พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1425 เส้นสีแดง
เดิมทีก็ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าจัดการเหมียวอี้ได้ก่อนเพื่อไม่ให้มีข่าวหลุดไป การปฏิบัติการจับกุมอย่างลับๆ ของพวกลูกน้องก็คงจะไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่แบบนี้ เหมียวอี้ที่ ‘โดนลอบสังหาร’ ดันหนีไปได้ ตัวเหมียวอี้เองหนีไปได้ก็ยังไม่เท่าไร ทั้งยังไม่ลังเลที่จะปล่อยข่าวปลอมนี้ให้พวกลูกน้องหนีไปด้วยเช่นกัน แล้วดันมาเจอการจับกุมอย่างกำเริบเสิบสานของตึกศาลาสัตยพรต เมื่อการหนีและการจับกุมนี้มาเจอกัน ก็ได้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว
เรื่องราวไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของทุกคนจริงๆ ขนาดเหมียวอี้ที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องนี้ก็ยังนึกไม่ถึงเลย
ตั้งแต่เหมียวอี้ไปยันตึกศาลาสัตยพรต จนกระทั่งลามไปถึงตำหนักสวรรค์ ทั้งหมดล้วนเป็นความคิดที่เกิดขึ้นชั่วขณะเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เหมียวอี้ถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตลาดผีเกิดสถานการณ์พลิกผันแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ยังคงเร่งรีบหลบหนี ถ้าข้างหลังมีแค่คนสองคนสะกดรอยตามก็ยังไม่น่ากลัวเท่าไร ที่น่ากลัวคือข้างหลังมีคนชุดดำอีกสิบกว่าคนปรากฏตัวและไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว มีคนแซงหน้าสองคนที่สะกดรอยตามเข้ามาแล้ว ย่นระยะห่างกับพวกเหมียวอี้อย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่ามีวรยุทธ์แข็งแกร่งขนาดไหน
เหมียวอี้ไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้น เขาโยนเฮยทั่นที่สวมเกราะรบดุร้ายออกมา แล้วทั้งสามคนก็รีบสวมเกราะรบเช่นกัน เฮยทั่นแบกทั้งสามเหาะอย่างรวดเร็ว ส่วนทั้งสามก็หยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมา ลูกธนูสามดอกถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกัน
ลำแสงเก้าสายพลันยิงออกมาในรวดเดียว การโจมตีหมู่ที่มีขนาดไม่แน่นอนแบบนี้ สำหรับศัตรูที่ไล่ตามมาก็ไม่นับว่าสร้างพลังทำลายล้างได้ คนชุดดำสิบกว่าคนนำโล่ออกมาต้านทานไว้เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ลดความเร็วในการพุ่งเข้ามาเล็กน้อย
เมื่อเห็นสถานการณ์ล่อแหลม ตรงจุดไกลๆ ก็มีเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดดังมา “จะหนีไปไหน!”
คนชุดดำหันมามองแล้วตกใจมาก เห็นเพียงแม่ทัพใหญ่สิบสองคนของตำหนักสวรรค์ที่สวมเกราะรบสีแดงและถือดาบกับทวนกำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว ข้างหลังยังมีแม่ทัพเกราะม่วงอีกนับพันด้วย
พวกเหมียวอี้เห็นแล้วดีใจมาก เรียกได้ว่าทำสีหน้าฮึกเหิม นึกไม่ถึงว่าจะมีกำลังหนุนของตำหนักสวรรค์รีบตามมาช่วย
หารู้ไม่ว่าเป็นเขาที่ได้ ‘สร้างผลงานใหญ่’ เอาไว้ ประมุขชิงจึงออกคำสั่งให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ผู้ตรวจการใหญ่ที่รักษาการณ์ที่นี่จึงไม่กล้าชักช้า รีบส่งกำลังพลที่มีกำลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมาช่วยทันที
เมื่อเห็นพวกเหมียวอี้อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม ดีไม่ดีอาจจะเข้าใจผิดคำสั่งทหารของผู้ตรวจการใหญ่ก็ได้ แม่ทัพใหญ่ที่นำทัพมาจึงโบกมือ แม่ทัพเกราะม่วงพันคนหยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมา มีเสียงระเบิดดังอยู่พักหนึ่ง ลำแสงนับพันสายพลันยิงออกมากู้สถานการณ์
คนชุดดำสองคนข้างหลังที่จับตาดูอยู่ก่อนหน้านี้โดนยิงจนพรุนเป็นรูตะแกรง เสียงกรีดร้องดังก้อง
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังตูมตาม คนชุดดำสิบกว่าคนถือโล่ฝืนต้านทานไว้ โล่ของหลายคนบ้างก็สะเทือนกระเด็นออกไป บ้างก็โดนลูกธนูดาวตกยิงจนระเบิด ขณะเดียวกันก็โดนยิงร่างพรุนเป็นรูตะแกรงจนดับอนาถ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังอาศัยโล่ต้านทานการโจมตีระลอกแรกได้ และไม่สนใจกองทัพที่ตามมาทีหลังเช่นกัน โผเข้าใส่พวกเหมียวอี้สุดแรง เตรียมจะจับเป็นตัวประกันเพื่อหนีเอาตัวรอด
เหมียวอี้รีบเก็บเฮยทั่น ลูกกลมสีแดงลูกหนึ่งถูกผลักออกมาและขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นพลิกกลับเสียงดังแกร๊ง ปกป้องคนสามคนเอาไว้ในนั้นโดยตรง แล้วรีบปิดผนึก ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ เพื่อป้องกัน
เสียงระเบิดดังสะเทือนหลายครั้ง ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ ถูกทำให้สะเทือนจนกระเด็นไปแล้ว คนชุดดำหลายคนที่โจมตีเข้ามาตกใจมาก นี่มันของเล่นอะไรกัน?
พวกเหมียวอี้ที่หลบอยู่ใน ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ ก็ถูกทำให้สะเทือนจนกลิ้งมั่วไปหมดเช่นกัน
มีลูกธนูดาวตกยิงเข้ามาอีกระลอกแล้ว คนชุดดำหลายคนโบกโล่มาต้านทานไว้อีกครั้ง แม่ทัพเกราะแดงสิบสองคนก็โจมตีเข้ามาแล้วเช่นกัน ร่วมมือกันล้อมต่อสู้อย่างรวดเร็ว กอปรกับมีลูกธนูดาวตกคอยช่วยเหลือ ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ก็ฆ่าคนชุดดำที่เหลือตายหมดแล้ว
พวกเหมียวอี้ที่สังเกตการณ์ผ่านซอกของ ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ โล่งใจแล้ว ปลดผนึก ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ ให้แผ่ออก พอเก็บของแล้ว ทั้งสามก็รีบเข้ามากุมหมัดคารวะขอบคุณกำลังหนุน
จากนั้นทั้งสามคนก็เปลี่ยนใส่เครื่องแบบเกราะรบของตำหนักสวรรค์ แล้วตามคนกลุ่มนี้กลับไป
ทั้งสามไม่ได้กลับมาที่ตลาดผี แต่เรียกรวมกำลังพลของธงพยัคฆ์น้ำดำและธงพยัคฆ์น้ำเงินในแนวเทือกเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เบื้องบนก็จำเป็นต้องออกคำสั่งให้คนที่ถูกเปิดโปงแล้วถอนกำลังกลับ ส่วนเรื่องอื่นๆ เดี๋ยวค่อยวางแผนที่หลัง
สุดท้ายแล้วกำลังพลสองธงก็กลับมาเกือบหกพันคน ยังมีอีกเกือบสี่พันคนที่ไม่ได้ข่าวคราว กำลังพลหนึ่งพันของเถาหยวนหล่างไม่ได้รับข่าวอย่างทันเวลา จึงล้มตายแทบทั้งหมด
สุดท้ายภายใต้การคุ้มกันส่งของกำลังที่มาช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ เหมียวอี้ก็ได้นำคนที่เหลือรอดถอนกำลังออกไป
“คุณหนู เถ้าแก่มีคำสั่ง ว่าต้องปฏิบัติการล้างแค้นครั้งที่สอง ให้พวกเราถอนกำลัง ซ่อนตัวก่อนชั่วคราว!”
ในห้องโดยสารเรือ เฉาเฟิ่งฉือกัดริมฝีปาก มองดูตลาดผีที่เละเทะวุ่นวายอย่างคับแค้นใจ ส่วนชายชราชุดเขียวก็เดินมาเกลี้ยกล่อมข้างๆ นางอย่างจนใจ
หัวเรือเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง แล้วลอยไปท่ามกลางระลอกคลื่นอย่างไม่รีบร้อน
ในจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ในลานบ้านมีอาวุธตั้งเรียงราย ผู้ตรวจการใหญ่หมิงเทียนของหน่วยองครักษ์เจิ้นปิ่งใต้สังกัดหน่วยองครักษ์ซ้ายกำลังยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนัก ท่านแม่ทัพภาคที่ยืนระมัดระวังตัวอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ด้านนอกมีแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งนำคนหลายคนเดินก้าวยาวเข้ามา พอยืนอยู่ตรงตีนบันไดก็กุมหมัดรายงานว่า “รายงานผู้ตรวจการใหญ่ ได้สถิติออกมาแล้ว พี่น้องของพวกเรารบตายไปสามร้อยสิบสองคน ปราบคนของตึกศาลาสัตยพรตได้หนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดคน!”
หมิงเทียนที่ยืนเอามือไขว้หลังยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ จำนวนรวมทางฝั่งของหนิวโหย่วเต๋อเขารู้แล้ว เมื่อรวมกับฝั่งนี้ที่รบตายไปสามร้อยกว่าคน ความเสียหายทั้งหมดก็รวมเกือบสี่พันคน แต่ราคาที่ฝ่ายตึกศาลาสัตยพรตต้องจ่ายนั้นเยอะกว่า นั่นก็คือหนึ่งหมื่นสองพันกว่าคน!
และคนหนึ่งหมื่นสองพันกว่าคนนี้ก็ไม่ใช่คนทั่วไป ไม่ได้บอกว่าคนพวกนั้นมีศักยภาพแข็งแกร่งสักเท่าไร แต่ยามปกติคนพวกนี้ซ่อนตัวได้ลึกมาก ตำหนักสวรรค์อยากจะบีบบออกมาก็บีบไม่ได้ เป็นกุญแจสำคัญที่ตึกศาลาสัตยพรตใช้ควบคุมตลาดผี ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้ล่อออกมาได้เยอะขนาดนี้ ทั้งยังฆ่าทิ้งหนึ่งหมื่นสองพันกว่าคนในรวดเดียว เรียกได้ว่าสะเทือนตึกศาลาสัตยพรตไม่น้อยเลย
แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มไม่ออกแล้ว…
ที่ ‘โรงเตี๊ยมมีหนึ่งห้อง’ มีลูกค้าหลายคนออกมาจากห้อง เดินเล่นอย่างเนิบนาบขึ้นไปที่ชั้นบน
พนักงานสองคนที่อยู่บนชั้นสำคัญของโรงเตี๊ยมยื่นมือห้าม “ทุกท่าน ที่นี่ไม่เปิดให้แขกเข้าพัก กรุณากลับไปขอรับ!”
ใครจะคิดว่าคนพวกนี้แทบจะไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย พอยกมือขึ้นก็มีแสงสะท้อนคมดาบ ตัดหัวพนักงานสองคนนั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ จากนั้นก็รีบพุ่งไปยังห้องท้ายสุดของทางเดิน บังเอิญว่ากู่ตัวกุ้ยเปิดประตูออกมาดูสถานการณ์พอดี ทั้งสองฝ่ายจึงได้ต่อสู่กัน
ช่วยไม่ได้ที่อีกฝ่ายมีการเตรียมตัวมาแล้ว พลังก็เหนือกว่าเขาด้วย ทั้งยังถูกล้อมโจมตี สุดท้ายกู่ตัวกุ้ยก็นอนจมกองเลือด ดวงตาที่ไร้แววจ้องมองมือสังหาร ร่างกายยังชักกระตุกอยู่อย่างนั้น พอแสงสะท้อนคมดาบแวบผ่านสายหนึ่ง ศีรษะของกู่ตัวกุ้ยก็ปลิวออกไปแล้ว…
เรื่องแบบเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นที่ ‘โรงเตี๊ยมมีหนึ่งห้อง’ เท่านั้น ร้านค้าต่างอาชีพอีกสิบกว่าร้านก็โดนจู่โจมพร้อมกัน ความเคลื่อนไหวนี้สะเทือนจนทหารสวรรค์ออกมา แต่ครั้งนี้ผู้ร้ายเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว ใส่เสื้อผ้าแตกต่างกันไป ไม่ใส่ชุดดำให้สะดุดตาอีก พอเข้าไปปะปนกับคนอื่นในตลาดผีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
สามสิบจุดที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวาวางกำลังไว้ที่ตลาดผีถูกกำจัดหมดแล้ว ทั้งยังมีอีกหลายร้านที่ตำหนักสวรรค์แอบยัดคนไว้โดยหลีกเลี่ยงหน่วยตรวจการฝ่ายขวาด้วย ทั้งหมดหายไปแล้ว เดิมทีตึกศาลาสัตยพรตเตรียมจะลงมือกับคนส่วนหนึ่งเท่านั้น เตรียมจะปล่อยอีกส่วนหนึ่งไป แต่ตอนนี้กลับกวาดล้างจนไม่เหลือสักคน กำจัดให้หมด!
นี่เป็นเพียงการเตือนเบาๆ เท่านั้น ตึกศาลาสัตยพรตกำลังใช้เหตุการณ์จริงเพื่อเตือนตำหนักสวรรค์ให้รู้ว่าใครกันที่มีอำนาจตัดสินใจที่นี่ ขอเพียงข้าเต็มใจ ก็สามารถทำให้คนของตำหนักสวรรค์ที่อยู่ในโลกใต้ดินตาบอดได้ทุกเมื่อ อย่างไรเสียโลกใต้ดินก็ไม่ได้มีแค่ตลาดผีอย่างเดียว!
“กำเริบเสิบสาน! หน่วยตรวจการฝ่ายขวาของพวกเจ้ามัวไปทำอะไรอยู่ พวกเขารู้ฐานที่มั่นของพวกเจ้าชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ยังจะมีความลับอะไรอีก…”
ที่ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงเดือดดาลมาก ด่าเกาก้วนจนยับเยิน
ผ่านไปไม่นาน หมิงเทียนที่อยู่ในจวนแม่ทัพภาคของตลาดผีก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบน : บุกโจมตีตึกศาลาสัตยพรต ฆ่า!
ทัพใหญ่หลายแสนเข้ามาล้อมตึกศาลาสัตยพรตเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทว่าตึกศาลาสัตยพรตที่ตั้งอยู่กลางน้ำเงียบสงบมาก
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
มีลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทำลายค่ายกลป้องกันของตึกศาลาสัตยพรตจนพังแล้ว ทัพใหญ่บุกสังหารเข้าไป แต่เมื่อค้นหาทั่วทั้งตึกศาลาสัตยพรตแล้วกลับไม่เห็นเงาใครแม้แต่คนเดียว
นอกตึกศาลาสัตยพรต หมิงเทียนที่ได้รับรายงานเดือดดาลทันที ตำหนิลูกน้องว่า “เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าแอบส่งคนมาจับตาดูตึกศาลาสัตยพรตจนยุงตัวเดียวก็บินออกมาไม่ได้? ไหนคนล่ะ? คนไปไหนกันหมดแล้ว?”
ลูกน้องของเขาตอบอย่างหวาดกลัวว่า “เพิ่งค้นพบขอรับ คนที่เฝ้าอยู่ใต้น้ำทางทิศใต้โดนฆ่าตายตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ขอรับ”
“มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ แค่ให้เฝ้าดูคนก็ยังดูไม่ได้ ข้าจะเอาสวะไร้ประโยชน์แบบเจ้าไว้ทำไม ทหาร เอาตัวประประหารให้ข้า!” หมิงเทียนพูดทิ้งไว้แล้วเดินออกไปด้วยความเดือดดาลเต็มเปี่ยม ไม่ให้เขาโมโหไม่ได้หรอก จะให้เขากลับไปอธิบายกับเบื้องบนอย่างไรล่ะ
“ผู้ตรวจการใหญ่โปรดไว้ชีวิต!” นายทหารชั้นสูงถูกทหารอีกหลายคนควบคุมตัวไว้ในชั่วพริบตาเดียว เขาตกใจจนร้องขอชีวิต แต่กลับไม่มีประโยชน์ โดนลากตัวออกไปแล้ว จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกลๆ
หมิงเทียนเดินก้าวยาวเข้ามาในตึกศาลาสัตยพรต เขาหยุดเดินอยู่ในโถงใหญ่ เห็นเพียงบนพื้นในโถงใหญ่มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กับลูกธนูดาวตกกองหนึ่ง ตอนที่กำลังพลบุกโจมตีเข้ามา ของก็วางกองอยู่ตรงนี้แล้ว ราวกับตั้งใจจะให้พวกเขาเห็น ตอนนี้พวกลูกน้องกำลังนับอยู่
หลังจากผลออกมาแล้ว ลูกน้องของเขาก็ก้าวขึ้นมารายงานว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ จำนวนของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้สอดคล้องกับจำนวนสายลับหน่วยองครักษ์ซ้ายในตลาดผีของพวกเราที่หายไปขอรับ”
“ไม่ขาดไปสักชิ้นเลยเหรอ?” หมิงเทียนงุนงง
“ขอรับ! ไม่ให้ไปสักชิ้น ทั้งหมดทิ้งไว้ที่นี่แล้ว” ทหารตอบ
หมิงเทียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วรีบรายงานขึ้นไป
วังสวรรค์ ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงกำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาด้วยสีหน้ามืดครึ้มกลัดกลุ้ม หลังจากได้ข่าวก็อึ้งเช่นกัน สีหน้าเดือดดาลค่อยๆ จางไป ในดวงตาฉายแววครุ่นคิด
การกระทำแบบนี้ถือเป็นการแสดงท่าทีของตึกศาลาสัตยพรต กำลังบอกประมุขชิง ว่าเป็นเจ้าที่ข้ามเส้นก่อน และตึกศาลาสัตยพรตก็ไม่เคยข้ามเส้นสีแดงเส้นนั้นเลย ต่อให้เรื่องจะมาถึงขั้นนี้แล้ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่ได้มาก็ส่งคืนให้โดยไม่แตะต้อง ครั้งนี้พวกเรายอมแพ้แล้ว ทางที่ดีเจ้าอย่ากดดันพวกเราเลย!
ที่จริงตึกศาลาสัตยพรตก็แสดงศักยภาพออกมาแล้วเช่นกัน เจ้าอยู่ในที่แจ้ง พวกเราอยู่ในที่ลับ เจ้าไม่มีทางฆ่าพวกเราทิ้งหมดหรอก และพวกเราก็มีความสามารถที่จะจิ้มตาทั้งหมดของตำหนักสวรรค์ที่อยู่ในโลกใต้ดินได้ กำจัดทิ้งไปสิบกว่าคนก็เพื่อให้พวกเจ้าได้เห็น!
ประมุขชิงที่กำลังเดือดดาลเริ่มใจเย็นลงทีละนิด เมื่อเทียบกันแล้วเขาก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร ฝั่งตึกศาลาสัตยพรตเสียหายหนักกว่าตำหนักสวรรค์
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้เขายังฉีกหน้าตระกูลเซี่ยโห้วให้ถึงที่สุดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ก็คงไม่อ่อนข้อให้ ตระกูลเซี่ยโห้วรู้จักเขาดีเกินไป!
หลังจากเอามือไขว้หลังเดินวนได้ไม่กี่รอบ ประมุขชิงก็หันมากล่าวกับซ่างก่วนชิงที่ยืนเก็บมืออยู่ข้างๆ ว่า “แจ้งไปทางตลาดผี ถอนกำลัง!”
ผ่านไปไม่นาน กำลังพลกลุ่มใหญ่ทางตลาดผีก็รวมตัวกัน ออกไปจากตลาดผีท่ามกลางสายตาของทุกคน ออกจากเขาภูตพเนจรไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
เมื่อแน่ใจว่าคนของตำหนักสวรรค์ไปแล้วจริงๆ ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็มาปรากฏตัวที่ตึกศาลาสัตยพรตอีก สมาชิกของตึกศาลาสัตยพรตกลับมาอีกครั้ง
เฉาหม่านกำลังเดินช้าๆ สำรวจในห้องของตัวเองที่โดนทำลายจนเละเทะ แต่ชายชราชุดเขียวกลับผลักชายวัยกลางคนที่มีสภาพสะบักสะบอมคนหนึ่งเข้ามา แล้วรายงานว่า “เถ้าแก่ นี่คือมือสังหารที่ลอบสังหารหนิวโหย่วเต๋อ สืบสวนเสร็จแล้ว เป็นคนที่ ‘หอภูเขาเขียว’ ส่งมาขอรับ”
“หอภูเขาเขียว?” เฉาหม่านเอามือไขว้หลังหันตัวมา แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ลัทธิอู๋เลี่ยงส่งคนมาสังหารหนิวโหย่วเต๋อทำไม พวกเขาจะมีความแค้นอะไรต่อกันได้?”
…………………………