พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1429 ควบคุมกองมังกรดำ
แต่ช่วยไม่ได้ที่คำพูดของหัวหน้าภาคท่านนี้ เหมียวอี้ฟังแล้วรู้สึกว่าเชื่อถือไม่ได้นิดหน่อย พูดให้น่าฟังกว่าร้องเพลงไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่บอกว่าอนุภรรยา มารดาบุญธรรม ได้ชิมของใหม่อะไรนั่นก็เทียบไม่ติดกับตอนที่ตัวเองโดนเจ้าหมอนี่จับมาอยู่หน่วยองครักษ์ซ้าย ตอนนี้มาพูดน้ำไหลไฟดับแบบนี้อีก ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหมอนี่มีเจตนาอะไรแอบแฝง
ดังนั้นเหมียวอี้จึงถามหยั่งเชิงว่า “นายท่าน หน้าที่อันงดงามขนาดนี้ เปลี่ยนให้กองอื่นไปแทนได้หรือไม่ขอรับ?”
อวี่จ้งเจินอึ้งทันที ข้าพูดจนปากแห้งแล้วสงสัยจะเปล่าประโยชน์ จึงทำสีหน้าเครียดขรึมเล็กน้อย “ภารกิจที่เบื้องบนสั่งมา ยังมีมาต่อรองนั่นนี่อีกเหรอ?”
จบกัน คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน เหมียวอี้ปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงยอมรับคำสั่งแต่โดยดี
คนที่เข้าร่วมภารกิจที่ตลาดผี ไม่ว่าจะสร้างผลงานหรือไม่ ขอเพียงไม่ได้ทำอะไรผิดกฎ ก็จะได้รับรางวัลเหมือนกันหมด คนที่รอดชีวิตก็ย่อมได้รับรางวัลโดยตรง ส่วนคนที่รบตาย อวี่จ้งเจินก็ขอให้เหมียวอี้ตรวจสอบข่าวครอบครัวแล้วรายงานขึ้นมา หน่วยองครักษ์ซ้ายมีคนที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะไปจัดการเรื่องมอบเงินบำรุงขวัญ
เมื่อเรื่องระหว่างนี้เสร็จแล้ว อวี่จ้งเจินก็พาคนกลับไปที่ทัพเป่ยโต้ว ส่วนเนี่ยอู๋เซี่ยวยังไม่ได้ไปด้วย ยังมีกิจธุระอีกมากมายที่ต้องทำ ไม่ใช่ว่าพอมีคำสั่งลงมาก็ตบก้นไปได้เลย ต้องจัดการทุกเรื่องของกองมังกรดำให้เรียบร้อย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ทำให้เสร็จได้ นอกจากจบงานแล้ว เนี่ยอู๋เซี่ยวก็ยังต้องเจรจากับลูกน้องที่พึ่งพาได้ด้วย เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด กำลังพลเบื้องล่างก็ยิ่งไม่ได้เตรียมตัวอะไร
เนี่ยอู๋เซี่ยวบอกเหมียวอี้ตรงๆ ถึงเจตนาในการเจรจากับลูกน้องเก่า อย่างไรเสียก็ไม่ใช่การโยกย้ายภายในหน่วยองครักษ์ซ้าย แต่เป็นการย้ายเข้าไปอยู่ในอำนาจท้องถิ่น ลูกน้องเก่าจะเต็มใจไปกับเขาหรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาหนึ่งเช่นกัน เขาต้องให้สัญญาเรื่องผลประโยชน์ ให้สัญญาเรื่องอนาคต เรื่องรองลงมาก็คือเรื่องที่รับปากเหมียวอี้เอาไว้ ก่อนจะถึงตอนนั้นเขาต้องให้ลูกน้องเก่าของตัวเองให้ความร่วมมือกับเหมียวอี้ในการคุมกองมังกรดำ
สำหรับสิ่งนี้ เหมียวอี้ย่อมอยากเห็นมันสำเร็จอยู่แล้ว ถึงแม้เขาจะกลายเป็นแม่ทัพภาคของกองมังกรดำ แต่ตอนที่เนี่ยอู๋เซี่ยวยังไม่ไป เขาก็ยังไม่คิดจะเข้าไปอยู่ในจวนแม่ทัพภาค ไม่อย่างนั้นจะทำให้เนี่ยอู๋เซี่ยวเสียหน้า ดังนั้นจึงกลับไปก่อน
“คารวะท่านแม่ทัพภาค!”
พอเหมียวอี้ออกจากจวนแม่ทัพภาค จู่ๆ ทหารยามที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็ทำความเคารพพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่ารู้ข่าวแล้ว เหมียวอี้โบกมือตอบอย่างอึดอัดเล็กน้อย
ข่าวที่ดังเป็นพลุแตกแบบนี้ ที่จริงก็แพร่ไปทั่วทั้งกองมังกรดำแล้วอย่างรวดเร็ว
จ้านหรูอี้นั่งอยู่ในในค่ายเพียงลำพังอย่างจิตตกเล็กน้อย ไม่ว่าจะในที่แจ้งหรือในที่ลับ ในใจนางก็คิดจะแข่งขันกับเหมียวอี้มาตลอด ครั้งนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กลายเป็นลูกน้องของเหมียวอี้ ในภายหลังจะต้องฟังคำสั่งเหมียวอี้ อีกทั้งในอนาคตอาจจะต้องแต่งงานกับอีกฝ่ายด้วย อย่าบอกนะว่าทั้งชีวิตนี้จะต้องโดนเขาเหยียบจนตาย?
แพ้ให้เหมียวอี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้นางกอดความหวังเอาไว้มากที่สุด มีอยู่ประโยคหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ดีมาก ‘ยิ่งหวังสูงก็ยิ่งผิดหวังมาก’ รสชาติในใจนางตอนนี้ยากจะบรรยายออกมาได้ ในปากเต็มไปด้วยความขื่นขมที่ต้องกล้ำกลืนลงไป ถ้ารู้มาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ นางคงไม่มากองทัพองครักษ์ตั้งแต่แรก!
ลูกน้องคนสนิทหลายคนที่เดินไปเดินมาอยู่นอกค่ายถอนหายใจ ไม่กล้าเข้าไปรบกวนเช่นกัน เรื่องบางเรื่องก็เหมือนไม้ที่กลายเป็นเรือไปแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ต่างก็รู้ว่าตอนนี้ผู้บัญชาการใหญ่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร คนไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า ศัตรูคู่แค้นกลายเป็นผู้บัญชาการของตัวเองแล้ว ถ้าอารมณ์ดีก็คงแปลก
มีคนกลุ้มใจก็ย่อมมีคนชอบใจ
สวีถังหรานที่หน้าแดงมีเลือดฝาดเลิกผ้าม่านค่ายแล้วเดินก้าวยาวเข้ามานั่งข้างใน ก่อนจะโบกมือบอกว่า “เอาสุรามา วันนี้ข้าจะดื่มหลายๆ จอกให้สาแก่ใจ”
เสวี่ยหลิงหลงที่ก้าวเข้ามาต้อนรับงงไปชั่วขณะ ก่อนจะโบกมือให้สาวใช้ไปนำสุรามาส่วนตัวเองก็นั่งลงข้างๆ เขา นางเห็นเขาถูไม้ถูมืออย่างตื่นเต้นดีใจ จึงถามอย่างแปลกใจว่า “นายท่าน หรือว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไรคะ?”
“ฮ่าๆๆ!” สวีถังหรานเงยหน้าแล้วหัวเราะลั่นสามที เอามือตบขาตัวเอง แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “มีเรื่องน่ายินดีจริงๆ ทั้งยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากด้วย ฮูหยิน ข้าจะบอกข่าวดีเจ้าเรื่องหนึ่ง ผู้บัญชาการใหญ่ได้เลื่อนตำแหน่งอีกแล้ว!”
“ได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? เลื่อนเป็นรองแม่ทัพภาคเหรอคะ?” เสวี่ยหลิงหลงประหลาดใจ
สวีถังหรานหัวเราะคิกคัก “นายท่านเป็นใครกันล่ะ ฮูหยินดูถูกนายท่านเกินไปแล้ว ตำแหน่งรองแม่ทัพภาคนายท่านไม่ชายตาแลหรอก เพิ่งจะได้ยินข่าวมา ว่าท่านหัวหน้าภาคมาแจกรางวัลและแต่งตั้งให้ด้วยตัวเองเลย แม่ทัพภาคเนี่ยถูกย้ายออกจากกองมังกรดำแล้ว นายท่านเลื่อนตำแหน่งสองระดับ เลื่อนไปอยู่ตำแหย่งเดียวกับแม่ทัพภาคเนี่ยโดยตรงเลย ยศก็กระโดดจากทหารเลวหกแถบไปสองขั้น ตอนนี้ได้ยศแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบแล้ว! จุจุ นายท่านก็คือนายท่าน เขาแค่ไม่ลงมือก็เท่านั้นเอง ถ้าได้ลงมือขึ้นมาก็จะได้ตักตวงก้อนใหญ่ ข่าวลือเรื่องตลาดผีเมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่แท้นายท่านก็เข้าร่วมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งยังสร้างรางวัลใหญ่ด้วยน! ได้ยินว่านายท่านยังร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ตรวจการใหญ่ด้วย ถึงขั้นได้รับคำชมจากผู้ตรวจการใหญ่เลย อนาคตยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด!” บนใบหน้าเขาแสดงอาการตื่นเต้นดีใจจนแทบจะเปล่งแสงได้ ทำอย่างกับตัวเองได้รางวัลเอง
เสวี่ยหลิงหลงดวงตาเป็นประกาย ตกใจไม่น้อยเลยจริงๆ เลื่อนตำแหน่งสองขั้นไปเป็นแม่ทัพภาคแล้วเหรอ? สายตาเหลือบไปมองท่านสามีที่ตื่นเต้นดีใจไม่หยุดอีกครั้ง นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ เช่นกัน สามีของตนเป็นลูกน้องคนสนิทของนายท่านหนิว นายท่านหนิวอนาคตสดใส สามีของตนก็ย่อมได้อาศัยบารมีไปด้วย จะไม่ดีใจได้อย่างไร?
“งั้นข้าต้องไปแสดงความยินดีกับนายท่านก่อนรึเปล่า?” เสวี่ยหลิงหลงกล่าวหยอกล้อแล้วเม้มปาก
สวีถังหรานหัวเราะเบาๆ “ไม่รู้ว่าหลังจากข่าวไปถึงตลาดสวรรค์แล้ว คนที่เคยหัวเราะเยาะว่าข้าเดินไปเจอทางตันจะยังหัวเราะออกอีกหรือเปล่า?”
ในขณะนี้เอง ด้านนอกก็มีคนมารายงานว่า “นายท่าน ผู้บัญชาการใหญ่กลับมาแล้ว เรียกท่านไปที่ค่ายทัพกลางขอรับ”
สวีถังหรานรีบลุกขึ้นยืน เสวี่ยหลิงหลงรีบช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยทันที
เหมียวอี้ที่กลับมาถึงค่ายทัพกลางเปลี่ยนใส่เกราะรบสีม่วงยศแม่ทัพสองแถบแล้ว บุคคลระดับสูงของธงพยัคฆ์ดำมากันครบ พวกเขาทำความเคารพโดยเปลี่ยนคำเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน “คารวะท่านแม่ทัพภาค”
คนที่ทำความเคารพล้วนมีสีหน้าปลื้มปีติ รู้สึกเป็นเกียรติ ขณะเดียวกันก็คิดกันไปต่างๆ นาๆ ผู้บัญชาการใหญ่ขึ้นตำแหน่งสูงแล้ว หมายความว่าเบื้องล่างก็จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องเป็นทอดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะได้อาศัยบารมีนี้ ชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียนก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจ เพิ่งจะมาที่ธงพยัคฆ์ดำได้ไม่นาน นึกไม่ถึงว่าโอกาสที่พวกนางรอจะมาถึงแล้ว ตามหลักแล้วพวกนางทั้งสองคือคนที่หวังตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำมากที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นใคร ผู้บัญชาการใหญ่เลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคแล้ว อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือท่านแม่ทัพภาค
ของบางอย่างถ้าไล่ตามทันก็คือไล่ตามทัน แต่ถ้าพลาดก้าวเดียวก็อาจจะพลาดอีกหลายก้าว ทั้งสองไม่อยากพลาดโอกาสนี้ มองเหมียวอี้ด้วยแววตาเร่าร้อนนิดหน่อย ตอนนี้เกรงว่าต่อให้ทั้งสองจะถวายตัวให้ก็ยิ่งสบายมาก กับเรื่องมอบร่างกายตอบแทน เดิมทีทั้งสองก็ไม่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว
สาเหตุที่เหมียวอี้เรียกทุกคนมาพบ ประการแรกก็เพื่อจะประกาศเรื่องที่ตัวเองได้เลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาค ประการที่สองก็เพื่อจะจัดการเรื่องให้รางวัลคนที่ติดตามไปปฏิบัติภารกิจที่ตลาดผี จัดการเรื่องที่อวี่จ้งเจินให้สืบหาครอบครัวของคนที่รบตายด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องเปลี่ยนแปลงบุคลากร เหมียวอี้ก็จงใจที่จะไม่เอ่ยถึง ถ้าเนี่ยอู๋เซี่ยวยังไม่ไป เขาก็ยังไม่เตรียมจัดการเรื่องนี้
ถึงแม้จะวางแผนงานเล็กๆ ไว้แล้ว แต่ชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียนกลับแย่งกันแสดงความจงรักภักดี บอกว่าจะไปจัดการให้เหมาะสมอย่างเร็วที่สุด
สายตาของเหมียวอี้กวาดมองบนใบหน้าทั้งสอง เรื่องบางเรื่องเขามีข้อมูลอยู่ในใจแล้ว ลูกน้องคนสนิทของเขา ยกตัวอย่างเช่นสวีถังหราน ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้เลื่อนขั้นแล้ว ไม่เหมือนตอนแรกที่ฝืนยัดคนเข้ามาได้ ตอนนี้มีผลงานเล็กน้อย แถมประสบการณ์และวรยุทธ์ก็ยิ่งไม่ผ่าน ถ้าดันทุรังเลื่อนตำแหน่งก็จะทำให้คนเบื้องล่างไม่พอใจ แต่ครั้งนี้เหยียนซิวกับหยางเจาชิงติดตามออกไปทำภารกิจ สามารถเลื่อนขั้นให้ตามผลงานได้
หลังจากนั้นครึ่งเดือน เนี่ยอู๋เซี่ยวกับเหมียวอี้ก็จบงานกันอย่างเป็นทางการ และพาผู้ติดตามออกไปแค่สองคน โดยเหมียวอี้ส่งกำลังพลกลุ่มหนึ่งให้คอยคุ้มกันส่ง
หลังจากรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว มีลูกน้องเก่าของเนี่ยอู๋เซี่ยวสนับสนุนเต็มที่ เหมียวอี้ก็เตรียมงานที่ต่อเนื่องกันได้อย่างราบรื่นมาก เสียงบ่นเล็กน้อยจากเบื้องล่างไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ผู้บัญชาการใหญ่จ้านหรูอี้ของธงพยัคฆ์น้ำเงินถูกเหมียวอี้ย้ายมาเป็นผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางของกองมังกรดำ สลับตำแหน่งกับผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางคนปัจจุบัน ดูเหมือนเท่าเทียม ดูเหมือนจ้านหรูอี้ได้นั่งในตำแหน่งลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้ แต่ความจริงมีเพียงจ้านหรูอี้เท่านั้นที่รู้ชัดอยู่แก่ใจ ว่าเหมียวอี้ยังไม่วางใจนาง จึงถอดอำนาจทางทหารของนางแล้ว ไม่อยากให้นางบีบอำนาจทางทหารของธงพยัคฆ์น้ำเงินไว้ในมือ เมื่อนางมาอยู่ทัพกลางแล้วก็ไม่มีใครฟังคำสั่งนางเลย เพราะรองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองของทัพกลางรายงานเหมียวอี้โดยตรง ข้ามผ่านนางไปเลย
เหยียนซิวกับหยางเจาชิงถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทัพกลางของกองมังกรดำ ที่จริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ เหยียนซิวก็แค่กุมอำนาจทางทหารเอาไว้เยอะเท่านั้น ส่วนรายละเอียดงานล้วนเป็นหยางชิ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจัดการ สวีถังหรานก็กลายเป็นผู้บัญชาการทัพกลางเช่นกัน นับว่ายุติธรรมแล้ว ที่จริงไม่สะดวกจะเลื่อนตำแหน่งให้เพราะไร้ผลงาน แต่สวีถังหรานก็ไไม่สะทกสะท้าน รู้ถึงความลำบากใจของเหมียวอี้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เหมียวอี้ก็สัญญาไว้แล้ว ว่าในภายหลังจะให้โอกาสเขาสร้างผลงาน
ไห่ผิงซินกลายเป็นลูกน้องของหยางเจาชิงแล้ว แต่ที่จริงเหมียวอี้เพียงต้องการให้หยางเจาชิงควบคุมดูแลนาง
ชวีหย่าหงกลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำ ส่วนมู่อวี่เหลียนถูกย้ายมาที่ทัพกลางชั่วคราว เหมียวอี้ก็ทำตามสัญญาแล้วเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็วที่ผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์น้ำเงินจะต้องไป สักวันหนึ่งตำแหน่งนั้นก็ต้องเป็นของนางอยู่แล้ว สำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้ทั้งสองสาวจะไปหาโป๋เยวมาแล้วล่วงหน้า และเหมียวอี้ก็ถามความเห็นโป๋เยวมาแล้วเช่นกัน แต่โป๋เยวบอกว่าอะไรก็ได้ เขาเตรียมจะตามเนี่ยอู๋เซี่ยวไปแล้ว เขาไม่มีหวังกับตำแหน่งแม่ทัพภาคกองมังกรดำแล้ว ตอนนี้ยังมีโอกาสเป็นแม่ทัพภาคในเขตอำนาจของท้องถิ่น เขาก็ย่อมไม่อยากพลาด
ส่วนชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียน ตอนหลังโป๋เยวก็เตรียมจะพาไปด้วยกัน หลังจากไปอยู่ที่อำนาจท้องถิ่นแล้วก็จะรับเป็นภรรยาอย่างเปิดเผย ไม่ถือข้อห้ามเยอะเหมือนที่กองทัพองครักษ์
เดิมทีเหมียวอี้เตรียมจะปล่อยผ่าน แต่เบื้องล่างมีกำลังพลไม่น้อยที่ยื่นคอมองตาปริบๆ ถ้ามีตำแหน่งว่างอีกสองตำแหน่งก็จะสามารถปลอบใจคนได้ แต่หยางชิ่งกลับคิดว่าคนไม่ตรองการณ์ไกล ความยุ่งยากใจก็จะใกล้เข้ามา มีโอกาสอยู่ในมือแล้วก็ไม่ควรพลาด แนะนำให้กักตัวชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียนไว้ ไม่ให้ทั้งสองตามโป๋เยวไป เตรียมจะเหลือไว้เป็นทางหนีทีไล่เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับคนระดับโป๋เยว
แต่เหมียวอี้รู้สึกว่ารั้งไม่อยู่ เขาตอบตกลงเนี่ยอู๋เซี่ยวแล้วว่าจะปล่อยคนไป ความสัมพันธ์ระหว่างโป๋เยวกับพวกนางก็เห็นๆ กันอยู่ อาจจะรั้งไว้ไม่อยู่
ทว่าหยางชิ่งกลับบอกว่ามีความมั่นใจที่จะรั้งพวกนางไว้ เหมียวอี้จึงให้เขาไปจัดการ
หยางชิ่งแยกไปหาชวีหย่าหงกับมู่อวี่เหลียน แล้วบอกว่าจะอยู่หรือจะไปก็ให้ตัดสินใจเอาเอง แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่จะเตือนทั้งสองเอาไว้ ว่าถ้าตอนนี้อยู่ต่อ ทั้งสองจะได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่แน่นอน แต่หลังจากไปอยู่ในอาณาเขตของอำนาจท้องถิ่นแล้ว ก็จะต้องต่อสู้อย่างถึงพริกถึงขิงกับอำนาจท้องถิ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้ต่อสู้ดิ้นรนสำเร็จ แต่ด้วยระดับของทั้งสองก็จะยังได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่เหมือนเดิม
และที่เน้นเป็นพิเศษก็คือ ถ้าตอนนี้ให้ตำแหน่งผู้บัญชาการใหกับคนอื่นไป ในภายหลังท่านแม่ทัพภาคก็ไม่สะดวกจะเปลี่ยนคนอีกแล้ว จะอยู่หรือจะไปก็ให้ทั้งสองพิจารณาเอาเอง
สาเหตุที่ผู้หญิงทั้งสองตามโป๋เยวไป เดิมทีก็ไปเพื่ออนาคต แต่ตรงหน้ามีตำแหน่งให้อยู่แล้ว ถ้าไปอยู่ในอาณาเขตของอำนาจท้องถิ่นแล้วแข่งขันไหวหรือเปล่าก็ไม่แน่ จะอยู่หรือจะไปก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก …
…………………………