พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1463 กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่ง
หลังจากสองสามีภรรยากำหนดทิศทางใหญ่ๆ แล้ว เดิมทีเหมียวอี้ก็ยังอยากปลอบใจอวิ๋นจือชิวสักหน่อย เชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าเยว่เหยาทำเกินไปเช่นกัน พวกนางแอบมาฟ้องเรื่องที่เยว่เหยาดูหมิ่นอวิ๋นจือชิวแล้ว เขาจึงรู้เรื่องนี้แล้ว
แต่คิดไปคิดมาก็ไม่พูดดีกว่า การปลอบใจง่ายๆ จะทำให้การดูหมิ่นแบบนั้นผ่านไปได้อย่างไร ถ้าไม่สั่งสอนเยว่เหยาสักหน่อยคงไม่ได้แล้ว คำพูดแบบนี้ขนาดเขาฟังแล้วยังโมโหเลย เขาเตรียมจะกลับไปอธิบายกับอวิ๋นจือชิวอีกที
ตลาดผี ในตึกศาลาสัตยพรต เฉาหม่านเอามือไขว้หลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง กำลังขมวดคิ้วมองดูแสงโคมไฟของตลาดผีที่อยู่ไกลๆ พลางถามเสียงต่ำว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าฐานปฏิบัติการสองแห่งของแต่ละลัทธิที่เสียหายไปเป็นกำลังเกือบหนึ่งในห้าส่วน?”
ชายชราชุดเขียวที่ยืนอยู่ข้างหลังตอบอย่างเคารพว่า “ยืนยันไม่ได้ขอรับ แต่ถ้าดูจากข้อมูลกำลังของหกลัทธิด้านนอกที่พวกเรามี ลองคำนวณดูแล้วก็เสียหายไปเกือบเท่านั้นจริงๆ”
เฉาหม่านหรี่ตาถาม “เฒ่าชี เจ้ารู้สึกว่าใครอาจจะทำ?”
ชายชราชุดเขียวตอบว่า “การเคลื่อนไหวของผู้ลอบโจมตีนั้นปราดเปรียวเรียบร้อย ไม่ได้ทิ้งเบาะแสอะไรไว้เลย ตัดสินได้ยากว่าเป็นใครทำ แต่ผู้ที่มีกำลังแบบนี้ในใต้หล้ามีไม่เยอะ ตำหนักสวรรค์กับแดนสุขาวดีมีความเป็นไปได้มากที่สุด”
เฉาหม่านส่ายหน้าช้าๆ “เป็นไปไม่ได้ที่ประมุขชิงกับประมุขพุทธะจะทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเลือกตำแหน่งจากข้อมูลภาพรวมทั้งหมดที่มีแล้วค่อยโจมตี ถ้าเป็นประมุขชิงกับประมุขพุทธะทำจริงๆ จะต้องกวาดล้างทั้งหมดในครั้งเดียวแน่นอน จะตัดกำลังสนับสนุนข้างนอกของหกลัทธิจนถึงที่สุด ทำให้ผู้เหลือรอดที่โดนขังเกิดความขัดแย้งวุ่นวายภายใน มีหรือที่จะปล่อยไป กำลังหลักจองหกลัทธิล้วนอยู่ในแดนอเวจี จะใช้แผนล่องูออกจากถ้ำเชียวหรือ?”
“หกลัทธิมีเพียงห้าลัทธิที่โดนจู่โจม เป็นลัทธิอู๋เลี่ยงทำรึเปล่า?” ชายชราชุดเขียวไม่แน่ใจ
เฉาหม่านแสยะยิ้ม “กำลังอำนาจของลัทธิอู๋เลี่ยงที่อยู่ข้างนอกมีศักยภาพขนาดนี้เชียวเหรอ? หนึ่งต่อหนึ่งยังพอไหว แต่หนึ่งต่อสิบนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่สิ่งนี้ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือยังมีอำนาจฝ่ายอื่นที่พวกเราไม่รู้จักที่สามารถสืบหากำพืดของกำลังอำนาจด้านนอกของหกลัทธิได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน นี่ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด เป็นใครทำกันแน่?”
เขาหันตัวมา แล้วจ้องชายชราชุดเขียวพร้อมบอกว่า “การจู่โจมครั้งนี้เหมือนเป็นการตักเตือนแบบหนึ่ง ไปสืบมา สืบว่าช่วงนี้หกลัทธิไปล่วงเกินใครไว้หรือเปล่า?”
“เถ้าแก่ สืบมาแล้วขอรับ แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสใดๆ” ชายชราชุดเขียวตอบ
“ไม่มีพยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุสักคนเลยเหรอ? พวกพวกเทพแห่งภูเขา เทพเจ้าเฝ้าประตูกับเทพแห่งผืนดินของที่นั่นล่ะ?” เฉาหม่านถาม
ชายชราชุดเขียวกล่าวอย่างจนใจว่า “เถ้าแก่ เดิมทีฐานปฏิบัติการลับของหกลัทธิก็มีเจตจาไม่ซื่ออยู่แล้ว ที่ตั้งล้วนจงใจหลีกเลี่ยงสายตาคน ต่อให้มีที่แบบนี้อยู่ แต่ผู้โจมตีก็ตั้งใจจะปกปิดตอนที่ลงมือ ส่วนมนุษย์ธรรมดาก็เห็นแค่ตอนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน มองไม่ชัดเลยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร คนของพวกเราไปตรวจสอบมาแล้ว ไม่มีเบาะแสใดๆ เลย ผู้โจมตีเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบ สิ่งไหนควรพิจารณาก็พิจารณาหมด”
เฉาหม่านกล่าวว่า “แบบนั้นก็ยิ่งพิสูจน์แล้วว่าข้อมูลที่อีกฝ่ายมีนั้นละเอียดไม่ธรรมดา เรื่องนี้ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด มีเบาะแสเล็กน้อยก็ห้ามปล่อยพลาดไปแม้แต่นิดเดียว ยังมีอีกอย่าง ข้าไม่เชื่อหรอกว่านอกจากตำหนักสวรรค์กับแดนสุขาวดีแล้ว ยังจะมีอำนาจอะไรอีกที่มีพลังขนาดนี้ ถ้าหากมี ก็จะต้องเป็นอำนาจของหลายฝ่ายร่วมมือกันแน่นอน ฝ่ายเดียวทำไม่ไหว! ข้าไม่สนว่าเขาจะปิดบังไว้ลึกแค่ไหน เจ้าต้องเค้นออกมาให้ได้ ออกคำสั่งลงไป ให้ตรวจสอบทุกอำนาจและทุกสำนักที่เกี่ยวข้องกับกำลังพวกนี้ให้ละเอียด อย่าปล่อยผ่านแม้แต่ฝ่ายเดียว ถ้ามีความผิดปกติอะไรก็ต้องถลึงตามองไว้ให้ข้า!”
“ขอรับ!” ชายชราชุดเขียวเอ่ยรับ แล้วก็หยิบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมาอีก “เถ้าแก่ นี่คือข้อมูลของหนิวโหย่วเต๋อที่ท่านสั่งให้สิบไว้คราวก่อน”
“อ้อ!” เฉาหม่านรับมาไว้ในมืออย่างรู้สึกสนใจ อ่านไปด้วยถามไปด้วยว่า “มีจุดไหนที่เน้นเป็นพิเศษมั้ย?”
ชายชราชุดเขียวตอบกลั้วหัวเราะว่า “ประวัติภูมิหลังของเขาไม่ชัดเจน แต่ก็สืบเจอบางอย่างที่ไม่ปกติแล้วนิดหน่อย ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อยังเป็นผู้บัญชาการใหญ่ที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน เคยมีข่าวลือเรื่องชู้สาวกับเถ้าแก่เนี้ย ‘ร้านโฉมเมฆา’ เถ้าแก่เนี้ยคนนี้ชื่ออวิ๋นจือชิว ว่ากันว่าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว หลังจากสืบเรื่องตระกูลสามีของนาง ก็พบว่าคนในตระกูลสามีและตระกูลตัวเองประสบหายนะตั้งนานแล้ว เดิมทีเบาะแสนี้ถูกตัดขาด ทว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือ อวิ๋นจือชิวคนนี้ไปโผล่ที่ตลาดสวรรค์อีกแห่ง ร้านค้าที่นางดูแลเป็นกิจการลับของลัทธิมาร”
“เป็นของลัทธิมารเหรอ?” เฉาหม่านพลันเงยหน้า
“ขอรับ!” ชายชราชุดเขียวพยักหน้า “นี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้นนะขอรับ หลังจากตรวจสอบเจอความผิดปกติของผู้หญิงคนนี้แล้ว ก็สืบสาวคนที่ไปมาหาสู่กับผู้หญิงคนนี้ทันที พบว่าผู้หญิงหลายคนที่ไปมาหาสู่กับนางตอนที่ยังอยู่ดาวเทียนหยวน แท้จริงแล้วเป็นเถ้าแก่เนี้ยของร้านค้าที่ตลาดสวรรค์เหมือนกัน ผลปรากฏว่าตอนนี้พวกนางย้ายไปดำเนินกิจการที่ตลาดสวรรค์แห่งอื่นหมดแล้ว แล้วร้านค้าที่เปลี่ยนไปทำก็ล้วนเป็นกิจการของหกลัทธิ นอกจากนี้ยังมีลูกน้องจำนวนไม่น้อยของหนิวโหย่วเต๋อที่สืบหาที่มาให้ชัดเจนไม่ได้”
“หรือพูดได้อีกอย่างว่า หนิวโหย่วเต๋อคนนี้เกี่ยวข้องกับหกลัทธิจริงๆ?” เฉาหม่านถาม
ชายชราชุดเขียวตอบว่า “เป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ที่แปลกก็คือ ร้านค้าที่ผู้หญิงพวกนั้นดำเนินกิจการมีทั้งลัทธิมาร ลัทธิพุทธ ลัทธิผี ลัทธิมาร ลัทธิเซียน ลัทธิเดียวที่ไม่มีก็คือลัทธิอู๋เลี่ยง จากหกขาดไปหนึ่ง และครั้งก่อนที่ตลาดผีก็เป็นลัทธิอู๋เลี่ยงที่ส่งคนอ่อนด้อยฝีมือไปลอบสังหารเขา ส่วนครั้งนี้หกลัทธิโดนโจมตี แต่กลับขาดลัทธิอู๋เลี่ยงไป ไม่ทราบว่าในนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?”
เฉาหม่านเงียบไปนานมาก สุดท้ายก็ส่ายหน้าช้าๆ เหมือนคิดไม่ตกว่าในนั้นมีเงื่อนงำอะไร แต่กลับชูแผ่นหยกในมือขึ้นมา แล้วเดาะลิ้นกล่าวว่า “ตอนอยู่ที่อุทยานหลวงก็ตบหน้าอิ๋งจิ่วกวง ขนาดจาบจ้วงประมุขชิง ก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ โดนทำโทษให้ไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์แบบเหนือความคาดหมาย เบื้องหลังยังเกี่ยวข้องกับหกลัทธิอีก นี่มันสถานการณ์อะไรกัน…น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ หึหึ!”
จวนท่านปู่สวรรค์ ชายชราชุดเทาคนหนึ่งเดินเข้ามาในเขตหวงห้ามของตระกูลเซี่ยโห้วเพียงลำพัง ทหารยามที่เฝ้านอกสวนไม่ได้ห้ามไว้ แต่กลับคารวะด้วยความเคารพ เป็นเพราะเขาคือบ่าวชราข้างกายหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้ว ชื่อว่าเว่ยซู
พอเดินอย่างชำนาญทางมาถึงนอกตำหนักใหญ่หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางอย่างเงียบๆ เว่ยซูก็เคาะวงกบประตูเบาๆ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่ต้องรายงาน
ในตำหนัก เซี่ยโห้วท่ากำลังนั่งสมาธิฝึกตน ดูค่อนข้างโดดเดี่ยวเงียบเหงา
เว่ยซูที่ปิดประตูแล้วเดินช้าๆ มาข้างกายเซี่ยโห้วท่า แล้วนั่งคุกเขาลงด้านข้างเยื้องกัน ก่อนจะหยิบแผ่นหยกสองแผ่นยื่นให้ “นายท่าน ข่าวจากคุณชายสามขอรับ”
เซี่ยโห้วท่ายังไม่ลืมตา ถามอย่างเนิบนาบว่า “มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า?”
“ทางด้านคุณชายสามสืบเจอเรื่องที่น่าสนใจบางอย่าง บอกว่านายท่านจะต้องรู้สึกสนใจแน่นอน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อขอรับ” เว่ยซูตอบ
เซี่ยโห้วท่าค่อยๆ ลืมตาสองข้างแล้วเหลือบตามองมา แต่ยังไม่ได้รีบรับแผ่นหยกมาไว้ในมือ ถามก่อนว่า “จะน่าสนใจยังไง?”
เว่ยซูตอบกลั้วหัวเราะว่า “ถ้าจะให้พูดก็ซับซ้อนมาก แต่น่าสนใจจริงๆ นายท่านอ่านดูก็จะรู้แล้ว”
เซี่ยโห้วท่ายื่นมือไปหยิบแผ่นหยกมา แล้วอ่านอย่างละเอียด พออ่านไปอ่านมาเรื่อยๆ ก็ยกมือขึ้นลูบเครายาวช้าๆ หลังจากอ่านจบก็ครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง “น่าสนใจจริงๆ ที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ประวัจิไม่ชัดเจนจริงๆ หรือว่าพวกเราสืบไม่เจอเอง?”
“ถ้าในใต้หล้ามีเรื่องไหนที่พวกเราสืบไม่เจอ ก็ไม่มีตระกูลไหนสามารถสืบเจอได้แล้วขอรับ” เว่ยซูตอบ
เซี่ยโห้วท่าเอามือฟั่นเคราพร้อมกล่าวอย่างไม่มั่นใจ “เช่นนั้นก็แปลกแล้ว ขนาดประวัติภูมิหลังไม่ชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านการตรวจสอบได้ ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากประมุขชิงจนย้ายไปหน่วยองครักษ์ซ้าย เพราะอะไรกัน?”
เว่ยซูตอบว่า “มีเหตุผลเพียงสามข้อเท่านั้นขอรับ ถ้าไม่ใช่เพราะความตั้งใจของประมุขชิง ก็แปลว่ามีคนวางแผนเล่นไม่ซื่อ หรือไม่กำลังพลเบื้องล่างก็ตรวจสอบแบบลวกๆ พอเป็นพิธี ทว่าคนที่ได้รับความโปรดปรานจากประมุขชิง หน่วยตรวจการขวาจะต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่น่าจะตรวจแบบสะเพร่า ความเป็นไปได้ข้อสุดท้ายสามารถตัดออกได้ ถ้าจะบอกว่ามีคนวางแผนเล่นไม่ซื่อ หน่วยตรวจการซ้ายก็ส่งสายลับไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นความตั้งใจของประมุขชิง”
เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้า “ถ้ารู้กำพืดเขาแล้วจงใจทำแบบนั้น ก็คงจะไม่ส่งสายลับไปอยู่ข้างกายเขาหรอก ตอนแรกเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ลุ่มหลงนารี แต่จู่ๆ ก็ชิงตัวนางระบำ เจ้าไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ? ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ยังพออธิบายได้หน่อย แต่ตอนนี้…ตอนนี้เขาเกี่ยวข้องกับผู้เหลือรอดของหกลัทธิ ข้างกายจะกล้าเก็บคนนอกไว้ซี้ซั้วได้ยังไง ผู้หญิงคนนี้สำคัญกว่าหรือชีวิตตัวเองสำคัญกว่าล่ะ?” เขาโบกแผ่นหยกในมืออย่างแฝงความหมายล้ำลึก
หลังจากงงไปครู่หนึ่ง เว่ยซูก็พลันเบิกตากว้างขึ้นหลายส่วน “เขาสังเกตได้ว่าตำหนักสวรรค์ต้องการจะยัดสายลับไว้ข้างกายเขา ก็เลยเล่นไปตามน้ำเหรอขอรับ?”
เซี่ยโห้วท่าตอบว่า “เขาปฏิเสธได้ด้วยเหรอ? ไม่มีทางปฏิเสธได้ และไม่กล้าปฏิเสธด้วย ได้แต่เข็นเรือไปตามน้ำ คงจะเป็นอย่างนี้ เหอะๆ การมีสายลับนอนอยู่ข้างกายคงจะไม่ใช่รสชาติที่ดีนัก! หลายปีมานี้เวลาเจ้าหนุ่มนั่นจะนอนก็คงจะลืมตาไว้ข้างหนึ่ง ยังต้องเล่นละครไปตามน้ำ ไปที่อุทยานหลวงแล้วก็ยังสลัดไม่หลุด ลำบากพอสมควร ความเมตตาจากสาวงามนี้ยอมรับได้ยากจริงๆ! ไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้วอาจจะเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่งก็ได้”
เว่ยซูโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย “นายท่านหมายความว่า มีคนปลอมแปลงประวัติภูมิหลังของหนิวโหย่วเต๋อเหรอ หน่วยตรวจการขวากำลังตบตาประมุขชิงหรือขอรับ?”
เซี่ยโห้วท่าหยิบไม้เท้าที่อยู่ข้างกาย เว่ยซูรีบยื่นมือประคอง มองดูเขาค้ำไม้เท้าเดินไปเดินมาช้าๆ อยู่ในตำหนัก ไม่รู้ว่ากำลังไตร่ตรองอะไรอยู่
พอเดินไปเดินมาได้สักพัก จู่ๆ เซี่ยโห้วท่าก็หยุดเดิน แล้วเงยหน้ามองเพดาน พลางพึมพำว่า “อย่าบอกนะว่าเกาก้วน…”
เว่ยซูตกใจมาก รีบก้าวมาข้างหน้า “นายท่านหมายความว่าเกาก้วนกำลังหลอกลวงประมุขชิงเหรอ? อย่าบอกนะว่าเกาก้วนกับผู้เหลือรอดของหกลัทธิเกี่ยวข้องกัน? แต่เกาก้วนก็เคยคลุกคลีกับหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ”
เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้าช้าๆ ปฏิเสธการคาดเดาของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…ไม่ว่าใครก็ทรยศประมุขชิงได้ทั้งนั้น แต่มีแค่ซ่างก่วนชิง โพ่จวิน อู๋ฉวี่ ซือหม่าเวิ่นเทียนและเกาก้วนที่เป็นไปไม่ได้ ประวัติของเกาก้วนข้ารู้จักดี เป็นไปไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้องกับหกลัทธิ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสายลับให้หกลัทธิ เกาก้วนก็ไม่ใช่คนโง่ ต่อให้หกลัทธิจะโต้ตอบสำเร็จ แต่อาศัยสิ่งที่เขาทำไปในหลายปีมานี้ ถ้าหกลัทธิชนะแล้วก็อาจจะไม่ปล่อยเกาก้วนไปก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางแก้ตัวกับกำลังพลเบื้องล่างของหกลัทธิได้ แล้วความเป็นความตายของพวกนั้นก็ผูกติดอยู่กับตัวประมุขชิง ถ้าออกห่างจากประมุขชิง ไม่ว่าอำนาจฝ่ายไหนก็ไม่ปล่อยเขาไปทั้งนั้น และการที่หนิวโหย่วเต๋รอดพ้นภัยครั้งนี้ ก็ดึงโพ่จวินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จะว่าไปโพ่จวินก็มีจุดที่น่าสงสัยเหมือนกัน ตอนนี้ข้าอยากจะรู้ว่าใครกันแน่ที่แนะนำให้ส่งหนิวโหย่วเต๋อไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ อย่าบอกนะว่าประมุขชิงคิดเอง? ส่งตัวไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์เพราะมีจุดประสงค์อะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่เพื่อให้คำอธิบายกับโพ่จวินและอิ๋งจิ่วกวงเท่านั้นจริงๆ?”
เว่ยซูยิ้มเจื่อน “เกรงว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีทางตรวจสอบได้ ตอนนั้นในตำหนักเหลือแค่ประมุขชิง ซ่างก่วนชิง ซือหม่าเวิ่นเทียนและเกาก้วน”
เซี่ยโห้วท่าถอนหายใจแล้วบอกว่า “ใช่แล้ว! เจ้าพวกนี้ปิดปากสนิทมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรที่คุยกับประมุขชิงก็ไม่เปิดเผยให้คนนอกรู้สำสักคำ นอกจากประมุขชิงก็ไม่มีใครง้างปากพวกเขาได้ ไม่มีทางสืบให้ลึกกว่านี้แล้วจริงๆ หึหึ เจอปริศนาเข้าแล้ว หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ช่างน่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ช่างเถอะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว พวกเราใช้กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่ง[1]ต่อไปแล้วกัน ถ้ามีตอนไหนน่าสนใจก็ค่อยโยนฟืนเพิ่มลงไป แค่ไม่ทำให้พวกเราโดนเผาไหม้ไปด้วยก็พอ สักวันก็จะได้เห็นความจริงกระจ่างชัดเจน ไม่รีบทำตอนนี้หรอก”
…………………………
[1] กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่ง 隔岸观火 เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก ใช้ประโยชน์จากการแตกแยกของศัตรู