พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1411 ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้
“ตระกูลเซี่ยโห้ว?” เหมียวอี้ค่อนข้างประหลาดใจ
“ใช่!” อวิ๋นจือชิวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ก่อนจะมาข้าไปสืบกับคนเก่าคนแก่ของลัทธิมารมาถึงได้รู้ ถ้าจะบอกว่าอำนาจที่อยู่ฉากหน้าล้วนอยู่ในมือประมุขชิงกับประมุขพุทธะ เช่นนั้นอำนาจในที่ลับที่มีอิทธิพลมากที่สุด ที่จริงแล้วก็คือตระกูลเซี่ยโห้ว เพียงแต่ตระกูลเซี่ยโห้วค่อนข้างอยู่อย่างสงบเสงี่ยม บวกกับคนที่มีเจตนาไม่ดีก็ไม่อยากจะให้ตัวเองลำบาก ดังนั้นเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับตระกูลเซี่ยโห้ว นอกจากคนรุ่นก่อนก็มีคนรู้ไม่เยอะเท่าไร จากที่ฟังคนรุ่นก่อนพูดมาก็มีอยู่ประโยคหนึ่ง ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้!”
“ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้?” เหมียวอี้ตกใจไม่เบา ถามว่า “คำพูดนี้กล่าวเกินไปหน่อยรึเปล่า?”
“ตอนแรกที่ข้าได้ยินคำพูดนี้ ข้าก็ตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน หนิวเอ้อร์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องพระปีศาจหนานโปรึเปล่า?” อวิ๋นจือชิว
เหมียวอี้อึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็ยิ้มเจื่อน “แค่เคยได้ยินเสียที่ไหนล่ะ เป็นไปได้สูงว่าตอนนี้ศีลแปดจะอยู่กับพระปีศาจหนานโปด้วย”
“…” ครั้งนี้ถึงคราวที่อวิ๋นจือชิวจะตกใจบ้างแล้ว หลังจากพูดไม่ออกไปพักใหญ่ นางก็คลายแขนสองข้างออกจากคอของเหมียวอี้อย่างช้าๆ แล้วถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน ศีลแปดไปอยู่กับเขาได้ยังไง พระปีศาจหนานโปตายแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ ไต้ซือศีลเจ็ดก็ส่งข่าวมาให้ข้า บอกแค่ว่าพระปีศาจหนานโป…” เหมียวอี้เล่าให้ฟังไม่หยุด เล่าเรื่องที่ตัวเองเข้าใจให้ฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง บอกว่าจนกระทั่งวันหนึ่งที่ทูตตรวจการซ้ายเกาก้วนมาถามเขาเรื่องปีศาจโลหิต เขาถึงได้รู้จากปากเกาก้วนว่าศีลแปดอยู่ที่ไหน
“ทำไมเกาก้วนถึงบอกเรื่องพวกนี้กับเจ้า มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?” อวิ๋นจือชิวระแวงไม่หาย
เหมียวอี้บอกว่า “ข้าสงสัยว่าเป็นเรื่องจริง เจ้าไม่ค่อยรู้จักศีลแปดดีเท่าไร แต่ข้ากลับรู้จักนิสัยของเขาดี พฤติกรรมของพระหนุ่มนั่น เหมือนเป็นเรื่องที่ศีลแปดสามารถทำได้จริงๆ คนที่ไม่รู้จักศีลแปดไม่มีทางบรรยายได้เหมือนขนาดนี้แน่ การวางตัวของไต้ซือศีลเจ็ด เจ้าเองก็รู้เหมือนกัน เขาสามารถทำเรื่องที่เสียสละตนเองเพื่อคนอื่นได้จริงๆ มิหนำซ้ำข้าก็สงสัยมานานแล้วว่าศีลแปดกับปีศาจโลหิตอยู่ด้วยกัน ครั้งนี้ก็แค่ได้รับการพิสูจน์ก็เท่านั้นเอง”
อวิ๋นจือชิวทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง นำเบาะแสแต่ละอย่างที่สอดคล้องกันมารวมกัน เกรงว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง นางถามว่า “แล้วตอนนี้เจ้ามีแผนที่จะทำยังไง?”
เหมียวอี้บอกว่า “ยังจะทำยังไงได้อีกล่ะ? ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ศีลแปดกับไต้ซือศีลเจ็ดก็ต้องรออีกหนึ่งพันปีหลังถึงจะหลุดพ้นออกมาจากที่นั่น และตอนนี้ข้าก็ยังหาทางไปที่นั่นไม่ได้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ช่วงก่อนหน้านี้ที่หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาดึงกำลังพลกลุ่มใหญ่ไปปฏิบัติภารกิจที่น่านฟ้าเถาะติง ก็เกรงว่าคงจะไปตามหาสถานที่ผนึกพระปีศาจหนานโปนั่นแหละ ตอนนี้ข้าก็ไม่มีหนทางจริงๆ ทำได้เพียงดูไปทีละก้าว”
อวิ๋นจือชิวพยักหน้าถอนหายใจ “น้องชายเจ้านี่ก็จริงๆ เลย ทำให้เบาใจไม่ได้เลย”
“ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วที่เจ้าพูดถึงเมื่อกี้ แถมยังโยงไปที่พระปีศาจหนานโปด้วย หมายความว่าอะไร?” เหมียวอี้ถาม
อวิ๋นจือชิวเล่าว่า “พระปีศาจหนานโปเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้าในปีนั้น เรียกได้ว่าเก่งกาจไร้เทียมทาน ตระกูลเซี่ยโห้วก็ถูกอุ้มชูขึ้นมาโดยมือของพระปีศาจหนานโปนี่แหละ ในตอนนั้นใต้หล้ายังไม่มีกฎสวรรค์อะไรควบคุม มีแค่ธรรมะและอธรรม เป็นการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม ผลัดกันขึ้นผลัดกันลงซ้ำไปซ้ำมา การผงาดขึ้นของพระปีศาจหนานโปก็ยิ่งทำให้ระหว่างธรรมะและอธรรมสับสนวุ่นวาย และท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น ตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้รับการอุ้มชูจากพระปีศาจหนานโป ได้รับทรัพยากรจำนวนมาก เรียกได้ว่าในตอนนั้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของใต้หล้าเลย ที่จริงจนกระทั่งตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในใต้หล้าอยู่ เพียงแต่พระปีศาจหนานโปในตอนนั้น หลังจากเก่งกาจไร้เทียมทานแล้วก็ลืมตัว ตั้งตนเป็นเทพที่ครอบงำทุกอย่างในโลก ฆ่าคนตามอารมณ์ตัวเอง มองสรรพสิ่งในโลกนี้ราวกับมด และด้วยความที่หัวหน้าตระกูลคนแรกของเซี่ยโห้วพูดผิดหู ถึงได้ตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือพระปีศาจหนานโป โดนทำลายทั้งร่างและวิญญาณ ไม่มีวันกลับชาติมาเกิดได้อีก
เซี่ยโห้วท่าลูกชายของเขา หรือท่านปูของราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ในตอนนี้ เพื่อที่จะกลายเป็นหัวหน้าตระกูลคนที่สองของตระกูลเซี่ยโห้ว ภายนอกเขารับใช้พระปีศาจหนานโปอย่างระมัดระวัง แต่ในใจกลับมีเจตนาล้างแค้น แอบสนับสนุนเลี้ยงดูยอดฝีมือขึ้นมาหกคน แล้วอาศัยโอกาสยุยงให้พระปีศาจหนานโปไปสู้กับยอดฝีมืออีกสามคน ผลก็คือถึงแม้พระปีศาจหนานโปจะชนะ แต่กลับโดนโดนยอดฝีมืออีกสามคนโจมตีจนสาหัส ยอดฝีมือหกคนที่เซี่ยโห้วท่าปั้นขึ้นมาจึงฉวยโอกาสลงมือ ฉวยโอกาสตอนที่พระปีศาจหนานโปบาดเจ็บสาหัส สังหารให้ตายได้ภายในครั้งเดียว จากนั้นเซี่ยโห้วท่าก็อาศัยกำลังทรัพย์ กำลังคนและทรัพยากรมหาศาลของตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อสนับสนุนให้ยอดฝีมือหกคนนั้นเป็นใหญ่ พวกเขาก็คือประมุขปราชญ์หกลัทธิในตอนหลังนั่นเอง”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “ที่จริงประมุขปราชญ์หกลัทธิก็คือลูกศิษย์ของพระปีศาจหนานโปนี่เอง”
“หา! พวกเขาเป็นศิษย์ของพระปีศาจหนานโปเหรอ?” อวิ๋นจือชิวตกตะลึงไม่หยุด ถามอีกว่า “เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “ข้ารู้มาจากปากจินม่านนิดหน่อย แต่จินม่านบอกไม่ละเอียด นางไม่ได้เอ่ยเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลเซี่ยโห้ว เจ้าเล่าต่อสิ”
อวิ๋นจือชิวพยักหน้า “หลังจากประมุขปราชญ์หกลัทธิครองใต้หล้าแล้ว ก็ยังหวาดกลัวอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ดี ทุกคนมีเจตนาจะลดอำนาจ กดดันให้ตระกูลเซี่ยโห้วหายใจไม่คล่อง วางแผนทำลายอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วให้หมดไปผลปรากฏว่ากดดันจนตระกูลเซี่ยโห้วต้องโต้กลับ เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ตระกูลเซี่ยโห้วจึงอุ้มชูลูกศิษย์ของยอดฝีมือสามคนที่โดนหนานโปฆ่าในปีนั้นให้มาแทนที่ประมุขปราชญ์หกลัทธิ นั่นก็คือประมุขพุทธะ ประมุขชิงและประมุขไป๋ ต้องรู้ไว้ว่าในปีนั้นประมุขปราชญ์หกลัทธิกำลังควบคุมใต้หล้า มีกำลังคนเยอะและมีอำนาจมาก มีลูกน้องเยอะมาก ถ้าฆ่าประมุขปราชญ์หกลัทธิทิ้งอย่างเดียวก็ควบคุมใต้หล้าได้ยากอยู่ดี ตระกูลเซี่ยโห้วก็เลยทุ่มเททรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนอีก ถึงได้ทำให้ประมุขพุทธะ ประมุขชิง ประมุขไป๋ทำให้ใต้หล้าสงบได้ กลายเป็นสามมหาราชัน
ตอนหลังมีประมุขปีศาจโผล่มาอีก กลายเป็นสี่มหาราชัน แต่ไม่นานก็เกิดขัดแย้งกันภายใน ตระกูลเซี่ยโห้วซึมซับบทเรียนมาแล้วสองครั้ง รู้ว่าถ้าคนใดคนหนึ่งได้เป็นใหญ่ก็ล้วนไม่เป็นผลดีกับตระกูลเซี่ยโห้ว ถึงได้พยายามต้อนรับขับสู้อยู่ระหว่างสี่มหาราชัน หวังว่าสี่มหาราชันจะควบคุมกันและกันเพื่อรักษาสมดุลต่อไป ส่วนตระกูลเซี่ยโห้วก็คงอยู่ในตำแหน่งเหนือข้อพิพาทระหว่างพวกเขา แต่ใครจะคิดว่าประมุขพุทธะกับประมุขชิงจะรับปากแต่ภายนอก แต่กลับแอบวางแผนกันอย่างลับๆ พอสบโอกาสก็ชิงลงมือก่อนอย่างเด็ดขาด โจมตีประมุขไป๋กับประมุขปีศาจจนพ่ายแพ้ แล้วตระกูลเซี่ยโห้วก็เลยเสี้ยมประมุขพุทธะกับประมุขชิงให้เกิดความขัดแย้งอีก หวังจะสร้างความสมดุลอีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมา แล้วค่อยมุ่งแสวงหาผลประโยชน์อยู่ตรงกลาง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วคิดไม่ถึงก็คือ ประมุขพุทธะกับประมุขชิงจะหาวิธีการอยู่ร่วมกันแบบสันติ ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า ไม่สร้างภัยคุกคามใดๆ ต่อกันและกัน อาศัยกันและกันเพื่อต่อสู้กับภายนอก จะเห็นได้ว่าระหว่างทั้งสองวางแผนกันมานานแล้ว ความฝันที่ตระกูลเซี่ยโห้ววางแผนหลายตลบถูกประมุขพุทธะกับประมุขชิงทำลายแล้ว ทว่าอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังเห็นๆ กันอยู่ กอปรกับลูกน้องเก่าที่เหลือรอดของหกลัทธิ ภัยคุกคามจากลูกน้องเก่าของประมุขไป๋กับประมุขปีศาจ ใต้หล้าสับสนวุ่นวาย มีสงครามเกิดขึ้นทุกที่ เพื่อที่ประมุขพุทธะกับประมุขชิงจะนั่งอยู่ในตำแหน่งได้อย่างมั่นคง ก็ยังต้องอาศัยการสนับสนุนของตระกูลเซี่ยโห้ว ประมุขชิงถึงได้แต่งงานกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่หลานสาวของเซี่ยโห้วท่าและแต่งตั้งเป็นราชินีสวรรค์ ถึงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้วให้คุมใต้หล้าจนสงบได้อย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากใต้หล้าสงบแล้ว ต่อให้จะแต่งตั้งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นราชินี แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังหนีไม่พ้นชะตากรรมที่โดนกดดัน ประมุขชิงเป็นคนแรกที่ลงดาบกับตระกูลเซี่ยโห้ว ลดอำนาจตระกูลเซี่ยโห้วครั้งแล้วครั้งเล่า กดดันจนตระกูลเซี่ยโห้วแทบจะไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงในตำหนักสวรรค์เลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมียวอี้ได้ฟังเรื่องแบบนี้ เขากล่าวอย่างตกใจว่า “นึกไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะมีอดีตที่รุ่งโรจน์ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าความเจริญและความเสื่อมโทรมของผู้เป็นใหญ่หลายรุ่นล้วนไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว สนับสนุนอุ้มชูผู้เป็นใหญ่ขึ้นหลายรุ่น หลังจากผู้เป็นใหญ่ขึ้นตำแหน่ง ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดล้วนลงดาบกับตระกูลเซี่ยโห้ว สงสัยจะเป็นไม้ใหญ่โดนลมโค่นจริงๆ แต่ในเมื่อโดนกดดันจนถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมอำนาจลับที่ใหญ่ที่สุดยังเป็นตระกูลเซี่ยโห้วอยู่อีกล่ะ? เจ้าบอกว่าตระกูลเซี่ยโห้วมีอำนาจตัดสินใจที่ตลาดผีเหรอ ทำไมประมุขชิงไม่ริดรอนสิทธิในการควบคุมของเขาซะ?”
อวิ๋นจือชิวอธิบายต่อ “เจ้าคิดว่าประมุขชิงไม่อยากทำเหรอ? ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ทำไม่ได้ต่างหากล่ะ มีเรื่องราวมากมายที่ไม่ใช่ว่าวรยุทธ์สูงหรือพลังเยอะแล้วจะทำได้ ตระกูลเซี่ยโห้วถูกประมุขชิงฉกฉวยเอาหลายสิ่งไปเยอะเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่สมาคมวีรชน เดิมทีนั่นคือสิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วสร้างมาเองกับมือ แต่ก็ถูกประมุขชิงขุดเอาไปเหมือนกัน ตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว พวกเขารู้ ว่าถ้าส่งอำนาจที่อยู่ใต้ดินออกมาเมื่อไร ก็จะไม่มีที่พึ่งพิงสุดท้ายแล้ว ประมุขชิงจะต้องฆ่าให้หมดเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแน่นอน ดังนั้นจะเป็นจะตายยังไงตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ยอมมอบให้ ถ้าประมุขชิงจะใช้วิธีแข็งกร้าว ต่อให้สามารถฆ่าเซี่ยโห้วท่าและคนของตระกูลเซี่ยโห้วตายหมด แต่อำนาจลับที่อยู่ใต้ดินของตระกูลเซี่ยโห้วก็จะติดต่อกับอำนาจอิทธิพลที่ต่อต้านทางการของแต่ละฝ่ายให้ก่อกวนใต้หล้าทันที ดำเนินการล้างแค้นไง ประมุขชิงเลยไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้วง่ายๆ”
เหมียวอี้ครุ่นคิด แล้วบอกอีกว่า “ถ้าดูจากภายนอก ตระกูลเซี่ยโห้วก็เหมือนจะไม่มีอะไรที่นำออกมาอวดได้นะ อาศัยแค่พวกตลาดผีก็สามารถบ่อนทำลายใต้หล้าของประมุขชิงกับประมุขพุทธะได้แล้วเหรอ?”
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “เรื่องบางเรื่องไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่เห็นกันภายนอกหรอก สัตว์ร้อยขาเช่นกิ้งกื้อ ต่อให้ตายแล้วแต่ร่างก็ไม่แน่นิ่งอยู่ดี มิหนำซ้ำกิ้งกือตัวนี้ก็ยังไม่ตายด้วย ตระกูลเซี่ยโห้วเฟื่องฟูอยู่ในยุคของพระปีศาจหนานโป พออุ้มชูประมุขปราชญ์หกลัทธิขึ้นมาแล้ว ก็โค่นล้มพระปีศาจหนานโปที่เป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าอีก กดประมุขปราชญ์หกลัทธิลงมา แล้วสนับสนุนสามมาราชัน ตอนหลังก็ช่วยประมุขพุทธะกับประมุขชิงทำให้ใต้หล้าสงบ เป็นตัวหลักที่เข้าร่วมและผ่านเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงมากมายแต่ไม่ล้ม ระดับน้ำของตระกูลเซี่ยโห้วจะลึกแค่ไหนก็ไม่มีใครคลำถึงก้น ถ้าจะพูดถึงตำหนักสวรรค์ อำนาจที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ประมุขชิงก็ย่อมเป็นสี่อ๋องสวรรค์ แต่ในมือของตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีกำลังทหารอะไรทั้งนั้น แต่กลับอยู่ในระดับเดียวกับสี่อ๋องสวรรค์ ได้ยินว่าเมื่อสี่อ๋องสวรรค์เจอเซี่ยโห้วท่าก็ยังต้องเกรงใจ ที่เป็นแบบนี้เพราะอะไรล่ะ? เจ้าเคยได้ยินขุนนางทั้งราชสำนักสู้กันเองมั้ย เคยได้ยินมั้ยว่าขุนนางทั้งราชสำนักมีใครเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งตระกูลเซี่ยโห้วก่อน?”
“คงไม่ใช่เพราะตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีอำนาจทางทหาร ทุกคนเลยไม่จำเป็นต้องสู้กับตระกูลเซี่ยโห้วหรอกใช่มั้ย” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่แน่ใจ
อวิ๋นจือชิวอธิบายว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิงทำผิดอย่างเหิมเกริม เมื่ออยู่ในตระกูลเซี่ยโห้วแล้วไม่ได้รับความสำคัญ แต่เจ้าเคยได้ยินว่าใครกล้าเล่นงานเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ถึงตายมั้ย? แน่นอนว่าเจ้าเป็นข้อยกเว้น ยังมีเรื่องปรับปรุงตลาดสวรรค์อีก ทำไมประมุขชิงถึงยกเรื่องที่ล่วงเกินผิดใจกับคนอื่นให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำล่ะ? ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ที่ตลาดผีแห่งนี้ ถูกควบคุมอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยโห้วมานานแล้ว มีตระกูลไหนที่ไม่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่ในตลาดผีบ้าง สี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้ทำเหรอ? มีใครกล้ารับรองมั้ยว่าจุดอ่อนของตระกูลตัวเองไม่ได้อยู่ในมือของตระกูลเซี่ยโห้ว? ยังไม่ต้องพูดถึงผู้มีอำนาจเหล่านั้นของตำหนักสวรรค์ อำนาจน้อยใหญ่ในใต้หล้าและสำนักต่างๆ มีใครบ้างที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมายในตลาดผีเลย เวลาเข่นฆ่ากันก็มักจะได้ของบางอย่างที่ไม่สะดวกจะปล่อยขายบ้างแหละน่า ใครจะไปรู้ว่าผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วในมือตระกูลเซี่ยโห้วกุมจุดอ่อนไว้เยอะขนาดไหน?
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมตอนที่ใต้หล้าวุ่นวาย พอตระกูลเซี่ยโห้วออกโรงแก้ปัญหาก็สามารถทำให้ความเคลื่อนไหวแต่ละด้านสงบลงอย่างรวดเร็ว ก็เป็นหลักการเดียวกัน ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วต้องการจะก่อกวนสร้างความวุ่นวายขึ้นมา แค่โยนจุดอ่อนของผู้มีอำนาจในตำหนักสวรรค์ออกมาไม่หยุด ก็สามารถทำให้หน่วยงานภายในของตำหนักสวรรค์ปั่นป่วนแล้ว ถ้าใช้จุดอ่อนนี้มาขู่ ยุยงอำนาจแต่ละฝ่ายในใต้หล้าและสำนักน้อยใหญ่พวกนั้น เจ้าคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงล่ะ?
แล้วอีกอย่าง ทางลัทธิมารก็มีร้านค้าอยู่เหมือนกัน มีการไปมาหาสู่กับคนที่ควบคุมตลาดผีที่นี่ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือไปมาหาสู่กับคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ข้าว่าคงไม่ได้ทำแบบนี้กับลัทธิมารอย่างเดียวหรอก คาดว่าคนที่เหลือรอดจากหกลัทธิคงจะมีอยู่บ้าง เพียงแต่เกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นของหกลัทธิกับตระกูลเซี่ยโห้ว หกลัทธิเลยไม่สะดวกจะเปิดเผยกับภายในเท่านั้นเอง เจ้าลองถามจินม่านก็น่าจะรู้นะ เช่นเดียวกัน ตระกูลเซี่ยโห้วรู้อยู่แจ่มแจ้งว่าหกลัทธิมีความแค้นต่อตัวเอง แต่ก็ยังไปมาหาสู่กับหกลัทธิอยู่เหมือนเดิม ทำไมถึงไม่เปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนที่เหลือรอดของหกลัทธิให้ตำหนักสวรรค์รู้ล่ะ? ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วไปสมคบกับคนที่เหลือรอดของหกลัทธิขึ้นมา เป็นคนกลางติดต่อกับอำนาจทุกฝ่ายที่ต่อต้านตำหนักสวรรค์ แล้วกระพือให้เรื่องลุกลามใหญ่โตอีก แบบนั้นจะมีผลที่ตามมาเป็นยังไงล่ะ?”
เหมียวอี้เอนคอไปข้างหลัง สูดหายใจอย่างตกตะลึง แล้วพูดเน้นทีละคำว่า “ใต้หล้าวุ่นวายใหญ่โตแล้ว!”
…………………………