พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1445 'ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ'
ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจที่ความวู่วามชั่วขณะจะนำปัญหามาให้ตน แต่ที่น่าเสียใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พาจ้านหรูอี้หนีไปล่ะ? ตอนนี้ทำร้ายทั้งจ้านหรูอี้ทั้งตัวเองแล้ว จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ ช่างโง่เง่าจริงๆ
เรื่องบางเรื่องทำให้เขารู้สึกอับจนปัญญามาก เขานึกว่าเลือดร้อนของตัวเองจะเย็นลงแล้ว แต่เขาพบว่าบางสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในสันดานนั้นยากต่อการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ผ่านความเป็นความตายหลายครั้งจนเดินมาถึงทุกวันนี้แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังจะทำเรื่องที่วู่วามเลือดร้อนได้อีก
เขารู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าตอนนี้ต่อให้อยากหนีแต่ก็หนีไม่พ้น ตอนยังไม่เกิดเรื่องเขายังหนีไปจากที่นี่ได้อยู่ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะหนี ขนาดอาศัยกำลังของจ้านผิงยังไม่มีทางพาลูกสาวหนีได้เลย ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้ก็ยิ่งหนีไปจากที่นี่ไม่ได้ ที่นี่คือศูนย์กลางตำหนักสวรรค์ที่มีกำลังทหารแน่นหนา
เหล่าพี่น้องกองมังกรดำเดินตามอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่แอบรู้สึกปลงในใจ มีแต่แอบส่ายหน้า มีแต่แอบส่งสายตาให้กันอยากจนใจ ต่างก็รู้ว่าท่านแม่ทัพภาคกำลังจะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว ถ้าไม่อยากตายก็คงยากแล้ว
แต่พี่น้องกองมังกรดำก็ยอมแพ้แม่ทัพภาคท่านนี้แล้วจริงๆ ขนาดเรื่องแบบนี้ยังกล้าทำ ชื่อเสียงอันโด่งดังที่ล้างเลือดตลาดสวรรค์ในปีนั้นไม่ใช่ข่าวลืมปลอมๆ
หยางเจาชิงสีหน้าตึงเครียด สวีถังหรานหน้าซีด มาถึงขั้นนี้แล้ว จะพูดอะไรอีกก็คงสายไป แค่เจ้าปฏิเสธรางวัลก็ว่าหนักแล้ว ทำไมต้องพูดว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศด้วย ราชันสวรรค์รับสนมเข้าวัง ทำไมกลายเป็นขายผู้หญิงแลกเกียรติยศไปแล้วล่ะ ต่อให้ความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่เจ้าก็พูดออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่การตบหน้าอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว แต่เป็นการพังงานตอนที่ราชันสวรรค์แต่งงานรับสนม
คนกลุ่มหนึ่งกลับไปประจำในพื้นที่อย่างเงียบๆ ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าท่านแม่ทัพภาคกำลังประสบเคราะห์ร้ายที่หลีกหนีได้ยาก
เรื่องราวแพร่ไปทั้งกองมังกรดำอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้ค่อนข้างครึกโครม ทั้งข้างล่างข้างบนของกองมังกรดำเดือดเป็นแถบๆ แอบพึมพำนินทากันเงียบๆ บ้างก็ว่านายท่านเป็นคนกล้าหาญ บางส่วนก็ว่านายท่านเป็นคนโง่เขลาเช่นกัน
เหมียวอี้ที่ยังไม่ถอดเกราะรบก้าวเท้าอย่างหนักหน่วง เดินทีละก้าวเข้าไปในตำหนักใหญ่ของจวนแม่ทัพภาค ดินขึ้นบันไดไป แล้วหมุนตัวนั่งลงบนบัลลังก์ของตัวเอง ใช้มือดึงที่เอวหนึ่งครั้ง กระบี่วิเศษที่แขวนไว้ระหว่างเอวถูกถอดลงมา ตุ้ง! กระทุ้งกระบี่พร้อมปลอกไว้บนพื้น สองมือประกบจับอยู่บนด้ามกระบี่ เขาทำสีหน้าเรียบเฉยและหลับตาลงอย่างช้าๆ
เขากำลังรีบครุ่นคิด หวังว่าจะสามารถหาวิธีการที่ทำให้รอดพ้นหายนะนี้
หยางเจาชิงกับสวีถังหรานที่เข้ามาด้วยกันสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็แอบถอนหายใจ ไม่ได้รบกวนเขา
หยางชิ่งกับเหยียนซิวที่ได้รับข่าวก็เดินเข้ามาแล้วเช่นกัน หยางชิ่งยืนขมวดคิ้วมุ่นอยู่ข้างกายหยางเจาชิง แอบถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเหยียนซิวก็เดินช้าๆ ไปอยู่ข้างกายเหมียวอี้ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน ข้ามีวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยให้นายท่านปกป้องตัวเองได้ชั่วคราว เปิดเผยเคล็ดวิชาฝึกตนของข้าสิ ตำหนักสวรรค์จะไม่รีบลงโทษนายท่านแน่นอน”
เหมียวอี้ยกมือขึ้นเบาๆ บอกใบ้ว่าไม่ให้พูดอะไรแล้ว วิธีการนี้ไม่ต่างอะไรกับการดื่มเหล้าพิษแก้กระหายน้ำ ถึงแม้จะปกป้องชีวิตได้ชั่วคราว แต่จุดจบสุดท้ายก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ถ้าเหยียนซิวถูกเปิดโปงกำพืดขึ้นมา นี่ก็จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว เบื้องบนจะต้องสืตรวจสอบลูกน้องคนสนิทที่เหลือแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกหยางเจาชิงก็จะหนีไม่พ้นด้วยเช่นกัน
ถ้าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ไม่สู้ให้เขาแบกรับไว้คนเดียวดีกว่า แบบนี้จะได้ไม่ทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย อย่างน้อยก็ยังเหลือลูกคนสนิทไว้ให้อวิ๋นจือชิวได้บ้าง
เหยียนซิวเองก็รู้ว่าวิธีการนี้ไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้หมดคนทางจริงๆ แล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่เห็นด้วย เขาก็ทำได้เพียงยืนเงียบอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนที่สูงสง่ากับสตรีวัยกลางคนที่งามเพริศพริ้งก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา เป็นรองแม่ทัพภาคทั้งสองของกองมังกรดำนั่นเอง ตงจิ่วเจินกับฉื้อเยียน
“นายท่าน ท่านช่างเลอะเลือนนัก ทำไมพูดแบบนั้นต่อหน้าฝูงชนได้!” พอตงจิ่วเจินเดินเข้ามาก็ตำหนิทันที ตอนนี้ไม่สนใจมารยาทธรรมเนียมอะไรแล้ว เรื่องนี้ใหญ่โตเกินไปจริงๆ
เหมียวอี้ลืมตาสองข้าง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “น้ำที่สาดไปแล้วยากจะเก็บกลับคืน ในเมื่อพูดไปแล้ว มาเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเป็นคนก่อเรื่องเอง ไม่ทำให้ทุกคนพลอยลำบากไปด้วยหรอก”
ตงจิ่วเจินเงียบกริบ ในเมื่อเจ้าเองยังไม่กลัว ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน ถ้าเจ้าลงจากตำแหน่งแล้ว ดีไม่ดีข้าอาจจะได้รับตำแหน่งต่อจากเจ้าก็ได้
ฉื้อเยียนไม่พูดอะไรแล้ว ดวงตาที่จ้องเหมียวอี้ฉายประกายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังชื่นชม
ว่ากันตามตรง ตอนแรกที่นางมาที่กองมังกรดำ นางก็ไม่ค่อยพอใจที่ได้แม่ทัพภาคที่ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือประสบการณ์ฝีมือก็สู้นางไม่ได้มาเป็นผู้บังคับบัญชา ในใจดูถูกเหมียวอี้อยู่บ้างนิดหน่อย หลังจากรู้ถึงการกระทำของเหมียวอี้ที่เรือนพักของอ๋องสวรรค์อิ๋ง นางก็ด่าเขาว่าโง่เขลาเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกนับถือเหมียวอี้ อย่างน้อยก็โง่เขลาได้สมกับเป็นลูกผู้ชาย!
ผ่านไปไม่นาน เฟยหงก็รีบเดินออกมาจากตำหนักหลังเช่นกัน นางมองเหมียวอี้ด้วยสีหน้ากังวล นางเพิ่งจะได้ยินข่าวเรื่องนี้ นางไม่เข้าใจว่าทำไมเหมียวอี้ถึงทำเรื่องที่วู่วามแบบนี้ได้
นางเดินขึ้นไปบนบันไดอย่างช้าๆ นั่งคุกเข่าข้างเดียวใต้เข่าเหมียวอี้ ใช้มือประคองบนขาเหมียวอี้ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ให้ข้าลองไปหาแม่บุญธรรมดูมั้ยคะ”
เหมียวอี้จ้องนางครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ ‘”อืม” ทำได้เพียงรักษาม้าตายเยี่ยงม้าเป็นแล้ว
เฟยหงยืนขึ้นแล้วรีบยกกระโปรงวิ่งออกมาไป เงาร่างหายไปในความมืดนอกประตูใหญ่
ส่วนเหมียวอี้ก็ไม่นั่งรอความตายเฉยๆ เช่นกัน รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อโค่วเหวินหลาน ตอนนี้คนที่มีคามเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะปกป้องเขาได้ก็มีแค่อ๋องสวรรค์โค่วแล้ว จากนั้นก็รีบติดต่อเกาก้วน บอกว่ายินดีจะไปอยู่ที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวา ขอให้เกาก้วนช่วยให้เขารอดพ้นความหายนะครั้งนี้ เกาก้วนไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้รับปาก ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใส่ใจ สุดท้ายเขาจึงติดต่อเทพประจำดาวฟ้าเถาะ หวังว่าผังก้วนจะมีวิธีการอะไรที่จะช่วยเขาได้
ตอนนี้เขาทำได้เพียงลองติดต่อไปหาคนพวกนี้ จะได้ผลหรือไม่เขาก็ไม่รู้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ยั่วโมโหราชันสวรรค์โดยตรง
ทุกคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างเห็นเขาใช้ระฆังดาราติดต่อไม่หยุด ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังติดต่อให้ แต่ทุกคนต่างก็ดูออก ว่ากำลังหาคนมาช่วยเหลือแน่นอน
ดาวหยกงาม จวนอ๋องสวรรค์ ประตูตำหนักเปิดออกพร้อมเสียงดังทึบ โค่วหลิงซวีที่หยุดฝึกตนชั่วคราวเอามือไขว้หลังเดินออกมา โดยมีผู้เฒ่าถังเข้ามาต้อนนรับ ที่จริงก่อนที่เหมียวอี้จะติดต่อมา ทางนี้ก็ได้รับข่าวแล้ว
โค่วหลิงซวีเงยหน้ามองดาวที่เยือกเย็นในท้องฟ้ายามราตรี แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ยืนยันเรื่องนี้หรือยัง?”
ผู้เฒ่าถังตอบอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “ยืนยันแล้วขอรับ ทางคุณชายสามส่งข่าวมาแล้ว บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อขอความช่วยเหลือจากตระกูลโค่ว ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน”
โค่วหลิงซวีหัวเราะหึหึ “ช่างใจกล้าคับฟ้าจริงๆ ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ? ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ? ข้าเองก็ส่งผู้หญิงเข้าวังไปไม่น้อย ขนาดข้าก็โดนด่าไปด้วยแล้ว ตอนที่พูดจาวู่วามนั้นสะใจเพียงชั่วครู่โดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้มานึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ แบบนี้เท่ากับสร้างความอับอายให้ประมุขชิงต่อหน้าฝูงชน ต่อให้ประมุขชิงจะตั้งใจฝึกเลี้ยงสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขากำเริบเสิบสานแบบนี้ เขายังไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่จับตัดมือตัดเท้าเชือดคอเขาก็นับว่าเขาโชคดีแล้ว”
ผู้เฒ่าถังถามหยั่งเชิงว่า “นายท่านหมายความว่าจะยืนอยู่เฉยๆ หรือขอรับ? เขาเป็นคนแอบส่งข่าวเรื่องตลาดผีให้ตระกูลโค่วนะ ถ้าเจ้าหนุ่มนั่นกัดไม่ปล่อยขึ้นมา จะเกิดปัญหาอะไรรึเปล่า?”
โค่วหลิงซวีแสยะยิ้ม “เรื่องนั้นประมุขชิงยอมประนีประนอมแล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหรูอี้จะเข้าวังได้ยังไง ถ้าเขากัดซี้ซั้ว ก็มีแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ข้าก็ไม่ถึงขั้นยืนดูเฉยๆ หรอก ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ออกจากการเก็บตัวฝึกตน”
ผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “เกรงว่าเรื่องช่วยชีวิตเขาจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ สักเท่าไรนัก เรื่องนี้เปิดเผยแล้ว จะให้ประมุขชิงเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
โค่วหลิงซวีกล่าวเสียงเรียบว่า “จัดการไม่สะดวกหรอก ที่สำคัญคือต้องดูว่าจะจ่ายอะไรแลก หลานสาวตระกูลข้ายังมีหลายคนที่ยังไม่ออกเรือน เจ้าไปดูซิว่านางหนูคนไหนเหมาะสม เดี๋ยวข้าจะไปบอกประมุขชิง ว่าเจ้าเด็กนั่นกับหลานสาวของข้าจะแต่งงานกันแล้ว หุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว แล้วก็ให้ประมุขชิงจัดการตามเห็นสมควร”
ผู้เฒ่าถังงุนงง ไม่น่าเชื่อว่าจะเสียสละชีวิตการแต่งงานของหลานสาวหนึ่งคนเพื่อปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ ราคานี้มากไปหน่อยรึเปล่า อย่างน้อยหลานสาวแท้ๆ ก็มีสายเลือดใกล้ชิดกว่าหลานสาวนอกของอิ๋งจิ่วกวงหรอกน่า? เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างลังเลว่า “แบบนี้คือวิธีการที่ดีในการปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ แต่เกรงว่าต่อให้รอดพ้นโทษตาย แต่โทษเป็นก็ยากจะหนีพ้น ประมุขชิงจะต้องลงโทษเขาอย่างรุนแรงแน่!”
“เจ้าเด็กนั่นเป็นไม้ชั้นดีที่เอาไปทำอาวุธได้ ในอนาคตก็จะต้องเป็นหนึ่งในทหารกล้าของข้า รับเป็นหลานเขยก็ไม่ถือว่าทำให้หลานสาวข้าเสียศักดิ์ศรีเช่นกัน ดีกว่าให้แต่งงานกับพวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมพวกนั้นตั้งเยอะ” โค่วหลิงซวีพูดจบแล้วเงยหน้ามองฟ้าถอนหายใจ แล้วบอกอีกว่า “เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านั้นจะมีคนควบคุมหรือไม่ ก็ยังยืนยันไม่ได้ แต่พวกเราจะต้องกันไว้ดีกว่าแก้ ต้องกระตือรือร้นเตรียมกำลังคนที่ใช้งานได้ ต้องจงรักภักดี แบบนั้นถึงจะเป็นพันธมิตรกับตระกูลโค่วได้ในช่วงเวลาสำคัญ เจ้าต้องจำเรื่องนี้ใส่ใจเอาไว้…ครั้งนี้ข้าช่วยชีวิตเจ้าเด็กนั่น ทั้งยังจะยกหลานสาวให้แต่งงานกับเขาด้วย เขาจะไม่อุทิศตนทำงานให้ข้าได้ยังไง อย่างน้อยก็ไม่กล้าปฏิบัติกับหลานสาวข้าอย่างขาดความยุติธรรม”
“บ่าวทราบแล้วขอรับ” ผู้เฒ่าถังพยักหน้า
“ถ้าลงมือเร็วจะเหมือนมีน้ำใจไม่มากพอ เอาไว้ยื่นมือเข้าไปในช่วงเวลาสำคัญ จะได้ให้เขาจ่ายค่าตอบแทนของความบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือด้วย ไปเถอะ! พวกเราไปด้วยตัวเองสักรอบ ไปดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” โค่วหลิงซวีกล่าวพลางยิ้มบางๆ แล้วถลันตัวออกไปไกล ส่วนผู้เฒ่าถังก็แวบหายไปติดๆ กัน
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โมโหมาก เดินไปเดินมาอย่างกระฟัดกระเฟียดอยู่ในตำหนัก บนพื้นมีข้าวของแตกกระจายเป็นกอง สีหน้าค่อนข้างแย่
นางรู้ว่าราชันสวรรค์จะรับจ้านหรูอี้เข้าวังเป็นสนม แต่นางไม่รู้ว่าราชันสวรรค์จะแต่งตั้งให้จ้านหรูอี้เป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ตำแหน่งที่มอบให้สูงกว่าที่นางจินตนาการไว้ สิ่งที่ทำให้นางโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือ นายหญิงแห่งวังหลังอย่างนางกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด จะให้นางทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร!
ถึงแม้ในใจจะแค้นที่ราชันสวรรค์ไร้ไมตรี แต่ที่แค้นยิ่งกว่าก็คือจ้านหรูอี้ เด็กสาวที่โผล่ออกมาปุบกำลังจะมาเคียงบ่ากับนางแล้ว ดีไม่ดีสักวันหนึ่งก็อาจจะดันนางลงจากตำแหน่งก็ได้ นางทนจนไม่รู้จะทนอย่างไรแล้ว นางอยากจะบดขยี้ร่างของจ้านหรูอี้แล้วโยนให้สุนัขกิน
ที่จริงแล้ว พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อนั่นตบหน้าตระกูลอิ๋ง นางก็ยังสะใจมาก ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าหนิวโหย่วเต๋อที่น่าตายนั่นพูดว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ ออกมาอีก แบบนั้นก็แปลว่านางเป็นผู้หญิงที่ขายได้ราคาสูงที่สุดน่ะสิ?
แค่ตระกูลอิ๋งไม่เห็นนางอยู่ในสายตาก็ว่าหนักแล้ว ขนาดแม่ทัพภาคกระจอกๆ คนหนึ่งยังสร้างความอับอายให้นางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย เดิมทีก็โมโหจ้านหรูอี้แทบแย่อยู่แล้ว ดันมีเรื่องนี้โผล่มาอีก ทำให้นางหาที่ระบายไฟเดือดเจอทันที อย่างไรเสียก็ไปแตะต้องจ้านหรูอี้ไม่ได้หากไม่มีเหตุผลรองรับ ทำได้เพียงจัดการกับลูกพลับอ่อนที่บีบง่ายก่อน
แต่ที่ยุ่งยากก็คือ ท่านปู่เคยกำชับนางไว้ ไม่ให้นางแตะต้องหนิวโหย่วเต๋อซี้ซั้ว ทั้งยังให้นางคิดหาทางปกป้องหนิวโหย่วเต๋อด้วย แต่นางทนข่มความเดือดดาลนี้ได้ยากจริงๆ
เป็นราชินีสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะหาทางจัดการเจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้เลยสักนิด ทำให้นางโมโหแทบแย่อยู่แล้ว ขณะที่เดินไปเดินมาไม่หยุด นางก็ทำลายข้าวของไปด้วย
ทันใดนั้น นางก็หยุดฝีเท้า วิธีการยอดเยี่ยมแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแวบเข้ามาในหัวของนาง นางตาเป็นประกายพร้อมรีบเดินออกจากตำหนักนารีสวรรค์ไป
สาวใช้เอ๋อเหมยไม่รู้ว่านางเป็นอะไรไป จึงรีบเดินตามนางออกไป ขณะที่ออกจากตำหนักก็กำชับให้นางในรีบเก็บกวาดข้าวของในห้อง
…………………………