พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1375 ข้ายอมให้เจ้าสามท่า
อย่าว่าแต่เหมียวอี้เลย หยางชิ่ง สวีถังหรานและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกันก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน แม้แต่เหยียนซิวก็สายตาวูบไหว ต่างก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ของจ้านหรูอี้ดุร้ายไปหน่อย ถ้าเหมียวอี้ไม่กล้ารับคำท้านี้ แล้วข่าวนี้แพ่ออกไป ทุกคนของธงพยัคฆ์ดำจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไร
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ วรยุทธ์ของผู้หญิงคนนี้บรรลุถึงระดับบงกชรุ้งแล้ว ถึงแม้เหมียวอี้จะเคยสังหารนักพรตบงกชรุ้งมาแล้วหนึ่งคน แต่ใครจะไปรู้ว่าในนั้นมีสัดส่วนของความโชคดีอยู่เท่าไร ทั้งยังอาศัยความแหลมคมของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ด้วย ถ้าใช้กำลังปะทะอย่างเดียวจริงๆ เหมียวอี้ก็แทบจะเอาชนะได้ยาก และด้วยศักยภาพที่อยู่บนตัวจ้านหรูอี้เอง หลังจากบรรลุระดับบงกชรุ้ง นางก็ย่อมไม่ใช่คนที่นักพรตบงกชรุ้งทั่วไปจะเทียบติดอยู่แล้ว
เหมียวอี้เองก็นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีด้านที่หน้าเนื้อใจเสือแบบนี้อยู่ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะยกระดับความแค้นส่วนตัวขึ้นมาเป็นการต่อสู้เรื่องศักดิ์ศรีของสองธงพยัคฆ์ ตอนแรกที่ยังมีวรยุทธ์บงกชทอง นางโดนเหมียวอี้ทำให้อับอายอยู่นอกจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็ยังทนไหว แต่หลังจากบรรลุวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้งแล้วจึงมาไม้นี้
นักพรตบงกชรุ้งเอาชนะนักพรตบงกชทองได้แล้วยังไงล่ะ? แต่ในเมื่ออีกฝ่ายท้าสู้แล้ว คนในกองทัพไม่มีความเห็นแย้งอะไรกับการประลองฝีมือแบบนี้ เจ้าจะรับหรือจะไม่รับล่ะ
เหมียวอี้สามารถปฏิเสธได้ หลังจากปฏิเสธแล้วจ้านหรูอี้ก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วเช่นกัน หน่วยองครักษ์ซ้ายไม่ใช่สถานที่ไร้กฎระเบียบ จ้านหรูอี้ทนรับข้อหานี้ไม่ไหว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนของธงพยัคฆ์ดำมากมายขนาดนี้ เหมียวอี้จะปฏิเสธได้เหรอ? ถ้าระดับต่างเกินไปแล้วปฏิเสธก็ยังพอฟังขึ้น แต่ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ ทำให้เหมียวอี้รู้สึกเหมือนขี่หลังเสือแล้วลงยากจริงๆ
ในตอนนี้ เนื่องจากจ้านหรูอี้ตะโกนเสียงดัง คนของสำนักหกนิ้วพากันโผล่หน้ามองมาทางนี้ กำลังพลทัพกลางของธงพยัคฆ์ดำพากันโผล่หน้ามาทางนี้เช่นกัน พวกเขากำลังดูว่าเหมียวอี้จะรับคำท้าหรือไม่
เหมียวอี้จ้องจ้านหรูอี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ
จ้านหรูอี้โค้งมุมปากยิ้มอย่างสวยงาม เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งการเยาะเย้ย
ดวงตาทั้งสี่สบประสานกัน คนหนึ่งแววตาเย็นเยียบ คนหนึ่งแวบตาเยาะเย้ย
หลังจากคุมเชิงกันอยู่นาน จ้านหรูอี้ก็เชิดคางที่ขาวเนียนนุ่มขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “ถ้าเจ้ากลัว ไม่กล้ารับคำท้าของข้า ก็พูดออกมาเถอะ ขอแค่ผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำอย่างเจ้าตอบตกลง ว่าหลังจากนี้เวลาคนของธงพยัคฆ์ดำเจอคนขอธงพยัคฆ์น้ำเงิน ก็จะต้องเดินอ้อมไป แล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่ทำให้เจ้าลำบกาใจแน่นอน!”
ในใจนางเรียกได้ว่าสะใจมาก ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้าเวรนี่โดนกดดันจนกลายเป็นแบบนี้
เห็นได้ชัดว่านางกำลังยั่วยุทหารให้ฮึกเหิม ฝั่งนี้ไม่ว่าใครก็ฟังออก แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นหยาบคายเกินไป ให้คนของธงพยัคฆ์ดำเดินหลบเวลาเห็นคนของธงพยัคฆ์น้ำเงิน ในฐานะที่เป็นคนในกองทัพ มีหรือที่จะทนคำพูดนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วยุเพื่อนทหาร ถ้าธงพยัคฆ์ดำก้มหน้าให้กับสิ่งนี้จริงๆ ในภายหลังเวลาช่วงชิงผลงานในการรบหรือเลื่อนขั้น คนอื่นพูดประโยคเดียวก็ทำให้เจ้าอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้แล้ว ยังจะมีคุณสมบัติอะไรไปช่วงชิงอีกล่ะ ลูกน้องแต่ละคนของเหมียวอี้ทำสีหน้าขุ่นเคือง แม้แต่ชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียนก็เหมือนจะข่มไฟโกรธไม่ไหวเช่นกัน
“เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ต้องรบกวนให้ผู้บัญชาการใหญ่ลงมือเองหรอก” เหมาอวี่จวิน รองผู้บัญชาการทัพกลางก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ผู้บัญชาการใหญ่จ้าน เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ท่านผ่านด่านข้าให้ได้ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยท้าสู้ผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเรา ถ้าแม้แต่ด่านของข้ายังผ่านไปไม่ได้ ก็ถือโอกาสกลับไปตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า” นางมีวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นสอง ไม่ขาดศักยภาพในการสู้กับจ้านหรูอี้
คังเต้าผิง ลูกน้องคนสนิทที่อยู่ตรงหน้าจ้านหรูอี้ก้าวขึ้นข้างหน้าก้าวหนึ่ง “ผู้บัญชาการใหญ่ ท่านกับเขาไม่เท่าเทียมกัน ผู้หญิงคนนี้ส่งต่อให้ข้ารับมือเองเถอะ”
“ถอยไป!” จ้านหรูอี้ตะคอกเสียงต่ำ
คังเต้าผิงอึ้งทันที เมื่อเห็นสีหน้านางไม่ดี ถึงได้ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วถอยกลับไป มีความรู้สึกเหมือนเจตนาดีแต่ทำเสียเรื่อง
สำหรับจ้านหรูอี้ นี่เป็นเจตนาดีที่ทำให้เสียเรื่องจริงๆ วันนี้จุดประสงค์ของนางคืออะไรล่ะ นางไม่มีทางปล่อยให้ใครมาเบี่ยงเบนเรื่องนี้ไปเส้นทางอื่น นางจ้องเหมียวอี้พร้อมพูดเย้ยว่า “ในเมื่อผู้บัญชาการใหญ่หนิวไม่กล้าออกหน้าครั้งนี้ ก็ได้ งั้นเริ่มจากนางก่อนแล้วกัน ธงพยัคฆ์ดำของพวกเจ้าสามารถผลัดกันมาสู้ได้เลย วนกันเข้ามา ข้าจะรับมือทีละคนจนหมด ข้าก็อยากจะเห็นว่าในธงพยัคฆ์ดำจะมีใครต้านทานข้าไหวบ้าง”
นางมีศักยภาพและความมั่นใจนี้จริงๆ ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาพร้อมกันนางรับมือไม่ไหว แต่ถ้าเข้ามาทีละคน ต่อให้เป็นนักพรตบงกชรุ้งทั้งธงพยัคฆ์ดำผลัดกันเข้าไป นางก็ไม่กลัวอยู่ดี การจะลำพองใจได้ก็ย้อมต้องมีต้นทุนสำหรับความลำพองใจอยู่แล้ว
“รองผู้บัญชาการเหมา เจ้าถอยไป เป็นข้าเองดีกว่า” เหยียนซิวพลันก้าวช้าๆ ออกมาจากข้างหลังเหมียวอี้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกพิศวง
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะยกมือห้าม “ถอยไปให้หมด นี่เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับจ้านคนสวย ยังไม่ถึงคราวให้พวกเจ้าออกหน้าหรอก ข้าจะแก้ปัญหาเอง”
เหยียนซิวหันกลับไปมองเขา ในดวงตาฉายแววกังวล เหมียวอี้เอียงหน้าให้เขา บอกใบ้ให้เขาถอยไป เหมียวอี้เชื่อว่าถ้าเหยียนซิวลงมือ จ้านหรูอี้จะต้องเคราะห์ร้ายแน่นอน เขาไม่อยากให้เหยียนซิวลงมือเปิดเผยต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ มิหนำซ้ำเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าตัวเองถอยจริงๆ ถ้าผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำผู้สง่าผ่าเผยทำให้ทุกคนของธงพยัคฆ์ดำเงยหน้าไม่ขึ้น แล้วจะบัญชาการธงพยัคฆ์ดำได้อย่างไร นี่ก็คือความใจร้ายของจ้านหรูอี้ กดดันจนเขาปฏิเสธได้ยาก
เหยียนซิวถอยออกไปเงียบๆ เหมาอวี่จวินที่หันกลับมาก็ถอยออกไปช้าๆ พร้อมขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน
“นี่พี่หนิวตอบรับคำท้าสู้แล้วเหรอ?” จ้านหรูอี้พูดหยอกล้อต่อไป
“จ้านคนสวยอุตส่าห์มาตั้งไกล มีหรือที่จะทำให้เจ้าผิดหวัง เดี๋ยวหนิวเล่นเป็นเพื่อนก็ได้” เหมียวอี้ตอบ
“อ๋อเหรอ! อย่ามาหาว่าข้าเอาเปรียบเจ้าก็แล้วกัน เจ้าเลือกสถานที่เอง” จ้านหรูอี้กล่าว
เหมียวอี้ยังไม่สนใจนาง แต่หันตัวมาถ่ายทอดเสียงบอกลูกน้องข้างกายว่า “พวกเจ้าฟังข้าให้ดีนะ แอบแจ้งให้ลูกน้องเตรียมตัวให้ดี ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับข้า ก็ฟังคำสั่งข้า ฆ่านางตัวแสบนี่ทิ้งเสียเลย”
พวกลูกน้องตกใจทันที หยางชิ่งบอกว่า “รองแม่ทัพภาคโป๋เยวสั่งไว้เป็นพิเศษ ถ้าฆ่าทิ้งเกรงว่าจะอธิบายลำบาก”
เหมียวอี้จึงบอกว่า “งั้นก็จับเป็นมาให้ข้า จับมาให้ข้านอนด้วยเสียเลย ข้าก็อยากจะเห็นว่าจะเป็นข้าหรือนางที่เสียหน้า”
แบบนี้โหดไปหน่อย! พวกลูกน้องพูดไม่ออก จ้านหรูอี้เล่นไม่ซื่อใช้แผนโหดสู้กับผู้บัญชาการใหญ่ มาดูกันว่าใครจะซวย
ทางฝั่งนี้กำลังแอบวางแผน ฝั่งจ้านหรูอี้ก็มีเสียงหยอกล้อดังขึ้น “อย่าบอกนะว่าพี่หนิวกำลังสั่งเสีย ไม่ต้องห่วงหรอก เป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่ประลองฝีมือวัดผลแพ้ชนะกันเฉยๆ ไม่เอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าหรอก”
เหมียวอี้ขี้เกียจจะสนใจนาง เอามือไขว้หลังสั่งต่อไป หลังจากสั่งแล้วก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วเหาะขึ้นฟ้าไปทันที พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ทิ้งไว้เพียงเสียงอันดังก้องว่า “จะสู้ก็ได้ แต่อย่าทำลายบ้านคนอื่น!”
สวีถังหรานที่อยู่เบื้องล่างโบกมือตะโกน “ไป!” จากนั้นก็นำคนทะยานขึ้นฟ้าตามไป
เหยียนซิวและกำลังพลทัพกลางรีบตามขึ้นฟ้าไปทันที
จ้านหรูอี้พลันเงยหน้า ชั่วพริบตาเดียวก็เหาะขึ้นฟ้าตามไป กำลังพลของนางก็ตามไปเช่นกัน
ในค่ายกลป้องกัน เฟยหงและคนอื่นๆ ที่มีสีหน้ากังวลรีบวิ่งออกมา เหาะขึ้นฟ้าตามไปเช่นกัน ไป๋หลันเจ้าสำนักหกนิ้วและคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย ไม่ถือว่าเป็นการไปดูเอาสนุก แต่อยากจะเห็นผลลัพธ์ว่าจะเป็นอย่างไร
ในดาราจักร เหมียวอี้ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ เขาพลิกฝ่ามือไปข้างหลัง บอกใบ้ให้ลูกน้องถอยไป
สวีถังหรานโบกมือ คุมกำลังพลทัพกลางถอยหลังไปไกล
จ้านหรูอี้ที่เหาะมาตรงหน้าเหมียวอี้มีท่าทางกระฉับกระเฉงฮึกเหิม นางผลักมือไปข้างหลังเช่นกัน บอกใบ้ให้ลูกน้องถอยไป
คู่แค้นทั้งสองเผชิญหน้ากัน ดวงตาทั้งสี่สบประสานกัน แววตาเหมียวอี้เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ในดวงตาจ้านหรูอี้ก็ฉายแววรีบเร่งเฝ้าคอย หวงัจะทำลายความอัปยศที่มีมานาน
เหมียวอี้พลันพลิกฝ้ามือ เกราะรบผลึกแดงทีมี่ความบริสุทธิ์สูงไหลขึ้นมาคลุมร่างกาย พอคว้ามือจับและโบกมือ ก็มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้น ทวนเกล็ดย้อนถือเฉียงอยู่ในมือ
“กรร!” จู่ๆ เฮยทั่นก็ทะยานขึ้นฟ้า มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด สั่นหัวส่ายหางเหาะวนล้อมเหมียวอี้
เหมียวอี้ใช้นิ้วร่ายวิชาชี้ไป ห่วงบนคอเฮยทั่นก็แยกออกทันที ชั่วพริบตาเดียวก็คลุมทั้งตัว เกราะรบที่ดุร้ายปกคลุมร่างกาย เฮยทั่นที่ร่างกายโดนกดลงพลันทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง ดันแบกเหมียวอี้ไว้บนหลังตัวเองแล้ว
เมื่อเห็นเกราะรบบนตัวเหมียวอี้ที่ดูเหมือนทั้งตัวมีขนงอก ภาพที่ตัวเองโดนโจมตีครั้งเดียวจนสาหัสในปีนั้นก็ลอยขึ้นมาตรงหน้าจ้านหรูอี้ นางแค้นจนกัดฟันกรอด
นางเคยประมือกับเหมียวอี้มาก่อน รู้ถึงความร้ายกาจของเหมียวอี้ จ้านหรูอี้ไม่กล้าประมาทเช่นกัน พอนางโบกมือ เกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงก็ปกคลุมร่างกาย นางถือทวนอยู่นมือ ถามว่า “อยากจะประลองยังไงเจ้าก็บอกวิธีมาเลย” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ก็แค่คนที่เคยแพ้ด้วยน้ำมือหนิว ทำไมกล้าอวดดี เจ้าอยากจะประลองยังไงก็ประลองอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวหนิวเล่นเป็นเพื่อนก็พอแล้ว” เหมียวอี้กล่าว
คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรกับการเปิดแผลเป็นของจ้านหรูอี้ สีหน้าเดือดดาลล้นทะลักขึ้นมาใบหน้าจ้านหรูอี้แล้ว นางตะคอกว่า “ข้ายอมให้เจ้าสามท่า!”
นางไม่มีท่าทีว่าจะเรียกสัตว์พาหนะออกมาใช้ด้วยซ้ำ ที่จริงเมื่อวรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ้งแล้ว โดยทั่วไปการขี่สัตว์เทพก็ยังสู้ความเร็วในการเหาะของนางไม่ได้
เหมียวอี้มีหรือที่จะเกรงใจ จู่ๆ ก็โบกมือชี้มา กระบี่วิเศษผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงยาวเกือบหนึ่งจั้งพลันยิงออกมา ส่งเสียงปะทะลมดังอย่างบ้าคลั่ง บนรอบๆ ตัวกระบี่มีกระแสไฟฟ้าจากสายฟ้าปรากฏขึ้น ยิงฟันไปที่จ้านหรูอี้อย่างรวดเร็ว
จ้านหรูอี้หรี่ตา นางคุ้นเคยกับกระบี่สายฟ้าด้ามนี้ที่สุดแล้ว นี่คือของวิเศษของนางที่ถูกเหมียวอี้แย่งไป จึงพ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกทันทีว่า “มาได้เวลาพอดี!”
พอนางพลิกมือ ฝ่ามือข้างหลังก็ดันสิ่งของที่เหมือนกระจกทองแดงออกมาอันหนึ่ง รอบกระจกแกะสลักลวดลายงดงาม นานำมาบังไว้ตรงหน้าเหมือนเป็นโล่กำบัง
หลังจากเสียงดังซวบ กลุ่มคนที่ดูการต่อสู้รวมทั้งเหมียวอี้พากันตกตะลึง
วินาทีที่กระบี่สายฟ้าฟันโดนกระจกทองแดง ก็ไม่ได้มีเสียงสั่นสะเทือนเหมือนที่ทุกคนจินตนาการไว้ กระบี่วิเศษผลึกแดงเพียงทิ้งรอยฟันที่เหมือนระลอกคลื่นเอาไว้บนกระจกทองแดงหนึ่งรอยเท่านั้น ราวกับโยนหินลงในน้ำ จมหายเข้าไปในกระจกทองแดงภายในชั่วพริบตาเดียว ระลอกคลื่นบนพื้นผิวกระจกทองแดงกลับไปเงียบสงบอย่างรวดเร็ว
เหมียวอี้ใช้นิ้วร่ายอิทธิฤทธิ์ทันที แต่กลับค้นพบอย่างตกใจว่าตัวเองขาดการเชื่อมต่อกับกระบี่สายฟ้าไปแล้ว ยังไม่ทันได้แสดงพลานุภาพของกระบี่สายฟ้าออกมาเลย ชั่วปะหน้ากันก็โดนอีกฝ่ายเก็บไปเสียแล้
พวกหยางชิ่งที่ดูการต่อสู้อยู่เงียบๆ พลันขมวดคิ้ว บางคนก็เม้มริมฝีปากแน่น บางคนก็ทำสีหน้าจริงจัง เห็นได้ชัดว่าของวิเศษของจ้านหรูอี้ร้ายกาจกว่าหนึ่งระดับ ลงมือได้ไม่ธรรมดา สมกับเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่เงินหนา
จ้านหรูอี้ที่มือหนึ่งถือทวน มือหนึ่งถือกระจกทองแดงแสยะยิ้ม “กระบี่สายฟ้านี้เดิมทีนั้นเป็นของของข้า วันนี้นับว่ากลับคืนเจ้าของแล้ว ข้ายอมให้เจ้าแล้วหนึ่งท่า เหลืออีกสองท่า มีทักษะอะไรก็นำออกมาใช้เลย ถ้าชักช้าจะไม่มีโอกาสแล้วนะ”
เหมียวอี้ไม่พูดอะไร พอสะบัดมือ น้ำเต้าใบหนึ่งก็ถูกโยนออกมา ชั่วพริบตาที่ยิงไปหาจ้านหรูอี้ มันก็พ่นหมอกสีแดงออกมาพักหนึ่ง ดูเหมือนหมอกสีแดง แต่ที่จริงเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่กางออกมา ครอบไปทางจ้านหรูอี้
จ้านหรูอี้แววตาวูบไหว กระจกทองแดงพลันหลุดออกจากมือ ยิงไปทางน้ำเต้าวิเศษที่เป็นตาข่ายโดยตรง ขณะเดียวกันก็ขยายใหญ่ขึ้น ไม่รอให้น้ำเต้าพ่นตาข่ายแดงออกมา ราวกับเป็นกระจกบานใหญ่ที่ตบลงไป
…………………………