พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1466 จิ้งหูเหนียงเหนียง
ถ้าอยู่ข้างหลังก็จะโดนโจมตี!
สตรีชุดขาวที่ตามทันควงกระบี่ฟันอย่างอากาศ กระบี่กลายเป็นลำแสงฟันลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว
เกิดเสียงดังโครมคราม พื้นดินพังถล่ม เฮยทั่นหลีกหนีไปด้านข้างแล้ว จากนั้นก็พุ่งออกมาท่ามกลางฝุ่นดินที่ระเบิดออก แล้ววิ่งหนีไปข้างหน้าต่ออย่างบ้าระห่ำ
สาวใช้สิบกว่าคนก็ตามทันแล้วเช่นกัน ใช้ดาบและกระบี่ฟันลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เฮยทั่นที่อยู่ข้างล่างโผล่ทางซ้ายแล้วถลันหลบ กระโดดด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ แต่บนตัวก็ยังมีแผลเลือดไหลที่โดนฟันหลายรอย
สตรีชุดขาวที่ไล่ตามอยู่บนฟ้าจ้องเลือดสดที่ไหลบนตัวเฮยทั่น แล้วจู่ๆ ก็กล่าวด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง “เป็นกายที่มีเลือดเนื้อจริงๆ ซะด้วย หยุดก่อน จับเป็น!”
ทันใดนั้นก็เร่งความเร็วไปข้างหน้า เหาะลงมาจากฟ้า แล้วถือกระบี่ขวางอยู่ตรงหน้าเฮยทั่น ในดวงตาปรากฏแสงสีขาวรางๆ แล้วพุ่งเข้ามาที่ดวงตาทั้งคู่ของเฮยทั่น
“จับปู่เจ้าสิ!” เฮยทั่นร้องตกใจ ร่างที่กำลังวิ่งตะบึงพลันหลบไปด้านข้าง จู่ๆ สะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง
สตรีชุดขาวตกใจมาก รีบใช้สองมือดันกระบี่ไปขวางด้านหน้า แกร๊ง! พลังกลุ่มใหญ่สะเทือนเข้ามา ทั้งตัวนางทั้งกระบี่โดนเฮยทั่นใช้หางฟาดจนกระเด็นออกไปแล้ว
พอตกลงพื้นก็เหาะขึ้นมาอีก หน้าตาเปลี่ยนเป็นสะบักสะบอมแล้วนิดหน่อย นางนึกไม่ถึงว่าเฮยทั่นจะมีกำลังมากขนาดนี้ โดนโจมตีอย่างรุนแรงครั้งเดียวก็ทำให้นางไร้แรงโต้ตอบแล้ว เดิมทีก็ต้านทานไม่ไหวอยู่แล้ว การโจมตีนี้ทำให้นางเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย นางยิ่งไม่ถึงว่าพลังอาฆาตแค้นของตัวเองจะใช้ไม่ได้ผลกับเฮยทั่นเลยสักนิด
ขณะมองดูเฮยทั่นวิ่งหนีต่อไปอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ สตรีชุดขาวก็หลุดอุทานว่า “อย่าบอกนะว่าเป็นเผ่ามังกร! แย่แล้ว…” ไม่รู้ว่านางนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้านางเปลี่ยนไปมาก รีบบอกลูกน้องที่ไล่ตามว่า “ฆ่ามัน ฆ่ามัน รีบฆ่ามัน!” ส่วนตัวเองก็รีบเหาะขึ้นฟ้าไป
เงาคนคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนเนินเขาริมทะเลสาบ เป็นเหมียวอี้นั่นเอง
เสียงต่อสู้ดังโครมครามขนาดนี้ จะไม่ให้เหมียวอี้ที่นั่งฝึกตนอยู่ในถ้ำรู้สึกได้ก็คงยาก พอออกมาจากถ้ำก็ตะโกนเรียกไม่หยุดว่า ‘โจรอ้วน’ พอเห็นว่าไม่มีการตอบกลับ เขาก็รู้ทันทีว่าเสียงการต่อสู้นั้นเกี่ยวข้องกับเฮยทั่น จึงรีบพุ่งขึ้นมาดู ผลปรากฏว่าเห็นเฮยทั่นกำลังโดนไล่ฆ่า
เหมียวอี้ทั้งโมโหทั้งกลุ้มใจ เห็นได้ชัดว่าเฮยทั่นไม่สนใจคำพูดของเขา แอบหนีออกไปนอกหุบเขา ไปยั่วโมโหคนที่ไม่ควรจะยั่วโมโห ไม่อย่างนั้นต่อให้โดนตีก็ยังอยู่ในหุบเขา จะไปโผล่อยู่ในที่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร?
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ เฮยทั่นอยู่ที่นี่เหาะไม่ได้ ต่อให้จะวิ่งเร็วกว่านี้แต่กลับสู้ความคล่องแคล่วของมือเท้าคนไม่ได้ อีกฝ่ายรุกโจมตีอยู่บนฟ้า มันมีแต่จะโดนโจมตีอย่างเดียว เขาต้องรีบไปช่วยชีวิต ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหา
เฮยทั่นที่พุ่งออกมาจากระเบิดคลั่งตลอดทางก็เห็นเขาแล้วเช่นกัน ตะโกนตั้งแต่อยู่ไกลๆ ว่า “นายท่าน ช่วยด้วย!”
เหมียวอี้ใช้นิ้วร่ายวิชาชี้ไปที่เฮยทั่น ชั่วพริบตานั้นห่วงเหล็กบนคอเฮยทั่นก็เปล่งแสง แล้วพลิกคลี่กางออกมา กลายเป็นเกราะรบดุร้ายปกคลุมบนร่างกาย
ซวบ! บนพื้นไถลเป็นรอยลึกยาว หินดินปลิวขึ้นมาอย่างดุเดือด เฮยทั่นไม่วิ่งหนีแล้ว พลันหยุดอยู่กับที่ ใช้ความสามารถในการทนไม้ทนมือฝืนต้านทานการโจมตีไว้
“อ๋าว…” พอเงยหน้าคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เฮยทั่นที่ขยับหางช้าๆ ก็มองไปบนฟ้า เมื่อมีเกราะเคยป้องกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ห่วงหน้าพะวงหลังอีก กลิ่นอายที่เหี้ยมหาญดุร้ายเผยออกมาจนหมด เท้าทั้งสี่ค่อยๆ ย่อลงตามพื้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะอาศัยแรงอันป่าเถื่อนพุ่งขึ้นฟ้าโจมตีกลับ
สตรีชุดขาวที่อยู่บนฟ้าโบกมือ บอกให้ลูกน้องหยุดโจมตีเช่นกัน นางมองเหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนเนินเขาอย่างประหลาดใจสงสัย เห็นเพียงเหมียวอี้สวมเกราะรบผลึกแดงบริสุทธิ์สูงทั้งตัว ในมือถือทวนยาว
“กลับมา!” เหมียวอี้ตะโกน เขาเองก็มองออกว่าเฮยทั่นต้องการโจมตีกลับ ทว่ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลที่จะไปสร้างปัญหาที่แยกแยะไม่ออกที่นี่ ทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เฮยทั่นหันกับมามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วก็มองบนฟ้าอย่างโกรธเคืองด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็เลี้ยวหนีกลับมา รีบพุ่งมาอยู่ข้างกายเหมียวอี้
เหมียวอี้พลิกตัวขึ้นขี่บนตัวเฮยทั่น ยกทวนที่ถือเฉียงอยู่ในมือขึ้นมา ใช้ไปบนฟ้าไกลๆ พร้อมตะโกนว่า “ใครมันบังอาจมาทำร้ายสัตว์พาหนะของจ้า!”
สตรีชุดขาวรีบนำลูกน้องเหาะลงมาเช่นกัน ลดระดับความสูงให้ต่ำลงอย่างช้าๆ พอหยุดอยู่กลางอากาศแล้วก็มองประเมินเหมียวอี้ สาวใช้คนหนึ่งข้างกายนางบอกว่า “นี่คือจิ้งหูเหนียงเหนียง! มาถึงอาณาเขตของเหนียงเหนียงพวกเราแล้ว ยังไม่รีบคำนับอีก”
“จิ้งหูเหนียงเหนียงอะไรกัน เป็นคนอัปลักษณ์ก็เท่านั้นเอง” เฮยทั่นกล่าวดูถูก
ทุกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเดือดดาลมาก เหมียวอี้ก็ถือทวนตีหัวเฮยทั่นเช่นกัน “มีใครสั่งให้เจ้าพูดรึยัง?”
เฮยทั่นจำเป็นต้องหุบปาก
สตรีชุดขาวก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่าจิ้งหูเหนียงเหนียง นางถามอย่างสงสัยมากว่า “เจ้าเป็นใคร? มาจากอาณาเขตไหน ทำไมถึงมาอยู่ในเขตข้าได้?”
เหมียวอี้ตอบว่า “ข้าคือแม่ทัพภาคหน่วยองครักษ์ซ้ายตำหนักสวรรค์” เขาไม่ได้เอ่ยถึงฐานะนักโทษที่โดนคุมตัว
“ตำหนักสวรรค์?” จิ้งหูเหนียงเหนียงงุนงง หลังจกาเหม่อลอยไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็อุทานว่า “เจ้ามาจากนอกแดนมรณะดึกดำบรรพ์เหรอ?”
เหมียวอี้หยักหน้า “ใช่แล้ว! ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านจึงทำร้ายสัตว์พาหนะของข้า?”
จิ้งหูเหนียงเหนียงแสยะยิ้มตอบ “มันทำร้ายเผ่าน้ำของข้าจนยับเยิน ทั้งยังกล้าลงมือกับข้าด้วย เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดล่ะ?”
เหมียวอี้พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว สงสัยเฮยทั่นจะตะกละกินปลาขาววิญญาณอาฆาตจนก่อหายนะ จึงถือทวนกุมหมัดคารวะ “สัตว์พาหนะของข้าก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บเช่นกัน เหนียงเหนียงได้ระบายความโกรธแค้นนี้แล้ว ไม่ทราบว่าเลิกแล้วต่อกันตรงนี้ได้หรือไม่? ถ้าหากเหนียงเหนียงรู้สึกว่ายังระบายอารมณ์ไม่พอ อยากได้อะไรชดเชยอีก พวกเราก็เลิกใช้กำลังแล้วมาคุยกันดีๆ ได้”
เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพวิถีชีวิตที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีคนอาศัยอยู่ ทั้งยังเหาะได้ด้วย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ดังนั้นเขาจึงอยากจะทำความเข้าใจสถานการณ์จากปากของอีกฝ่ายสักหน่อย
แต่เฮยทั่นไม่เอาด้วย บ่นอย่างหงุดหงิดมากว่า “เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า นางทำร้ายข้า ยังจะให้ข้าชดเชยอะไรให้นางอีก? นายท่านไปพักก่อน เดี๋ยวข้าจะไปเอาชีวิตนางเอง!”
ตุ้บ! หัวมันโดนทวนของเหมียวอี้ตีอีกแล้ว “หุบปาก!”
เฮยทั่นทำเสียงฟึดฟันทันที ถึงแม้จะรู้สึกไม่ยอม แต่กลับต้องเชื่อฟัง
ส่วนจิ้งหูเหนียงเหนียงนั่นก็ไม่ได้แยแสคำพูดของเฮยทั่นเลย ดวงตาสองข้างกลับฉายแววละโมบด้วยซ้ำ นางจ้องเหมียวอี้พร้อมพูดหยอกว่า “ถ้าชดเชยให้ได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ข้าว่าร่างกายที่มีเลือดเนื้อของเจ้าก็ไม่เลวนะ ไม่สู้มอบร่างกายของเจ้ามาชดเชยให้ข้าสิ รอให้ร่างวิญญาณของข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับกายหยาบของเจ้า พวกเราก็อยู่ร่วมกันดีๆ ได้แล้ว แบบบนี้เป็นยังไง?”
ถึงแม้เหมียวอี้จะฟังคำพูดของนางไม่เข้าใจ แต่การมอบกายหยาบของตัวเองให้จะต่างอะไรกับรนหาที่ตายล่ะ สีหน้าเขาเย็นเยียบลงหลายส่วนทันที “เหนียงเหนียงหมายความว่าต้องการจะให้ข้าตายเหรอ?”
ในดวงตาจิ้งหูเหนียงเหนียงฉายแววดุร้าย “เจ้าจะตาย แต่กายหยาบของเจ้าจะไม่ตาย ทำไมล่ะ ไม่เต็มใจเหรอ?”
“ก็ใช่ว่าจะไม่เต็มใจหรอก…” เหมียวอี้เลิกคิ้ว ยังไม่ทันพูดจบ เท้าสองข้างก็พลันเตะท้องของเฮยทั่นสองที พรึ่บ! เฮยทั่นที่เขานั่งอยู่พลันกระโดดขึ้นราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย โผตรงขึ้นไปหาจิ้งหูเหนียงเหนียงนั่น
ความเร็วของเฮยทั่นตอนทะยานขึ้นมาไม่ได้ด้อยกว่าความเร็วตอนเหาะเลย กระโดดขึ้นเร็ว ตกลงลงช้า ใช้เวลาชั่วพริบตาเดียวก็โผไปถึงแล้ว
ฝั่งนั้นนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะเด็ดขาดขนาดนี้ ปากกับใจไม่ตรงกัน บทจะฆ่าก็ฆ่าเลย
สาวใช้สิบกว่าคนยิงกระบี่บินมาขวางทันที เหมียวอี้ออกทวนราวกับพายุฝน ตีกระบี่กระเด็นออกไปท่ามกลางเสียงโช้งเช้ง แล้วถือโอกาสออกทวนไปอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะของจิ้งหูเหนียงเหนียงด้วย
จิ้งหูเหนียงเหนียงตกใจมาก รีบถลันตัวหลบ ขณะเดียวกันก็โบกกระบี่ต้านทานเอาไว้
แกร๊ง! เหมียวอี้ใช้ทวนปาดกระบี่แยกออกมา แล้วถือโอกาสส่งทวนออกไปอีกครั้ง สังหารอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบจนเกิดเสียงกรีดร้องหลายครั้ง
จิ้งหูเหนียงเหนียงนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะใช้ทวนได้รวดเร็วขนาดนี้ หลบหลีกไม่ทันเลย ทวนจมลงในหน้าอกแล้ว
เหมียวอี้ที่ถลันตัวผ่านไม่แม้แต่จะมอง พอใช้ทวนแทงโดนแล้วก็เลิกทวนหนึ่งที ทำให้จิ้งหูเหนียงเหนียงที่กำลังกรีดร้องกระเด็นออกไป
เฮยทั่นที่เหยียบลงพื้นรีบหันตัว มองดูจิ้งหูเหนียงเหนียงที่กลิ้งลงพื้นด้วยความรู้สึกสำราญใจบนความทุกข์ของคนอื่น “ไม่ทนไม้ทนมือเลยจริงๆ แค่ทวนเดียวก็จัดการได้แล้ว”
เหมียวอี้กลับขมวดคิ้วมุ่น เห็นเพียงจิ้งหูเหนียงเหนียงคนนั้นลอยขึ้นมาอีกครั้ง เฮยทั่นก็ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเบิกตากว้างเช่นกัน
ถึงแม้หัวใจของจิ้งหูเหนียงเหนียงจะไม่มีเลือดไหล แต่กลับโดนทวนแทงจนกลายเป็นหัวใจกลวง ตรงตำแหน่งหัวใจทะลุแล้ว สามารถมองเห็นฝั่งนั้นได้จากฝั่งนี้ แต่นางกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร ลอยขึ้นช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ที่แปลกกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าตรงบาดแผลจะสมานตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากสมานตัวเสร็จแล้ว วรยุทธ์บงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วก็กลายเป็นขั้นห้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ วรยุทธ์ลดลงมาหนึ่งขั้นแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังทำให้เหมียวอี้กับเฮยทั่นตกใจมากอยู่ดี ฆ่าไม่ตายงั้นเหรอ?
ด้วยเหตุนี้เหมียวอี้จึงเข้าใจแล้ว ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักพรตธรรมดาทั่วไปเลย
“เหนียงเหนียง!” สาวใช้สิบกว่าคนที่กรูกันเข้ามาปกป้องนาง
“หลีกไป!” จิ้งหูเหนียงเหนียงตวาด โบกมือผลักสาวใช้ทางซ้ายและขวาออก แล้วจ้องเหมียวอี้พร้อมกล่าวอย่างเย็นเยียบ “ใช้ทวนได้เร็วจริงๆ!” ขณะที่พูดดวงตาก็เปล่งแสงสีขาวสลัว กางนิ้วทั้งห้าและทำท่าครอบเหมียวอี้
พลังลึกลับบางอย่างโจมตีเข้ามา เหมียวอี้รู้สึกหนาวสั่นทันที ภาพตรงหน้าพร่ามัว ทั้งตัวราวกับตกอยู่ในทะเลอาฆาตแค้นอันไร้ที่สิ้นสุด เขาสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว พยายามคงความรู้สึกตัวอยากจะต่อต้าน ทว่าความอาฆาตแค้นอันไร้ที่สิ้นสุดกลบฝังเขาไว้ราวกับกระแสน้ำ ทำให้เขาควบคุมความรู้สึกนึกคิดไม่ได้ และทำให้ในใจของเขามีความเคียดแค้นพรั่งพรูขึ้นมาไม่จบไม่สิ้นเช่นกัน ความอยุติธรรมและความอัปยศที่ได้รับตั้งแต่เด็กจนโตขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ราวกับทั้งโลกนี้ติดค้างเขาอยู่ ทุกสิ่งล้วนทำผิดต่อเขา ทำให้เขาจมอยู่ในทะเลแค้นไร้ที่สิ้นสุดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“จับไว้ให้ข้า!” จิ้งหูเหนียงเหนียงตะโกนสั่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
สาวใช้สิบกว่าคนโผเข้าไปทันที
เฮยทั่นก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน พบว่าเหมียวอี้ร่างกายโอนเอนอยู่บนตัวมัน รู้สึกเหมือนใกล้จะล้มลงแล้ว
“อ๋าว…” เฮยทั่นพลันเงยหน้าครามขึ้นฟ้า ดังสะเทือนจนทำให้คนหูชา
เหมียวอี้ที่ลอยอยู่กลางทะเลแค้นไร้ที่สิ้นสุดได้ยินแล้ว ทำให้สติสัมปชัญญะกลับมาทันที แล้วรีบใช้เพลิงจิตปกป้องร่างกาย
ชั่วพริบตาที่เพลิงจิตปิดผนึกร่างกายตัวเอง ภาพตรงหน้าก็กระจ่างชัด ราวกับหนีออกมาจากทะเลแค้นได้ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือกลุ่มสาวใช้พุ่งเข้ามาแล้ว
ทวนเกล็ดย้อนในมือมีคลื่นล่องหนกลุ่มหนึ่งกระเพื่อมผ่าน เขาที่อดทนไม่ขยับไปไหนรอให้กลุ่มสาวใช้เข้ามาใกล้ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นหลายครั้ง ชั่วพริบตานั้นแสงสะท้อนคมทวนกะพริบวิบวับ ทวนปาดสาวใช้ห้าคนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว สังหารจนมีเสียงกรีดร้องพักหนึ่ง คนที่เหลือตกใจจนหนีกระเจิดกระเจิง
“อ๋า…” สาวใช้ห้าคนที่กระเด็นตกลงพื้นราวกับมีผีร้ายสิงร่าง พวกนางเอามือปิดปากแผลขณะกลิ้งบนพื้น พร้อมเสียงเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด ตรงบาดแผลมีควันลอยออกมาราวกับขี้เถ้าปลิว ในร่างกายเหมือนมีไฟเผา
สาวใช้ที่หนีออกไปตกใจสุดขีด ถอยหลังหนีอย่างตื่นตระหนก
“เป็นไปไม่ได้?” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถควบคุมเหมียวอี้ได้ จิ้งหูเหนียงเหนียงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็อุทานอย่างเหลือเชื่อ สภาพอนาถของพวกสาวใช้ก็ยิ่งทำให้นางตกใจมาก
เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบ ใช้สองเท้าเคาะท้องของเฮยทั่นสองที ทำให้เฮยทั่นเร่งความเร็วทันที แล้วกระโจนพรวดขึ้นกลางอากาศ โผไปหาจิ้งหูเหนียงเหนียงอีกครั้ง
…………………………