พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1426 ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร
การที่ผู้เหลือรอดของหกลัทธิจะยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ ย่อมไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว ทั้งสองรักษาความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมาตลอด ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์รดับนี้ให้ตำหนักสวรรค์รู้ ทางหกลัทธิก็ไม่กล้าให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปในหกลัทธิเช่นกัน สาเหตุก็ไม่ซับซ้อนเลย เพราะการที่หกลัทธิตกต่ำลงนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าให้กำลังพลเบื้องล่างของหกลัทธิรู้ว่าคนระดับสูงยังรักษาความสัมพันธ์กับศัตรูอยู่ ผลลัพธ์อะไรเป็นอย่างไรล่ะ?
แต่นอกจากกำลังพลที่หนีเข้าแดนอเวจี ผู้เหลือรอดของหกลัทธิที่อยากจะมีที่ยืนอยู่ข้างนอกก็หนีไม่พ้นการดูแลจากอำนาจใต้ดินของตระกูลเซี่ยโห้ว และตระกูลเซี่ยโห้วก็อยากจะใช้หกลัทธิเป็นไพ่เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขชิงกับประมุขพุทธะแปรพักตร์ เรื่องพรรค์นี้ตระกูลเซี่ยโห้วทำได้อย่างคล่องมือมาก ตั้งแต่พระปีศาจหนานโปไปจนถึงสามยอดฝีมือ หกปราชญ์ จนกระทั่งประมุขชิงและประมุขพุทธะในตอนนี้ เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ตอนนี้ใช้วิธีการเดียวกันปฏิบัติต่อผู้เหลือรอดของหกลัทธิ
กับเรื่องบางเรื่อง ในเมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ก็ทำได้เพียงประนีประนอม เพื่อให้ตระกูลคงอยู่ยาวนาน ก็จำเป็นต้องเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตระกูลเยอะๆ รอให้ถึงเวลาที่ตระกูลปีกกล้าขาแข็งจนสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ปัญหาทุกอย่างก็ย่อมหมดไปตามๆ กันอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหอภูเขาเขียวกับลัทธิอู๋เลี่ยง เขาแค่ไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมลัทธิอู๋เลี่ยงต้องส่งคนมาฆ่าคนต่ำต้อยอย่างหนิวโหย่วเต๋อคนเดียว ถึงแม้หนิวโหย่วเต๋อจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็ไม่มีค่าพอให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้เช่นกัน ด้วยระดับความระมัดระวังตัวของผู้เหลือรอดของหกลัทธิ ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทำสิ่งที่ตรงข้ามกับกระแสหลักตอนที่ตำหนักสวรรค์เพิ่งจะวางกับดักไว้ อย่าบอกนะว่าในกับดักที่ตำหนักสวรรค์วางก่อนหน้านี้มีคนของลัทธิอู๋เลี่ยงติดกับดักด้วย?
ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้จริงๆ แล้วลัทธิอู๋เลี่ยงจะรู้ได้อย่างไรว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นเหยื่อล่อให้คนเข้าไปติดกับดัก?
ชั่วพริบตานั้น ในหัวเขาก็มีความคิดมากมายแวบเข้ามา
ชายชราชุดเขียวมองมือสังหารที่โดนทรมานจนจิตใจเซื่องซึม แล้วหันตัวไปเรียกคนให้เข้ามาพามือสังหารออกไป เสร็จแล้วถึงได้ตอบว่า “มือสังหารคนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหอภูเขาเขียวกับหนิวโหย่วเต๋อมีบุญคุณความแค้นอะไรกัน ตอนที่ผู้จัดการร้านออกคำสั่งเขา ก็บอกเพียงว่าหนิวโหย่วเต๋อได้ล่วงเกินคนอื่นไว้ตอนที่ไปหาความสำราญที่หอภูเขาเขียว ให้เขามาสั่งสอนหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย เหมือนทางหอภูเขาเขียวก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่าอยู่ ไม่อย่างนั้นคงอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจน” เฉาหม่านกล่าวกลั้วหัวเราะ
ชายชราชุดเขียวสังเกตปฏิกิริยาของเขา จากนั้นแววตาก็วูบไหวเล็กน้อย ลองกล่าวเตือนอีกว่า “มือสังหารคนนี้มีเพียงวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ดนะขอรับ”
“…” เฉาหม่านอึ้งไปชั่วขณะ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเริ่มฉายแววจริงจัง หันหน้ามาอย่างช้าๆ แล้วถามว่า “หรือว่าบนตัวมือสังหารมีของวิเศษที่ร้ายกาจอะไรอยู่?”
ชายชราชุดเขียวส่ายหน้า “ค้นตัวแล้วขอรับ ไม่มีของวิเศษอะไร”
“แบบนั้นก็แปลกแล้ว” เฉาหม่านเงยหน้ามองเพดาน เริ่มหรี่ตาเหมือนอมยิ้มพลางกล่าวว่า “หนิวโหย่วเต๋อลุยเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน ห้าวหาญเกรียงไกร เกรงว่าระดับบงกชทองคงจะหาคู่ต่อสู้ได้ยาก แต่ก็เชี่ยวชาญการรบมาก ได้ยินว่าวรยุทธ์ถึงระดับบงกชทองขั้นเก้าแล้ว ต่อให้หอภูเขาเขียวจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของหนิวโหย่วเต๋อ ไม่รู้ว่าเป้าหมายคือหนิวโหย่วเต๋อ ถึงได้ส่งลูกน้องที่ฝีมืองั้นๆ มาลงมือ แต่การที่มือสังหารคนนี้รอดจากมือหนิวโหย่วเต๋อได้ก็ไม่ธรรดาเหมือนกัน มิหนำซ้ำข้างกายหนิวโหย่วเต๋อยังมีลูกน้องอีกสองคน สามคนกำจัดเขาคนเดียวไม่ได้เหรอ? เรื่องนี้มีเงื่อนงำนิดหน่อยนะ!”
ชายชราชุดเขียวพยักหน้า “มีเงื่อนงำนิดหน่อยขอรับ”
เฉาหม่านเลิกคิ้ว “ดูเหมือนระหว่างลัทธิอู๋เลี่ยงกับหนิวโหย่วเต๋อจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือบางอย่าง หึหึ อีกฝั่งคือผู้เหลือรอดของหกลัทธิ อีกฝั่งเป็นดาวรุ่งน้องใหม่ในกองทัพองครักษ์ของประมุขชิง เรื่องนี้ก็น่าสนุกอยู่นะ…เออใช่ ฝั่งหอภูเขาเขียวไม่รู้ใช่มั้ยว่าคนตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว?”
ชายชราชุดเขียวตอบว่า “พอคนหนีออกมาได้ก็โดนคนของพวกเราที่วางกำลังไว้ข้างนอกจับตัวแล้ว ทางหอภูเขาเขียวน่าจะไม่รู้ว่าคนตกอยู่ในมือพวกเรา ไม่อย่างนั้นคงไม่ติดต่อกับเขาอยู่ตลอดหรอก หลังจากคนตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว ระฆังดาราในมือเขาที่ใช้ติดต่อกับหอภูเขาเขียวก็มีการตอบสนองหลายครั้ง ถ้ารู้ว่าคนของเขาโดนพวกเราจับแล้ว ยังจำเป็นต้องติดต่อกันอีกเหรอ”
เฉาหม่านกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บคนคนนี้ไว้ กำจัดทิ้งเสียเลย ถ้าคนตายแล้ว ทางหอภูเขาเขียวจะได้สงบใจ ไม่อย่างนั้นฝั่งนั้นคงจะต้องระแวงผีระแวงเทพอยู่ตลอดเวลา”
“จะใช้เขาเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างลัทธิอู๋เลี่ยงกับหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่าขอรับ?” ชายชราชุดเขียวถาม
เฉาหม่านยิ้มเรียบๆ “เรื่องบางเรื่องอย่าไปเปิดโปงมันจะดีกว่า แค่แสร้งทำเหมือนพวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าอยากจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ง่ายมากขนาดนั้นหรอก อีกประเดี๋ยวคอยดูว่าในกับดักที่ตำหนักสวรรค์วางไว้จะมีคนของหกลัทธิหรือเปล่า แค่นั้นก็จะรู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมให้ยุ่งยาก เฒ่าชีเอ๊ย กับเรื่องบางเรื่องถ้าแกล้งโง่เอาไว้กลับจะทำให้จับพิรุธได้มากขึ้นด้วยซ้ำ ถ้าทำให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัวจนอุดช่องโหว่หมด พวกเราที่คอยดูอยู่ข้างๆ ก็จะเหนื่อยเหมือนกัน เจ้าว่ามั้ยล่ะ?”
ชายชราชุดเขียวเข้าใจในทันที “เข้าใจแล้วขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“เออใช่!” เฉาหม่านยกมือขึ้น “เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อและแดนอเวจี จัดระเบียบข้อมูลมาให้ข้าดูหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีเบาะแส”
“ขอรับ!” เฒ่าชีเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป
สายลับชุดใหม่ที่ตำหนักสวรรค์ส่งมาที่ตลาดผีถูกเปิดโปงหมดแล้ว ฐานปฏิบัติการทุกจุดในตลาดผีก็ถูกดึงออกมาเช่นกัน แต่ทางตึกศาลาสัตยพรตยังแสดงความหมายอันลึกซึ้งที่มีต่อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชัดเจนมาก นั่นก็คือพวกเราไม่สนใจธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ถ้าพวกเจ้าอยากจะหาที่อยู่ของพวกมันก็ตามใจพวกเจ้า แต่อย่ามาล้ำเส้นกัน ตึกศาลาสัตยพรตแสดงออกชัดเจนแล้วจริงๆ ว่าตราบใดที่ตำหนักสวรรค์ไม่ทำซี้ซั้ว พวกเขาก็จะไม่ทำซี้ซั้วเช่นกัน เช่นนั้นตำหนักสวรรค์ก็ต้องตั้งฐานปฏิบัติการที่ตลาดผีใหม่
เรื่องนี้ยังคงเป็นหน้าที่ของเกาก้วน ก่อนหน้านี้ถึงแม้ประมุขชิงจะด่าเกาก้วนเสียยับเยิน แต่นั่นเป็นเพราะเขากำลังโกรธ ที่จริงในใจประมุขชิงก็เข้าใจดีเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเกาก้วนไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะตระกูลเซี่ยโห้วนั้นไม่ธรรมดา
ในตำหนักดาราจักร หลังจากเกาก้วนอธิบายแผนการตั้งฐานปฏิบัติการใหม่ให้ประมุขชิงฟังแล้ว ก็เอ่ยถึงความจำเป็นในการส่งกำลังพลของกองทัพองครักษ์อีกชุดหนึ่งเข้าไปเป็นหูเป็นตาที่ตลาดผี เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่หวังให้ตัวละครอย่างจ้านหรูอี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อ ขอว่ากำลังพลชุดนี้จะต้องไว้ใจได้
ที่จริงการเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่ตลาดผีครั้งนี้ก็มีหลายจุดที่เหนือความคาดหมายของเกาก้วน โดยเฉพาะการเข้าร่วมของจ้านหรูอี้ แผนการใหญ่ๆ ล้วนเป็นเขาที่เสนอต่อประมุขชิง แต่ตอนที่คุยรายละเอียดกันประมุขชิงเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ทำให้ตอนนี้เกาก้วนมองไม่ออกถึงเจตนาในบางจุดของประมุขชิง
เพียงแต่คำขอในครั้งนี้ ประมุขชิงอนุมัติทั้งหมดในรวดเดียว
ส่วนเกาก้วนก็ฉวยโอกาสเสนอคำขออีกว่า “ฝ่าบาท! ข้าน้อยอยากจะส่งหนิวโหย่วเต๋อไปที่ตลาดผีอีก”
ประมุขชิงที่กลับไปนั่งลงหลังโต๊ะยาวแล้วจ้องมองเขาเมื่อได้ยินคำขอนี้ กล่าวถามอย่างเนิบนาบว่า “หนิวโหย่วเต๋อโดนเปิดโปงแล้ว ถ้าส่งไปที่ตลาดผีอีก จะไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”
เกาก้วนตอบว่า “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทบอกว่าเขาได้สร้างผลงานใหญ่ ต้องการจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นแม่ทัพภาคไม่ใช่หรือขอรับ? ข้าน้อยรู้สึกว่าอาศัยประสบการณ์และวรยุทธ์ของหนิวโหย่วเต๋อ การไปเป็นแม่ทัพภาคที่หน่วยองครักษ์ซ้ายจะดันทุรังไปหน่อย ไม่สู้ส่งเขาไปเป็นแม่ทัพภาคที่ตลาดผีก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
“แม่ทัพภาคตลาดผี…” ประมุขชิงแปลกใจนิดหน่อย เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วถามว่า “เหมือนเจ้าจะสนใจการส่งตัวเขาไปที่ตลาดผีมากนะ! คาดว่าทูตขวาเกาคงจะมีความคิดที่เหนือชั้นบางอย่าง บอกให้ข้าฟังสักหน่อยเถิด”
เกาก้วนอธิบายว่า “ตอนนี้แม่ทัพภาคที่คุมตลาดผีเหมือนเป็นสิ่งที่มีประดับไว้เฉยๆ เท่านั้น แสดงบทบาทอะไรไม่ได้เลยสักนิด ถึงแม้หนึ่งในสาเหตุนั้นจะเกิดจากตึกศาลาสัตยพรต แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการที่ตำหนักสวรรค์ยอมถอยให้เป็นเวลานานเกินไป ทำให้คนที่ถูกส่งไปทุกครั้งล้วนเป็นคนที่ไม่สร้างผลงานอะไร ขอเพียงไม่ทำงานพลาดก็พอ ล้วนเป็นพวกฝีมือพื้นๆ ข้าน้อยรู้สึกว่าควรจะมีการเปลี่ยนแปลง ควรจะส่งคนที่มีความสามารถไปสักคน ครั้งนี้ข้าน้อยค่อนข้างชื่นชมการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของหนิวโหย่วเต๋อ เป็นเพราะเขาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อตำหนักสวรรค์อตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ความจริงข้าน้อยก็ชื่นชมเขามาตลอด และครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ทำให้ข้าน้อยผิดหวังเช่นกัน ดังนั้นข้าน้อยจึงฝากความหวังของเขาไว้มาก หวังว่าจะสามารถทำให้เขาไปนั่งคุมที่ตลาดผีได้
แต่ไม่หวังให้เขาเคลื่อนไหวอะไรมากเมื่ออยู่ใต้หนังตาตึกศาลาสัตยพรต แต่ต้องสร้างแรงกดดันให้เขาสักหน่อย ให้เขาสร้างอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยปกป้องฐานปฏิบัติการของตำหนักสวรรค์ที่อยู่ทางนั้น อย่าให้ถึงขั้นพอเกิดเรื่องขึ้นก็โดนตึกศาลาสัตยพรตกวาดล้างฐานปฏิบัติของพวกเราจนหมด! อีกสาเหตุหนึ่งที่ให้เขาไปที่นั่นก็ไม่ซับซ้อนเลย ถ้าส่งคนธรรมดาทั่วไปไปที่นั่น ก็อาจจะไม่กล้าทำเรื่องไม่เหมาะสมใต้หนังตาของตึกศาลาสัตยพรต แต่ตอนหนิวโหย่วเต๋อคุมตลาดสวรรค์กลับกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งราชสำนัก ดังนั้นตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดผีนี้ ไม่มีใครเหมาะสมกว่าหนิวโหย่วเต๋ออีกแล้วขอรับ”
ประมุขชิงพยักหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วทั้งห้าเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ขระที่ครุ่นคิด แล้วบอกว่า “ที่ทูตขวาเกาพูดก็มีเหตุผล ส่งลูกลิงน้อยนั่นไปก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว เพียงแต่อาศัยวรยุทธ์ของเขา การอยู่ที่ตลาดผีก็ดันทุรังเกินไป ตลาดผีไม่เหมือนที่อื่น ลูกลิงน้อยนั่นเพิ่งไปที่หน่วยองครักษ์ซ้ายได้ไม่กี่ปี ทั้งยังถูกส่งไปทำภารกิจอย่างต่อเนื่อง เพิ่งจะได้หยุดพักเจ้าก็ส่งเขาไปทำงานอีกแล้ว ต้องการให้ลูกม้าวิ่งได้ไว แต่ดันไม่ให้ลูกม้ากินหญ้า สักวันหนึ่งก็จะทำให้เขาล้ม ดาบดีก็ต้องลับคมก่อนถึงจะใช้งานได้ ให้เวลาเขาสักหน่อยเถอะ รอให้เขาตั้งใจเพิ่มวรยุทธ์ให้สูงขึ้นก่อน สรุปก็คือข้าตอบตกลงทูตขวาเกา รอให้เขาวรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ้ง มีความสามารถที่จะปกป้องตัวเองอีกสักหน่อย ข้าตอบรับคำขอของทูตขวาเกาเป็นพิเศษ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซ่างก่วนชิงที่ยืนเก็บมือเงียบๆ อยู่ข้างกันก็มองประมุขชิงอย่างแปลกใจ นี่ฝ่าบาทกำลังตั้งใจจะฝึกเลี้ยงหนิวโหย่วเต๋อชัดๆ!
เรื่องบางเรื่องเขาไม่ได้ไปเข้าร่วมตั้งแต่แรก ก็เลยไม่รู้ แต่ในฐานะที่เป็นขุนนางที่อยู่ใกล้ชิดประมุขชิง เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจแล้ว
เกาก้วนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามอีกว่า “หรือฝ่าบาทจะจัดให้เขาไปอยู่ในที่สงบๆ งานน้อย?”
ประมุขชิงยิ้มหยอก แล้วบอกว่า “ที่บอกว่าเขาเป็นลูกลิงน้อยนั้นไม่ผิดเลยสักนิด…” เขาพูดไม่จบประโยค
เกาก้วนกับซ่างก่วนชิงประหลาดใจ ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร
ผ่านระยะทางที่ยาวไกล ในที่สุดเหมียวอี้ก็กลับมาถึงฐานของธงพยัคฆ์ดำแล้ว
จ้านหรูอี้ที่กลับมาก่อนก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเหมียวอี้จะตามกลับมาติดๆ แล้ว แต่นางก็รู้มาจากลูกน้องเช่นกันว่าทางตลาดผีเกิดเรื่องอะไรขึ้น ที่จริงพอนางกลับมาที่นี่ ระหว่างทางก็มีเวลามากมายสำหรับการเปลี่ยนแปลง ตำหนักสวรรค์ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้นที่ตลาดผี คนในใต้หล้ารู้กันหมดแล้ว ทางกองมังกรดำก็ส่งข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน เพียงแต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ามีคนของกองมังกรดำไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วย อย่างไรเสียภารกิจครั้งนี้ก็เป็นความลับ รักษาความลับไว้อย่างดีมาก
จ้านหรูอี้นำคนมารออยู่ที่ธงพยัคฆ์ดำแล้ว เตรียมจะรอรับกำลังพลของตัวเอง
พอเหมียวอี้เหยียบลงพื้นก็ส่งต่อกำลังพลของธงพยัคฆ์น้ำเงินให้นาง หลังจากแอบบอกเหตุผลที่กำลังพลหายไปแล้ว จ้านหรูอี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ขณะที่นางกำลังจะนำคนกล่าวอำลา แต่ใครจะคิดว่าทั้งคู่จะได้รับข่าวจากกองมังกรดำแทบจะพร้อมกัน สั่งให้ทั้งสองไปรายงานตัวที่กองมังกรดำเดี๋ยวนี้
เดิมทีเหมียวอี้ก็ต้องไปรายงานผลการปฏิบัติงานที่กองมังกรดำอยู่แล้ว การส่งข่าวมากลับทำให้ลดความยุ่งยากได้ เขาจะได้ไม่ต้องไปหลายรอบ
ทั้งสองไปที่ตำหนักประชุมของกองมังกรดำด้วยกัน พบว่าผู้บัญชาการใหญ่ของธงพยัคฆ์อื่นๆ ทยอยกันมาถึงแล้ว ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าไม่ได้เรียแค่พวกเขาสองคน
เมื่อเห็นท่านแม่ทัพภาคให้ยังไม่โผล่หน้ามา เฮ่อจือโย่วผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดินก็มาตรงหน้ารองแม่ทัพภาคโป๋เยว แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “รองแม่ทัพภาคโป๋ ได้ยินว่าท่านหัวหน้าภาคจะมาด้วยตัวเอง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ?”
โป๋เยวทำสีหน้าจริงจัง แล้วส่ายหน้าเบาๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินมาแว่วๆ ว่ากองมังกรดำของพวกเราเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร”
…………………………