต่ท่านไม่ต้องห่วง ข้าช่วยตรวจสอบให้ท่านแล้ว คนยังเป็นปกติอยู่ เรื่องปรนนิบัติผู้หญิงนั้นไม่มีปัญหา”
“…” สวีถังหรานมีอาการคลื่นเหียนอยู่พักหนึ่ง แทบจะอาเจียนออกมา น่าเสียดายรูปลักษณ์ภายนอกอันงดงามของทั้งสี่คน อดทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบโบกมือเก็บชายงามทั้งสี่เข้าในกระเป๋าสัตว์ แล้วหันตัวจากไปทันที “วันหลังค่อยติดต่อกันอีก”
“นายท่าน!” หวงเสี้ยวเทียนกลับไม่รีบ ดึงแขนเขาเอาไว้
สวีถังหรานหันกลับมาถาม “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
หวงเสี้ยวเทียนหัวเราะแห้งๆ “คืออย่างนี้นะ ตอนนี้ท่านเทียบกับตอนอยู่ที่ตลาดสวรรค์ไม่ได้แล้ว ตอนอยู่ที่ตลาดสวรรค์ท่านไม่สะดวกจะพากำลังพลเพ่นพ่านไปทั่ว ศักยภาพมีจำกัด แต่ตอนนี้ท่านไม่เหมือนเดิมแล้ว ในมือมีทหารชั้นดี ทั้งยังมีหน้าที่ปราบผู้ร้าย ไม่สู้เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ ต่อไปถ้าข้าเจอเป้าหมายในการลงมือที่เหมาะสม ข้าจะแจ้งให้ท่านรู้ทันที จากนั้นท่านก็นำกำลังพลไปกำจัด ทรัพยากรจะต้องไม่น้อยแน่นอน ถ้าได้ถือโอกาสกำจัดพวกที่มันขัดขวางช่องทางทำเงินของพวกเราด้วย แบบนี้ดีมั้ย?”
ตุ้บ! สวีถังหรานใช้เท้าเตะน่องเขาหนึ่งที แล้วด่าว่า “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ ข้าเป็นผู้บัญชาการทัพกลาง ทัพกลางคือศูนย์กลางในการพิทักษ์ปกป้อง ข้าจะดึงพวกเขาตัวไปทำเรื่องที่นั่นที่นี่ตามอำเภอใจได้ยังไง…” แต่ขณะที่พูดก็เอามือลูบหนวดสั้นที่คางตัวเอง “ตอนนี้ต่อให้มีภารกิจก็ไปไม่ได้ ตอนหลังคอยดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน…ข้าว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ตลาดมืดก็ยิ่งเอาใหญ่แล้วนะ ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ทำอะไรก็ระวังตัวหน่อย อย่าสร้างปัญหาอะไร”
หวงเสี้ยวเทียนพยักหน้า “เรื่องนี้ข้ารู้ ต่อให้ข้าจะหาเงินมากกว่านี้ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตตัวเอง แต่จะว่าไปแล้ว ตำหนักสวรรค์มีอำนาจอิทธิพล มีใครบ้างที่ไม่ได้ทำธุรกิจที่ตลาดมืด การค้าขายที่ผิดกฎหมายดำเนินการที่นั่นได้สะดวก ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ทุกคนแค่รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่พูดก็เท่านั้นเอง”
“ไปแล้ว!” สวีถังหรานไม่มีอารมณ์จะมาคุยเรื่องนี้กับเขา พูดทิ้งท้ายพลางผลักหินบนปากหลุมออก แล้วถลันตัวขึ้นไป จากไปแล้ว
เพื่อที่จะทดสอบประสิทธิภาพของยาว่าเป็นอย่างไร พอสวีถังหรานกลับมาถึงลานบ้านของตัวเองที่สำนักหกนิ้ว ก็หาข้ออ้างเรียกเสวี่ยหลงหลิงมาดื่มสุรา ดังนั้นผ่านไปไม่นานเสวี่ยหลงหลิงจึงเป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอด หลังจากเริงรักเริงรมย์กันไปยกหนึ่ง ก็ทำทำให้เสวี่ยหลงหลิงอับอายแทบแย่ นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะบ้าระห่ำขนาดนี้ สวีถังหรานหัวเราะเหมือนคนโง่ ประสิทธิภาพของยาไม่เลวเลย…
ตรงช่วงของแม่น้ำที่อยู่ไกลจากสำนักหกนิ้ว เมื่อเทียบกับทิวทัศน์บนพื้นดินบริเวณนั้นแล้วถือว่าไม่เลว ศิษย์สำนักหกนิ้วกำลังตัดต้นไม้ ขุดหินเจาะดิน สร้างตำหนักที่ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ ที่จริงสำหรับสำนักหกนิ้วแล้ว การตัดต้นไม้ที่ดาวหกนิ้วถือเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายจริงๆ การจะปลูกต้นไม้ที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยทั่วไปจะไม่มาตัดต้นไม้ที่นี่ แต่ก็ไม่มีทางเลือก สวีถังหรานดึงดันจะแอบทำแบบนี้ ต้องการให้เสร็จงานภายในสามวันให้ได้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ไป๋หลันเจ้าสำนักสำนักหกนิ้วก็มาเชิญผู้บัญชาการใหญ่หนิวโหย่วเต๋อด้วยตัวเอง บอกว่าร้านค้าที่ตลาดสวรรค์เริ่มขายประเดิมแล้ว จึงจะจัดงานเลี้ยงฉลองทางนี้สักหน่อย หวังว่าผู้บัญชาการใหญ่ให้เกียรติมาร่วมงาน สถานที่จัดงานก็คือริมแม่น้ำตรงตำหนักที่สร้างใหม่ เหมียวอี้บอกว่ามีงานรัดตัว จึงให้รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองไปแทน
ผู้บัญชาการใหญ่เอ่ยปากแล้ว รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองจึงไว้หน้าอยู่บ้าง เดิมทีก็เตรียมจะไปร่วมงานเลี้ยงพอเป็นพิธี ทว่าหลังจากไปถึง…ผู้ชายชอบสาวงาม ผู้หญิงก็ชอบชายงาม ทั้งสองฝ่ายมีเพศที่สอดคล้องกัน จู่ๆ ก็มียอดชายงามสี่คนมาร้องเต้นให้ความบันเทิง จึงดึงดูดสายตาของทั้งสองมาก รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองไม่ได้หันหน้ามาสบตากันด้วยความแค้นอีก เพราะความสนใจไปอยู่บนตัวชายงามทั้งสี่หมดแล้ว
อย่าว่าแต่พวกนางเลย ขนาดเจ้าสำนักไป๋หลันก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองชายงามสี่คนนั้นบ่อยๆ ไม่รู้ว่าสวีถังหรานหาชายงามขนาดนี้มาจากไหน
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล กองไฟลุกโชน หลังจากงานเลี้ยงเลิก รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คืนนี้ไม่อยากกลับไปที่สำนักหกนิ้วอีก ค้างแรมอยู่ในตำหนักใหม่ริมแม่น้ำแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ติดตามของทั้งสองแปลกใจก็คือ รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองให้พวกเขาถอยออกไป ไม่ให้พวกเขาคอยคุมกันอยู่ข้างนอก ให้พวกเขากลับไปก่อนแล้ว
เปลวเพลิงกลางแจ้งยังไม่ดับ คนในงานก็แยกย้ายกันแล้ว แต่คืนนี้สวีถังหรานเหมือนจะมีอารมณ์ดื่มสุราเยอะ ไม่ยอมออกจากงานไปเสียที ให้คนของสำนักหกนิ้วแยกย้ายกันไปก่อน
นอกจากรองผู้บัญชาการสองคนของทัพกลางที่เฝ้าตำหนักจึงไม่ได้มา ผู้ช่วยผู้บัญชาการสิบเอ็ดคนของเขาก็อยู่กันครบ ในเมื่อนายท่านผู้บัญชาการยังไม่ไป ก็คงไม่ดีที่พวกเขาจะไปก่อน จึงทำได้เพียงนั่งล้อมวงพูดพล่ามดื่มสุรากันต่อไป คอยอยู่เป็นเพื่อน!
ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเที่ยงคืน จู่ๆ สวีถังหรานก็หยิบระฆังดาราออกมา หลังจากตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่ง ก็โยนไหสุราแล้วยืนขึ้น ท่าทางที่เหมือนเมาสุราได้สติขึ้นมาในทันที กวาดสายตามองรอบวงพร้อมบอกว่า “ผู้บัญชาการใหญ่มีธุระเรียกพบ ให้พวกเรากลับไปเดี๋ยวนี้”
พวกเขาย่อมวางของแล้วยืนขึ้น ขณะกำลังจะออกไป ใครจะคิดว่าสวีถังหรานจะเหลียวซ้ายแลขวา แล้วถามอีกว่า “รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองล่ะ?”
หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ตำหนักใหม่บนไหล่เขาริมฝั่งแม่น้ำ “เมื่อครู่เหมือนบอกว่าจะค้างแรมอยู่ที่นี่ขอรับ”
“ผู้บัญชาการใหญ่ให้ทุกคนกลับไปเดี๋ยวนี้!” สวีถังหรานกวักมือ แล้วนำคนกลุ่มหนึ่งกลับไปรายงานตัว
ที่ด้านนอกตำหนัก จู่ๆ สวีถังหรานก็ยกมือหยุด คนอื่นๆ ที่กำลังสังเกตการณ์รอบข้างก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน รองผู้บัญชาการใหญ่พักอยู่ที่นี่ แต่ทำไมไม่มีทหารยามเฝ้าสักคน
“ท่าไม่ดีแล้ว!” สวีถังหรานสีหน้าเปลี่ยนทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาค้นพบอะไร เขารีบถลันตัวเข้าไปในตำหนัก ทุกคนตกใจกับคำพูดของเขาจนหยิบอาวุธออกมาโดยจิตใต้สำนึก
ปั้ง! ประตูของห้องห้องหนึ่งถูกสวีถังหรานเตะทีเดียวจนปลิวไปแล้ว
“อ๊า…” ในห้องมีเสียงร้องตกใจ
สวีถังหรานและคนอื่นๆ ที่บุดเข้ามาในห้องพากันตะลึงค้าง อินลี่จีกับเหวินซินที่เป็นสตรีเบิกตากว้าง ตามติดด้วยเสียง “เชอะ” แล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น
ภาพเหตุการณ์ในห้องหวานซึ้งเกินไป ชายงามสองคนที่เต้นและร้องเพลงก่อนหน้านี้กับชวีหย่าหงรองผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำกำลังโป๊เปลือยอยู่บนเตียง กำลังแสดงละครยอดเยี่ยมแนวหนึ่งหงส์สองมังกร เห็นได้ชัดว่าชวีหย่าหงลืมตัวเสียอาการมาก จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามาในเวลาแบบนี้ ทำให้นางตกใจแทบแย่ ร้องอุทานแล้วรีบหยิบผ้าแพรมาปิดบังเนื้อหนังสีขาวหมดจด แล้วมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาการหวาดกลัวตกใจ
สวีถังหรานทำสีหน้าเก้อเขิน “พวกเราเห็นว่าที่นี่ไม่มีทหารยามเฝ้า ยังนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เอ่อคือ…พวกท่านเชิญต่อได้เลย! พวกเราไปกันเถอะ!” เขารีบโบกมือนำลูกน้องออกไป
นอกตำหนักริมแม่น้ำก็ไม่มีใครเฝ้าเช่นกัน สวีถังหรานโบกมือแล้สบอกว่า “ข้าไม่เชื่อหรอก นี่ไม่ต่างอะไรกับการเห็นผี”
ผ่านไปไม่นาน คนกลุ่มนี้ก็รีบหนีออกมาจากตำหนักอีกแห่งเช่นกัน นึกไม่ถึงว่ามู่อวี่เหลียนจะกำลังเล่นบทหนึ่งหงส์สองมังกรอยู่อีกฝั่งเหมือนกัน
กลุ่มคนที่หนีมาอยู่ฝั่งนี้มองหน้ากันเลิกลั่ก ทุกคนล้วนทำสีหน้าอัศจรรย์ใจมาก
สวีถังหรานส่ายหัวแล้วเงยหน้าถอนหายใจ “ข้าก็นึกว่าผู้ชายจะชอบสาวงาม นึกไม่ถึงว่าเวลาผู้หญิงเห็นชายงามแล้วจะมีนิสัยแบบนี้เหมือนกัน”
คำพูดนี้อินลี่จีทำให้ไม่พอใจแล้ว “นายท่าน ท่านอย่าให้ไม้พายด้ามเดียวทำทั้งเรือจม ผู้หญิงสองคนนั้นชื่อเสียงไม่ดี ทำเรื่องแบบนี้จนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนอื่นจะเหมือนพวกนางสองคนนะ”
ผู้ช่วยผู้บัญชาการหยวนอันเล่อยกมือตบหน้าผาก แล้วพูดเหมือนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ได้ยินชื่อเสียงของผู้หญิงสองคนนี้มานานแล้ว รู้ว่าพวกนางไม่สำรวตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าจะมั่วถึงขนาดนี้ แต่สองคนนั้นดันเป็นรองผู้บัญชาการใหญ่ของธงพยัคฆ์ดำ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ธงพยัคฆ์ดำจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทำไมถึงให้คนแบบนี้มาอยู่ที่ธงพยัคฆ์ดำได้?”
คนกลุ่มนี้ส่ายหน้าทอดถอนใจ วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่แล้ว
สวีถังหรานทำสีหน้าเครียดขรึม พร้อมกล่าวว่า “อย่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แพร่ออกไปข้างอนก พวกเจ้าสองคนแบ่งกลุ่มกันไปเชิญรองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองอีกรอบหนึ่ง บอกว่าผู้บัญชาการใหญ่มีธุระเรียกหา เมื่อครู่นี้ลืมเอ่ยถึง แล้วก็…” และตั้งใจสั่งอีกเรื่องหนึ่งด้วย
ในห้องนอน มู่อวี่เหลียนที่ตะลึงค้างอยู่พักหนึ่งยังไม่เดินออกจากความฉุกละหุก ขณะกำลังลุกลี้ลุกลนใส่เสื้อผ้า นางก็หันกลับไป เห็นเพียงผู้ช่วยผู้บัญชาการห้าคนที่นำโดยหยวนอันเล่อ ถืออาวุธเข้ามาทางประตูที่พัง
“พวกเจ้าทำอะไร?” มู่อวี่เหลียนเอามือปิดหน้าอกที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จพลางถอยหลังอย่างตกใจกลัว
คนที่มาไม่พูดอะไรสักคำ แสงสะท้อนคมกระบี่กะพริบวิบวับ “อา…” มีเสียงกรีดร้องดังสองครั้ง ศีรษะของชายงามทั้งสองถูกฟันกระเด็นออกไป ร่างพิการสองร่างล้มลงพื้น
หยวนอันเล่อสะบัดรอยเลือดออกจากคมดาบ แล้วหันกลับมาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ จ้องมู่อวี่เหลียนพร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “นายท่านมู่ ล่วงเกินแล้ว นี่คือเจตนาของผู้บัญชาการสวี ผู้บัญชาการสวีไม่อยากให้เรื่องวันนี้แพร่ออกไปจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของธงพยัคฆ์ดำ ใช่แล้ว ผู้บัญชาการสวียังให้พวกข้าน้อยมาแจ้งด้วยว่า ผู้บัญชาการใหญ่มีธุระเรียกพบ เชิญนายท่านมู่รีบจัดการตัวเองแล้วกลับไปเถิด” พูดจบก็หันตัวโบกมือ ถอยออกไปพร้อมกลุ่มลูกน้องแล้ว
การกระทำของลูกน้องแสดงออกว่าไม่เห็นรองผู้บัญชาการใหญ่คนนี้อยู่ในสายตาเลย เมื่อเรื่องแบบนี้ถูกเปิดโปง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นนางอยู่ในสายตาเช่นกัน ถ้าเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป เกรงว่าคนแรกที่จะไม่ปล่อยนางไปก็คือโป๋เยว และไม่ต้องกังวลด้วยว่ามู่อวี่เหลียนจะฆ่าปิดปาก คนเห็นตั้งเยอะขนาดนี้ ถ้าอยากจะปิดปากคนที่จำนวนเท่านี้ที่ธงพยัคฆ์ดำ ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากฆ่าทิ้งทั้งธงพยัคฆ์ดำ
…………………………