พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1436 อ๋องสวรรค์อิ๋ง ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย
บางครั้งความประหม่าก็ทำให้ได้คะแนนเพิ่ม ถ้าหนิวโหย่วเต๋อผู้ต่ำต้อยคนหนึ่งเห็นเขาแล้วไม่ประหม่าเลยสักนิด นั่นกลับจะเป็นเรื่องที่แปลกด้วยซ้ำ
ฉากที่เห็นได้ตอนนี้สอดคล้องกับภาพเหตุการณ์ที่ประมุขชิงคาดไว้ เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล และแน่นอน มีจุดที่เหนือความคาดหมายเช่นกัน ประมุขชิงนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้เพิ่งจะมาได้ไม่นานก็โดนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่สั่งสอนแล้ว
สรุปก็คือ ประมุขชิงมีใบหน้าอมยิ้มเมื่อเจอเขา
กับแม่ทัพภาคเล็กๆ คนหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจกดดัน บางครั้งการไม่วางมาดนั่นแหละที่ดูเหมือนวางมาดที่สุด
สายตาเหมียวอี้กวาดมองกลุ่มคนแวบหนึ่ง นอกจากเกาก้วนแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครเลยสักคน
เดิมทีเขารู้จักเทียนหยวน แต่ช่วยไม่ได้ที่เทียนหยวนเสียตำแหน่งโหวไปแล้ว ช่วงก่อนหน้านี้อุทยานหลวงก็เก็บกวาดคฤหาสน์ชุดหนึ่ง ในจำนวนนั้นมีคฤหาสน์ของท่านโหวเทียนหยวนด้วย เหมียวอี้ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องกับท่านโหวเทียนหยวนด้วยเหมือนกัน พอติดต่อกับปี้เยว่ฮูหยินถึงได้รู้ว่าเทียนหยวนได้รับผลกระทบจากเทพประจำดาวคนฉลู เกือบจะได้เข้าไปอยู่ในคุกใหญ่ของหน่วยตรวจการฝ่ายขวา แต่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ยื่นมือดึงตัวออกมาได้ทัน เทียนหยวนก็เลยเสียแต่ตำแหน่งขุนนางไป ไม่ได้รับบทลงโทษอะไร ตอนนี้คอยทำงานอยู่ในจวนอ๋องสวรรค์ เดิมทีเทียนหยวนก็มาจากจวนอ๋องสวรรค์อยู่แล้ว เท่ากับวนอ้อมไปรอบหนึ่งแล้วกลับมาอีก
แน่นอนว่าตอนนี้เขาก็ไม่สะดวกจะตั้งใจมองประเมินทีละคน บางทีอาจจะเป็นเพราะในจำนวนนั้นมีคนที่รู้จักเขาอยู่ เพียงแต่ชั่วขณะนั้นไม่ทันได้สังเกต ทว่าผู้ชายชุดเขียวที่ยืนอยู่ตรงกลางสะดุดตามาก รูปร่างสูงใหญ่ อัตราส่วนของเท้ากับร่างกายยาวกว่าคนทั่วไป บนช่อผมที่ม้วนขึ้นไปอย่างง่ายๆ แซมด้วยเส้นผมสีขาว มีหนวดเหนือริมฝีปากบนและเคราใต้ริมฝีปากล่าง คิ้วเข้มตาโต ขนาดดวงตายาวเรียว แววตาล้ำลึก ตรงหว่างคิ้วมีลายเมฆอัสนีบาตสีเขียวคราม กำลังอมยิ้มพลางมองมาที่ตน
คนคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายธรรมดาที่สุดท่ามกลางคนพวกนี้ ทว่าในตอนนี้กลับโดดเด่นเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่ โดยเฉพาะลักษณะอันน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากตัวทั้งๆ ที่ไม่ได้โกรธ ชัดเจนว่าเป็นผู้นำของกลุ่มนี้
เหมียวอี้แอบตกใจ เดาออกแล้วว่าคนคนนี้เป็นใคร จึงไม่กล้าจ้องตรงๆ เดินมาถึงระยะห่างสามจั้งแล้วหยุดยืนกุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยหนิวโหย่วเต๋อ แม่ทัพภาคอุทยานหลวง คารวะฝ่าบาท!”
“เจ้าเองเหรอหนิวโหย่วเต๋อ?” ประมุขชิงถามด้วยสีหน้าอมยิ้ม
เหมียวอี้คิดตาม ไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดหมายความว่าอะไร เมื่อมีบทเรียนจากการลงโทษก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าและรับมืออย่างระมัดระวัง “เป็นข้าน้อยเองขอรับ”
ประมุขชิงพยักหน้าเบาๆ “เจ้าดูเหมือนได้รับบาดเจ็บหนักมานะ?”
มีคนไม่น้อยทำตัวสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่ากำลังจะมีละครสนุกๆ ให้ดู
เหมียวอี้ยังกุมหมัดคารวะค้างไว้ ก้มหน้ามองพื้นพร้อมตอบว่า “เกิดเหตุไม่คาดคิดนิดหน่อยขอรับ เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด ประมุขชิงก็ไม่ได้ถามอีก ต่อให้เหมียวอี้จะพูด แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ แบบนั้นกลับจะทำให้คนที่ยืนอยู่ฝั่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่คิดวางแผนไม่ดีกับเหมียวอี้ได้ เพราะเขาไม่อาจแสดงคำพูดหรือพฤตติกรรมใดๆ ต่อราชินีสวรรค์ผู้เป็นมารดาแห่งใต้หล้าต่อหน้าฝูงชนได้ ต่อให้จะไม่พอใจแต่ก็เอาไว้ตำหนิราชินีสวรรค์เมื่ออยู่ลับหลังคนอื่นได้ หรือไม่ก็ถึงขั้นถอดออกจากตำแหน่งโดยตรง แต่ไม่สามารถทำลายบารมีความน่าเชื่อถือของราชินีสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน ในตอนที่ยังไม่ได้ถอดราชินีสวรรค์ออกจากตำแหน่งจริงๆ ถ้าราชินีสวรรค์ไม่สามารถใช้คุณธรรมคุมคนในฐานะมารดาแห่งใต้หล้าได้ การปล่อยให้ราชินีสวรรค์เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่สักหน่อยก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกัน
เขาปกครองใต้หล้า หลักการบางอย่างเขาก็เข้าใจชัดเจนมาก อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเจ้านายแห่งวังหลังล่ะ? ก็คือคนที่คำพูดมีน้ำหนักและมีอำนาจตัดสินใจในวังหลังไง!
อย่าไปมองแค่ว่าวังหลังมีแต่กลุ่มผู้หญิงสวยๆ เพราะความจริงนั้น ยิ่งสถานที่ไหนมีผู้หญิงเยอะ ก็ยิ่งมีความขัดแย้งเยอะ ยิ่งเป็นผู้หญิงสวยก็จะยิ่งสำคัญตัวเองผิดได้ง่ายๆ บางครั้งผู้หญิงก็มักเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้ง ยามจะเล่นบทโหดขึ้นมาก็เรียกได้ว่าใจดำอำมหิตจริงๆ โหดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ที่เขาว่ากันว่า ‘พิษร้ายสุดคือจิตใจของผู้หญิง’ ก็เพราะเหตุผลนี้ ถ้าไม่มีคนควบคุมพวกนางไว้ก็ไม่ได้จริงๆ
วังหลังมีผู้หญิงมากมายขนาดนั้น มีจำนวนไม่น้อยที่มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลัง ถ้าวุ่นวายไร้ระเบียบขึ้นมาก็จะแย่ เขามีอุดมการณ์อันแรงกล้าต่อใต้หล้า เป็นไปไม่ได้ที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจหลักไปกับผู้หญิงกลุ่มนี้หมด
ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มักสั่งทรมานคนในวังหลังบ่อยๆ เรื่องที่สั่งประหารสนมหรือองครักษ์ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ในทางตรงกันข้าม ในใจเขารู้ดีมาก เพียงแต่แสร้งปิดตาข้างหนึ่งก็เท่านั้นเอง ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ สาเหตุที่ราชินีสวรรค์ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ก็เป็นเพราะเขาจงใจให้ท้าย ไม่อย่างนั้นถ้าไปเตือนอย่างเข้มงวดจริงๆ มีหรือที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะกล้าทำแบบนี้
ตอนนี้ในวังหลังมีใครเห็นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้วไม่กลัวบ้าง? ส่วนประมุขชิงก็แค่ต้องควบคุมเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ถ้าควบคุมนางได้คนเดียวก็เท่ากับควบคุมได้ทั้งวังหลังแล้ว แบบนี้สบายขึ้นเยอะ
ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือยิ่งผู้หญิงในวังหลังอิจฉาในอำนาจของราชินีสวรรค์มากเท่าไร ก็ยิ่งจ้องอยากได้ตำแหน่งราชินีสวรรค์มากเท่านั้น แบบนั้นถึงจะแย่งชิงกันเป็นที่โปรดปราน เวลาปรนนิบัติประมุขชิงถึงจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ
ถ้าในวังหลังไม่มีการแย่งชิงกันเป็นที่โปรดปราน ราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างเขาก็จะต้องหันมาเอาใจผู้หญิงกลุ่มนี้งั้นเหรอ?
ดังนั้นต่อให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฆ่าเหมียวอี้ทิ้ง ทำงานของประมุขชิงพัง เขาก็ทำได้เพียงคิดบัญชีกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ลับหลัง อย่างน้อยสำหรับในตอนนี้ เหมียวอี้ที่ต่ำต้อยคนเดียวก็ยังไม่มีสิทธิ์มาทำตัวทัดเทียมกับหน้าตาศักดิศรีของราชินีสวรรค์ และยิ่งไม่มีสิทธิ์ทำให้เขาแตกคอกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ต่อหน้ากลุ่มขุนนางด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเขาแล้ว ถ้าอยากจะฝึกเลี้ยงเหมียวอี้ การให้เหมียวอี้ได้รับบทเรียนยาวๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร อย่างไรเสียไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีกฎของที่นั่นอยู่แล้ว ถ้าให้เหมียวอี้ทำตัวกำเริบเสิบสานเหมือนตอนอยู่ที่ตลาดสวรรค์อีก อยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครก็ทำ แบบนั้นจะไม่แย่หรอกเหรอ? ถ้าไม่รู้จักกลัวเสียบ้าง ไม่เคารพยำเกรงเลยสักนิด เช่นนั้นในภายหลังก็ต้องมองข้ามกฎระเบียบเข้าสักวัน!
“อื้ม ต่อไปก็ระวังหน่อยแล้วกัน” ประมุขชิงกล่าวปลอบใจ แล้วก็เดินก้าวยาวไปข้างหน้าต่อ
เขาก็แค่เกิดอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เลยถือโอกาสมาดู ‘ลูกลิงน้อย’ สักหน่อย ถึงแม้จะมาที่นี่แล้วมุ่งตรงมาหาหนิวโหย่วเต๋อ ทว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ได้มาเพื่อหนิวโหย่วเต๋อ เพราะหนิวโหย่วเต๋อยังไม่มีค่าพอให้เขาต้องถ่อมาที่นี่ด้วยตัวเอง จะให้ราชันสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานอย่างเขามาแสดงออกว่าชื่นชมตัวละครเล็กๆ อย่างหนิวโหย่วเต๋อ แสดงออกว่าให้ความสำคัญมาก แสดงออกว่าจะใช้งานในตำแหน่งสำคัญอย่างไร จากนั้นก็พูดคุยกับหนิวโหย่วเต๋อยาวๆ ให้พวกขุนนางตกใจเหรอ นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในทางกลับกัน นี่ถือเป็นการปกป้องเหมียวอี้แบบหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการชื่นชมมากเกินไป!
เพียงแต่พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้คนที่รอดูละครสนุกๆ รู้สึกผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ มีเพียงขุนนางใหญ่บางส่วนที่เข้าใจประมุขชิงอย่างลึกซึ่งที่รู้อยู่แก่ใจ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเอาเรื่องเล็กๆ แบบนี้มาโค่นล้มเซี่ยโห้วเฉิงอวี่? ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้ม ตำแหน่งราชินีสวรรค์ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็จะไม่มีใครทำให้สั่นคลอนได้
เมื่อเห็นประมุขชิงเดินมาตรงหน้าด้วยมาดอันน่าเกรงขามดุจพยัคฆ์มังกร เหมียวอี้ก็รีบถอยไปอีกข้าง หลีกทางให้เขาแล้ว
ตอนที่กลุ่มขุนนางเดินผ่าตัวเขาไป ก็มีคนไม่น้อยที่มองสำรวจเขาอีกครั้ง ทุกคนล้วนมองเขาด้วยแววตาที่เหมือนมองลงมายังที่ต่ำ แต่เกาก้วนกลับไม่ชายตาแลเขาแม้แต่น้อย
รอจนกระทั่งคนกลุ่มนี้เดินออกไปแล้ว องครักษ์ในแม่ทัพภาคถอนกำลังออกไปแล้ว เขาก็รีบเรียกพวกจ้านหรูอี้ให้มาตามอยู่ข้างหลังเขา
ถึงแม้บนร่างกายเขาจะมีบาดแผล ทำให้เขาเจ็บจนว้าวุ่นไปหมด แต่ในเวลาแบบนี้ก็ทำได้เพียงอดทนไว้ รับมือกับกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้ามีธุระเรียกหาเขาแต่เขากลับไม่อยู่ ใครจะไปรู้ว่าจะมีผลที่ตามมาเป็นอย่างไร ถ้ามาเฝ้าสวนที่นี่แต่กลับเฝ้ารักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ แบบนั้นต่างหากที่จะได้ไม่คุ้มเสีย
จ้านหรูอี้เห็นเขาสีหน้าแย่ บนใบหน้ามีเหงื่อไหลเป็นเม็ดๆ รู้ว่าเขาเจ็บเหลือทนแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสียงเตือนว่า “ถ้าร่างกายขอนายท่านไม่สะดวก ไม่สู้ไปพักก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวทางนี้ข้าจะช่วยดูให้นายท่าน ฝ่าบาทก็รู้ว่านายท่านได้รับบาดเจ็บ คงจะไม่มีใครตำหนินายท่าน”
เหมียวอี้จะกล้าวางใจให้ผู้หญิงคนนี้คุมสถานการณ์ได้เหรอ ถ้าโดนผู้หญิงคนนี้วางกับดักขึ้นมาจะทำอย่างไร ?
เขายังป้องกันและระแวดระวังจ้านหรูอี้อยู่
พวกประมุขชิงไม่ได้นั่งเกี้ยวใหญ่อีก ให้นำเกี้ยวใหญ่ถอยออกไป แล้วก็ไปยังสวนท้อเซียนที่อยู่ใกล้ๆ
ค่ายกลป้องกันของสวนท้อเซียนเปิดออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนกลุ่มใหญ่เข้ามา
ถึงแม้ทุกคนจะเป็นขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ แต่สถานที่นี้ก็ใช่ว่าใครจะเข้าก็เข้ามาได้ ถ้ามุมโดยอิงจากบางมุม อำนาจในการเข้าออกที่นี่ คนส่วนใหญ่ยังมีไม่เท่าเหมียวอี้เลย มีคนไม่น้อยที่ถือโอกาสนนี้เชยชมทิวทัศน์สวนท้ออย่างจริงจัง
หลังจากเข้ามากลางสวน จู่ๆ ประมุขชิงที่เอามือไขว้หลังก็กล่าวว่า “อ๋องสวรรค์อิ๋ง ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“ขอรับ!” อิ๋งจิ่วกวงที่อยู่ข้างหลังก้าวขึ้นมาข้างหน้า
ซ่างก่วนชิงรีบหันซ้ายหันขวาบอกใบ้เล็กน้อย กลุ่มองครักษ์ที่ติดตามเข้าไปเก็บกวาดในป่าข้างหน้าทันที จะได้ป้องกันไม่ให้มีคนได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน หรือเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ส่วนเขาก็ตามหลังทั้งสองไปอย่างช้าๆ
คนที่อยู่ข้างหลังรู้ว่าประมุขชิงต้องการจะคุยกับอิ๋งจิ่วกวงเป็นการส่วนตัว ไม่สะดวกจะตามเข้าไปอีก ทุกคนหยุดอยู่กับที่แล้ว เซี่ยโห้วท่ากับอีกสามอ๋องสวรรค์สบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้ว่าประเด็นสำคัญในการมาครั้งนี้เริ่มจะโผล่ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าการที่ประมุขชิงทำให้วุ่นวายแบบนี้เพราะคิดจะทำอะไรกันแน่?
รอจนกระทั่งห่างจากกลุ่มคนมาไกลแล้ว จู่ๆ ประมุขชิงถึงได้กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่นี้เพิ่งจะเห็นเจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่น จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง หลานสาวของเจ้าเหมือนจะเป็นลูกน้องของหนิวโหย่วเต๋อใช่มั้ย?”
อิ๋งจิ่วกวงกำลังครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายอยากจะทำอะไร พอได้ยินว่าเปลี่ยนประเด็นมาที่จ้านหรูอี้อย่างกะทันหัน เขาก็อึ้งอยู่บ้าง ในใจเกิดความระแวดระวังทันที แต่ภายนอกกลับยิ้มตอบว่า “ฝ่าบาทความจำดีมาก ใช่แล้วขอรับ”
ประมุขชิงพยักหน้า “นั่นก็แปลว่า ตอนนี้หลานสาวของเจ้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
“น่าจะใช่ขอรับ” อิ๋งจิ่วกวงตอบ
ประมุขชิงตอบกลั้วหัวเราะ “เรื่องที่ตลาดผี หลานสาวเจ้าก็สร้างผลงานใหญ่ไว้เหมือนกัน เมื่อครู่นี้เห็นหนิวโหย่วเต๋อก็ลืมไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย ซ่างก่วน ไปเรียกตัวมา ข้าอยากจะเห็นขุนนางที่สร้างคุณงามความดีสักหน่อย”
“ขอรับ!” ซ่างก่วนชิงเอ่ยรับคำสั่ง จากนั้นโบกมือเรียกคนมาหนึ่งคน แล้วสั่งให้ไปพาจ้านหรูอี้มาที่นี่ ขณะเดียวกันก็แอบถ่ายทอดเสียงเตือน ว่าให้เดินอ้อมไป พาตัวมาโดยหลีกเลี่ยงขุนนางใหญ่กลุ่มนั้น
เขาเป็นคนที่อยู่ข้างกายประมุขชิง เข้าใจประมุขชิงดีมาก ในเมื่อประมุขชิงอยากจะสนทนากับอิ๋งจิ่วกวงโดยหลบเลี่ยงขุนนางใหญ่คนอื่นๆ ก็ย่อมเป็นเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็น
เดิมทีจ้านหรูอี้ก็รอรับคำสั่งอยู่แถวนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงถูกนำตัวมาอย่างรวดเร็ว
นางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกเรียกมาด้วยเรื่องอะไร พอเห็นประมุขชิงกับอิ๋งจิ่วกวงเดินเล่นอยู่ในป่า นางก็รีบเข้าไปทำความเคารพ “ข้าน้อยจ้านหรูอี้คารวะฝ่าบาท คารวะอ๋องสวรรค์!”
เมื่อตัวจริงมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ในดวงตาประมุขชิงก็ฉายประกายแวบหนึ่ง
ถึงแม้จ้านหรูอี้จะไม่ถึงขั้นมีหน้าตาแบบงามล่มเมือง แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนสวยเช่นกัน ยิ่งมีรูปร่างสูงระหงทรงเพรียวแบบที่หาได้ยากในหมู่ผู้หญิง ขาทั้งคู่ยาวเด่นมาก ไปยืนตรงไหนก็สะดุดตา ถึงแม้บนตัวจะสวมเกราะรบ แต่เกราะรบก็ยากที่จะปิดบังรูปร่างที่ดีของจ้านหรูอี้ได้ กลับช่วยเพิ่มลักษณะที่องอาจกล้าหาญให้นางด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ไปอีกแบบ กอปรกับท่าทีที่ไม่เย่อหยิ่งหรือถ่อมตัวจนเกินไป เสน่ห์แบบนั้นก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ประมุขชิงไม่เคยเห็นในวังหลัง ทำให้ประมุขชิงตาเป็นประกายมาก ให้ความรู้สึกเหมือนดีใจเหนือความคาดหมาย
ประมุขชิงยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวชมว่า “ช่างเป็นวีรสตรีหญิงที่มีลักษณะองอาจกล้าหาญ ขนาดข้าเห็นแล้วยังรู้สึกฮึกเหิม ดีๆๆ!”
อิ๋งจิ่วกวงพูดต่อว่า “ฝ่าบาทชมเกินไปแล้วขอรับ นางเป็นเด็กสาวที่ไม่รู้ความคนหนึ่งเท่านั้นเอง ชอบทำอะไรตามอารมณ์ตัวเอง โดนโอ๋ตั้งแต่เด็กจนเสียคนแล้วขอรับ”
นี่ไม่ใช่คำพูดถ่อมตัว แต่เขาโมโหนางแล้วจริงๆ นางปิดบังเขาแล้วแอบไปอยู่ที่หน่วยองครักษ์ซ้ายก็ว่าแย่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าขนาดไปปฏิบัติภารกิจลับที่ตลาดผีก็ยังไม่บอกคนในบ้านสักคำ ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลอิ๋งอยู่มั้ย? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่นางรู้จักแจ้งข่าวมาบอกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้าย ทำตัวเหมือนเกลือเป็นหนอนแบบนี้ เขาถึงขั้นคิดจะฆ่านางแล้วด้วยซ้ำ
“เอาน่า การไม่เสแสร้งต่างหากที่เป็นอุปนิสัยที่แท้จริงของนาง ถ้าจะให้ข้าพูดนะ ข้าว่าดีกว่าพวกมีเจตนาแอบแฝงในใจตั้งเป็นหมื่นเท่า” ประมุขชิงพูดดักประโยคหนึ่ง หลังจากหรี่ตายิ้มพลางกวาดมองจ้านหรูอี้ศีรษะจดเท้าอีกครั้งแล้ว ก็เอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าต่อ
อิ๋งจิ่วกวงโบกมือ บอกใบ้ให้จ้านหรูอี้ถอยไป ส่วนตัวเองก็เดินตามหลังประมุขชิงต่อไป
…………………………