พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1464 พูดภาษาคน
แดนมรณะดึกดำบรรพ์ เหมียวอี้ที่นั่งสมาธิอยู่ในถ้ำรู้สึกทุกข์ใจนิดหน่อย ไม่สามารถฝึกตนได้อย่างสงบใจ
หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป เขาก็ตกตะลึงกับศักยภาพของปราสาทดำเนินนภามาก ก็เพราะด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ทุกข์ใจ อีกฝ่ายไม่ได้ทำงานให้เปล่าๆ อีกฝ่ายต้องการให้เขาจ่ายค่าตอบแทน ค่าตอบแทนก็คือสถานการณ์ปัจจุบันโดยละเอียดของแดนมรณะดึกดำบรรพ์
แต่เขาจะไปรู้สถานกาณ์ได้อย่างไร หลังจากเข้ามาแล้วก็หลบอยู่ในถ้ำตลอดเพราะคำนึงถึงความปลอดภัย ไม่เคยเพ่นพ่านไปไหนเลย อย่าบอกนะว่าจะให้รายงานสถานการณ์ที่พบเจอเพียงเล็กน้อยให้ปราสาทดำเนินนภารู้? ถ้าทำแบบนั้นแล้วอีกฝ่ายไม่คิดว่าเจ้ากำลังล้อเล่นก็แปลกแล้ว ในภายหลังอีกฝ่ายคงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอีก ในเมื่อเป็น ‘ข้อตกลง’ ก็ต้องยุติธรรม จะเอาเปรียบอย่างเดียวไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ปราสาทดำเนินนภายอมให้เอาเปรียบได้ง่ายขนาดนั้นเหรอ?
เขาเองก็อยากจะจ่ายค่าตอบแทนอย่างซื่อสัตย์ ทว่าสถานที่ผีบ้าแบบนี้มันน่าออกไปเพ่นพ่านเหรอ? ก่อนจะมาก็มีคนบอกไว้แล้วว่าอย่าเพ่นพ่านไปทั่ว ในนั้นมีสิ่งที่เขาสู้ด้วยไม่ไหวอยู่
จะค้างหนี้หรือจะไปเสี่ยงอันตรายล่ะ? ก็เพราะแบบนี้ไง! สับสน!
ตอนแรกที่ตอบตกลง ตอนที่ได้สั่งสอนห้าปราชญ์เขาสะใจมาก แต่พอตอนต้องจ่ายค่าตอบแทนเขาถึงได้สติและรู้ถึงผลลัพธ์ของการวู่วาม
ขณะที่เขากำลังคิดวนเวียนอยู่ตรงนี้ เฮยทั่นที่อยู่ในทะเลสาบนอกถ้ำก็สับสนเหมือนกัน มันว่ายไปถึงปากทางต้นน้ำกลางทะเลสาบแล้ว ได้แต่มองดูปลาสีขาวที่เกิดจากวิญญาณอาฆาตฝูงนั้นถอยออกไปจากทะเลสาบผืนนี้
ครั้งนี้ดวงไม่ดีจริงๆ ครั้งก่อนกินอิ่มจนพุงกางเกินไป เลยหลับนานไปหน่อย พอจามแล้วลืมตาขึ้น ก็พบว่าฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว เฮยทั่นจึงร้อนใจทันที
หลังจากอยู่ตรงนี้ได้สักระยะ เฮยทั่นก็รู้แล้วเช่นกันว่าปลาพวกนั้นจะมาตอนที่ฟ้ามืด พอฟ้าสว่างก็ถอยกลับไป การถอยครั้งนี้หมายความว่าต้องรออีกสิบวันเต็มๆ กว่าจะได้กินอีกสักตัว
มันรีบกระโจนออกมาจากปากถ้ำ พุ่งลงไปค้นหาทั่วทั้งทะเลสาบ แต่ก็ตามทันหางไวๆ จับมาได้แค่สองตัว และตอนหลังก็ตามมาถึงตำแหน่งที่อยู่ในตอนนี้แล้วลังเลไม่หยุด
จะไม่ได้กินไปสิบวันเชียวนะ!
เฮยทั่นที่แวกหวายอยู่ในน้ำพลันพุ่งเข้าไป พุ่งเข้าไปในต้นน้ำที่เป็นทางเข้าออกทะเลสาบ หมายจะตามปลาขาววิญญาณอาฆาตพวกนั้นไป
แต่ไม่นานมันก็หยุดอีก สุดท้ายก็ยังนึกถึงคำเตือนของเหมียวอี้ กลัวว่ากลับไปแล้วจะโดนเหมียวอี้ทำโทษ
แต่จะไม่ได้กินปลาไปสิบวันเลยนะ!
เฮยทั่นลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำอย่างช้าๆ มันโผล่หัวขึ้นมาสำรวจทางน้ำที่ตัวเองอยู่ เงียบสงบมาก ดูสงบสุขมาก มองไม่ออกว่ามีอันตรายเลยสักนิดเดียว จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ล่ะ? ตัวเองแอบไปกินสักมื้อ พอกินอิ่มแล้วก็กลับมา เจ้านายน่าจะไม่รู้หรอก
เจ้านายเป็นอย่างไร สัตว์พาหนะก็เป็นอย่างนั้น ในบางด้านเฮยทั่นกับเหมียวอี้มีนิสัยคล้ายกัน วู่วามก่อเรื่องได้ง่าย
เฮยทั่นหันกลับไปมองทางถ้ำด้วยสายตาล่อกแล่ก พบว่าทางเหมียวอี้ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไร คงจะไม่สังเกตเห็นมาตนมาไกลแล้ว มันจึงดำลงในน้ำทันที รีบไล่ตามไปยังทิศทางที่ปลาขาววิญญาณอาฆาตว่ายหนีไป
ดำน้ำไปตามกระแสน้ำได้ไกลสักระยะ ในที่สุดก็ไล่ตามฝูงปลาทันแล้ว ปลาฝูงนั้นมาถึงรังเก่าแล้วเช่นกัน รังเก่าอยู่ในทะเลสาบอีกแห่ง เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ใช้ตาเปล่ามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด รังของปลาขาววิญญาณอาฆาตอยู่ตรงก้นทะเลสาบที่ลึกและดำมืด ท่ามกลางแนวภูเขาใต้ทะเลสาบที่สูงต่ำไม่เสมอกัน ในนั้นเต็มไปด้วยโพรงทั้งขนาดเล็กและใหญ่ราวกับรังผึ้ง
เมื่อเห็นเฮยทั่นไล่ตามมา ปลาขาววิญญาณอาฆาตก็ตกใจหนีกระเจิงทันที พากันหนีเข้าไปในรังที่เป็นโพรง
สายตาของเฮยทั่นเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเมื่ออยู่ก้นทะเลสาบที่ลึกและดำมืด มันไล่ตามไปที่รังของปลาขาววิญญาณอาฆาตโดยตรง เพียงแต่ตัวมันใหญ่เกินไป เข้าไปในโพรงไม่ได้ มันจึงคลานอยู่ใต้น้ำ ใช้กรงเล็บทั้งสี่ข้างไต่ไปบนโพรงรัง มักโยกหัวไปทางซ้ายและขวา มองดูสภาพข้างในผ่านรู
ในจุดลึกของรูรูปรังผึ้งนั้นกลวงเปล่า ข้างในมีพื้นที่ว่างเยอะมาก ยังมีปลาขาววิญญาณอาฆาตตัวใหญ่อีกสิบกว่าตัว แต่ละตัวมีขนาดใหญ่เท่าคนปกติ เหมือนจะเป็นเพราะตัวใหญ่เกินไป ก็เลยโดนขังอยู่ในรังออกไปหาอาหารกินไม่ได้ ดังนั้นมันจึงกินพวกเดียวกันเองที่อยู่ในรัง แค่ฮุบคำเดียวก็สามารถกินปลาชนิดเดียวกันที่มีขนาดตัวเล็กได้หนึ่งตัวแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าปลาขาววิญญาณอาฆาตตัวเล็กๆ พวกนั้นจะไม่สะทกสะท้านกับการโดนพวกเดียวกันกิน ปล่อยให้พี่ใหญ่กินตัวเองไปแล้ว
เฮยทั่นที่ขยับหัวช้าๆ มองสำรวจผ่านรูเริ่มใจร้อนแล้ว ปลาขาววิญญาณอาฆาตที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น จับไปตัวเดียวก็เพียงพอให้กินอิ่ม
กรงเล็บข้างหนึ่งพลันเสียบเข้าไปในรูแล้วฉีกดึง มันพบว่าหินภูเขาที่อยู่ใต้น้ำแข็งมาก แต่ก็ยังโดนกำลังอันป่าเถื่อนของมันฉีกออกจนเป็นรู จากนั้นก็ใช้กรงเล็บสองข้าง รีบขุดรูขนาดใหญ่ที่เพียงพอให้ตัวมันมุดเข้าไปได้ แล้วก็ดันทุรังฝ่าโพรงมุดเข้าไป
พอมันมุดเข้าไปในรังของปลาขาววิญญาณอาฆาต ก็เหมือนกับเสือที่วิ่งเข้าฝูงแกะ พวกปลาเล็กปลาน้อยที่อยู่นิ่งๆ ในนั้นตกใจจนแตกซ่านอีกครั้ง หนีผ่านตาถ้ำออกไปอีก
เฮยทั่นขี้เกียจะสนใจพวกมัน อยากหนีก็หนีไปสิ ตอนนี้มันกำลังสนใจปลาใหญ่สิบกว่าตัวพวกนั้นมากกว่า มันแยกเขี้ยวง้างกรงเล็บแล้วโผเข้าไปหาปลาใหญ่พวกนั้นโดยตรง
ปลาใหญ่พวกนั้นดุร้ายมาก เมื่อเห็นบางสิ่งบุกเข้ามาในรังของตัวเอง มันก็อ้าปากที่มีฟันคมและรวมตัวกันพุ่งเข้ามาทันที
ปั้ง! ในน้ำมีเสียงดังทึบติดต่อกันหลายครั้ง เฮยทั่นโดนชนจนหยุดนิ่ง ปลาใหญ่สิบกว่าตัวนั้นโดนชนจนคว่ำแล้ว
เฮยทั่นกลอกตาเลิกลั่ก เหมือนตกใจกับพลังโจมตีของปลาใหญ่พวกนี้นิดหน่อย ส่วนปลาใหญ่สิบกว่าตัวก็พลิกตัวแล้วโจมตีหมู่เข้ามาพร้อมกัน
เฮยทั่นจึงลอยอยู่ในน้ำไม่ขยับไปไหนแล้ว ปล่อยให้ปลาใหญ่สิบกว่าตัวนั่นมาชนตัวเอง พอปลาใหญ่พวกนั้นเห็นว่าทำอะไรมันไม่ได้ ก็ล้อมเฮยทั่นเอาไว้ทันที แล้วก็อ้าปากใช้ฟันคมกัดฉีก แต่ช่วยไม่ได้ที่ผิวเนื้อของเฮยทั่นหยาบทนทาน เกราะเกล็ดบนตัวไม่ได้ถูกกัดขาดได้ง่ายๆ ขนาดนั้น แต่ปลาใหญ่พวกนี้ก็ยังโหดร้ายมาก กัดฉีดไม่ปล่อย
มีเสียงจี๊ดๆ ดังขึ้น บนตัวเฮยทั่นที่ลอยนิ่งอยู่ในน้ำปล่อยสายฟ้าออกมาหลายสาย ภาพเหตุการณ์ในโพรงรังโดนส่องจนสว่าง
ปลาสิบกว่าตัวที่กัดเฮยทั่นไม่ปล่อยโดนไฟฟ้าโจมตีจนตัวพลิกคว่ำ เอียงล้มไปคนละทิศคนละทาง ตัวสั่นจนวุ่นวายไปหมด ว่ายน้ำมั่วๆ อย่างเสียสมดุล
แสงของสายฟ้าพลันหายไป เฮยทั่นขยับตัวแล้วเช่นกัน มันโบกกรงเล็บออกมาสองสามครั้ง ฉีกหัวของปลาใหญ่สี่ตัวขาด กัดหัวของปลาใหญ่ตัวหนึ่งจนแตก จากนั้นก็ใช้กรงเล็บขยุ้มปลาใหญ่หนึ่งในสี่ตัวที่โดนตะปบตายขึ้นมา ลากปลาใหญ่ห้าตัวหมุนตัวอย่างสง่างาม แล้วมุดออกจากรูโพรงที่โดนขุดแหว่งออกไป
ส่วนปลาใหญ่ตัวอื่นที่โดนไฟฟ้าโจมตีจนมึนงง เฮยทั่นก็ไม่ได้ลงมือฆ่ามันอีก ถ้าจะให้กินหมดรวดเดียวเยอะขนาดนั้น มันก็ไม่มีเวลามาอยู่ที่นี่เหมือนกัน กลัวว่าออกมานานเกินปแล้วเหมียวอี้จะสังเกตเห็น
เฮยทั่นส่ายหางว่ายน้ำกลับมาอย่างรวดเร็วผ่านทางน้ำ
เมื่อกลับมาถึงทะเลสาบก่อนหน้านี้แล้ว เฮยทั่นก็ลากปลาใหญ่ห้าตัวมาที่ปากถ้ำ แล้วดึงตัวที่คาบอยู่ในปากเข้ามาในถ้ำ เอาไปโยนไว้ข้างกายเหมียวอี้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิ
เหมียวอี้ที่นั่งอยู่บนเตียงงงไปชั่วขณะ แล้วถามปนเสียงหัวเราะว่า “จับได้ตัวใหญ่เหรอ? ช่างเถอะ เจ้าเก็บไว้ค่อยๆ เสพสุขเองแล้วกัน ข้าไม่มีวาสนาเสพสุขสิ่งนี้หรอก”
เมื่อเห็นเขาไม่รับไว้ เฮยทั่นก็ทำเสียงฟึดฟัด ในเมื่อไม่รับน้ำใจ งั้นมันก็จะไม่เกรงใจแล้ว งับดึงออกไปที่ปากถ้ำทันที จากนั้นก็นั่งดื่มด่ำอย่างช้าๆ เรียกได้ว่ากินอย่างสบายอกสบายใจ เป็นรสชาติที่งดงาม ค่อยๆ กินอย่างไม่รีบร้อน
มันค้นพบรังของปลาขาววิญญาณอาฆาตพวกนั้นแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าฟ้าจะมืดเมื่อไร ต่อให้ฟ้าสว่างก็ไปกินได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายอะไรด้วย
ปลาห้าตัวนั้นกินได้ห้ามื้อเต็มๆ กินอิ่มแล้วก็นอน นอนตื่นขึ้นมาแล้วก็กิน จะเห็นได้ว่าการที่มันหน้าตาเหมือนหมูในปีก่อนๆ นั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
แต่มันก็ตัดสินใจว่าครั้งหน้าจะไม่จับเยอะขนาดนี้แล้ว เก็บไว้เยอะแล้วได้กินแบบไม่สด รสชาติไม่ดี
ตอนที่มันกินตัวที่ห้าเสร็จแล้วเตรียมจะนอนต่อ เหมียวอี้ก็เดินออกมาจากถ้ำ แล้วมองสำรวจมันอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนเจ้าอ้วนนี้จะนอนขี้เกียจอยู่หน้าถ้ำมาหลายวันแล้ว ไม่ได้ยินเสียงมันออกไปวิ่งเล่นข้างนอกมาหลายวัน กลับเป็นเสียงนอนกรนที่ดังต่อเนื่องกันยาวนานมาก
เหมียวอี้เอามือไขว้หลังมองสีของท้องฟ้าด้านนอก แล้วก็มองดูเฮยทั่นอีก ก่อนจะถามอย่างแปลกใจว่า “ฟ้ามืดแล้ว เจ้าไม่ไปจับปลาเหรอ?”
“กินอิ่มแล้ว!” เฮยทั่นตอบกลับโดยจิตใต้สำนึก น้ำเสียงฟังดูขี้เกียจ จากนั้นก็ก้มหน้านอนต่อไป
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เหมียวอี้ตกใจทันที เขาชี้ทวนเกล็ดย้อนไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ทำไมมีคนเข้าใกล้แต่ตัวเองไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด
แต่เขาก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว ทั้งตัวแข็งทื่อ สุดท้ายก็หันตัวมาช้าๆ แล้วมองไปยังเฮยทั่นที่นอนเอนกายอยู่บนพื้น รู้สึกสับสนงุนงงไปหมด
เฮยทั่นเองก็เหือนจะรู้ตัวแล้วเหมือนกัน เหมือนมันจะตกใจเพราะตัวองแล้วเหมือนกัน ดวงตาพลันเบิกกว้าง ลืมตาจ้องเหมียวอี้ เหมือนในแวววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ถลึงตาสลับกับหรี่กับมองเหมียวอี้
ทั้งสองสบตากันอย่างลังเลนานมาก ก่อนที่เหมียวอี้จะลองถามว่า “เจ้าโจรอ้วน เมื่อครู่นี้เจ้าพูดเหรอ?”
เฮยทั่นกลอกตามองนิดหน่อย ให้ความรู้สึกเหมือนไม่กล้าฟันธง
บนใบหน้าเหมียวอี้เริ่มฉายแววปลื้มปีติทีละนิด แล้วเตะมันหนึ่งที “ไม่ผิดหรอก เมื่อครู่นี้ข้ากำลังพูดกับเจ้า เร็วเข้า! ไหนลองพูดอีกซิ”
เฮยทั่นพลิกตัวลุกขึ้นมา ในดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ อ้าปากพงาบๆ หลายครั้ง มีเสียงฟึดฟัดดังหลายครั้ง แค่พูดภาษาคนไม่ได้
มันเองก็ตระหนักได้เหมือนกันว่าเมื่อครู่นี้มันพูดออกมาเอง พูดภาษาคนออกมาส่งเดชประโยคหนึ่ง ตอนนี้ให้มันตั้งใจพูดอย่างจริงจัง แต่มันกลับพูดไม่ออกแล้ว
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยมัน จึงยกทวนในมือขึ้นอย่างช้าๆ
เฮยทั่นตกใจมาก มันสำนึกได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร มันจึงถอยหลังช้าๆ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ทั้งคนทั้งสัตว์พาหนะก็จ้องหน้ากันอย่างตะลึงงัน
ผ่านไปไม่นาน เหมียวอี้ก็กล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “พูดภาษาคนได้จริงๆ ด้วย สงสัยข้าจะต้องช่วยเจ้าแล้ว!” พอพูดจบ ทวนในมือก็แทงออกมาราวกับสายฟ้า
“อย่านะ!” เฮยทั่นอุทานออกมา แล้วถลันตัววิ่งหนีออกไป ต่อให้ผิวเนื้อของมันจะหยาบหนาแค่ไหน แต่ก็ทนการแทงจากทวนผลึกแดงบริสุทธิ์ไม่ไหว
“ฮ่าๆ!” เหมียวอี้แทงทวนออกมาค้างไว้ พลางยืนหัวเราะลั่นอยู่หน้าถ้ำ
เฮยทั่นที่ขาเหยียบลงพื้นฮึกเหิมแล้ว มันเดินไปเดินมา ใช้กรงเล็บเกาพื้นอย่างร้อนรน “ข้า…ข้า…ข้าพูดได้แล้วจริงๆ เหรอ?” เป็นเสียงผู้ชายชัดใส
เหมียวอี้ดีใจมากจริงๆ เขาเก็บทวนเกล็ดย้อน เดินเข้าไปหามัน แล้วเดาะลิ้นกล่าวอย่างสงสัย “โจรอ้วน รีบบอกข้ามา นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมจู่ๆ ถึงพูดได้?”
เฮยทั่นตื่นเต้นจนเลอะเลือน “ข้า…ข้า…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เหมียวอี้มองไปรอบๆ พลางครุ่นคิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของที่นี่หรือเปล่า ที่นี่คือศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกร เหมาะจะให้มังกรฝึกตน ส่วนเฮยทั่นก็มีสายเลือดมังกรอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจได้อาศัยบารมีที่นี่ แต่นี่เป็นแค่การคาดเดาของเขา ไม่กล้ายืนยัน
พอได้สติกลับมาก็กวักมือเรียกเฮยทั่นพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเอาแต่พูด ข้าข้าข้า เปลี่ยนคำใหม่บ้างสิ ดูสิว่าพูดแบบปกติได้มั้ย”
เฮยทั่นสั่นหัวส่ายหางอย่างตื่นเต้น อ้าปากตะโกนเสียงดังใส่เขาทันทีว่า “ไอ้เวรเอ๊ย!”
…………………………