พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1374 กล้าตัวต่อตัวกับข้ามั้ยล่ะ
“หา!” สวีถังหรานตกใจ “นายท่าน ทุกคนล้วนเป็นคนของกองมังกรดำ ถ้าสองธงพยัคฆ์เปิดฉากสู้กันก็จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เกรงว่าจะอธิบายกับเบื้องบนลำบาก”
“เหลวไหล นางเป็นฝ่ายถ่อมาหาเรื่องข้าก่อน แล้วจะให้ข้าทำยังไงล่ะ?” เหมียวอี้ถลึงตาเหล่มอง
“รับทราบ!” สวีถังหรานไม่กล้าพูดมาแล้ว รีบไปปฏิบัติตาม
กองมังกรดำ ในจวนพักชั่วคราวของแม่ทัพภาค เนี่ยอู๋เซี่ยวเอามือไขว้หลังเดินช้าๆ ออกมา พอเดินมาถึงริมหน้าผาก็ถอนหายใจเบาๆ “ช่างก่อเรื่องเก่งจริงๆ! วุ่นวายอยู่ตั้งนานก็เพราะต้องการจะตบทรัพย์พ่อค้าพวกนั้น ทั้งยังตบรางวัลปลอบขวัญกองทัพด้วยเหรอ? ใช้ดอกไม้ของคนอื่นมาถวายพระได้เก่งจริงๆ ตอนนี้ข้านับว่าเข้าใจแล้วว่าตอนหนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่ตลาดสวรรค์ กลุ่มพ่อค้าพวกนั้นจะปวดหัวขนาดไหน ขนาดตัวย้ายออกมาแล้ว ก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป”
โป๋เยวที่เดินตามอยู่ข้างๆ กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ทั้งยังแยกแยะความสำคัญได้ด้วย จ่าไปก็ไม่ได้ทำผิดต่อตลาดสวรรค์เลย และไม่มีจุดไหนที่ทำผิดกฎระเบียบด้วย อีกฝ่ายเป็นคนนำของมามอบให้เองถึงที่ ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลว่าเขาไม่มีประสบการณ์ในการบัญชาการกำลังพลเยอะขนาดนี้ พอมาดูตอนนี้แล้ว ก็พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทุกคนของธงพยัคฆ์ดำมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพภาคได้เหมือนกัน” คำพูดนี้เท่ากับช่วยพูดให้เหมียวอี้ดูดี
ที่ช่วยพูดจาดีๆ ให้แบบนี้ได้ ก็ย่อมเป็นเพราะถูกชะตากับเหมียวอี้ จะไม่อยากถูกชะตาก็คงไม่ได้หรอก เขาจัดให้ผู้หญิงทั้งสองของตัวเองไปเป็นรองผู้บัญชาการใหญ่ที่ธงพยัคฆ์ดำ ปรากฏว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่พูดพร่ำทำเพลง แนะนำให้มู่อวี่เหลียนกับชวีหย่าหงขึ้นสู่ตำแหน่งทันที ลูกน้องที่เชื่อฟังขนาดนี้ใครจะไม่ชอบ
และพอมาดูตอนนี้แล้ว การให้ผู้หญิงทั้งสองของตัวเองมาเป็นคู่หูผู้ช่วยหนิวโหย่วเต๋อก็เหมาะสมมาก เมื่อหนิวโหย่วเต๋อจะระดมพล พวกนางทั้งสองก็จะออกหน้าประสานงานให้ ครั้งนี้ทำเงินที่ตลาดสวรรค์ได้ เหมียวอี้ก็มอบรางวัลใหญ่ให้ชวีหย่าหงและมู่อวี่เหลียนทันที นอกจากทั้งสองจะได้ยาแก่นเซียนคนละสิบล้านเม็ดแล้ว จากมุมมองของโป๋เยว ที่เหมียวอี้ทำแบบนี้ก็เพราะรู้ว่าทั้งสองคือคนที่โป๋เยวย้ายไป รู้ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของโป๋เยว ที่ตบรางวัลอย่างงามก็เพราะไว้หน้าโป๋เยว ไม่อย่างนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะควรค่าแก่การตบรางวัลเป็นยาแก่นเซียนสิบล้านเม็ดได้อย่างไร จากเรื่องบางเรื่องก็สามารถมองออกได้ ว่าหนิวโหย่วเต๋อเคารพรองแม่ทัพภาคอย่างเขามาก ไม่ว่าจะเป็นฉากหน้าหรือภายในก็มีให้เขาอย่างเต็มที่ ลูกน้องแสนดีแบบนี้ ถ้าไม่ช่วยพูดให้สักหน่อยก็จะฟังดูเหลวไหล
ตอนนี้เขากลับไม่พอใจผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดินแล้วนิดหน่อย ทำไมชวีหย่าหงและมู่อวี่เหลียนไปอยู่ใต้บังคับบัญชาการหนิวโหย่วเต๋อแล้วไม่ก่อเรื่องล่ะ ชัดเจนแล้วว่าปัญหาหลักมาจากตัวของพวกเขาเอง จิตใจคับแคบ
แน่นอนว่าเขามีบางอย่างที่ยังไม่รู้ ตอนแรกเหมียวอี้ก็ไม่ได้เตรียมจะตบรางวัลให้ผู้หญิงทั้งสองเยอะขนาดนี้หรอก ตอนแรกหลังจากเหมียวอี้กอบโกยของพวกนี้มาจากพ่อค้าที่ตลาดสวรรค์แล้ว ก็สั่งให้สวีถังหรานกับหยางชิ่งแบ่งให้กำลังพลเบื้องล่างตามระเบียบเก่าของธงพยัคฆ์ดำ แต่ตอนหลังเมื่ออยู่ระหว่างทางกลับ หยางชิ่งก็แนะนำเหมียวอี้ว่า ในเมื่อไม่อยากฮุบของพวกนี้เอาไว้ส่วนตัว อยากจะนำออกมาซื้อน้ำใจคน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแจกจ่ายออกไปอยู่ดี ก็ตบรางวัลชวีหย่าหงและมู่อวี่เหลียนหนักๆ ไปเสียเลยสิ หลังจากแนะนำแบบนี้แล้ว เหมียวอี้ก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาถึงได้ตบรางวัลจนชวีหย่าหงและมู่อวี่เหลียนตกตะลึง
ขณะกำลังพูดแบบนี้ จู่ๆ โป๋เยวก็ได้รับข่าวจากระฆังดารา เนี่ยอู๋เซี่ยวมองดูเขาหยิบระฆังดาราออกมา
ผ่านไปครู่เดียว โป๋เยวก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก กำระฆังดาราเอาไว้พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายท่าน จ้านหรูอี้คนนี้เหลวไหลไปกันใหญ่แล้ว”
“เป็นอะไรไป?” เนี่ยอู๋เซี่ยวถาม
โป๋เยวตอบว่า “นางอยากจะทำให้ลูกน้องปรับตัวเสียที่ไหนกัน ชัดเจนว่าจะไปหาเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ ก่อนหน้านี้นำกำลังพลตามหลังหนิวโหย่วเต๋อไปที่ตลาดสวรรค์แต่ก็คว้าน้ำเหลว ครั้งนี้นำกำลังพลหลายหมื่นไปที่ดาวหกนิ้วแล้ว นางคิดจะทำอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าจะท้าทายให้ธงพยัคฆ์น้ำเงินกับธงพยัคฆ์ดำสู้กันให้ได้ให้ได้?” ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าจะให้พูดตอนนี้ เขาก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเหมียวอี้
เนี่ยอู๋เซี่ยวขมวดคิ้ว “บอกพวกเขาทั้งสองฝั่ง ว่าให้สงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นเกินขอบเขต…ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อชอบทำอะไรไม่ค่อยเลือกวิธีการ ไม่ได้สังหารลูกหลานของผู้มีอำนาจเป็นครั้งแรก อีกทั้งครั้งนี้ก็ได้เปรียบด้านเหตุผลด้วย ดีไม่ดีอาจจะลงมือฆ่าก็ได้ ถึงตอนนั้นจ้านหรูอี้อาจจะไม่ชนะเขา ข้าจะบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่งนะ ว่าจะให้เกิดเรื่องขึ้นกับจ้านหรูอี้ไม่ได้!”
“…” โป๋เยวงงนิดหน่อย ถามว่า “เป็นเพราะนางเป็นหลานสาวของอ๋องสวรรค์อิ๋งเหรอ? ตระกูลอิ๋งมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับหน่วยองครักษ์ซ้ายของพวกเรา?”
เนี่ยอู๋เซี่ยวหันกลับมา “การที่ตอหนามสองตอนี้โผล่มาที่กองมังกรดำ เดิมทีก็เป็นปัญหายุ่งยากอยู่แล้ว สิ่งที่เจ้าต้องรู้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ ถ้าจ้านหรูอี้ตายแล้ว ทั้งเจ้าทั้งข้าก็จะซวยไปด้วยกัน อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องรู้เยอะ ในภายหลังเดียวเจ้าก็เข้าใจเอง”
“หนิวโหย่วเต๋อกับจ้านหรูอี้วรยุทธ์ห่างกันหนึ่งระดับ ถ้าลงมือสู้กันขึ้นมา แล้วหนิวโหย่วเต๋อตายด้วยน้ำมือจ้านหรูอี้จะทำยังไงขอรับ?” โป๋เยวถาม
เนี่ยอู๋เซี่ยวตอบว่า “ถ้าหนิวโหย่วเต๋อตายก็แสดงว่าตัวเขาเองไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าจ้านหรูอี้ตายพวกเราก็จะไม่มีทางแก้ตัวได้ ตอนนี้รู้รึยังว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ?”
โป๋เยวพูดไม่ออก…
“ทัพใหญ่หยุดก่อน อนุญาตให้นำผู้ติดตามมาได้สิบคนเท่านั้น” ทหารหัวหน้าที่ได้รับคำสั่งให้ห้ามไว้ตะโกนถ่ายทอดคำสั่งต่อทันที
กำลังพลทางซ้ายและขวาฝั่งธงพยัคฆ์น้ำเงินมองไปที่จ้านหรูอี้ในทันที จ้านหรูอี้แสยะยิ้ม แล้วบอกว่า “ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานในกองมังกรดำ ทำไมหนิวโหย่วเต๋อต้องกินปูนร้อนท้องขนาดนี้?” จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาต่อ “สิบคนตามข้ามา คนอื่นรออยู่ตรงนี้”
“นายท่าน…” หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของนางค่อนข้างกังวล ต่างก็รู้ว่านางมาเพื่อหาเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ กลัวว่าจะยั่วโมโหหนิวโหย่วเต๋อ อีกทั้งฝั่งตัวเองก็มีคนแค่ไม่กี่คนที่เข้าไปได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็จะฝ่าวงล้อมทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามได้ยาก
จ้านหรูอี้ยกมือห้าม รู้ว่าพวกเขากำลังกังวลอะไร “ไม่ต้องห่วง! ข้ามีวิธีสู้กับเขาอยู่แล้ว ต่อให้มีคนเยอะกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์”
กำลังพลเบื้องล่างไม่สะดวกจะหักหน้านางท่ามกลางฝูงชน ทำได้เพียงเชื่อฟัง เลือกคนออกมาสิบคน แล้วเหาะตามหลังจ้านหรูอี้ไป ส่วนที่เหลือก็รออยู่ในดาราจักร
ทหารคนหนึ่งที่ฝั่งนี้ส่งออกไปนำพวกจ้านหรูอี้เข้ามาที่ดาวหกนิ้ว แค่มองปราดเดียวก็ดูออกว่าสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ดวงนี้เลวร้ายขนาดไหน แม่น้ำสายยาวบนพื้นที่สีเขียวราวกับเป็นรอยแผลเป็นบนดาวเคราะห์ดวงนี้
เหมียวอี้ไว้หน้ามาก ก่อนที่จะมีเรื่องกัน อย่างไรเสียก็เป็นการเยี่ยมเยียนของเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกันของกองมังกรดำ เหมียวอี้ถึงได้นำลูกน้องออกมาต้อนรับนอกค่ายกลป้องกันด้วยตัวเอง
พวกจ้านหรูอี้เหาะลงมาจากฟ้า พอเหยียบลงตรงหน้าประตู เหมียวอี้ก็กุมหมัดทักทายอย่างร่าเริง “จ้านคนสวยให้เกียรติมาเยือน ดินแดนอันต่ำต้อยก็มีสง่าราศีขึ้นมา”
จ้านหรูอี้อยากจะตบปากคนสองสองคนจริงๆ คนแรกคือคนปากพล่อยอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง คนที่สองก็คือคนตรงหน้าที่เรียกตามเซี่ยโห้วหลงเฉิงว่า ‘จ้านคนสวย’ ต่อให้ตัวเองจะไต่เต้าขึ้นในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ แต่เมื่อถูกสองคนนี้เรียกแบบนี้ พลังอำนาจก็อ่อนแอลงสามส่วน แน่นอน ที่แค้นกว่าก็คือเจ้าเวรตรงหน้านี้ อยากจะฆ่าให้ตาย
“สภาพแวดล้อมเลวร้ายก่อให้เกิดผู้อยู่อาศัยเสนียดจัญไร!” จ้านหรูอี้เหลือบมองสภาพแวดล้อมซ้ายขวา พลางกล่าวตีวัวกระทบคราด จากนั้นก็กุมหมัดคารวะ “ผู้บัญชาการใหญ่หนิวอย่าเติดเสนียดไปด้วยล่ะ”
เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ต่อให้ติดเสนียดแต่ก็เทียบกับเจ้าไม่ติดหรอก! ที่บ้านมีทั้งอำนาจอิทธิพล อยากจะย้ายไปไหนก็ย้ายได้ พอธงพยัคฆ์น้ำเงินเกิดเรื่อง เบื้องบนก็มีคนมาช่วยเจ้าคุมให้ราบรื่นทันที นี่เจ้าเพิ่งจะมาถึงเองนะ แต่เบื้องบนก็เตือนมาแล้ว ว่าให้ข้ารับประกันความปลอดภัยของเจ้า ชีวิตที่สุขสบายแบบนี้ ต่อให้หนิวนอนฝันแต่ก็นึกไม่ถึง!” พอพูดถึงเรื่องนี้ก็เซ็งนิดหน่อย จ้านหรูอี้เป็นฝ่ายมาหาเขาถึงที่ แต่โป๋เยวกลับเตือนเขา ไม่อนุญาตให้เขาลงมือฆ่าจ้านหรูอี้
สิ่งที่จ้านหรูอี้เกลียดที่สุดก็คือการที่มีคนเอาภูมิหลังวงศ์ตระกูลของนางมาคุย เพราะทำให้นางดูเหมือนเป็นคนไร้ประโยชน์ จึงแสยะยิ้มบอกว่า “ก็เหมือนกันนั่นแหละ มีแม่เฒ่าลวี่ดูแล พี่หนิวอยากจะดึงกำลังพลออกไปไหน แต่ขออนุญาตสองสามคำก็พอแล้ว แต่ข้ากลับโดนกลั่นแกล้งไปทุกที่ ไปขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ก็ได้รับคำเตือนจากเบื้องบนเหมือนกัน ว่าอย่าให้ข้าทำเกินขอบเขต” โป๋เยวเพิ่งจะเตือนนาง ไม่ให้นางเล่นเกินขอบเขต
เหมียวอี้เดาะลิ้นแล้วบอกว่า “การเปรียบเทียบของจ้านคนสวยช่างน่าสนใจจริงๆ ข้าน่ะโดนกดดันให้มา แต่เจ้ากลับเป็นฝ่ายถ่อมาเอง ทำเหมือนเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรนักหนาอย่างนั้นแหละ ถ้าอยู่ที่กองมังกรดำแล้วไม่มีความสุขจริงๆ ก็รีบหนีไปสิ อาศัยภูมิหลังของเจ้า การจะมาจะไปก็เป็นเรื่องง่ายที่เอ่ยปากเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ทำไมต้องได้รับความมาเป็นธรรมด้วยล่ะ”
“เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร ข้าอยากจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า จำเป็นต้องให้เจ้ามาชี้นิ้วบอกด้วยเหรอ?” จ้านหรูอี้ถาม
“ก็ใช่ แต่ข้ามีบางอย่างจะแนะนำจริงๆ ฟังว่าจ้านคนสวยจะฟังไหว” เหมียวอี้ตอบ
“ว่ามา” จ้านหรูอี้กล่าว
เหมียวอี้จึงบอกว่า “อย่าดื้อด้านอีกเลย เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว หาคนที่เหมาะสมแล้วแต่งงานออกไปไวๆ หน่อย ทำไมต้องมาตามกลั่นแกล้งข้า คลอดลูกแล้วเสพสุขกับวาสนานั้นดีกว่าอะไรทั้งนั้น”
พอสองคนนี้เจอกันก็ปะทะกันซึ้งๆ หน้าแล้ว พออ้าปากพูดก็ปะทะคารมกัน ขนาดคำว่าคลอดลูกยังพูดออกมาได้ ผู้ติดตามของทั้งสองฝ่ายพากันเหงื่อออกหมดแล้ว
“เหลวไหล!” จ้านหรูอี้โมโหมาก พ่นคำหยาบออกทันที ตรงหว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นหนึ่งเช่นกัน
นักพรตบงกชรุ้งสองคนที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า มาขวางอยู่ตรงหน้าเขา กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา
พอฝั่งนี้เคลื่อนไหว คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาของจ้านหรูอี้ก็รีบก้าวขึ้นมาเช่นกัน กำลังพลสองฝั่งประจันหน้ากันแล้ว บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียดในชั่วพริบตาเดียว
“หลีกไป!” จ้านหรูอี้ตะคอกคนให้ถอยออกไปทันที ถ้าจะแข่งจำนวนกำลังพลกันจริงๆ ฝ่ายนางมีไม่เยอะเท่าแน่นอน จึงแสยะยิ้มแล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เก่งแต่จะแข่งว่าใครมีพวกเยอะกว่ากันเหรอ? ถ้ากลัวแล้วก็บอกมาตรงๆ”
“กลัวเหรอ?” เหมียวอี้ถามกลั้วหัวเราะ แล้วโบกมือบอกใบ้ให้คนตรงหน้าถอยไปเช่นกัน แต่เหยียนซิวยังยืนอยู่ข้างหลังเขา เขาไม่กลัวเลยว่าจ้านหรูอี้จะเล่นตุกติก พูดตรงๆ เลยว่า “จ้านหรูอี้ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มาด้วยเจตนาดี บอกมาตรงๆ เถอะ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
จ้านหรูอี้ “เรื่องระหว่างข้ากับเจ้า ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร ทำให้มันจบๆ ไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย วันนี้เจ้ากับข้าสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะ ถ้าแพ้แล้วก็ตะโกนดังๆ สามครั้งว่า ‘ข้าสู้อีกฝ่ายไม่ได้’ กล้าสู้ตัวต่อตัวกับข้ามั้ยล่ะ!”
นี่ก็คือจุดประสงค์ที่นางมาที่หน่วยองครักษ์ซ้าย ในปีนั้นที่แดนอเวจี นางโดนเหมียวอี้โจมตีทีเดียวจนสาหัส สิ่งนี้ติดอยู่ในใจนางมาตลอด เมื่อวรยุทธ์ถึงระดับบงรุ้งแล้วนางก็มีความมั่นใจในชัยชนะ และมีความมั่นใจที่จะควบคุมของวิเศษที่แข็งแกร่งกว่านั้นด้วย นางอยากจะคิดบัญชีกับเหมียวอี้ แต่จนใจที่ตอนอยู่จวนแม่ทัพภาคตงหัวมีปี้เยว่ข่มไว้ หลังจากมาที่นี่ก็โดนถ่วงเวลามาตลอดเพราะยังคุมลูกน้องให้สงบไม่ได้ ในที่สุดครั้งนี้ก็จะได้ลงมือแล้ว นางจะต้องระบายความโกรธแค้นนี้
เหมียวอี้ทั้งโมโหทั้งอยากขำ ปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปอะไรของเจ้า เป็นใครกันแน่ที่ไม่ยอมเลิกราเสียที?
แต่เขาก็ไม่ได้โง่ นักพรตบงกชรุ้งกับนักพรตบงกชทองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ถ้าลงมือสู้จะต้องเสียเปรียบแน่ ผู้หญิงคนนี้มั่นอกมั่นใจเต็มที่ แสดงว่าจะต้องมีที่พึ่งพาแน่นอน ผีที่ไหนจะไปตัวต่อตัวกับนางล่ะ จึงปฏิเสธทันทีว่า “ไม่สนใจ!”
จ้านหรูอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียดังทันทีว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ข้าเป็นตัวแทนธงพยัคฆ์น้ำเงินเพื่อท้าสู้กับเจ้า เจ้ากล้าเป็นตัวแทนธงพยัคฆ์ดำสู้แบบตัวต่อตัวตัวกับข้าเพื่อตัดสินแพ้ชนะมั้ยล่ะ ถ้าไม่กล้า ในภายหลังถ้ากำลังพลของธงพยัคฆ์ดำเจอธงพยัคฆ์น้ำเงินของข้า ก็จะต้องเดินอ้อมไปอย่างซื่อสัตย์หน่อย!”
เสียงนี้ดังก้องทั่วฟ้าดิน นี่เจ้าไม่กลัวกำลังพลทั้งกองทัพจะได้ยินเหรอ เหมียวอี้สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย นับว่าโดนจ้านหรูอี้ควบคุมแล้ว ควบคุมจนหาบันไดลงไม่ได้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
…………………………