พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1516 คลุมเครือน่าสงสัย
จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้ามที่คนทั่วไปห้ามบุกเข้ามาโดยพลการ เซี่ยโห้วท่าหลับตานอนเอนกายอยู่บนเตียงผ้าแพรกลางแจ้งเพื่อรับแสงแดดอันอบอุ่น ร่างกายแก่ชราแทบจะจมลงไปในผรมขนสัตว์หนาสีขาวดุจหิมะ ข้างๆ มีเตากำยานที่ทำให้คนสดชื่นสบายใจ มีไอหมอกสีม่วงลอยโขมงขึ้นมา
ที่มุมหนึ่งไกลๆ พ่อบ้านเว่ยซูปรากฏตัว เดินเนิบนาบมาอยู่ข้างกาย แล้วก้มตัวกระซิบข้างหูเซี่ยโห้วท่าสองสามประโยค
เซี่ยโห้วท่าที่กำลังหลับตางีบพลันลืมตา ลุกขึ้นช้าๆ แล้วถามอย่างประหลาดใจสงสัยว่า “เป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนีเหรอ? สืบหาแหล่งข่าวได้หรือยัง?”
เว่ยซูยื่นมือไปประคองให้เขานั่ง พร้อมตอบว่า “เรื่องนี้แปลกนิดหน่อยขอรับ ข่าวถูกปล่อยออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พวกเราลองสืบหาแล้ว แต่ก็ไม่พบแหล่งที่มาขอรับ”
เซี่ยโห้วท่าหยิบไม้เท้า แล้วใช้สองมือวางซ้อนกดบนหัวไม้เท้า เกยคางขึ้นไปช้าๆ จากนั้นก็ครุ่นคิดเงียบๆ นานมาก แล้วสุดท้ายก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ใช่แล้ว เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ เรื่องนี้อธิบายได้แล้วว่าทำไมประมุขชิงถึงต้องการให้เจ้าเด็กนั่นไปที่หน่วยองครักษ์ซ้ายและไปรับโทษที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ แต่ก็มีจุดที่ไม่ปกติอยู่เหมือนกัน คนอื่นไม่รู้ชัด แต่พวกเรากลับรู้ดี ทำไมศิษย์ของอสุราอัคนีกลับไปเป็นพวกเดียวกับคนของหกลัทธิล่ะ?”
เว่ยซูตอบว่า “ดูจากระยะห่างเวลาของศิษย์และอาจารย์ เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกศิษย์ต่างยุค ระหว่างอาจารย์และศิษย์น่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรเหลืออยู่ การที่หนิวโหย่วเต๋อกับหกลัทธิเกี่ยวข้องกันน่าจะเป็นเพราะอสุราอัคนีด้วย”
เซี่ยโห้วท่าค้ำไม้เท้าลุกขึ้นยืน แล้วโบกมือบอกว่า “กุญแจสำคัญของปัญหาไม่ใช่เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อไปเกี่ยวข้องกับหกลัทธิ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ถึงจุดนี้ก็คงโดนตบตาไปแล้ว ประเด็นคือพวกเรารู้แล้ว เช่นนั้นก็จะไปมองแบบนั้นไม่ได้ ข้าถามเจ้าหน่อย หลังจากหนิวโหย่วเต๋อออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ปัญหาใหญ่สุดที่ต้องเจอคืออะไร?”
เว่ยซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วยิ้มบางๆ “เกรงว่าฝั่งตระกูลอิ๋งคงจะมีคนกอบกู้หน้าตาศักดิ์ศรี”
เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ก็พอได้อยู่ ขอถามเจ้าอีกที ตอนนี้จู่ๆ หนิวโหย่วเต๋อก็มีภูมิหลังว่าเป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนีแล้ว แฝงหมายความว่ายังไงล่ะ?”
“เกรงว่าคงจะมีคนไม่น้อยอยากดึงตัวไป” เว่ยซูกล่าว
เซี่ยโห้วท่าถอนหายใจแล้วบอกว่า “ก็ใช่น่ะสิ! ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเซี่ยโห้วของข้าไม่สะดวกจะขยายอิทธิพลของตัวเองแบบโจ้งแจ้ง ถ้าคำนึงถึงระยะยาว ข้าก็อยากจะดึงตัวเขาไว้เหมือนกัน ติดก็แค่มีปมนี้อยู่ พวกที่หนุนหลังหนิวโหย่วเต๋อคือหกลัทธิ หกลัทธิปล่อยลูกศิษย์ของอสุราอัคนีออกมาแบบนี้ คงไม่ปล่อยให้เป็นหมากเสียง่ายๆ หรอก แบบนี้แสดงว่าเตรียมจะแทรกเข้าในหน่วยงานของตำหนักสวรรค์เพื่อใช้ทำงานสำคัญ จะทนมองตระกูลอิ๋งทำหมากตัวนี้นี้เสียได้เหรอ? เจ้าคิดว่าทำไมข่าวไม่ออกตั้งนานแล้วล่ะ ทำไมต้องมีข่าวออกมาตอนนี้ว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี แบบนี้บังเอิญไปหน่อยมั้ย?”
เว่ยซูหรี่ตาสองข้าง พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว “นายท่านหมายความว่า มีคนจงใจจะช่วยให้หนิวโหย่วเต๋อพ้นเคราะห์นี้เหรอ?”
เซี่ยโห้วท่าหัวเราะเบาๆ “หนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี มีภูมิหลังระดับนั้นแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปแทรกแล้ว เจ้าคิดว่าต่อไปสี่อ๋องสวรรค์จะทำอะไรล่ะ?”
เว่ยซูตาเป็นประกาย แล้วกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์!”
เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะอีก “ทุกคนอยากจะดึงตัวเป็นเขย ของหายากต้องกักตุนไว้ทำกำไร ไม่แย่งกันจนหัวชนกันก็ดีแล้ว เกรงว่าแม้แต่ปลอบใจยังทำไม่ทันด้วยซ้ำ ย่อมไม่มีใครลงมือกับหนิวโหย่วเต๋ออีกแล้ว การปล่อยหมากออกมาทีละตัวแบบนี้ ฝีมือเหนือชั้นจริงๆ ข้าอยากจะเห็นนักว่าใครกันแน่ที่ปั่นหัวคนพวกนี้อยู่เบื้องหลัง”
เว่ยซูตอบอย่างลังเลว่า “เป็นหนิวโหย่วเต๋อที่ปล่อยข่าวเพื่อปกป้องตัวเองหรือเปล่าขอรับ ถึงยังไงก็มีแค่เขาที่รู้จักภูมิหลังของตัวเองดีที่สุด การที่เขาจะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นศิษย์ของอสุราอัคนีในตอนนี้ก็มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว”
เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้า “ต่อให้ไม่ใช่หกลัทธิลงมืออยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อแน่นอน”
“เพราะอะไรขอรับ?” เว่ยซูรู้สึกแปลกใจ เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นไปได้
เซี่ยโห้วท่าโบกมือ “พวกเรายืนดูจากที่สูงเลยมองเห็นได้ไกล ทั้งยังคลุกคลีกับคนกลุ่มนั้นบ่อย เดาความคิดของกลุ่มแนวหน้าในตำหนักสวรรค์ออก ดังนั้นคนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว[1] เจ้าเลยพูดให้ฟังดูสมเหตุสมผลได้อย่างสบายๆ ไม่ซับซ้อน เว่ยซู ในจุดนี้เจ้ายังสู้พ่อของเจ้าไม่ได้จริงๆ เจ้าจำไว้นะ เรื่องบางเรื่องถ้ายังอยู่ไม่ถึงขั้นตอนนั้นก็ยังนึกไม่ถึงหรอก หนิวโหย่วเต๋อกล้ารับประกันมั้ยว่าตัวเองปล่อยข่าวแล้วสี่อ๋องสวรรค์จะแย่งกันดึงตัวเขาไปเป็นเขย? แบบนั้นคงไม่ต่างจากความคิดเพ้อฝัน เกรงว่าเขาเองก็คงไม่กล้าคิดไปในทางนั้นด้วยซ้ำ! สำหรับเขา สี่อ๋องสวรรค์เป็นบุคคลที่สูงส่ง เขาถึงขั้นไม่มีทางคาดคะเนได้ด้วยซ้ำว่าในสมองของสี่อ๋องสวรรค์กำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นแล้ว เขาไม่ได้มองภาพรวมเก่งขนาดนั้น ไปเล่นอุบายชิงไหวชิงพริบจนหัวหมุนกับพวกพี่ใหญ่ในตำหนักสวรรค์ไม่ไหวหรอก!” เขาชี้นิ้วไปตรงหัวใจของตัวเอง “ถ้าไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด เขาจะเล่นแบบนี้ได้เหรอ? เป็นไปได้รึไง”
เว่ยซูทำท่าน้มอรับคำสั่งสอน พยักหน้าบอกว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็เป็นหกลัทธิที่วางแผนอยู่เบื้องล่าง!”
ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วท่าที่ค้ำไม้เท้าเดินช้าๆ จะส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่แน่!”
“อย่าบอกนะว่ายังมีคนอื่นอีก?” เว่ยซูที่เดินตามอยู่ข้างๆ ตกใจ
เซี่ยโห้วท่ากล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “ถ้าพูดถึงความรู้ความเข้าใจที่หกลัทธิมีต่อตำหนักสวรรค์ ตอนนี้เกรงว่าคงจะมีไม่กี่คนที่รู้ดียิ่งกว่าข้าแล้ว ตอนที่หกลัทธิโดนขังไว้ในแดนอเวจี ตำหนักสวรรค์ยังไม่ถูกสร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในราชสำนักของตำหนักสวรรค์นัก ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ตัดขาดจากโลกภายนอกนานเกินไป พวกเขาไม่เข้าใจชัดเจนนักหรอกว่าสี่อ๋องสวรรค์มีความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้สี่อ๋องสวรรค์มีความคิดยังไง มิหนำซ้ำเดิมทีพวกเขาก็ไม่รู้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะแพ้ยับเยินแบบนั้นเหรอ นอกเสียจากพวกเราจะตรวจสอบบรรดาคนในราชสำนักผิดพลาด เพราะที่ราชสำนักก็ไม่มีสายลับของหกลัทธิ ดังนั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หกลัทธิจะเล่นแผนการนี้กับหนิวโหย่วเต๋อที่มีความต่างในความเหมือน ถ้าอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มั่นใจ การเปิดโปงว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์อสุราอัคนีแบบนี้ พวกเขาจะแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นการช่วยหรือเป็นการทำร้ายหนิวโหย่วเต๋อ? ดังนั้นข้าก็เลยสงสัย ว่านอกจากหกลัทธิแล้ว ยังมีบุคคลระดับสูงในตำหนักสวรรค์ที่ลงมือสนับสนุนหนิวโหย่วเต๋ออีก ลองคาดคะเนในทางกลับกัน บางทีหกลัทธิอาจจะแทรกสายลับไว้ในตำแหน่งระดับสูงของตำหนักสวรรค์จริงๆ ก็ได้ แต่ข้าลองคิดไปคิดมาแล้ว ในบรรดาคนระดับสูงของตำหนักสวรรค์ มีความเป็นไปได้ต่ำที่จะกลายเป็นสายลับของหกลัทธิ ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยข่าวสักหน่อย ในปีนั้นหกลัทธิก็คงไม่แพ้ยับเยินขนาดนั้นหรอก กำลังโดนข่มอยู่ ถ้าแม้แต่สถานการณ์อย่างในปีนั้นยังยื่นมือช่วยเหลือไม่ได้ ตอนนี้หกลัทธิมีกำลังอ่อนแล้ว ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพัฒนาให้กลายเป็นสายลับ นี่ก็คือจุดที่ข้าคิดไม่ตก อย่าบอกนะว่านอกจากแดนอเวจีแล้ว หนิวโหย่วเต๋อยังเกี่ยวข้องกับอำนาจฝ่ายที่สามอีก? ครั้งก่อนคนที่กวาดล้างฐานภายนอกของหกลัทธิน่าสงสัยนะ! ข้ามักจะรู้สึกว่าตัวเองจับจุดอะไรบางอย่างได้แล้ว แต่ก็มักจะจมลงท่ามกลางเมฆหนาหลายชั้นอีกครั้ง มีหลายจุดที่ข้าคิดไม่ตก มีจุดที่น่าสงสัยเยอะเกินไป นั่นก็อธิบายได้แล้วว่าเรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดเลย มีคนกำลังใช้วิชาพรางตาเพราะจงใจจะชักจูงให้ทุกคนคิดแบบนี้หรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ข้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามสักคำ อสุราอัคนีตายไปหลายปีขนาดนั้นแล้ว ทำไมไม่โผล่มาตั้งนานแล้วล่ะ ทำไมต้องมีศิษย์ของอสุราอัคนีโผล่มาในเวลานี้ด้วย หนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนีจริงๆ ใช่มั้ย?”
เว่ยซูครุ่นคิดตามไปพักใหญ่ แต่ก็คิดไม่ตก จึงกล่าวอย่างลังเลว่า “เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์อสุราอัคนีน่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงยังไงต่อไปนี้เวลาหนิวโหย่วเต๋อจะลงมือก็ต้องใช้ความสามารถที่แท้จริงแล้ว ในจุดนี้เกรงว่าจะไม่สามารถปิดบังได้!”
เซี่ยโห้วท่าถอนหายใจแล้วบอกว่า “ใช่แล้ว! นี่ก็คือหนึ่งในจุดที่ข้าคิดไม่ตก”
เว่ยซูบอกว่า “สักวันหนึ่งความจริงของเรื่องนี้ก็ต้องปรากฏออกมา สรุปว่าดูจากครั้งนี้ หนิวโหย่วเต๋อก็รอดพ้นภัยอีกครั้งแล้ว”
เซี่ยโห้วท่ายิ้มเจื่อน “มีคนมากมายขนาดนี้โดนปิดหูปิดตาเอาไว้ ลงมือได้อย่างไม่ธรรมดา ข้าเกรงว่าถ้ารอให้ถึงวันที่ความจริงปรากฏ ตระกูลเซี่ยโห้วก็จะลนลานจนทำอะไรไม่ถูกน่ะสิ! คนไม่ตรองการไกล ความยุ่งยากใจก็จะใกล้เข้ามา และถึงแม้เจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่นจะพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ แต่ข้าก็รู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดในการเปิดโปงลูกศิษย์ของอสุราอัคนี”
“เพราะอะไร?” เว่ยซูสงสัย
เซี่ยโห้วท่าชูนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว “โพ่จวินเคยออกหน้าปกป้องแล้ว ถึงยังไงหนิวโหย่วเต๋อก็ยังเป็นลูกน้องของโพ่จวิน ไม่มีเหตุผลที่โพ่จวินจะมองดูลูกน้องเป็นอะไรไปโดยไม่ปกป้อง ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นในเวลานี้ ไม่ว่าใครก็สงสัยอิ๋งจิ่วกวงทั้งนั้น ถ้าอิ๋งจิ่วกวงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถให้คำอธิบายกับหน่วยองครักษ์ซ้ายได้ คิดว่าทัพใหญ่ในมือโพ่จวินจะยอมให้ใครรังแกก็ได้เหรอ? แค่นิสัยหมาๆ ที่จับใครได้ก็กัดคนนั้นของโพ่จวิน เจ้าคิดว่าเขาไม่กล้าทำให้อิ๋งจิ่วกวงหน้าตาเปื้อนด้วยฝุ่นรึไง? เจ้าเชื่อมั้ยว่าหลังจากอิ๋งจิ่วกวงออกจากการประชุมราชสำนักแล้ว โพ่จวินก็กล้านำคนมาขวางกลั้นแกล้งอิ๋งจิ่วกวงแน่ ทำให้เขาเสียหน้ายิ่งกว่าเดิม! โพ่จวินก็คือหมาบ้าที่ประมุขชิงเลี้ยงไว้กัดคน!” ขณะที่พูดยังออกแรงกระทุ้งไม้เท้ากับพื้นด้วย
เว่ยซูเหลือบมองไม้เท้าที่แสดงอาการสะเทือนใจของเขา ในใจแอบรู้สึกอับอาย นายท่านที่อยู่ตรงหน้าเคยถูกโพ่จวินกดขี่และประทุษร้ายมาก่อน เรียกได้ว่าเข้าใจอย่าลึกซึ้ง
เซี่ยโห้วท่าพูดต่อว่า “ดังนั้นอิ๋งจิ่วกวงจะยังไม่แตะต้องหนิวโหย่วเต๋อ อย่างน้อยก็ยังต้องรออีกสักระยะหนึ่ง คนที่กำลังแอบช่วยหนิวโหย่วเต๋อปราดเปรื่องขนาดนี้ คงจะไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เรื่องนี้หนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนีดันถูกเปิดโปงออกมา อย่าบอกนะว่าจงใจจะล่อให้สี่อ๋องสวรรค์กระตือรือร้นดึงตัวเอาไว้? ต่อให้อยากจะช่วยให้หนิวโหย่วเต๋อพ้นภัย อยากจะปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้ก่อนแล้วค่อยเปิดโปง ถ้าเปิดโปงเร็วกว่านี้ ในหลายปีที่ผ่านมาหนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ต้องพบเรื่องยุ่งยากแล้วไม่ใช่เหรอ คงจะถูกดึงตัวไปนานแล้ว จำเป็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้ว! พอนายท่านพูดแบบนี้ มันก็น่าสงสัยจริงๆ” เว่ยซูพยักหน้า แล้วจมอยู่ในความคิดอีกครั้ง
จู่ๆ เซี่ยโห้วท่าก็หยุดเดิน ใช้สองมือค้ำไม้เท้าไว้ข้างหน้า เงยหน้ามองฟ้า แล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “บางทีอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลอิ๋งจะเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อเลยก็ได้ จู่ๆ ตอนนี้ก็เปิดโปงว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี ข้าสงสัยว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับตัวหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า?”
“เกิดเรื่อง?” เว่ยซูนิ่งชะงัก “เกิดเรื่องอะไร ทำไมต้องเปิดโปงภูมิหลังใหญ่โตขนาดนี้ขอรับ?”
เซี่ยโห้วท่าทำสีหน้าครุ่นคิดไตร่ตรอง มองท้องฟ้าพลางส่ายหน้าช้าๆ “ไม่รู้ เพียงแต่พอรวบรวมเบาะแสบางอย่างแล้วเกิดความรู้สึกนิดหน่อย บางทีข้าอาจจะคิดมากไป ในทางตรงกันข้าม ก็เหมือนที่เจ้าบอก เกิดเรื่องอะไร ทำไมต้องเปิดโปงภูมิหลังใหญ่โตขนาดนี้? ถ้าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน”
“เรื่องใหญ่? จะเกิดเรื่องใหญ่อะไรกับหนิวโหย่วเต๋อขอรับ?” เว่ยซูสงสัย
“เฮ้อ! คลุมเครือน่าสงสัย จะซ้ายจะขวาก็คิดไม่ตก งั้นก็ไม่ต้องคิดแล้ว เอาเป็นว่าบนตัวของหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ ยิ่งนับวันก็ยิ่งน่าสนใจ น่าสนใจ…” เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะขณะที่ค้ำไม้เท้าเดินไปข้างหน้าต่อ
……………………
[1] คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว 站着说话不腰疼 เปรียบเปรยได้ว่า หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ