พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1474 พุ่งสังหารไม่หยุด
ตอนแรกที่ฆ่าจิ้งหูเหนียงเหนียง ก็เรียกได้ว่าดวงตาพร่าเลือนเพราะไม่คุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ ไม่รู้ว่าจะเจออันตรายและปัญหาแบบไหน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว คำชี้แนะของหยางชิ่งช่วยเขาปัดเป่าหมอกหนาได้ ช่วยจัดระเบียบความคิดของเขา เมื่อมีความมั่นใจก็ไม่กลัวแล้ว
ส่วนเฮยทั่นก็เป็นพวกไม่กลัวว่าจะสร้างเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อมีเหมียวอี้ให้ท้าย มันก็มีเหตุผลในการก่อกบฏแล้วจริงๆ เลือดร้อนพุ่งขึ้นหัวทันที ไม่สนว่าข้างหน้าจะเป็นทะเลเพลิงภูเขาดาบหรือเหวลึกหมื่นจั้ง มันปลดปล่อยฝีเท้าพุ่งออกไปแล้ว
หลังจากคนกับสัตว์พาหนะพุ่งข้าไปไกลแล้ว ถึงได้พบว่าทุ่งหญ้าแห่งนี้ต่างกับทุ่งหญ้าทั่วไปมาก มองไกลๆ เห็นเป็นสีดำ แต่ที่จริงแล้วเป็นผลจากการมองเห็นสีเทาที่กองรวมกัน และไม่ใช่ลักษณะการเจริญเติบโตที่หนาแน่นเหมือนทุ่งหญ้าทั่วไป เพราะในระหว่างนั้นมีระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน หญ้าแต่ละกอสูงเท่าคนหนึ่งคน ใบสาวเป็นเส้นๆ ด้านบนเป็นใบเลื่อย ปราณชั่วร้ายที่ลอยมาจะวนเวียนอยู่ในระหว่างนั้นและสลายไปได้ยาก และป่าด้านหลังก็เป็นแบบนี้เช่นกัน พุ่มของต้นไม้ล้วนมีบทบาทในการกรองปราณชั่วร้าย
สำหรับคนกับสัตว์พาหนะที่พุ่งเข้ามา ถึงแม้หญ้าพวกนี้จะสูงเท่าคนหนึ่ง ทว่าเมื่อเทียบกับความสูงของเฮยทั่นแล้วก็ยังห่างกันนิดหน่อย ย่อมปิดบังสายตาของเหมียวอี้ที่นั่งอยู่บนตัวเฮยทั่นไม่ได้อยู่แล้ว คนกับสัตว์พาหนะคู่นี้เรียกได้ว่าพุ่งเข้าไปแบบไม่ลดความเร็ว พุ่งเข้าไปเสียงวูบราวกับลมพายุ
แต่ใครจะคิดว่าเรื่องประหลาดจะเกิดขึ้นแล้ว พอมีการเคลื่อนไหว ทุ่งหญ้าก็กระเพื่อมราวกับคลื่น เหมือนโดนลมเป่าให้ขยับ กิ่งใบโบกไหวเหมือนคลื่นทะเล ถ้าให้พูดตามความจริงก็คือเหมือนใช้หนวดปลาหมึกตีกวน เหมือนยื่นออกมาตีกวน กิ่งใบพัวพันเข้ามา พัวพันไปที่ขาทั้งสี่ของเฮยทั่นไม่หยุด
ทว่าพลังชนโจมตีของเฮยทั่นก็โหดจริงๆ หญ้าประหลาดที่พัวพันโดนถอนขึ้นมาทั้งราก ดูเหมือนต้านทานเฮยทั่นไม่ไหวเลย แต่ช่วยไม่ได้ที่บนทุ่งหญ้ามีหญ้าประหลาดเยอะเกินไป ไม่นานข้างหลังเฮยทั่นก็ถอนหญ้าได้กองใหญ่ ราวกับกำลังดึงภูเขาเล็กๆ ลูกกหนึ่ง
บนตัวเฮยทั่นก็โดนพัวพันไว้ไม่น้อยเช่นกัน ทำให้ร่างกายของมันเปลี่ยนเป็นอ้วนฉุ เฮยทั่นวิ่งไปพลางอ้าปากกัไปพลาง ดูบ้าระห่ำนิดหน่อย ส่วนภูเขาเล็กๆ ที่มันลากอยู่ข้างหลังก็โดนหนวดปลาหมึกยื่นเข้ามาล้อมดึงเช่นกัน ทำให้ภูเขาเล็กยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนเหมียวอี้ก็ทนรำคาญไม่ไหว หญ้าประหลาดที่ยืนเข้ามาพันก็ไม่ปล่อยเขาเหมือนกัน ในสถานการณ์แบบนี้ทวนเกล็ดย้อนไม่มีประโยชน์อะไร เขาจำเป็นต้องใช้กระบี่บินฟันตทั่วทิศอย่างรวดเร็ว ฟัน ‘หนวดปลาหมึก’ ที่เข้ามาพัวพันให้ขาดสะบั้น แต่ก็ไม่เห็นเขามีท่าทางหวาดกลัวเลยสักนิด
ต่อให้ให้เฮยทั่นใช้แรงดึงภูเขาได้ แต่ทำแบบนี้ก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน บางครั้งความเหนียวทนทานก็คือวิธีการที่ดีในการสู้กับกำลังอันป่าเถื่อน ผ่านไปไม่นานความเร็วของเฮยทั่นก็ลดลงแล้ว ยิ่งช้าลงเรื่อยๆ เริ่มจะวิ่งไม่ไหวแล้ว และหญ้าประหลาดรอบข้างก็มีหนวดปลาหมึกยื่นเข้ามาไม่หยุด ในที่สุดก็กดดันให้พวกเขาหยุดแล้ว
ในตอนนี้เอง ในมือเหมียวอี้ก็มีเสียงดัง ‘พรึ่บ’ เพลิงเดือดกลุ่มหนึ่งระเบิดลุกโชน ในมือเหมียวอี้ถือหินไขมันเพลิงที่ใช้จุดไฟ พอพลิกฝ่ามือ กลุ่มเปลวเพลิงก็ตกลงใต้ท้องเฮยทั่น ชั่วพริบตาเดียวก็ครอบเขากับเฮยทั่นเอาไว้ในเพลิงเดือดแล้ว อุณหภูมิสูงดุร้าย
มีเสียง “ซ่าๆ” ดังขึ้น หนวดปลาหมึกหญ้าประหลาดที่กำลังพัวพันพวกเขาคลายออก หลีกหนีและหดกลับไปอย่างหวาดกลัวในชั่วพริบตาเดียว พวกที่หนีไม่ทันก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ชั่วพริบตานั้น ก็ไม่เห็นอะไรพัวพันบนตัวทั้งสองเลยสักนิด หายหมดเกลี้ยงในรวดเดียว
เหมียวอี้พลิกฝ่ามือ ใช้นิ้วสองข้างคีบหินไขมันเพลิงอีกก้อนหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็โดนไฟที่อยู่ข้างล่างจุดจนลุกโชนแล้ว จากนั้นโยนไปข้างหลัง ไปตกอยู่บนภูเขาหญ้าที่เฮยทั่นกำลังลาก ใช้เวลาไม่นานก็เผาจนเกิดควันหนาพัดม้วนออกมา
ภูเขาหญ้าที่ทับถมกันจนเป็นกองใหญ่กระวนกระวายราวกับเป็นสัตว์ที่มีชีวิต หนวดปลาหมึกถอนออกจากลุกลี้ลุกลย บางต้นขนาดโดนถอนรากขึ้นมาแล้วก็ยังไต่ออกไปอย่างรวดเร็ว สถานที่ตรงนั้นคึกคักมาก ทำให้เหมียวอี้กับเฮยทั่นได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่
พรึ่บ! มีเสียงดังอีกรอบ เหมียวอี้ใช้นิ้วดีดหินไขมันเพลิงออกไปอีกก้อน พอโดนเพลิงสว่างโชติช่วงที่กำลังลุกโชนมันก็ติดไฟทันที แล้วก็ตกลงลุกไหม้อยู่บนพื้นข้างหน้าอีก ยังไม่จบเท่านั้น เห็นเหมียวอี้ดีดหินไขมันเพลิงออกมาอีกหลายก้อน ราวกับดีดลูกไฟออกมา ปลิวตกข้างหน้าตลอดทาง
“ยังไม่ไปอีกเหรอ? อยากจะกลายเป็นถ่านดำให้เหมือนกับชื่อเฮยทั่นจริงๆ หรือไง?” กระบี่ในมือเหมียวอี้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เฮยทั่นที่กลัวโลกจะไม่วุ่นวายเหลียวซ้ายแลขวารอดูเรื่องสนุก บนตัวมันมีเสียงเคาะ “แกร๊งๆ” สองที
เฮยทั่นปลดปล่อยฝีเท้าวิ่งอย่างบ้าระห่ำทันที เริ่มบุกไปอีกแล้ว พุ่งฝ่าทางไฟที่เผาไหม้ตลอดทาง ราวกับวิ่งตะบึงเหยียบมังกรไฟ เหมียวอี้ที่นั่งอยู่บนหลังมันดีดหินไขมันเพลิงออกมาไม่หยุด ลูกไฟตกปูทางอยู่ข้างหน้า กวาดอุปสรรคที่ขวางหน้าให้เฮยทั่น หญ้าประหลาดที่อยู่ข้างหน้าถูกถอนขึ้นมาโดยตรง รากหญ้าแบกพงหญ้าวิ่งไปสองข้างทางราวกับมีขา หลบหลีกเพลิงเดือด
หลังจากหินไขมันเพลิงก้อนสุดท้ายถูกปล่อยไป เหมียวอี้ก็พลิกมือช้อนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา ลูกธนูดาวตกดอกหนึ่งที่ผสมกับไข่มุกวิญญาณอาฆาตถูกตั้งอยู่บนสายธนูแล้ว พอมีเสียงระเบิดดังขึ้น ลำแสงสายหนึ่งก็ยิงไปยังป่าไม้ด้านหลังทุ่งหญ้า
การยิงธนูดอกนี้เป็นการทดสบอันตรายที่อยู่ข้างหน้า และเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของลูกธนูดาวตกที่ผสมกับไข่มุกวิญญาณแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดทางด้วย
แกร๊ง! เฮยทั่นพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าต้นหนึ่งที่โดนลูกธนูดาวตกยิงทะลุ พลังของต้นไม้ใหญ่แบบนี้จะต้านทานลูกธนูดาวตกไหวได้อย่างไร ลูกธนูดาวตกยิงเข้าไปเป็นแนวเส้นตรงแล้ว หลังจากทะลุผ่านต้นไม้ใหญ่นับร้อยที่อยู่ข้างหน้าในอึดใจเดียวจนหมดพลังและปักอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งด้านหลัง มันก็เด้งกลับมาเองอีก พลิกเลี้ยวกลางอากาศและลอยกลับมา
เห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่โดนยิงมีท่าทางราวกับมีชีวิตขึ้นมา กิ่งใบขยับราวกับแขนขา บนแผลที่โดนลูกธนูยิงเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ราวกับมีน้ำหมึกหยดหนึ่งหยดปนเปื้อนบนน้ำใส ต้นไม้ใหญ่พวกนี้ทยอยกันคลานขึ้นมาบนผิวดินทั้งราก ชนกันมั่วไปหมดทุกทิศ
หินไขมันเพลิงก้อนสุดท้ายตกลงริมขอบป่าไม้ เพลิงเดือดที่ลุกโชนประชิดเข้ามาใกล้จนต้นไม้บริเวณนั้นรีบถอนรากขึ้นมาเป็นเท้า รีบหลบหนีอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าเพลิงเดือดเป็นอริกับพวกมันจริงๆ
ต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้าหนีออกไปแล้ว ลูกธนูดาวตกลอยกลับมา เหมียวอี้ง้างลูกธนูบนสายอีกครั้ง แล้วยิงออกไปเป็นแนวเส้นตรง พอเจอจุดที่มีหญ้ารกปนกับป่าทึบ เขาก็พลิกมือดีดหินไขมันเพลิงออกไปกำจัดอุปสรรค เบิกทางล่วงหน้าให้เฮยทั่นตลอดทาง
เฮยทั่นตื่นเต้นดีใจ มันชอบความรู้สึกเวลาที่ได้บุกไปข้างหน้าแบบเทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ ชอบดูทุกสิ่งที่ขวางหน้าพังทลาย ราวกับไม่ว่าใครก็ขวางการบุกตะลุยของมันไม่ได้ นี่ก็คือความสนุกของสัตว์พาหนะตัวหนึ่ง
เหมียวอี้ก็ไม่ปรานีเลยสักนิดเช่นกัน ให้ความรู้สึกเหมือนไม่กลัวการก่อเรื่อง ใครกล้าขวางทางก็จะถล่มใส่ไปพร้อมกัน ไม่สนใจว่าเป็นอาณาเขตของใคร
กลยุทธ์ชั้นยอด กลยุทธ์ชั้นกลาง กลยุทธ์ชั้นต่ำของหยางชิ่งถูกเขาโยนทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว ที่หยางชิ่งกำชับให้เขาระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีกก็ถูกเขาโยนทิ้งไปแล้วเช่นกัน
เขาตั้งปณิธานแล้ว ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปถ้ำมังกรรังหงส์ ในเมื่อรู้แล้วว่าบนเส้นทางยาวไกลนี้จะต้องพบปัญหาในไม่ช้าก็เร็ว ในเมื่อมีแผนรับมือแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เมื่อเจอกับเศษเดนที่ขวางทางก็ไม่มีอะไรน่าเกรงใจ ฆ่ามันเสียเลย!
สามารถไปถ้ำมังกรรังหงส์คนเดียวได้ก็ยิ่งดี ถ้าไม่ไหวจริงๆ แล้วโดนคนขวางไว้ก็ค่อยว่ากัน เอาเป็นว่าก่อนที่จะมีอะไรขวางได้ก็ไม่มีอะไรน่าก้มหัวให้
แน่นอน เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนเช่นกัน
หลังจากพุ่งออกมาจากป่าผืนใหญ่แล้ว บางครั้งก็ขึ้นลงเนินเขา บางครั้งก็อ้อมหุบเขา บางครั้งก็เจอป่าภูเขาแปลกๆ ภายใต้สถานการณ์ที่สามารถหลบเลี่ยงสายตาได้ เขาก็จะไม่บุกเข้าไปตรงๆ ถ้าอ้อมได้ก็อ้อม สรุปก็คือเป้าหมายที่กำหนดไว้จะไม่เปลี่ยน
ทว่าสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ไว้ที่ค่ายป่าครึ้ม ฝ่ายที่เป็นค่ายป่าครึ้มก็ไม่ใช่คนตายเสียหน่อย หลังจากพุ่งออกจากป่าผืนใหญ่ได้หนึ่งชั่วยามกว่า ในที่สุดก็โดนขวางไว้แล้ว
บนท้องฟ้ามีคนมากมายเหาะเข้ามา สะกดรอยตามเหมียวอี้ที่วิ่งตะบึงอยู่ด้านล่าง ส่วนเหมียวอี้ก็แค่เงยหน้ามองเฉยๆ ไม่สนใจพวกเขา ให้เฮยทั่นวิ่งไปข้างหน้าต่อ
ตอนที่พุ่งออกจากแนวภูเขาที่ยาวเป็นพืดติดต่อกัน ก็ปรากฏทุ่งกว้างที่มีลักษณะพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ ข้างหน้ามีคนนับร้อยกำลังรวมตัวรอเขาอยู่ด้วยสีหน้าดุร้ายราวกับเสือ
กลุ่มคนที่เหาะอยู่บนฟ้าก็นำหน้าเขาไปแล้วเช่นกัน ไปเหยียบลงท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้า คนที่เป็นหัวหน้าโบกทวนชี้พร้อมตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ใครกันบังอาจมาพาลเกเรที่ค่ายป่าครึ้ม ยังไม่รีบยอมให้จับแต่โดยดีอีก”
เฮยทั่นที่กำลังวิ่งหันกลับมามองแวบหนึ่ง เหมียวอี้ไม่พูดอะไรสักคำ โบกมือช้อนทวนเกล็ดย้อนออกมา เขาถือทวนเฉียงลง ทำท่าเหมือนเตรียมบุกสังหาร
เฮยทั่นเข้าใจเจตนาของเขาทันที มันมองไปข้างหน้า ไม่ใช่แค่ไม่หยุด แต่กลับเร่งความเร็วพุ่งเข้าใส่ฝูงชนด้วยซ้ำ ขาทั้งสี่วิ่งเร็วราวกับเงาผี ในดวงตาฉายแววเลือดร้อนบ้าระห่ำ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยสักนิด คนที่เป็นหัวหน้าก็ชี้ทวนตะโกนสั่ง “หยุดนะ!”
ซวบ! เหมียวอี้กระโจนสัตว์พาหนะพุ่งเข้ามาด้วยท่วงท่าดุร้าย คนคนนั้นรีบหันข้างหลบ ขณะเดียวกันก็ใช้ทวนแทงไปที่เอวของเหมียวอี้
เหมียวอี้เบี่ยงตัวพร้อมออกทวนด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า ออกทีหลังแต่ถึงก่อน ปลายทวนแหลมคมที่ปล่อยปราณปีศาจโลหิตแทงโดนหัวใจของคนคนนั้น แล้วเสยอีกฝ่ายกระเด็นออกไป จากนั้นก็ออกทวนราวกับมังกร เฮยทั่นใช้หัวชนเบิกทาง ส่วนเขาก็ใช้ทวนเสยทางซ้ายและขวาอย่างต่อเนื่อง คนที่เตรียมจะเหาะหนีก็โดนเขาใช้ทวนผ่าหน้าอกฟันลงมา
บุกเดี่ยวพร้อมสัตว์พาหนะหนึ่งตัวและทวนหนึ่งด้าม ราวกับผ่าตัดฟันคลื่น ชั่วอึดใจเดียวก็สังหารฝ่ากระบวนทัพที่เข้ามาขวางได้แล้ว คนสิบกว่าคนล้มลงพื้น ไม่มีใครสู้กับเหมียวอี้ได้เกินสองท่าเลย พื้นฐานที่เหล่าไป๋ปูไว้ให้ในปีนั้นไม่ใช่เล่นๆ ฝึกไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในวันนี้ สังหารคนกลุ่มนี้ได้อย่างง่ายดายราวกับใช้มือหยิบของในกระเป๋า ที่จริงยิ่งนับวันเหมียวอี้ก็ยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของพื้นฐานที่เหล่าไป๋ให้ฝึกอย่างหนักในปีนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกที่ยากลำบากสุดขีดในปีนั้น เหมียวอี้ก็ยอมรับว่าตัวเองอาจจะเดินมาไม่ถึงวันนี้ก็ได้ เขาได้ลิ้มรสสิ่งที่เรียกว่า ‘กลิ่นหอมของดอกเหมยเกิดจากความหนาวเหน็บ’ แล้ว เรียกได้ว่าได้สัมผัสกับตัวเอง
และลักษณะการบุกสังหารที่เหี้ยมหาญทรงพลังแบบนี้ก็ทำให้คนที่เหลือกลัวจนตัวสั่น พากันหนีหัวซุกหัวซุน
ท่ามกลางเสียงกีบเท้าม้า เฮยทั่นพุ่งออกจากวงที่มีคนกรีดร้องโหยหวน มันยังไม่เปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าไปในแนวภูเขาไกลๆ ราวกับควันกลุ่มหนึ่งต่อ เหมียวอี้ที่กำลังถือทวนในแนวเฉียงไม่แม้แต่ตะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ คนกับสัตว์พาหนะคู่นี้ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย จากไปอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ช่างผ่อนคลายสบายใจจริงๆ!
กลุ่มคนที่เหลือบ้างก็ลอยอยู่บนฟ้า บ้างก็ยืนนิ่งอยู่บนพื้น ต่างก็กำลังมองสัตว์พาหนะตัวนั้นวิ่งไปไกลด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครไล่ตามไปอีก
ตอนนี้คนที่เหลือรู้สึกว่าตัวเองโชคดี โชคดีที่คนไปขวางสัตว์พาหนะตัวนั้นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ตน ไม่อย่างนั้นคนที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นในตอนนี้ก็คงเป็นตนแล้ว
มีบางคนได้สติกลับมาแล้วตะโกนว่า “รีบไปรายงานประมุขค่าย!”
มีบางคนรีบช่วยรักษาบาดแผลให้เพื่อนร่วมงานที่นอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น การรักษาพวกเขาก็เรียบง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อะไร แค่ร่ายอิทธิฤทธิ์ควักเลือดชั่วร้ายทิ้งไปพร้อมกับเนื้อ อย่างมากก็แค่วรยุทธ์ลดลงก็เท่านั้นเอง ส่วนพวกที่โดนโจมตีจุดสำคัญก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว ตายไปแล้ว!
…………………………