พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1420 กลายเป็นเชลยศึก
ชายชราชุดเขียวรับตั๋วแลกเงินมาไว้ในมืออย่างประหลาดใจสงสัย
ส่วนพิธีกรหญิงก็ถามอย่างตกใจมากว่า “มอบให้จวนแม่ทัพภาคเหรอ? อย่าบอกนะว่าท่านปู่สามหมายถึงกับดักของตำหนักสวรรค์?”
“เจ้าก็เห็นกับตาตัวเองแล้ว ยังต้องสงสัยอีกเหรอ?” เฉาหม่านถามกลับ
พิธีกรหญิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิด แล้วพยักหน้าเบาๆ เหมือนเข้าใจบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่ไม่เข้าใจ “ต่อให้เป็นกับดักของตำหนักสวรรค์ แต่นี่ก็เป็นเงินที่ตำหนักสวรรค์ให้พวกเรามาเปล่าๆ ทำไมกลายเป็นเงินซื้อชีวิตไปพวกเราได้ล่ะ?”
“มอบให้เปล่าๆ เหรอ?” เฉาหม่านหัวเราะเย้ย “เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้จะมอบให้เปล่าเหรอ? เจ้าไม่ลองคิดดูบ้างว่านี่คือเงินอะไร นี่คือเงินที่ได้มากจากการประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ร้านประมูลขายของสัตยพรตบังอาจประมูลขายของสิ่งนี้ การลักลอบขายจำนวนมากขนาดนี้สามารถยัดข้อหาก่อกบฏให้เจ้าได้เลย!”
พิธีกรหญิงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านปู่สาม งานประมูลขายของพวกเราก็ไม่ได้ประมูลขายสินค้าต้องห้ามเป็นครั้งแรก ครั้งนี้ทำไมไม่ได้แล้วล่ะ? แล้วอีกอย่างนะ นี่ก็เป็นกับดักที่ตำหนักสวรรค์วางไว้เองชัดๆ ตำหนักสวรรค์เป็นฝ่ายส่งให้ให้พวกเรามาประมูลขายเอง จะมาโทษพวกเราได้ยังไง? แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราก็หาเงินแบบนี้มาตลอด ทำไมต้องคืนให้ตำหนักสวรรค์ด้วยล่ะ ถ้าไม่คืนให้ แล้วตำหนักสวรรค์จะทำอะไรพวกเราได้?”
“ตำหนักสวรรค์ปิดตาข้างเดียวและไม่กล้าฉีกหน้าพวกเรามาตลอดนั่นก็ใช่ แต่ทุกอย่างล้วนมีเส้นตาย มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าเชื่อมั้ยว่าตำหนักสวรรค์วางกำลังพลกลุ่มใหญ่เอาไว้ด้านนอกหมดแล้ว สามารถโจมตีให้ถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ! ครั้งนี้เปิดเผยให้พวกเรารู้แบบซึ่งๆ หน้าในด่านสุดท้าย ก็เพราะไม่อยากฉีกหน้าตระกูลเซี่ยโห้วไง ให้โอกาสพวกเราถอนกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลับออกมา ป้องกันไม่ให้เรื่องจวนตัวแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกฝ่ายไว้หน้าตระกูลเซี่ยโห้วเต็มที่แล้ว ถ้าพวกเรายังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ไม่ใช่แค่ประมูลขายของที่จะก่อกบฏนะ ทั้งยังกล้าฮุบเงินก้อนใหญ่ของตำหนักสวรรค์อีก…
ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่ร้านประมูลขายสัตยพรตประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กันหมดแล้ว พยานหลักฐานมีแบบสำเร็จรูป ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็รออยู่ข้างนอก ตำหนักสวรรค์ปิดตาข้างเดียวและไม่กล้าฉีกหน้าพวกเรามาตลอดนั่นก็ใช่ แต่ทุกอย่างล้วนมีเส้นตาย มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าเชื่อมั้ยว่าตำหนักสวรรค์วางกำลังพลกลุ่มใหญ่เอาไว้ด้านนอกหมดแล้ว สามารถโจมตีให้ถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ! ครั้งนี้เปิดเผยให้พวกเรารู้แบบซึ่งๆ หน้าในด่านสุดท้าย ก็เพราะไม่อยากฉีกหน้าตระกูลเซี่ยโห้วไง ให้โอกาสพวกเราถอนกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลับออกมา ป้องกันไม่ให้เรื่องจวนตัวแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกฝ่ายไว้หน้าตระกูลเซี่ยโห้วเต็มที่แล้ว ถ้าพวกเรายังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ไม่ใช่แค่ประมูลขายของที่จะก่อกบฏนะ ทั้งยังกล้าฮุบเงินก้อนใหญ่ของตำหนักสวรรค์อีก…
ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่ร้านประมูลขายสัตยพรตประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กันหมดแล้ว พยานหลักฐานมีแบบสำเร็จรูป ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็รออยู่ข้างนอก ถ้าพวกเราอ่านสถานการณ์ออก นี่ก็จะเป็นการวางกับดักที่ตำหนักสวรรค์ยืมมือพวกเรา อีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่องถามหาความรับผิดชอบจากพวกเรา แต่ถ้าพวกเราอ่านสถานการณ์ไม่ออก ก็แปลว่าพวกเราบังอาจไม่สนกฎหมายประมูลขายสินค้าต้องห้ามช่วยเหลือวางแผนก่อกบฏอย่างลับๆ ถ้าโดนข้อหาก่อกบฏเมื่อไร ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็จะสามารถค้นและยึดทรัพย์ตึกศาลาสัตยพรตได้ทันที! พวกเขาเมตตาไว้หน้าเต็มที่ก่อนแล้ว ถ้าตอนหลังพวกเราอ่านสถานการณ์ไม่ออกและไม่ไว้หน้าพวกเขา ถึงตอนนั้นแม้แต่หัวหน้าตระกูลก็พูดอะไรไม่ได้ นี่ยังไม่ใช่เงินซื้อชีวิตอีกเหรอ?”
พิธีกรหญิงเข้าใจแล้วกัดฟันบอกว่า “ตำหนักสวรรค์วางแผนแยบยลนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ผลประโยชน์พวกเราไปงานหนึ่งโดยไม่เสียอะไร”
เฉาหม่านถอนหายใจแล้วบอกว่า “ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง นี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจของประมุขชิง” เขาหันกลับมาโบกมือให้ชายชราชุดเขียว “เฒ่าชี รีบเอาไปส่งให้เถอะ ดาบมาคาอยู่ที่คอพวกเราแล้ว ถ้าแสดงท่าทีช้าไปจะกอบกู้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว”
“ขอรับ!” ชายชราชุดเขียวเก็บตั๋วแลกเงินแล้วรีบออกไป ไม่กล้าชักช้าอีก
ส่วนเหมียวอี้ที่กำลังหลบหนีอยู่ในตอนนี้กลับแอบร้องอย่างขื่นขมใจ หลายคนที่กำลังตามหลังหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโผล่ออกพ้นผิวน้ำแล้วดำหลบหนีเข้าไปในทาวใต้ดินที่มั่วเหมือนเขางกตอีก เมื่อครู่ได้รู้จากปากจ้านหรูอี้ว่าคนที่นำทางมาก็คือหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เป็นคนที่ประมูลซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไปได้ ไม่ผิดหรอก เป็นคนที่ตำหนักสวรรค์จัดเตรียมมา
พวกเขาโผล่ออกมาจากผิวดิน แล้วรีบหลบไปยังแนวเทือกเขาที่อยู่ไกลๆ แต่พอหันกลับมามอง กลุ่มคนข้างหลังก็โผล่ออกมาจากถ้ำราวกับผึ้งแตกรัง หัวคนดำเป็นพืด กัดพวกเขาไม่ปล่อย แต่ก็ทำได้แค่ไล่ตามเท่านั้น ตามทันแล้วชัดๆแต่ก็ไม่รีบลงมือ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเขา ต่างก็รอให้ฝ่ายอื่นลงมือหยั่งเชิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตอนแรกเหมียวอี้ก็ยังแอบชมตำหนักสวรรค์ว่าวางแผนแยบยลอยู่เลย คนหลายพันคนที่แต่งตัวเหมือนกันกระจายตัวออกไปพร้อมกันในครั้งเดียว จะต้องทำให้คนไม่รู้แน่นอนว่าจะไล่ตามกลุ่มไหนดี แต่ใครจะคิดว่าเสือสิงห์กระทิงแรดพวกนี้ตอบสนองไวมาก ไล่ตามพวกเขาไม่ปล่อยอย่างมีเป้าหมายชัดเจน
ก่อนหน้านี้เหมียวอี้ยังคิดไม่ตกว่าเป็นเพราะอะไร ตอนหลังเพิ่งจะค้นพบ ว่าการตามจ้านหรูอี้มาเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง รูปร่างสูงระหงทรงเพรียวของผู้หญิงคนนี้สะดุดตาเกินไป ผู้หญิงที่ตัวสูงระหงแบบนี้หาพบได้น้อยมาก จะไม่ให้คนมองเบาะแสออกก็คงยาก
หลังจากคิดได้แล้ว เหมียวอี้ก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด รู้อยู่แท้ๆ ว่านี่เป็นกับดัก รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าตำหนักสวรรค์อยากจะล่อให้กลุ่มคนมาติดกับดัก ตำหนักสวรรค์จะสร้างความสับสนจนปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้อย่างไร ถ้าให้พวกเขาหนีไปได้จริงๆ ก็เล่นแผนนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว สาเหตุที่ผลักจ้านหรูอี้ไว้หน้าเวที ก็เพราะรูปร่างของจ้านหรูอี้นั้นโดดเด่นมากจนล่อศัตรูได้ไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้นการจงใจให้คนหลายพันคนสร้างความสับสนเป็นเพียงสถานการณ์ปลอม เป้าหมายก็คือทำให้ผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงยิ่งเชื่ออย่างไร้ข้อกังขามากขึ้น
เหมียวอี้ไม่รู้ว่าไอ้เวรคนไหนของตำหนักสวรรค์มันคิดแผนที่แยบยลโหดร้ายแบบนี้ออกมาได้ ขนาดเริ่มปฏิบัติตามแผนการแล้วยังไม่เปิดเผยข่าวให้รู้สักนิดเลย ทำเอาเขาหนีตามจ้านหรูอี้ต่อไปเหมือนคนโง่เง่า ตอนนี้วิ่งเข้าไปหากับดักแล้วจริงๆ
เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย ตอนที่เขาหลบหนีอยู่ในเขาวงกตใต้ดิน เขากับเหยียนซิวก็สวมเกราะรบอยู่ในชุดคลุมสีดำแล้ว
แต่ในบรรดาคนพวกนี้ เหมียวอี้ก็มีวรยุทธ์ต่ำสุด เหยียนซิวกำลังช่วยดึงแขนเหมียวอี้หลบหนีอยู่
คนที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเหมือนจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว โผเข้ามาใส่ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว พอเริ่มทดสอบฝีมือ ศึกเดือดก็เปิดฉากแล้ว!
เสียงสะเทือนดังอึกทึกครึกโครม เหมียวอี้กับเหยียนซิวกำลังหลบหนีอยู่หลังสุด คนหนึ่งโบกทวน คนหนึ่งโบกขวาน ขณะที่หลบหนีก็สกัดการโจมตีของคนที่โผเข้ามาไปด้วย
ทั้งสองคนร่วมมือกัน เหยียนซิวรีบขวานต้านทาน เหมียวอี้ออกทวนสังหารราวกับมังกร ร่วมมือกันอย่างไร้ช่องโหว่ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะวรยุทธ์สูงกว่าทั้งสอง แต่กลับโดนทั้งสองร่วมมือกันสังหารได้ภายในชั่วพริบตาเดียว
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดหันกลับมามองแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววชื่นชม
พรึ่บๆ! ข้างหลังมีคนอีกสิบกว่าคนโผเข้ามา มีพลังแข็งแกร่งกว่าคนก่อนหน้านี้ ประมือกันไม่กี่ครั้งก็ทำให้เหมียวอี้กับเหยียนซิวโดนโจมตีจนกระอักเลือดกระเด็นออกไปแล้ว ไม่ใช่คนที่ทั้งสองจะต้านทานไหวเลย พอทั้งสองพ่ายแพ้ จ้านหรูอี้กับคังเต้าผิงก็ประสบหายนะทันที ประมือเพียงไม่กี่ครั้งก็กระเด็นเช่นกัน
แสงสีฟ้าสายหนึ่งสังหารเข้ามา หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดถลันตัวมาดักอยู่หลังสุด ดาบใหญ่ปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมาสายหนึ่ง ทำให้คนกลุ่มนั้นล่าถอยไปในชั่วพริบตาเดียว คุ้มกันพวกเหมียวอี้ที่สะบักสะบอมเกินทนให้หลบหนีไป
เหมียวอี้ที่กำลังเร่งหลบหนีโยน ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ ให้เหยียนซิวลูกหนึ่ง แล้วรีบสอนวิธีการใช้งานให้เขา ถ้าสถานการณ์คับขันจนรับมือไม่ไหวจริงๆ ก็ให้หลบใน ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ สามารถถ่วงเวลาได้สักหน่อยก็ยังดี คาดว่าตำหนักสวรรค์จะต้องมีแผนสำรองแน่นอน
ที่จริงเหมียวอี้ก็รู้เช่นกัน ว่าถ้าได้สู้กับยอดฝีมือที่แท้จริง ช่องโหว่ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ นี้ก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตพวกเขาได้เลย ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น อีกฝ่ายสามารถเก็บ ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ นี้ไปพร้อมกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ของวิเศษในมือเขานั้นมีไม่น้อย แต่ของวิเศษพวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อเผชิญหน้ากับคนนับหมื่นที่อยู่ข้างหลังและสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่มีพลังเหนือเจ้า ถ้าโยนของวิเศษออกไป ก็เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการมอบของวิเศษให้คนอื่นเสียเปล่าๆ
เขาเองก็อยากจะปล่อยตั๊กแตนออกมา แต่ถ้าไม่ถึงช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตั๊กแตนออกมาเลย เมื่อไม่รู้แผนขั้นต่อไปของตำหนักสวรรค์ชัดเจน เขาก็ไม่กล้าเรียกรวมคนให้มาช่วยเหลือง่ายๆ เช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้จ้านหรูอี้ส่งต่ออำนาจบัญชาการแล้ว การเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนฟังการบัญชาการของหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เนื่องจากเรื่องที่เหมียวอี้ประมูลซื้อท้อเซียน หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดกำชับเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา ก็ห้ามใครเคลื่อนไหวเองโดยพลการ
“รับไว้!” จู่ๆ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่ดักหลังให้ก็โยนกำไลเก็บสมบัติหลายวงให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดเสียงบอกพวกเขาว่า “ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตี!”
พอดูในกำไลเก็บสมบัติพวกนั้น ก็พบว่าข้างในเป็นลูกธนูดาวตกที่วางเป็นกอง
“ทำไมไม่นำออกมาให้เร็วกว่านี้ ต้องให้พ่อบาดเจ็บก่อนรึไงถึงค่อยนำออกมา?” เหมียวอี้ด่าอย่างโมโห
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาล้ำลึก บอกไม่ถูกว่าในแงงตานั้นสื่อความรู้สึกอะไร สรุปก็คือไม่สนใจเขา
ยังไม่อะไรน่าพูดอีก พวกเหมียวอี้ช้อนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา วางลูกธนูดาวตกไว้บนสาย ลำแสงหลายแสงถูกยิงออกไป สังหารจนเกิดเสียงร้องระงมคาที่
ทว่าตอนที่ลูกธนูดาวตกหลายดอกที่ยิงออกไปเลี้ยวกลับมา กลับโดนคนที่บุกจู่โจมตามมาข้างหลังคว้าไว้ พยายามควบคุมเอาไว้แล้ว ถูกธนูที่ยิงออกไปกลับมาสักดอก
โชคดีที่หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดให้ลูกธนูดาวตกกับพวกเขาไว้เยอะ ไม่กลับมาก็ช่างมันสิ พวกเขาหนีไปด้วยยิงไปด้วย ง้างสายธนูตลอดทาง ชั่วพริบตาเดียวก็ยิงสังหารต่อเนื่องได้หลายสิบคน คนที่ตามสังหารอยู่ข้างหลังไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง เหมือนจะมีบางคนมีประสบการณ์ในการรับมือกับลูกธนูดาวตก มีบางคนนำโล่ออกมาแองกัน เสียงต้านทานที่ดังโครมครามเข้ามาประชิดแล้ว
พวกเขาก็มีประสบการณ์ในการใช้งานลูกธนูดาวตกเช่นกัน แต่ละคนยิงลูกธนูจำนวนมากพร้อมกัน ใครที่ถือโล่อยู่ใกล้สุด พวกเขาก็จะยิงฆ่าคนนั้นพร้อมกัน ภายใต้การการชนกระแทกอย่างต่อเนื่องของพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง โล่โดนกระแทกจนพลิก ชนกระแทกคนที่ถือโล่จนกระอักเลือด พอเกิดช่องโหว่ก็ยิงสังหารทิ้งทันที
แต่นี่ไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืน เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงคำรามว่า “หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เบื้องบนเล่นบ้าอะไรอยู่ ตกลงว่ามีแผนสำรองมั้ย ถ้ามีก็รีบใช้เร็วๆ”
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดบอกว่า “เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือไง? ถึงแม้คนจะเยอะ แต่กลับเป็นปลาเล็กๆ กำลังหยั่งเชิง ปลาใหย่ระมัดระวังตัวมาก ยังหลบสังเกตการณ์อยู่ ถ้าปลาใหญ่ต้องการจะโผล่หน้าออกมาจริงๆ อาศัยลูกธนูดาวตกไม่กี่ดอกของพวกเราจะต้านทานไหวเหรอ” แต่สายตากลับวูบไหว เห็นเพียงลูกธนูดาวตกที่ใช้ควบคุมสถานการณ์โดนทำลายพังแล้ว เริ่มมีคนล้อมเข้ามาจากด้านข้างทั้งสองด้านแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะตีโอบล้อมพวกเขา
ดังนั้นจึงได้ยินหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดถอนหายใจอีก “ขนาดใช้เหยื่อล่อแล้วยังไม่ติดเบ็ดเลย สงสัยจะต้องใช้ยาแรงกดดันให้ปลาใหญ่ปรากฏตัวเสียแล้ว เพียงแต่การทำแบบนี้ จะต้องให้เหล่าพี่น้องเสียสละชีวิตโดยไร้ความหมายแล้ว…พวกเฒ่าสารพัดพิษ เดี๋ยวพอตกอยู่ในมือข้าพวกเจ้าได้ถึงคราวทรมานแน่!” พูดจบก็พลิกฝ่ามือหยิบระฆังดาราออกมา แล้วถือโดยใช้แขนเสื้อบัง ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน
ตอนที่เก็บระฆังดาราแล้วง้างธนูไปทางคนที่ตีโอบมาข้างๆ อีกครั้ง ก็รีบบอกเรื่องที่ควรสนใจในขั้นต่อไปให้พวกเหมียวอี้รู้
หลังจากฟังแผนจบ เหมียวอี้ก็สีหน้าบูดเบี้ยวทันที พวกจ้านหรูอี้ก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขาจะต้องได้รับความลำบากอีกแล้ว!
มองออกเลยว่าตำหนักสวรรค์เตรียมตัวมาเต็มที่ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเพิ่งจะติดต่อกับภายนอกได้ไม่นาน ตรงทางข้างหน้าที่พวกเขาหลบหนีก็มีคนชุดดำนับร้อยโผล่ออกมาแล้ว ดักทางหนีของพวกเขาเอาไว้ แทบจะพุ่งออกมาโจมตีโดยไม่ลังเลเลย
พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็วมาก จะเห็นได้ว่าพลังของแต่ละคนไม่ธรรมดา
พวกเหมียวอี้ตกตะลึงพรึงเพริด เปลี่ยนทิศทางง้างธนูยิงอย่างเกรี้ยวกราด
คนชุดดำร้อยคนรีบเอาโล่ออกมาสกัดขวาง ลูกธนูดาวตกไม่มีทางระงับการพุ่งเข้ามาของพวกเขาได้เลย เหาะเข้ามาสังหารอย่างรวดเร็ว สังหารจนพวกเหมียวอี้ไร้กำลังที่จะตอบโต้
โล่กระแทกเข้ามาหนึ่งฉาด
“อั้ก!” เหมียวอี้กระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกว่าแขนตัวเองหักแล้ว กระดูกซี่โครงก็หักหลายท่อนเช่นกัน ตัวเขาแทบจะสลบ แต่พยายามส่ายหน้าเบาๆ เรียกสติ แต่กลับพบว่าตัวเองกลายเป็นเชลยศึกในมือของคนชุดดำแล้ว
พอเอียงหน้ามองหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดและคนอื่นๆ ก็พบว่าแต่ละคนไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร โดนจับเป็นเชลยศึกอย่างจนตรอกสะบักสะบอม
กลุ่มคนชุดดำมีพลังแข็งแกร่งมาก กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่พุ่งมาข้างหลังโดนพวกเขาสังหารจนแพ้ยับเยินในชั่วพริบตาเดียว แต่พวกเขาก็ไม่ได้พัวพันทำศึกอีก คนที่เป็นหัวหน้าโบกมือตะโกนว่า “ไป!”
…………………………