พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1427 เลื่อนตำแหน่งแบบงงๆ
“เปลี่ยนแปลงบุคลากร?”
กลุ่มคนในตำหนักได้ยินแล้วเกิดความวุ่นวายนิดหน่อย ทุกคนมองโป๋เยวที่ทำสีหน้าจริงจัง แล้วก็มองไปที่เซี่ยงไป่กง พบว่ารองแม่ทัพภาคเซี่ยงก็มีท่าทางหนักใจเหมือนกัน
พวกเขาแค่คิดดูนิดหน่อยก็เข้าใจแล้ว การเปลี่ยนแปลงบุคลากรที่สามารถทำให้ท่านหัวหน้าภาคมาเองได้ จะต้องไม่ใช่ระดับผู้บัญชาการใหญ่แน่นอน อย่างน้อยก็เป็นระดับรองแม่ทัพภาคขึ้นไป ส่วนการเปลี่ยนแปลงระดับรองแม่ทัพภาคนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้หัวหน้าภาคมาด้วยตัวเอง แค่เรียกตัวไปบอกที่ทัพเป่ยโต้วโดยตรงก็สิ้นเรื่องแล้ว ยิ่งระดับแม่ทัพภาคก็ยิ่งไม่มีเรื่องแบบนี้เลย ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากกว่าว่าจะเปลี่ยนเจ้าบ้านของกองมังกรดำ
หรือไม่อย่างนั้น หนึ่งในรองแม่ทัพภาคทั้งสองคนนี้ ก็อาจจะมีใครที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ของกองมังกรดำแล้ว
ไม่รู้ว่าคนไหนจะได้เลื่อนตำแหน่ง…ในใจของทุกคนเริ่มสั่นคลอนแล้ว สายตามองไปบนใบหน้ารองแม่ทัพภาคทั้งสองไม่หยุด การเปลี่ยนแปลงของคนระดับบน ต่อให้เป็นแค่ตำแหน่งเดียวก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเป็นทอดๆ ได้
จากท่าทางที่ไม่มั่นใจของรองแม่ทัพภาคทั้งสองคน ก็มองออกแล้วว่าเรื่องนี้อาจจะกะทันหันเกินไป เห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพภาคสองคนนี้ไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิด ถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะต้องมีการเคลื่อนไหวทั้งข้างบนข้างล่างแน่นอน จะเคลื่อนไหวข้างบนอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือถ้าอยากจะได้รับการสนับสนุนจากผู้บัญชาการใหญ่เบื้องล่าง ไม่ถึงขั้นปล่อยให้ทุกคนไม่ได้ยินข่าวมาก่อนเลย
เหมียวอี้กลับอดไม่ได้ที่จะมองไปยังจ้านหรูอี้ที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุด ว่าจ้านหรูอี้ได้สร้างผลงานใหญ่ไว้ที่ตลาดผีแล้ว ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้จะได้ขึ้นตำแหน่งเจ้าบ้านของกองมังกรดำแล้วหรอกเหรอ?
เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เรื่องการสร้างผลงานนั้นจะต้องดูจากความสำคัญ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ต้องดูว่าเรื่องนั้นมีความสำคัญต่อต่อคนใหญ่คนโตขนาดไหน บางคนไปเสี่ยงอันตรายสู้ตายสุดชีวิตเหมือนกัน ไปปราบโจรผู้ร้ายอย่างเหน็ดเหนื่อยแทบตาย แต่ก็เทียบไม่ติดกับการทำเรื่องที่มีความหมายต่อบุคคลระดับบน เศษเงินเล็กน้อยที่หลุดจากซอกนิ้วของบุคคลระดับสูงล้วนเป็นรางวัลใหญ่ทั้งนั้น
จ้านหรูอี้เหมือนจะสังเกตได้ว่าเหมียวอี้กำลังแอบมองตนอยู่ นางชำเลืองมองแวบหนึ่ง สบตากับเหมียวอี้เล็กน้อย แลวก็ยืนเหลือบตาลงต่อไป ท่าทางเหมือนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งที่พบเจอ ที่จริงในใจนางก็รู้สึกได้นิดหน่อยว่าการเปลี่ยนแปลงบุคลากรครั้งนี้คือการเลื่อนตำแหน่งของนาง นางเองก็รู้ว่าผลงานที่นางสร้างครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่การต่อสู้เข่นฆ่าทั่วไปจะเทียบติด นี่เป็นเรื่องที่ราชันสวรรค์ให้ความสนใจอยู่เบื้องหลัง ขอเพียงราชันสวรรค์อนุญาต การเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคก็ไม่ถือว่าเกินไปเลยสักนิด
ทั้งสองยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ไปเสี่ยงอันตรายที่ตลาดผีมาเหมือนกัน เป็นแค่ปัญหาเรื่องอันดับหนึ่งและอันดับรองเท่านั้น แต่โชคชะตากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมียวอี้แอบด่าแม่ในใจแล้ว ถ้าให้ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนอุบายไหนมาทรมานเขาอีก และเขาดันเคยล่วงเกินผู้บังคับบัญชาคนนี้แบบให้อภัยไม่ได้เสียด้วย ทำไมข้าถึงมีชะตาลำเค็ญขนาดนี้!
ทุกคนในตำหนักคิดกันไปต่างๆ นาๆ
เมื่อรอไปได้ครู่เดียว แม่ทัพภาคเนี่ยอู๋เซี่ยวก็เดินออกมาจากตำหนักหลังพร้อมหัวหน้าภาคอวี่จ้งเจิน ข้างหลังยังตัวละครอีกหลายคนที่มาจากทัพเป่ยโต้ว
อวี่จ้งเจินนั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก เนี่ยอู๋เซี่ยวยืนอยู่ข้างๆ กัน ส่วนคนที่เหลือก็ยืนฟังอยู่บนบันไดข้างๆ
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างรีบยืนอย่างเป็นระเบียบ แล้วกุมหมัดคารวะกล่าวพร้อมกันว่า “คารวะท่านหัวหน้าภาค”
อวี่จ้งเจินยกมือบอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี สายตากวาดมองทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง สายตาหยุดอยู่บนหน้าเหมียวอี้ก่อน แล้วสุดท้ายก็กวาดมองบนใบหน้าจ้านหรูอี้อีก ในแววตาแสดงความรู้สึกแปลกๆ อย่างไรบอกไม่ถูก หลังจากเขาไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก็กล่าวเสียงเรียบว่า “ทุกคนทำงานอยู่ใต้สังกัดของทัพเป่ยโต้วมาหลายปี ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็ทำงานอย่างยากลำบาก ข้าล้วนเห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตา เนี่ยอู๋เซี่ยวที่บัญชาการกองมังกรดำมาหลายปีก็นับว่าตั้งใจปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นกัน เมื่อครู่นี้ข้าคุยกับแม่ทัพภาคเนี่ยมาแล้ว เตรียมจะย้ายเขาออกจากกองมังกรดำ ก็ไม่นับว่าเป็นการเลื่อนตำแหน่งอะไรหรอก นับว่าแต่งตั้งตำแหน่งอื่นให้ก็แล้วกัน”
ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างล่างแอบส่งสายตาให้กันเงียบๆ ทันที พวกเขามองหน้ากันไป มองหน้ากันมา มีบางคนที่คำพูดในใจเขียนไว้บนหน้าแล้ว เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย!
เนี่ยอู๋เซี่ยวย้ายไปแล้ว แล้วใครจะมานั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคล่ะ? โป๋เยวกับเซี่ยงไป่กงมองไปที่อวี่จ้งเจินตาปริบๆ เป็นสีหน้าที่ทั้งกังวลทั้งเฝ้าคอย
หลังจากมองดูปฏิกิริยาของทุกคนครู่เดียว อวี่จ้งเจินก็พูดต่อว่า “ข้ารู้ว่าทุกคนกำลังกังวลอะไร กำลังกังวลว่าต่อไปใครจะได้มานั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคกองมังกรดำแน่นอน ข้าเองก็ก้าวขึ้นมาจากข้างล่างทีละก้าว ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคน! แต่ทุกคนก็รู้ธรรมเนียมของหน่วยองครักษ์ซ้ายชัดเจน คุณสมบัติและประสบการณ์ วรยุทธ์ ศักยภาพและความสามารถล้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องดูผลงานในการรบ เมื่อไร้ผลงานก็ไม่ได้รับค่าจ้าง เมื่อมีผลงานก็ต้องได้รับรางวัล นี่คือธรรมเนียมเก่าแก่ ถ้าทำในจุดนี้ไม่ได้ ใครภายหลังใครจะทุ่มเทชีวิตทำงานไปฆ่าศัตรูให้ล่ะ? โอกาสล้วนมีเท่ากัน ใครสร้างผลงานใหญ่ก็ให้รางวัลคนนั้น ไม่มีใครว่าอะไรได้ทั้งนั้น ทุกคนคิดว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
อวี่จ้งเจินพยักหน้า แล้วบอกอีกว่า “ก่อนหน้านี้ตำหนักสวรรค์ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่ที่ตลาดผี คาดว่าทุกคนคงจะได้ยินมาแล้ว กำลังพลกลุ่มใหญ่จองหน่วยองครักษ์ซ้ายขวาร่วมมือกันโจมตี สร้างผลงานการรบมากมาย การที่สามารถมีผลงานแบบนี้ได้ ก็เพราะก่อนหน้านั้นทัพเป่ยโต้วของพวกเราส่งคนเป็นเสี่ยงตายเป็นกองหน้า เรียกได้ว่าสร้างผลงานใหญ่ไว้แล้ว! ในบรรดาพวกเจ้าก็ยิ่งมีคนที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ตรวจการใหญ่มาแล้ว ผู้ตรวจการใหญ่ค่อนข้างชื่นชมเขา! ข้าได้ยินผู้ตรวจการใหญ่บอกมา ว่าแม้แต่ราชันสวรรค์ก็กล่าวชมตั้งสามครั้ง! มีคนเป็นหน้าเป็นตาให้ทัพเป่ยโต้วของพวกเราแล้ว!”
“ตลาดผี…”
ตอนนี้เกิดเสียงฮือฮาทันที นึกไม่ถึงว่าที่ตลาดผีเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะเกี่ยวข้องกับกองมังกรดำด้วย ทั้งยังร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ตรวจการใหญ่อีก แม้แต่ราชันสวรรค์ยังกล่าวชม แบบนี้นอนรอเลื่อนตำแหน่งได้เลย เป็นใครกันนะ?
เป็นใครนั้นเดาได้ไม่ยาก ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนที่กำลังพลกองมังกรดำกระจายกันไปประจำการก็อาจจะเดาไม่ออก แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนประจำการอยู่ที่เดียวกัน ก่อนหน้านี้มีใครอยู่หรือมีใครไม่อยู่ ทุกคนก็พอจะรู้บ้างนิดหน่อย ดังนั้นในชั่วพริบตานั้น ทุกคนจึงหันกลับไปมองเหมียวอี้และจ้านหรูอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง มีเพียงสองคนนี้ที่หายไป จะใช่พวกเขาหรือเปล่า?
จะเลื่อนตำแหน่งเพราะเรื่องที่ตลาดผีจริงๆ ด้วย! เหมียวอี้แอบถอนหายใจ แล้วเอียงหน้ามองไปทางจ้านหรูอี้แวบหนึ่ง
เป็นเพราะปฏิกิริยาของเขาชักนำเช่นกัน สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนตัวจ้านหรูอี้แล้ว
จ้านหรูอี้เหลือบสายตาลง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่จริงแล้วในใจรู้สึกเก้อเขินนิดหน่อย ในใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นกังวล พยายามไม่ให้ตัวเองแสดงออกมากเกินไป
เซี่ยงไป่กงกับโป๋เยว รองแม่ทัพภาคทั้งสองเรียกได้ว่าร่ำร้องในใจ จบกัน! ฝันสลายแล้ว!
ท่านหัวหน้าภาคพูดถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่ทั้งสองจะไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร ช่วงนี้ทั้งสองไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปเคลื่อนไหวใหญ่โตที่ตลาดผีเลย พวกเขาสองคนไม่มีวาสนากับตำแหน่งแม่ทัพภาคแล้ว!
อวี่จ้งเจินบอกอีกว่า “คาดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วนะว่าเป็นใคร? เป็นใครกันล่ะ? ก้าวขึ้นมาเองเลยสิ หนิวโหย่วเต๋อ!”
จ้านหรูอี้พลันเงยหน้า ดวงตางามมองไปที่อวี่จ้งเจิน ในแววตาสื่อว่าทำใจเชื่อได้ยาก ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไปเสียอีก หันหน้าช้าๆ มองไปที่เหมียวอี้อีกครั้ง
ทุกคนก็นึกว่าตัวเองฟังผิดไปเช่นกัน ทุกสายตาพลันจับจ้องไปที่เหมียวอี้ ก่อนหน้านี้ทุกคนโดนปฏิกิริยาของเหมียวอี้ทำให้เข้าใจผิดแล้ว
“…” เหมียวอี้ก็นึกว่าตัวเองฟังผิดไปเช่นกัน ยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ชี้จมูกตัวเองพร้อมถามอย่างเหลือเชื่อว่า “ข้าเหรอ?”
ตอนอยู่ที่ตลาดผีเขาวิ่งตามก้นจ้านหรูอี้ตลอด โดนจ้านหรูอี้หลอกใช้เพื่อโจมตีคนอื่นมาตลอด ขนาดตัวเองยังรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย!
“หนิวโหย่วเต๋อฟังคำสั่งแต่งตั้ง!” อวี่จ้งเจินกล่าวเสียงเรียบ
ตอนนี้ต่อให้มีปัญหาในการฟังแต่ก็ได้ยินชัดเจนแล้ว เหมียวอี้อึ้งไปครู่เดียว แล้วแข็งใจก้าวออกนอกแถวมากุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยอยู่ขอรับ!”
อวี่จ้งเจินประกาศอย่างจริงจังหนักแน่นว่า “หนิวโหย่วเต๋อมองทะลุกับดักของฝ่ายศัตรูได้ในช่วงเวลาสำคัญ รับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า หลีกเลี่ยงไม่ให้กำลังพลธงพยัคฆ์ดำกับธงพยัคฆ์น้ำเงินพินาศย่อยยับ กอบกู้สถานการณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตำหนักสวรรค์ได้ทันเวลา ตอนหลังโจมตีโต้ตอบเพื่อสร้างผลงานให้ตำหนักสวรรค์ จึงได้รับรางวัลพิเศษ! เลื่อนตำแหน่งหนิวโหย่วเต๋อผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำให้เป็นแม่ทัพภาคกองมังกรดำ เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบ ส่งต่องานและไปรับตำแหน่งในวันนี้!”
กลุ่มคนในตำหนักได้ยินแล้วเกิดความวุ่นวายนิดหน่อย ทุกคนมองโป๋เยวที่ทำสีหน้าจริงจัง แล้วก็มองไปที่เซี่ยงไป่กง พบว่ารองแม่ทัพภาคเซี่ยงก็มีท่าทางหนักใจเหมือนกัน
กลุ่มผู้บัญชาการกลับฮือฮา เรียกได้ว่าทำสายตาอิจฉา ไม่ใช่แค่ได้เลื่อนยศสองขั้น ทั้งยังกระโดดข้ามตำแหน่งรองแม่ทัพภาคไปเป็นแม่ทัพภาคแล้ว ขนาดยศยังกระโดดไปสองขั้นเลย จากทหารเลวหกแถบกลายเป็นแม่ทัพสองแถบ เรียกได้ว่าตบรางวัลอย่างหนัก!
เซี่ยงไป่กงกับโป๋เยวสีหน้าเศร้าสลดเศร้าสลดแล้ว
จ้านหรูอี้ก็งงนิดหน่อยเช่นกัน มองเหมียวอี้อย่างเหม่อลอย คิดไม่ตกนิดตกนิดหน่อย เจ้าเวรนี่มันแทบจะตามก้นนางกลับมา ระหว่างนั้นทำอะไรไปบ้างแล้ว ฟังจากที่อวี่จ้งเจินพูดก็เหมือนจะเก่งกาจมาก เหมือนจะสร้างผลงานใหญ่กว่านางเยอะเลย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
นางนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองกลับมาเร็ว ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงอยู่ดูต่อ ไม่ต้องออกมาเร็วขนาดนี้
อวี่จ้งเจินเลิกคิ้วถามว่า “ทำไม เจ้าไม่เต็มใจเหรอ?”
“เอ่อ…” เหมียวอี้ได้สติกลับมาแล้ว การเลื่อนขั้นร่ำรวยแบบนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่เต็มใจ จึงรีบกุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยเอ่ยรับคำสั่ง!”
พออวี่จ้งเจินเอียงหน้า ผู้ติดตามที่อยู่ข้างกันก็หยิบเกราะรบยศแม่ทัพสองแถบรวมทั้งหนังสือสถานะขุนนางออกมายื่นให้เหมียวอี้ตรงนั้นเลย
“หนิวโหย่วเต๋อ ต่อไปกองมังกรดำยังมีภารกิจใหม่ รีบส่งต่องานกับเบื้องล่างและเบื้องบน ตามนี้แล้วกัน!” อวี่จ้งเจินใช้สองมือตบบนที่วางมือแล้วยืนขึ้น แล้วหันตัวนำกลุ่มคนเดินไปด้านหลัง
“น้อมส่งนายท่านหัวหน้าภาค!” กลุ่มคนในตหนักกุมหมัดคารวะ
ในมือเหมียวอี้ถือของเป็นกอง กำลังขบคิดว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ จู่ๆ คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็ทำความเคารพเขาพร้อมกัน “คารวะท่านแม่ทัพภาค!”
โป๋เยวกับเซี่ยงไป่กงก็ยิ่งทำสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ที่ยิ่งกว่านั้นคือจิตตก ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้เพิ่งมาได้ไม่กี่ปี จู่ๆ ก็ได้กลายเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขาแล้ว กระโดข้ามสองขั้นไปเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขาแล้ว ทำให้ทั้งสองตอบสนองไม่ทัน
ผู้บัญชาการใหญ่แต่ละคนที่อยู่ตรงนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะดูถูกหรือไม่ดูถูกเหมียวอี้ ทุกคนล้วนเป็นผู้นำของธงพยัคฆ์ ยามปกติก็เป็นเรื่องยากที่จะได้เจอหน้ากัน รู้สึกว่าเหมียวอี้สร้างภัยคุกคามให้พวกเขาไม่ได้ กลายเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นระหว่างพวกเขาจึงไม่มีเรื่องอะไรกัน แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะไม่ให้โอกาสพวกแข่งขันสักครั้ง แต่กระโดดขึ้นตำแหน่งสูงไปแล้ว รสชาตินี้เรียกว่าความเจ็บแปลบ
คนที่จิตตกยิ่งกว่าก็คงจะเป็นจ้านหรูอี้ ได้แต่มองดูจุดที่อวี่จ้งเจินเดินหายไปตาปริบๆ นางยังนึกว่าแต่งตั้งเหมียวอี้เสร็จแล้ว ต่อไปจะก็จะเป็นคราวของนาง แต่ใครจะคิดว่าหัวหน้าภาคจะไม่เอ่ยถึงเรื่องของนางสักนิด มองข้ามผลงานของนางไปแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน! บอกว่ามีผลงานก็ต้องให้รางวัลไม่ใช่เหรอ?
“ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ! ถ้ามีเรื่องอะไรก็รอให้ข้าจัดการเรื่องตรงหน้าเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากเหมียวอี้ไล่กลุ่มคนออกไปแล้ว ก็เดินเข้าไปที่ตำหนักหลัง พอมาถึงลานบ้านด้านหลัง ก็เจอกับเนี่ยอู๋เซี่ยวที่กำลังเอามือไขว้หลังยืนรออยู่
เนี่ยอู๋เซี่ยวเหมือนจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะมา แต่ไหนแต่ไรมาใบหน้าไม่เคยมีรอยยิ้มเหมือนกับชื่อของเขา แต่ครั้งนี้ใบหน้ากลับอมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดเหมือนหยอกล้อว่า “ผู้บัญชาการใหญ่หนิวเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคแล้ว ยินดีด้วย”
เหมียวอี้มีสีหน้าเก้อเขิน กุมหมัดขอร้องว่าอย่าล้อกันเลย กล่าวประจบเช่นกันว่า “ข้าน้อยเพียงได้รับการสนับสนุนจากนายท่านก็เท่านั้นเอง คาดว่านายท่านต่างหากที่ได้เลื่อนขั้นอย่างแท้จริง ขออนุญาตถามว่านายท่านเลื่อนตำแหน่งสูงไปถึงขั้นไหนขอรับ?” เขามองออกแล้ว อีกฝ่ายเหมือนจะอารมณ์ค่อนข้างดี จะต้องมีที่ไปที่ดีกว่าตำแหน่งแม่ทัพภาคกองมังกรดำแน่นอน
…………………………