พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1525 ต้องยกระดับความสนใจแล้ว
“อะไรนะ? เถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นจือชิวหออวิ๋นฮว๋าไม่ได้โดนโจรราคะเจียงอีอีจับไปเหรอ?”
ตรงนี้กำลังตึงเครียด รองผู้บัญชาการใหญ่ก็ส่งข่าวมาแล้ว เย่อี้ถามกลับอย่างะลึงงัน แล้วถามอีกว่า “ไม่ได้เข้าใจผิดใช่มั้ย?”
รองผู้บัญชาการใหญ่ที่มารายงานข่าวยิ้มเจื่อน “ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกขอรับ อวิ๋นจือชิวนั่นอยู่ที่หออวิ๋นฮว๋าตลอด ไม่ได้ออกนอกเมืองเลย”
“ทหารที่เฝ้าอยู่บนหัวกำแพงเมืองเห็นกับตาเองไม่ใช่เหรอว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ถูกจี้ตัวไป? เห็นกับตาไม่ใช่เหรอว่าลูกน้องของหัวหน้าภาคฉู่ไล่ตามไป?” เย่อี้ประหลาดใจ
รองผู้บัญชาการใหญ่ตอบว่า “ข้าน้อยก็สงสัยจุดนี้เหมือนกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวผิดพลาดและในนั้นมีเงื่อนงำอะไร ข้าเลยออกไปถามคนที่โดนโจมตีบนกำแพงเมืองด้วยว่าแน่ใจใช่มั้ยว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ โดนจับตัวไปแล้ว ผลก็คือทุกคนบอกว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ นั่นสวมหมวกมุ้ง มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง ไม่กล้าแน่ใจเต็มร้อยว่าตอนนั้นคนที่โดนจับไปคือ ‘อวิ๋นจือชิว’ เพียงแต่เห็นว่าน่าจะใช่ จากนั้นข้าน้อยก็ไปหออวิ๋นฮว๋ารอบหนึ่ง พอเห็นอวิ๋นจือชิวแล้ว ก็หาข้ออ้างให้นางทิ้งตราอิทธิฤทธิ์เอาไว้ แล้วให้ผู้บัญชาการนำเอกสารที่อวิ๋นจือชิวเคยลงนามไว้ในปีก่อนมาเทียบกัน ก็แน่ใจแล้วว่าคนนี้คืออวิ๋นจือชิวตัวจริง ไม่ได้ถูกโจรราคะเจียงอีอีนั่นจับตัวไปเลย”
เย่อี้พูดไม่ออกไปพักใหญ่ “แล้วทางฉู่จื่อซานกำลังเล่นบ้าอะไรกัน?”
รองผู้บัญชาการใหญ่ตอบอย่างไม่แน่ใจว่า “ทางฉู่จื่อซานได้รับข่าวอะไรมารึเปล่า อยากจะล่อจับโจรราคะเจียงอีอี ก็เลยสร้างสถานการณ์ปลอมขึ้นมา?”
เย่อี้เงียบไป ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า คิดไม่ตกว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ สุดท้ายก็กัดฟันบอกว่า “ตอนนี้สมองเหลวกันทั้งข้างบนทั้งข้างล่าง ไม่รู้เลยว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่ ส่งคนไปพาตัวอวิ๋นจือชิวนั่นมาสอบสวนหน่อย ถามว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่ ดูซิว่านางรู้รึเปล่าว่าสถานการณ์เป็นยังไง!”
รองผู้บัญชาการใหญ่ลองเตือนว่า “ดีไม่ดีผู้หญิงคนนั้นอาจจะได้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วก็ได้ ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อรอดชีวิตออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว ถ้าพามาสอบสวนจะไม่เป็นการก่อเรื่องเหรอ? เจ้าบ้านั่นกุมอำนาจทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งเอาไว้หนึ่งล้านนะ ถ้ามันบ้าขึ้นมา…” ความหมายที่เหลือก็ชัดเจนโดยไม่ต้องพูดแล้ว
เย่อี้มุมปากชาเล็กน้อย คนที่กล้าก่อเรื่องแม้แต่งานรับสนมของราชันสวรรค์ สัตว์เดรัจฉานที่บ้าระห่ำแบบนี้ ไปมีเรื่องด้วยไม่ไหวจริงๆ ที่สำคัญคือในมืออีกฝ่ายกุมอำนาจทางทหารเอาไว้ สิ่งนั้นไม่ได้มีไว้ประดับเฉยๆ กำลังพลตลาดสวรรค์ม่พอยัดซอกฟันอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาหันกลับมากลอกตาใส่รองผู้บัญชาการใหญ่ “นางก็ไม่ได้มีหลักฐานกระทำความผิดอะไรอยู่ในมือพวกเรานี่ ข้าให้เจ้าพาตัวมาถาม ไม่ได้ให้เจ้าจับตัวสักหน่อย เกรงใจหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
“ขอรับ!” รองผู้บัญชาการใหญ่เอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป ในใจกลับพึมพำว่า เมื่อครู่นี้เจ้ายังบอกว่า ‘สอบสวน’ อยู่เลย
จวนท่านปู่สวรรค์ ในห้องที่โบราณเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหรา เซี่ยโห้วท่ากางแขนสองข้าง ปล่อยให้บ่าวรับใช้หญิงสองคนแต่งตัวให้อย่างระมัดระวัง กำลังจะเข้าประชุมในราชสำนักตำหนักสวรรค์แล้ว ต้องแต่งตัวให้ภูมิฐานเรียบร้อยหน่อย
ตรงนี้เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จ พ่อบ้านเว่ยซูก็เดินเข้ามาจากข้างนอก เขาเอียงหน้าทางซ้ายและขวาก่อน “พวกเจ้าถอยไปก่อน!”
หลังจากบ่าวหญิงทั้งสองออกไปแล้ว เว่ยซูก็หยิบไม้เท้าข้างๆ ยื่นใส่มือให้เซี่ยโห้วท่า แล้วถือโอกาสเอ่ยว่า “นายท่าน เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ เกิดเรื่องที่น่านฟ้าระกาติงก่วงลิ่งกงแล้ว”
“อ้อ!” เซี่ยโห้วท่าเอียงหน้ามองมา รู้ว่าการที่เขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็แปลว่าคงจะไม่ยิงธนูโดยไร้เป้า “เรื่องอะไร?”
เว่ยซูรายงานว่า “จู่ๆ หัวหน้าภาคฉู่จื่อซานของน่านฟ้าระกาติงรวมทั้งกำลังพลเกือบหมื่นของเขาก็โดนกำลังพลหลายหมื่นของกองทัพองครักษ์โจมตีขอรับ ตามที่ลูกน้องที่รอดชีวิตของฉู่จื่อซานรายงานขึ้นมา ตอนนั้นกำลังพลเกือบหนึ่งหมื่นของฉู่จื่อซานเกือบจะโดนฆ่าหมดแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีข่าวตอนหลังตามมาอีก แต่การที่กองทัพองครักษ์หลายหมื่นล้อมโจมตีกำลังพลหนึ่งหมื่นของฉู่จื่อซาน…ตอนนี้เกรงว่าพวกฉู่จื่อซานน่าจะมีเคราะห์ร้ายมากว่าโชคดีขอรับ!”
“หา! ใครมันช่างกล้าขนาดนั้น…” เซี่ยโห้วท่าที่รู้สึกบันเทิงชะงักไป แล้วถามอย่างฉงนใจ “ฉู่จื่อซาน? ฉู่จื่อซานคนนี้ใช่หัวหน้าภาคฉู่จื่อซานที่เจ้าบอกว่าจะแต่งงานกับอวิ๋นจือชิวอะไรนั่นรึเปล่า?”
เว่ยซูยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “เป็นฉู่จื่อซานนั่นแหละขอรับ!”
เซี่ยโห้วท่าตะลึงงัน แล้วทันใดนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา “ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมจู่ๆ มีข่าวลูกศิษย์อสุราอัคนีออกมา ที่แท้ก็เพราะประเมินเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้านี่เองนี่เอง หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ช่างกล้าจริงๆ!”
เว่ยซูเรียกได้ว่าทำสีหน้านับถือชื่นชมเขา ช่วงก่อนหน้านี้นายท่านอาศัยเบาะแสเล็กน้อยมาตัดสินว่าอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างที่ตัวหนิวโหย่วเต๋อ ทั้งยังเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย ตอนนั้นเขายังพึมพำสงสัยอยู่เลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับหนิวโหย่วเต๋อได้ แต่หลังจากได้ข่าวนี้มา เขาก็เข้าใจทันที เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ด้วย กำลังพลหลายหมื่นของกองทัพองครักษ์ล้อมโจมตีกำลังพลท้องถิ่น แทบจะสังหารกำลังพลเกือบหนึ่งหมื่นของอำนาจท้องถิ่นจนหมดเกลี้ยง ขนาดหัวหน้าภาคที่รักษาการณ์น่านฟ้าก็โดนกำจัดไปด้วยแล้ว เรื่องนี้ใหญ่โตใช้ได้ทีเดียว
เขายิ้มพร้อมกล่าวว่า “นายท่านช่างปราดเปรื่อง ในมือหนิวโหย่วเต๋อกุมอำนาจทางหทารของกองทัพองครักษ์ไว้หนึ่งล้าน แถมเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับอวิ๋นจือชิวนั่นอีก เป็นกองทัพองครักษ์ลงมือพอดีเลย สงสัยจะมีความเป็นไปได้เก้าในสิบ ว่าเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ คนอื่นไม่กล้าทำอย่างนี้หรอก”
เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้าเดาะลิ้น “เจ้าเด็กนี่ใจกล้าจริงๆ ถือวิสาสะใช้งานกองทัพองครักษ์โดยไร้คำสั่งเบื้องบน แถมยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของท้องถิ่นโดยพลการด้วย เบื้องบนของกองทัพองครักษ์จะต้องไม่ตอบตกลงให้เขาทำเรื่องแบบนี้แน่นอน เจ้าบ้านั่นถือวิสาสะใช้งานเองแน่ๆ ช่างไม่กลัวตายจริงๆ! ตอนนี้ข้าแปลกใจแล้ว กองทัพองครักษ์เคลื่อนย้ายกำลังพลหลายหมื่น ในระหว่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ผ่านสายตาเบื้องบน และเป็นไปไม่ได้ด้วยที่จะปิดบังสายเบื้องบน ทำไมทำเรื่องแบบนี้ใต้หนังตาเบื้องบนได้? ในนั้นต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างแน่นอน เดี๋ยวเจ้าไปจับตาดูเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดนะว่าเป็นยังไงกันแน่”
“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับ แล้วเดินไปที่ประตูเป็นเพื่อนเขา
เซี่ยโห้วท่าเดินมึงประตูแล้วหยุดฝีเท้าอีก หันมากำชับว่า “อวิ๋นจือชิวนั่นไม่ธรรมดาหรอก นางคงจะมีความสามารถเกินกว่าที่เจ้ากับข้าจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าต้องยกระดับความสนใจแล้ว!”
เว่ยซูงงเล็กน้อย ถามว่า “เป็นเพราะเรื่องนี้หรือขอรับ?”
“เจ้านี่นะ ยังอ่อนหัดไปหน่อยเมื่อเทียบกับพ่อของเจ้า คำพูดพวกนี้ถ้าข้าพูดให้พ่อเจ้าฟัง พ่อเจ้าเข้าใจไปนานแล้ว แต่เจ้ากลับต้องรอนานกว่าจะเบิกสติปัญญา เป็นเพราะเรื่องนี้แล้วยังไงล่ะ? แค่เป็นเพราะเรื่องนี้ยังไม่พออีกเหรอ?” เซี่ยโห้วท่าตำหนิเขา ทั้งยังใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าผากเขาด้วย เสร็จแล้วถึงได้หันกลับไปมองที่ประตูด้วยแววตาล้ำลึก ทอดสายตามองไปไกลอย่างเอ้อระเหยพร้อมบอกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าคิดแค่ว่ามีข่าวอสุราอัคนีเพื่อจะปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ แต่พอมาดูตอนนี้แล้ว คนที่จะปกป้องไม่ใช่แค่หนิวโหย่วเต๋อเท่านั้น มีอวิ๋นจือชิวนี่ด้วย เจ้าลองคิดดูสิ หกลัทธินั่นใจบุญสุนทานรึไง?
ไม่ว่าอวิ๋นจือชิวคนนี้จะมีเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับหกลัทธิ แต่สำคัญสำหรับหกลัทธิที่โดนขังในแดนอเวจีมาหลายปีด้วยเหรอ? ถ้าฉู่จื่อซานแต่งงานกับอวิ๋นจือชิวคนนี้ นี่ก็เป็นโอกาสของหกลัทธิที่จะเปิดประตูเข้าตำหนักสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางจะได้เข้าไปอยู่กับหน่วยงานภายในของกองทัพองครักษ์ ฉู่จื่อซานมีภูมิหลังเกี่ยวกับข้องกับกองทัพองครักษ์โดยตรง สามารถคว้าโอกาสนี้เพื่อแทรกผู้หญิงคนนี้เข้าไปอยู่ข้างกายฉู่จื่อซานและหาโอกาสเคลื่อนไหวดึงคนกลุ่มนี้มาเป็นพวกได้เลย เกรงว่าหกลัทธิคงจะอยากทำเรื่องนี้ใจจะขาด แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน หกลัทธิกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น แบบนี้หมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าคนที่วางหมากอยู่เบื้องหลังไม่ใช่แค่ไม่อยากให้หนิวโหย่วเต๋อมีภัยคุกคาม
ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้อวิ๋นจือชิวได้รับอันตรายด้วย! ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าคนที่วางหมากเรื่องนี้ทำแบบนี้ทำไม แต่ในเมื่อสามารถปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องใหญ่โตเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนี้แล้ว เจ้ายังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญยังไง? อาศัยอุบายการวางหมากสร้างสถานการณ์จองคนคนนั้น ก็มีความสามารถที่จะหยุดยั้งไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อทำแบบนี้ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย สร้างปัญหาที่ใหญ่ทะลุฟ้าแบบนี้ ปัญหาใหญ่นี้จะทำให้มีเรื่องยุ่งยากเข้ามาแทรกจนทำให้เรื่องนี้หลุดจากการควบคุมได้ง่าย สุดท้ายจะกลายเป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้ชัด รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าระหว่างนั้นมีความเสี่ยงมาก แต่ยังเตรียมตัวในด้านนี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้มีอย่างอื่นมารบกวน …ถ้าพูดไปเยอะขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่เข้าใจ ก็อย่าให้สิ่งที่วุ่นวายหลอกล่อให้เจ้าตาพร่าเลือน มองแก่นหลักของเรื่องไปเลย พอพูดเปิดโปงแล้วก็เรียบง่ายมาก เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เพราะหนิวโหย่วเต๋อกินอิ่มแล้วหาอะไรทำแก้เซ็งแน่นอน แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ เจ้ายังกล้าประเมินความสำคัญของผู้หญิงคนนี้น้อยไปอีกเหรอ?”
ถ้าไม่พูดเปิดโปง เว่ยซูก็ยังไม่เข้าใจเลยจจริงๆ พอเปิดเผยให้ฟังนิดหน่อย เว่ยซูก็เรียกได้ว่าร้องอ๋อ กุมหมัดคารวะโค้งตัวนานๆ “คำพูดเหล่านี้ของนายท่าน เว่ยซูได้รับประโยชน์ไม่น้อย ได้รับการสั่งสอนแล้ว” หลังจากยืนตรงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างแปลกใจว่า “ผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญขนาดนี้ นางมีเบื้องหลังยังไงกันแน่?”
“เหอะๆ!” เซี่ยโห้วท่าหัวเราะแบบแข็งๆ ก้าวเดินออกไปแล้วพูดทิ้งท้ายว่า “ข้ายังคาดการณ์ได้ไม่เท่าไร ค่อยๆ ดูไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเผยเบาะแสแน่ ไม่คุยแล้ว ข้าจะต้องเข้าราชสำนัก!”
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง
“ท่านพ่อคะ ช่วงนี้ลูกสาวได้ยินข่าวน่าประหลาดใจบางอย่างมา บอกว่าในโลกนี้มีต้นไม้เทพอยู่ชนิดหนึ่ง สามารถอยู่คู่กับฟ้าดินตลอดไปโดยไม่ผุสลาย มันถูกเรียกว่าไม้ไม่ผุ เติบโตอยู่ในทุ่งหิมะ ส่งกลิ่นหอมอัศจรรย์ ทั้งต้นเป็นสีขาวดุจหิมะ แม้แต่ใบก็เป็นสีขาว เส้นใยข้างในของมันเหมือนกับเส้นเลือดในร่างกายมนุษย์ ถ้าใครได้ดื่มโลหิตจากไม้ไม่ผุสักจอก ก็จะไม่มีวันผุสลายเหมือนต้นไม้ต้นนี้ ต่อให้เผารมควันนานๆ แต่ก็สามารถอ่อนเยาว์เหมือนเดิมอยู่ดี จริงหรือเปล่าคะ?”
เม่ยเหนียงกับเม่ยเอ๋อร์กำลังช่วยจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ก่วงลิ่งกงด้วยกัน ขณะที่เม่ยเอ๋อร์มือไม่ว่าง แต่ปากก็พูดเจื้อยแจ้วเช่นกัน สีหน้านางเต็มไปด้วยความกังวล
พอก่วงลิ่งกงเห็นท่าทางของลูกสาว ก็รู้แล้วว่าโดนล่อใจเพราะ ‘อ่อนเยาว์เหมือนเดิม’ ผู้หญิงก็มีรสนิยมแบบนี้ทั้งนั้น ก็ช่วยไม่ได้ เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวกลั้วหัวเราะ “เขาว่ากันอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็เป็นตำนานโบราณ พ่อเองก็ไม่เคยเห็น ต่อให้เจ้าอยากเห็นพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง”
เม่ยเอ๋อร์คล้องแขนเขาแล้วขอร้องทันที “ท่านพ่อ ท่านส่งคนไปค้นหาไม่ได้เหรอคะ?”
“นางหนูตัวแสบ!” เม่ยเหนียงใช้นิ้วจิ้มหน้าผากลูกสาว “ของที่ใฝ่ฝันได้แต่เอื้อมไม่ถึง จะให้ไปหามาจากไหนล่ะ? อย่าทำให้ท่านพ่อไปเข้าราชสำนักช้า”
เม่ยเอ๋อร์เบ้ปากแล้วถอยไปด้านข้าง ก่วงลิ่งกงเหลือบไปเห็นโกวเยว่ที่รออยู่นอกประตู ก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง จึงเอียงหน้ายิ้มให้ลูกสาว แล้วบอกเม่ยเหนียงว่าพอแล้ว ก่อนจะก้าวยาวเดินออกไป
โกวเยว่เดินตามหลังเขาลงจากบันได หลังจากเดินเข้าไปในลานบ้านด้วยกัน ก่วงลิ่งกงถึงได้ถามเสียงเรียบว่า “มีเรื่องอะไร?”
โกวเยว่รายงานว่า “ทางน่านฟ้าระกาติงเกิดเรื่องนิดหน่อยขอรับ หัวหน้าภาคฉู่จื่อซานของน่านฟ้าระกาติงรวมทั้งกำลังพลหมื่นกว่าของเขาถูกทัพใหญ่หลายหมื่นของกองทัพองครักษ์ล้อมโจมตีในเขตน่านฟ้าระกาติง ผู้ที่ขาดการติดต่อไปยังไม่มีข่าวมาเลย เกรงว่าจะตายหมดแล้ว!”
ก่วงลิ่งกงหยุดฝีเท้า แล้วหันขวับกลับมาพร้อมสายตาดุร้าย ถามเน้นย้ำว่า “เจ้าว่าอะไรนะ? กองทัพองครักษ์ฆ่าคนของข้าในอาณาเขตของข้าเหรอ?”
…………………………