พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1492 เฉียน
เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ข้างบ่อเพลิงไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งนี้เลย เขาถอนหายใจเบาๆ ถึงอย่างไรตัวเองก็เตรียมจะอยู่ที่นี่หลายร้อยปีอยู่แล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าในเวลาหลายร้อยปีนี้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าตรงนี้ใช่ ‘บ่อเพลิงมังกร’ ที่แท้จริงหรือเปล่า ไม่แน่ว่าอาจจะเข้าใจกระจ่างก็ได้ว่าทำไมถึงให้ตนนำของมาส่งที่ ‘บ่อเพลิงมังกร’
ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือ เขายังไม่อยากให้ตัวเองไรมโนธรรม สุดท้ายก็ยังเก็บไข่หินสองใบนั่นไว้ ไม่ได้โยนออกมาง่ายๆ
หัวมังกรเพลิงนั่นเหมือนจะเชิดหน้าขึ้นมองด้านบน เหมือนพูดไม่ออกนิดหน่อยที่เหมียวอี้ทำท่าจะโยนอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่โยน
เหมียวอี้เองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพลิงเดือดที่สูงหลายจั้งบ่อยนัก เขาหันตัวมาแล้วปล่อยเฮยทั่นกับอั้นโยวหลินออกมา “แหล่งกำเนิดปราณชั่วร้ายของที่นี่อยู่ในทางเข้าแรกทางฝั่งขวาด้านหลังตำหนัก พวกเจ้าไปเองแล้วกัน พยายามสงบๆ หน่อย ถ้าไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนก็คงจะไม่…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็สังเกตเห็นว่าเฮยทั่นกับอั้นโยวหลินมีปฏิกิริยาค่อนข้างแปลก เฮยทั่นเบิกตากว้างมองด้านบนข้างหลังเขา ส่วนอั้นโยวหลินก็มีสีหน้าหวาดกลัว ถึงขั้นตัวสั่นเล็กน้อยด้วย
ก็แค่เปลวเพลิงรูปมังกรเลื้อยก็เท่านั้นเอง น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? เหมียวอี้พูดดูถูกในใจ แล้วหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
ตอนยังไม่ดูก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอดูแล้วอึ้งทันที นั่นใช่เพลิงมังกรแหวกว่ายเสียที่ไหนกัน ทั้งเพลิงเดือดกลายเป็นรูปหัวมังกรขนาดมหึมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
ถ้าแค่เหมือนหัวมังกรเฉยๆ ก็ยังไม่เท่าไร แต่ดวงตาเพลิงทั้งคู่นั้นราวกับมีชีวิตขึ้นมาแล้ว ดวงตาเพลิงเดือดที่กำลังเคลื่อนไหวมีดูมีแววขนาดนี้ เผยความลึกล้ำที่สั่นสะท้านจิตวิญญาณคน เห็นได้ชัดว่ากำลังจ้องประเมินพวกเขาสามคน ดุร้าย ทรงอานุภาพ เผด็จการ!
ทันใดนั้น ดวงตาเพลิงก็เหมือนจะจะไปหยุดอยู่ที่อั้นโยวหลิน เห็นได้ชัดว่าแววตาเปลี่ยนเป็นเดือดดาลแล้ว พลังงานที่สั่นสะท้านจิตวิญญาณกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากเพลิงเดือด ทำให้คนรู้สึกกดดันมาก ทำให้พวกเหมียวอี้ที่หวาดระแวงกลัวถอยหลังช้าๆ
จากนั้นก็เหมือนจะมีเสียงของคนเจ็ดแปดคนดังมาจากเพลิงเดือดพร้อมกัน “วิญญาณมรณะ! บังอาจล่วงล้ำเข้ามาที่นี่!”
วูบ! เพลิงเดือดพ่นออกมา กรงเล็บมังกรเพลิงข้างหนึ่งหลุดออกมาจากด้านล่างหัวมังกร คว้าจับอั้นโยวหลินเอาไว้แล้ว เคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเหมียวอี้จะตอบสนองทัน ลักษณะการลงมือราวกับฟ้าผ่า อั้นโยวหลินหลบไม่ทันด้วยซ้ำ โดนกรงเล็บมังกรคว้าไปถือไว้ในบ่อเพลิงมังกรแล้ว
เหมียวอี้ตกใจมาก เรียกทวนเกล็ดย้อนออกมาฟันไปที่กรงเล็บมังกรในชั่วพริบตาเดียว แต่ใครจะคิดว่าพอกรงเล็บมังกรกระเพื่อมตาม กรงเล็บที่กำหมัดยิงแสงไฟไปสี่ทิศ แสงไฟกระแทกมาที่หน้าอกของเหมียวอี้ ปั้ง! เหมียวอี้สะเทือนจนโซเซถอยหลัง
เฮยทั่นถลึงตาสองข้าง จู่ๆ ก็กระโจนตัวขึ้นมา ใช้หัวพุ่งชนไปทางหัวมังกรเพลิงเดือดอย่างแรง แต่ใครจะคิดว่าหัวมังกรนั่นจะหายไปอีก เฮยทั่นมุดผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย ไม่มีแรงขวางเลยสักนิด ไปตกอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของบ่อเพลิงมังกร
กรงเล็บมังกรที่ขยุ้มอั้นโยวหลินไว้ได้รีบกลับเข้าไปในบ่อเพลิงมังกรแล้ว ร่างของอั้นโยวหลินค้างเติ่งอยู่ท่ามกลางเพลิงเดือด นางอยู่ท่ามกลางหัวมังกรเพลิงเดือดแล้ว นางกำลังดิ้นรน ไม่สามารถหนีรอดไปได้ “อา…” ใช้สองมือกุมศีรษะพลางกรีดร้องแสดงความเจ็บปวดทรมาน บนตัวมีควันลอยโขมง
เหมียวอี้ที่ยืนได้แล้วตกตะลึงมาก เขารู้สึกได้ว่าการโจมตีของกรงเล็บมังกรเมื่อครู่นี้ไม่ได้แฝงไปด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ใดๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเพลิงเดือดที่มีสภาพเสมือนจริงจะอาศัยกำลังอันดุร้ายโจมตีทีเดียวจนเขาสะเทือนถอยหลังได้ เพลิงเดือดที่ลุกโชนมีกำลังอันดุร้ายเข้มแข็งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก รีบตบภาพมายาฝ่ามือออกไปกักไว้ แล้วร่ายวิชาอัคนีดาราเพื่อจะใช้วิชาคุมไฟช่วยชีวิตอั้นโยวหลินออกมา
ทว่าไม่ได้ผล ถึงแม้วิชาควบคุมไฟของเขาจะกดดันให้เพลิงเดือดในบ่อเพลิงมังกรกลิ้งกระเพื่อมไปรอบๆ เหมือนน้ำพุได้ แต่กลับไม่สามารถทำให้เพลิงรูปหัวมังกรนั่นสลายไป เพลิงเดือดกลุ่มนั้นเหมือนจะเป็นเพลิงเดือด แต่ก็ไม่เหมือนเพลิงเดือด คล้ายๆ ว่าจะเป็นสิ่งอื่น วิชาคุมไฟของเขาไม่มีผลใดๆ เลย ไม่สามารถช่วยชีวืตอั้นโยวหลินออกมาได้
เฮยทั่นกระโจนตัวขึ้นมาอีกครั้ง อยากจะใช้หัวชนอั้นโยวหลินให้ออกมาจากเพลิงเดือด ใครจะคิดว่ากรงเล็บมังกรข้างหนึ่งจะโบกออกมาจากเพลิงเดือด มาคว้าเฮยทั่นเอาไว้กลางอากาศ จากนั้นก็โบกโยยเฮยทั่นออกไป ทำให้มันตกกระแทกและกลิ้งอยู่บนพื้น
แต่ละทางเข้านอกประตูตำหนักมีชายหญิงผมแดงกลุ่มหนึ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเห็นภาพเหตุการณ์ในตำหนักก็ต้องการจะลงมือกับพวกเหมียวอี้ทันที
“ถอยไป!” เสียงอันน่าเกรงขามขงคนเจ็ดแปดคนทั้งขึ้นพร้อมกัน
พวกชายหญิงผมแดงที่บุกเข้ามาไม่แสดงความเห็นแย้งเลยแม้แต่น้อย มาจากตรงไหนก็ทยอยกันถอยกลับไปตรงนั้น
อานุภาพการเผาของหัวมังกรเพลิงเดือดร้ายกาจเกินไปแล้ว เมื่ออั้นโยวหลินตกอยู่ในมืออีกฝ่ายก็ไม่มีกำลังจะตอบโต้เลย เสียงกรีดร้องหยุดลงแล้ว นางกลายเป็นควันอย่างรวดเร็ว เป็นเถ้าถ่านปลิวสลายไปอย่างแท้จริง สิ่งของบนตัวนางที่ยังไม่หลอมละลายตกลงในหลุมเพลิงลึกของบ่อเพลิงมังกร
ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น อั้นโยวหลินที่เมื่อครู่นี้ยังมีชีวิตอยู่ ชั่วพริบตาเดียวก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไปแล้ว!
เหมียวอี้ที่ดันทุรังร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยเหลือมีสีหน้าตึงเครียด เขาหยุดใช้วิชาอัคนีดาราแล้ว หยุดใช้วิชาที่ไม่มีประโยชน์นั่นแล้ว ขณะเดียวกันก็โบกฝ่ามือหนึ่งครั้ง ห้ามเฮยทั่นที่กำลังจะลุกขึ้นมาดันทุรังพุ่งชนอีก เพราะไม่มีความหมายอะไรแล้ว
เขาเองก็มองออกว่าหัวมังกรเพลิงเหมือนะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อเฮยทั่น ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้วิญญาณอัคคีพวกนั้นถอยไปหรอก
แต่ความเคียดแค้นเดือดดาลที่มีอยู่เต็มอกเหมียวอี้ก็เขียนไว้บนใบหน้าแล้ว อีกฝ่ายลงมือได้เด็ดขาดเกินไป ไร้ไมตรีเกินไปแล้ว ไม่บอกล่าวอะไรเลยสักคำ พอเห็นว่าอั้นโยวหลินเป็นวิญญาณชั่วร้ายก็กำจัดทิ้งด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าโดยไม่ถามว่าถูกหรือผิด โหดเกินไปแล้ว!
พอเขาหยุดใช้วิชาควบคุมไฟ เพลิงเดือดที่ม้วนกลิ้งราวกับกระแสน้ำอยู่ในตำหนักใหญ่ก็ถดถอยออกไปอย่างรวดเร็ว กลับไปอยู่ในบ่อเพลิงมังกรแล้ว เหลือเพียงเงามายาของหัวมังกรเพลิงที่ยังกระเพื่อมอยู่ด้านบนบ่อเพลิง ลูกตาไฟกำลังจ้องเฮยทั่นอย่างแฝงความหายล้ำลึกและทรงอานุภาพ
ไม่ผิดหรอก! ดวงตาไฟคู่นั้นกำลังจ้องเฮยทั่นจริงๆ สายตาย้ายออกจากตัวเหมียวอี้ไปแล้ว กำลังจ้องประเมินเฮยทั่นอย่างจริงจัง
“เจ้าเป็นปีศาจมาจากไหน?” เหมียวอี้โบกทวนชี้ถามหัวมังกรเพลิงเดือดอย่างเกรี้ยวกราด
ดวงตาไฟของหัวมังกรเพลิงเดือดจ้องไปที่เหมียวอี้อีกครั้ง เสียงอันน่าเกรงขามของคนเจ็ดแปดคนดังขึ้นพร้อมกัรอีก “อย่าบอกนะว่าเจ้าไปรู้ถึงผลที่ตามมาหากวิญญาณชั่วร้ายเข้ามาในแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้าย? ถ้าให้วิญญาณชั่วร้ายเติบโตแข็งแกร่งขึ้น ประชากรโลกมนุษย์ก็จะตกอยู่ในทุกขเวทนา ถ้าให้นางแข็งแกร่งยิ่งใหญ่แล้วหลุดออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ไป สรรพสิ่งในโลกหล้าก็จะต้องโดนเขาแว้งกัดแน่นอน! เจ้ารับผิดชอบผลที่ตามมาแบบนี้ไหวเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบกลับอย่างโมโหว่า “ถ้าอยากจะทำร้ายคนอื่น ก็สร้างข้อหามายัดเยียดได้เสมอ! นางไม่เคยคิดอยากเป็นใหญ่อยู่ที่นี่ ข้าเองก็ไม่ยอมให้นางเป็นใหญ่เหมือนกัน เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ ไม่จำเป็นต้องมายุ่งเรื่องคนอื่นมากขนาดนี้หรอก?”
เขาโมโหแล้วจริงๆ เพราะเขาเป็นคนพาอั้นโยวหลินมาที่นี่ เขายังไม่ทันตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนก็เรียกอั้นโยวหลินออกมาแล้ว เพราะแบบนี้ถึงทำให้อั้นโยวหลินตายอนาถ พอนึกถึงสายตาขอร้องอย่างสิ้นหวังของผู้หญิงคนนั้นที่อุทยานหลวง พอนึกถึงสายตาที่อั้นโยวหลินขอร้องให้ตนพานางออกไปในปีนั้น พอนึกถึงคำสัญญาของตัวเอง พอนึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้อั้นโยวหลินมาตายที่นี่ พอนึกว่าตัวเองทำผิดต่อคนอีกคนแล้ว ก็เจ็บปวดจนถึงก้นบึ้งหัวใจทันที!
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองสู้หัวมังกรเพลิงนี่ไม่ได้ เขาที่กำลังมีไฟแค้นเดือดเต็มอกก็คงจะพังที่นี่จนราบไปแล้ว!
หัวมังกรเพลิงตอบว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปเดินที่ไหนในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ได้ ถ้าวิญญาณชั่วร้ายในแดนมรณะดึกดำบรรพ์อยู่กับเจ้าอย่างสงบ สามารถปล่อยเจ้าไปได้ เช่นนั้นก็ถือเสียว่าข้าพูดผิดไป แดนมรณะดึกดำบรรพ์ที่เคยมีธรรมชาติงดงามเขียวชอุ่ม ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่รกร้างแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เคยอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์อย่างอิสระ ตอนนี้กลายเป็นกองกระดูกหมดแล้ว เจ้าไม่เคยเห็นเหรอว่าโทษของวิญญาณชั่วร้ายพวกนี้เยอะขนาดไหน เจ้าไม่รู้เหรอ?”
เหมียวอี้ตะคอกตอบว่า “จากที่ข้าเห็น สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกนี้ก็คือหัวใจของคนที่ชั่วร้ายอย่างเจ้านี่แหละ!”
หัวมังกรเพลิงเถียงว่า “วิญญาณชั่วร้ายพวกนี้ก็คือเครื่องพิสูจน์จิตใจชั่วร้ายของคน วิญญาณชั่วร้ายพวกนี้เกิดจากปัจจัยด้านลบของหัวใจคน ถ้าปล่อยพวกมันออกไปก็ไม่มีอะไรที่พวกมันทำไม่ได้ ผลที่ตามมาเลวร้ายจนไม่อยากจินตนาการ อย่าปล่อยให้ภาพมายาจอมปลอมที่อยู่ตรงหน้าทำให้สับสนเด็ดขาด”
ซวบ! เหมียวอี้พลันดีดกระบี่เล็กเพลิงจิตออกมาเล่มหนึ่ง เห็นเพียงกระบี่เล็กยิงเข้าไปในหัวมังกรเพลิง จากนั้นก็ระเบิดออก
หัวมังกรเพลิงหายไปในชั่วพริบตาเดียว กลายสภาพกลับไปเป็นเพลิงมังกรเลื้อยแล้ว
รอจนกระทั่งอานุภาพของเพลิงจิตหายไปในเพลิงเดือด เปลวเพลิงที่โชติช่วงก็ก่อตัวเป็นรูปหัวมังกรเพลิงอีกครั้ง แล้วถามว่า “พ่อหนุ่ม การตายของวิญญาณชั่วร้ายดวงหนึ่งทำให้เจ้าเดือดดาลขนาดนี้เชียวหรือ? มันคงไม่ได้สำคัญกับเจ้าขนาดนั้นหรอกมั้ง? มันคงไม่ทำให้เจ้ายอมทิ้งทุกอย่างจริงๆ หรอกใช่มั้ย?”
เมื่อเห็นว่าเพลิงจิตของตัวเองทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาดอะไร ถึงแม้เหมียวอี้จะเดือดดาลเคียดแค้น แต่ก็ตระหนักได้ถึงอันตรายที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็อย่างที่อีกฝ่ายบอก ไม่ว่าอั้นโยวหลินจะสำคัญที่สุดสำหรับเขา และไม่เพียงพอจะให้เขาทิ้งทุกอย่างด้วย เพียงแต่ข่มความรู้สึกผิดในใจได้ยากเท่านั้นเอง ที่จริงเขาเองก็รู้ว่าถ้าพาอั้นโยวหลินออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์จริงๆ ไม่ช้าก็เร็วที่อั้นโยวหลินจะต้องตายสถานเดียว อำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ ข้างนอกไม่มีทางปล่อยนางไป
“โจรอ้วน พวกเราไปกันเถอะ!” เหมียวอี้ตระหนักได้ถึงอันตรายที่ควบคุมไม่ได้ จึงเอ่ยเรียกเฮยทั่น เตรียมจะออกไปจากที่นี่ก่อน ในภายหลังถ้ามีโอกาสค่อยกลับมาคิดบัญชี!
เฮยทั่นเดินตามหลังจากไปนอกตำหนักแลว้
ดวงตาทั้งคู่ของหัวมังกรเพลิงเปลี่ยนเป็นลุกโชน จ้องหลังเหมียวอี้พร้อมถามว่า “เจ้าจะไปแบบนี้เหรอ? เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าข้าคือใคร?”
เหมียวอี้อยากจะบอกมากว่า ‘ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร’ แต่คำพูดของอีกฝ่ายเกาถูกที่คันพอดี จึงหยุดฝีเท้าพร้อมถามขณะที่หันหลัง “เมื่อครู่นี้ข้าถามไปแล้ว เจ้าเต็มใจจะบอกก็บอก ถ้าไม่อยากบอกข้าก็ไม่ฝืน!”
“โครงกระดูกที่เจ้าทำลายไปที่วังใต้ดินคือกระดูกของข้าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?” หัวมังกรเพลิงถาม
กระดูกมังกรแปดร่าง? ความเดือดดาลในอกเหมียวอี้หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง หันตัวมาอย่างช้าๆ มองประเมินหัวมังกรเพลิงอย่างทำใจเชื่อได้ยาก “นั่นคือโครงกระดูกของเจ้าคอนที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ในเมื่อเจ้าตายไปแล้ว ทำไมยังปรากฏตัวในสภาพนี้ได้อีก?” ยังมีอีกประโยคที่เขาไม่ได้ถามออกมา นั่นก็คือทำไมมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้
“เจ้าไม่สงสัยเหรอว่าในเมื่อข้าตายไปแล้ว ทำไมวิญญาณมังกรยังอยู่? อย่าบอกนะว่าเดาเหตุผลที่อยู่ในนั้นไม่ออก?” หัวมังกรเพลิงถาม
เหมียวอี้ไม่อยากจะเปลืองคำพูดกับมันอีก แต่ยังอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “เดาไม่ออก!” ถึงแม้น้ำเสียงจะหงุดหงิด แต่ในใจก็ยังอยากรู้คำตอบจริงๆ
หัวมังกรเพลิงบอกว่า “เหตุผลไม่ซับซ้อนเลย เป็นเพราะตอนยังมีชีวิต วรยุทธ์ของข้าบรรลุถึงระดับสำแดงฤทธิ์แล้ว มาถึงระดับระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ดับสูญ ข้าย่อมไม่ดับสูญ!”
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์? เหมียวอี้สุดหายใจอย่างตกตะลึง ใครกันที่สามารถสังหารเป่ามังกรที่อยู่ในระดับระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้?
ชั่วพริบตาเดียวเขาก็คิดถึงพระปีศาจหนานโป จึงถามหยั่งเชิงว่า “อย่าบอกนะว่าเจ้าคือหนึ่งในแปดเทพมังกรผู้พิทักษ์เผ่ามังกร?”
“สงสัยเจ้าจะไม่รู้อะไรสักอย่างเลยสินะ” หัวมังกรเพลิงกล่าว
เหมียวอี้ตกตะลึงในใจ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของแปดเทพมังกรผู้พิทักษ์เผ่ามังกรยังอยู่อีกเหรอ? เขาถามอีกว่า “แล้วเจ้าใช่หนึ่งในแปดเทพมังกรผู้พิทักษ์หรือเปล่า?”
หัวมังกรเพลิงตอบว่า “เฉียน! หัวใจหลักของข้าในตอนนี้คือเฉียน”
“หมายความว่ายังไง?” เหมียวอี้สงสัย
หัวมังกรเพลิงกล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า “ในปีนั้นพวกเราทั้งแปดแบ่งชื่อเป็นเฉียน คุน เจิ้น ซวิ่น ข่าน หลี เกิ้น ตุ้ย[1] ตอนหลังพวกเราแปดคนโดนสังหาร วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังโดนโจมตีสังหารจนหมดเกลี้ยง เพื่อที่จะยืดลมหายใจเฮือกสุดท้าย วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดที่ชำรุดของทั้งแปดจึงรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นข้าอย่างที่เจ้าเห็นในตอนนี้!”
…………………………
[1] เฉียน คุน เจิ้น ซวิ่น ข่าน หลี เกิ้น ตุ้ย 乾、坤、震、巽、坎、离、艮、兑,ตรงกับชื่อของแผนผังแปดทิศ 八卦图