พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1530 หน่วยกล้าตาย
พอคำว่า ‘ยิงธนู’ ถูกเอ่ยออกมา อย่าว่าแต่ทัพใหญ่หนึ่งล้านที่ตกตะลึง แม้แต่ทัพใหญ่ห้าหมื่นของกองมังกรดำเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ได้รับคำสั่งลับให้เตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว จึงปล่อยลูกธนูในมือออกไปในชั่วพริบตาเดียว
ปั้งๆๆๆ…
มีเสียงระเบิดที่สายธนู ลูกธนูคู่ที่วางอยู่บนสายธนูกลายเป็นลำแสงเกือบหนึ่งแสนสายยิงออกไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ระเบิดออกไปราวกับลำแสงหมื่นจั้ง เพื่อกำจัดมือธนูเกือบห้าหมื่นคนของฝ่ายตรงข้ามทิ้ง ฝ่ายนี้ไม่เสียดายที่จะยิงธนูออกไปพร้อมกัน
ทัพใหญ่หนึ่งล้านตกใจทันที พวกแม่ทัพเกราะม่วงที่เป็นหัวหน้าตกใจมาก ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่ากำลังพลห้าหมื่นที่ถูกทัพใหญ่หนึ่งล้านล้อมไว้จะกล้าลงมือก่อน
ตามหลักการแล้ว เมื่อภายใต้วงล้อมที่หนาแน่นแบบนี้ คนพวกนี้ต้องคิดว่าจะเอาชีวิตรอดอย่างไรสิถึงจะถูก ลงมือแบบนี้เท่ากับรนหาที่ตาย อีกฝ่ายดันลงมือก่อนเสียอย่างนั้น
“ยิงธนู” หัวหน้าขุนพลคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
ต่อให้ฝ่ายนี้จะยอมแลกเยอะกว่า แต่ก็ต้องลดกำลังของฝ่ายตรงข้ามให้เยอะๆ ให้ได้ กำลังพลแค่ไม่กี่หมื่น ต้านทานการรุกโจมตีของฝั่งนี้ไม่ไหวหรอก
ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่คุมเชิงกันอยู่อย่างนี้ กอปรกับระยะห่างที่ใกล้กัน ชั่วพริบตาเดียวลำแสงนับไม่ถ้วนก็มาถึงแล้ว ช้าไปก้าวเดียวก็อันตรายถึงชีวิต
ถึงแม้เขาจะออกคำสั่งไปแล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของทุกคนก็แทบจะยกโล่ออกมาต้านทานทั้งหมด โดยเฉพาะมือธนูที่เห็นว่าลำแสงกำลังพุ่งเข้ามาหาตัวเองโดยตรง แม้แต่ขุนพลที่ออกคำสั่งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ขณะที่ตะโกนสั่งก็หยิบโล่กำบังออกมาเช่นกัน
ทัพใหญ่หนึ่งล้านวุ่นวายไร้ระเบียบในชั่วพริบตาเดียว
ทว่าระยะห่างใกล้กันเกินไป ช่วงที่ฉุกละหุกก็ตอบสนองไม่ทันเลย หยิบโล่ออกมาแต่บังร่างตัวเองไม่ทัน มีคนไม่น้อยที่ร่างสะเทือน โดนยิงคว่ำคาที่ ร่วงระนาวลงมาราวกับสายฝน
“อา…อา…” เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย สิ่งนี้ยิ่งทำให้กระบวนทัพวุ่นวายหนักกว่าเดิม
หัวหน้าขุนพลที่อยู่ข้างหลังโล่ตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “ยิงธนู!”
แต่กลับไม่ได้ยินเสียงยิงธนูของฝั่งนี้ยิงธนู ทำให้แอบด่าในใจทันทีว่าคุณสมบัติในการออกรบของกำลังพลท่องถิ่นกับของกองทัพองครักษ์ต่างกันไม่ใช่น้อย พอเจียดเวลาไปมองดูสถานการณ์ก็ทำให้ท้อใจลงแล้วครึ่งหนึ่ง มือธนูนับหมื่นที่เผยตัวอยู่ข่างหน้าร่วงลงมาเป็นแถบๆ แทบจะฉิบหายวายวอดหมดแล้ว
ฉากนี้ทำให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด ถ้ายังไม่เข้าใจว่าการที่อีกฝ่ายถ่วงเวลาก่อนหน้านี้ก็เพื่อจะวางแผน เช่นนั้นก็เสียแรงแล้วที่ใช้ชีวิตมาหลายปี เพียงแต่การโจมตีระลอกแลกก็ทำให้มือธนูฝ่ายตัวเองแทบจะตายหมดแล้ว ก่อนโจมตีไม่มีทางที่จะเล็งจุดที่จะกำจัดได้แม่นยำขนาดนี้ เพราะต้องใช้เวลาในการแบ่งเป้าหมายโจมตี สิ่งนี้อธิบายได้ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะประนีประนอมมาตั้งแต่แรก เตรียมตัวจะรุกโจมตีมาตลอด แล้วตัวเองก็ดันมั่นใจในชัยชนะราวกับคนโง่
ไอ้บ้า! ในหัวเขามีคำสองคำผุดขึ้นมา อยากจะรู้จริงๆ ว่าหัวหน้าที่บัญชาการรบของฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร ไม่น่าเชื่อว่ากล้ารุกโจมตีก่อนเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้
จู่ๆ ก็เห็นลำแสงนับไม่ถ้วนยิงเข้ามา เดิมทีก็นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีเช่นกัน ตอนนี้ถึงได้พบว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือมือธนู ตอนนี้เขาโผล่หัวจากหลังโล่ออกมาตะโกนทันทีว่า “ฆ่า!”
ขณะที่กระบวนทัพหนึ่งล้านที่ถือมีโล่ราวกับป่ารีบพุ่งโจมตี เขาก็พบว่ายังมีมือธนูรอดชีวิตอยู่ จึงตะโกรเสริมอีกครั้งว่ “กำจัดมือทิ้งก่อน!”
“ยิงธนู!” เหมียวอี้โบกทวนตะโกน
เฟี้ยวๆๆ! ลูกธนูดาวตกดอกที่สามบนสายธนูกลายเป็นลำแสงนับหมื่นยิงออกไปทั่วสารทิศอีกครั้ง เป้าหมายของฝ่ายนี้ก็คือกำจัดผู้นำของฝ่ายตรงข้าม ลูกธนูเกือบห้าสิบดอกเปลี่ยนไปโจมตีแม่ทัพเกราะม่วงของฝ่ายตรงข้าม
เมื่อฝนธนูของใงนี้ถูกปล่อยออกไป ฝั่งนั้นก็รีบยกโล่ขึ้นมาบัง
ขณะเดียวกัน ในแนวรบของฝ่ายตรงข้ามก็มีลำแสงนับร้อยยิงรวมมายังตำแหน่งเหมียวอี้กับมู่อวี่เหลียน กำลังพลทัพกลางที่ล้อมพิทักษ์รอบมู่อวี่เหลียนล่วงหน้าแล้วถือโอกาสยกโล่ขึ้นมากำบัง เดิมทีหน้าที่ของทัพกลางก็คือปกป้องผู้บัญชาการรบ
ทว่าภายใต้การโจมตีของลูกธนูดาวตกนับร้อยที่ยิงรวมมาที่จุดเดียว ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โล่ของทัพกลางก็ฉีกขาดเป็นรูหนึ่งรู ทะลุแนวป้องกันสามชั้นต่อเนื่องกัน เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องสิบกว่าครั้ง กำลังพลกองมังกรดำสิบกว่าคนโดนยิงสังหารตายคาที่ ผู้ได้รับบาดเจ็บก็มีสิบกว่าคนเช่นกัน นี่ยังดีที่ฝ่ายนี้เตรียมตัวได้ยอดเยี่ยมมาก โล่ล้วนทำมาจากผลึกแดงทั้งหมด
ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น โล่ผลึกม่วงและผลึกทองที่ปกป้องพวกแม่ทัพเกราะม่วงโดนลูกธนูดาวตกยิงทะลุโดยตรง ทำให้คนข้างหลังโล่โดนยิงสังหาร องครักษ์ข้างกายแม่ทัพเกราะม่วงพวกนั้นล้วนมีโล่ผลึกแดง ต้านทานการโจมตีไว้ได้
แต่ก็มีแม่ทัพเกราะม่วงเกือบร้อยคนที่ป้องกันไม่ดีเพราะฉุกละหุก บ้างก็โดนยิงตายคาที่ บ้างก็โดนอานุภาพของลูกธนูดาวตกทำให้สะเทือนบาดเจ็บ
ส่วนทหารคุ้มกันที่โดนยิงตายก็มีจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นคนแล้ว
เมื่อเห็นพี่น้องข้างกายตัวเองโดนยิงตาย มู่อวี่เหลียนก็รีบออกคำสั่ง “ธงอินทรีฟ้า กำจัดมือธนูของฝ่ายตรงข้าม!”
“ธงหมาป่าฟ้า! กำจัดมือธนูของฝ่ายตรงข้าม!” ผู้บัญชาการธงอินทรีฟ้ารีบตะโกนสั่ง
ลูกธนูดาวตกเกือบหมื่นดอกลอยกลับมา กำลังพลในแนวรบของกองมังกรดำรีบโบกมือคว้ากลับคืนมา ดอกหนึ่งคาบไว้ที่ปาก อีกดอกง้างบนสายแล้วยิงออกไปอย่างฉับพลัน ยิงฝนธนูรวมไปยังแม่ทัพเกราะม่วงพวกนั้นต่อไป
ส่วนผู้ช่วยผู้บัญชาการธงหมาป่าฟ้าใต้สังกัดธงอินทรีฟ้าที่ได้รับคำสั่งจากมู่อวี่เหลียนก็รีบวางกำลังโจมตีใหม่อีกครั้ง บัญชาการลูกน้องห้าร้อยกว่าคนให้โจมตีรวมไปยังมือธนูของฝ่ายตรงข้าม พวกมือธนูฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีการคุ้มกันที่แน่นหนาเหมือนพวกแม่ทัพ ภายใต้การยิงโจมตีรวมไปที่จุดเดียว ฝนธนูเพียงหนึ่งระลอกก็กำจัดมือธนูฝ่ายตรงข้ามได้หมดแล้ว
พวกแม่ทัพเกราะม่วงของน่านฟ้าระกาติงก็ตระหนักได้เช่นกันว่าตัวเองกลายเป็นเป้าหมายในการสังหารอันดับแรก พวกเขาเพิ่มเกราะป้องกันเข้ามาไม่หยุด ภายใต้เสียงกรีดร้องที่ดังต่อเนื่อง แม่ทัพเกราะม่วงพวกนี้โดนโจมตีจนไม่กล้าโผล่หัวออกมา
ภายใต้การโจมตีหลายระลอก ทางฝั่งกองมังกรดำ นอกจากกำลังพลทัพกลางของมู่อวี่เหลียนที่ตายไปเกือบร้อยคน ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย กลับเป็นทัพใหญ่หนึ่งล้านที่เสียหายยับเยินเพราะลืมสังเกตไปชั่วขณะจนเสียเปรียบ ท่ามกลางการโจมตีด้วยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งของกองมังกรดำ ฝนธนูหลายระลอกทำให้ความเสียหายของฝ่ายตรงข้ามสูงถึงสองแสนกว่าคน
ศพที่ร่วงอยู่บนพื้นเรียกได้ว่าเกลื่อนกลาด ในจำนวนนั้นยังมีไม่น้อยที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวด
จะมัวทนโดนโจมตีแบบนี้ต่อไปได้ยังไง! หัวหน้าขุนพลน่านฟ้าระกาติงที่หลบอยู่หลังโล่หลายชั้นตะคอกอย่างโมโหว่า “พวกเรามีกันเป็นล้าน จะกลัวธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แค่ไม่กี่หมื่นทำไม ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของพวกเขายิงได้ไม่กี่ดอกก็สิ้นเปลืองพลังงานแล้ว! ทุกคนฟังคำสั่ง ใช้โล่ล้อมไว้แล้วดันเข้าไป คนที่บุกเข้าไปในแนวรบฝ่ายศัตรูก่อน ข้าจะตบรางวัลอย่างงาม! ใครหนีทัพฆ่าไม่ละเว้น! เถี่ยอู๋ซิน เจ้านำทัพไปเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของคนฝ่ายเรา พอได้มาแล้วก็ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตีทันที ข้าจะคอยดูว่าพวกเขาจะหนีไปไหนได้! ที่เหลือฟังคำสั่งข้า บุกพร้อมกัน ฆ่า!”
พอได้ยินอีกฝ่ายออกคำสั่งแบบนั้น ฝั่งกองมังกรดำก็มีคนไม่น้อยที่สีหน้าเปลี่ยนไปมาก ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์คืนมา จำนวนการยิงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝั่งนี้ถึงแม้ก่อนหน้าจะปรับปรุงเสริมกำลังไว้เต็มที่แล้ว แต่ตอนนี้ลูกธนูสิบห้าดอกก็ยิงออกไปห้าครั้งแล้ว จะต้านทานการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร
เหมียวอี้ที่สีหน้าดุร้ายหันขวับไปมองมู่อวี่เหลียน “มู่อวี่เหลียน เจ้ามีหน้าที่บัญชาการ นักพรตบงกชรุ้งธงพยัคฆ์น้ำเงินมารวมตัวที่ข้า!”
ในทัพใหญ่หลายหมื่นมีนักพรตบงกชรุ้งนึ่งร้อยสามคนโผล่ออกอย่างรวดเร็ว เหาะไปอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง โยนอาวุธและเกราะรบผลึกแดงหลายร้อยชุดให้ร้อยกว่าคนที่ติดตามมา นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเซียนซิงหัวอีกหนึ่งกอง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาค่อยๆ นับแบ่งกัน ทำแบบนั้นไม่ทันแล้ว ขณะที่โยนของออกมา ก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ทัพใหญ่หนึ่งล้านไม่โหดพอให้กลัวหรอก! ในปีนั้นหนิวบุกเดี่ยวฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านสามรอบ ราวกับเข้าสู่ดินแดนที่ไร้คน แถมตอนนี้ยังมีนักรบห้าวหาญร้อยกว่าคนคอยช่วยเหลือ! ทุกคนกล้าเป็นพี่น้องร่วมสู้รบร่วมเป็นร่วมตายกับหนิวรึเปล่า อยากจะมีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้าไปกับหนิวรึเปล่า!”
ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าทัพใหญ่หนึ่งล้านในปีนั้นที่เหมียวอี้เอ่ยถึงจะเป็นพวกฝีมืออ่อนด้อย ไม่สามารถเทียบกับทหารประจำการที่ปรับปรุงกองทหารใหม่ตรงหน้าได้ แต่ก็ถูกคำพูดของเขากระตุ้นให้ฮึกเหิมอยู่ดี พวกเขาก็รู้เช่นกัน เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าแพ้ขึ้นมาก็รอดยาก มีแต่ต้องสู้ตายสักตั้ง!
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” ร้อยคนส่งเสียงพร้อมกัน
เหมียวอี้พลันหันขวับไปมองสี่ด้าน ทัพใหญ่ที่ล้อมไว้จัดกระบวนทัพแบบโล่กำบังต้านฝนธนูประชิดเข้ามาแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นกองทัพองครักษ์รุกโจมตีเข้ามา เกรงว่าฝั่งนี้คงจะโดนโจมตีพังไปแล้ว เพราะกำลังพลท้องถิ่นมีพวกอ่อนด้อยเยอะเกินไป ไม่มีใครอยากพุ่งมาเสี่ยงตายอยู่ข้างหน้า ต่างก็อยากจะให้คนอื่นพุ่งเข้าไปรับลูกธนูดาวตกของฝ่ายศัตรูแทน
มู่อวี่เหลียนดึงกำลังพลอีกหนึ่งหมื่นไปรับมือกับคนที่เก็บคันธนูและสายธนูโดยเฉพาะ โจมตีคนที่เก็บธนูจนถอยไปสามระลอกแล้ว
ยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤติ เวลานี้จะเห็นความแตกต่างระหว่างกองทัพองครักษ์กับกำลังพลท้องถิ่นได้มากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายขนาดนี้ แนวรบฝั่งนี้ไม่เสียระเบียบเลยสักนิด
สถานการณ์อันตรายอยู่ตรงหน้า เหมียวอี้รีบบอกมู่อวี่เหลียนว่า “รอจนข้าสังหารฝ่าออกไปแล้ว สั่งให้ทัพใหญ่ขับเข้าไปแย่งชิงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายศัตรูที่อยู่บนพื้น ต้องทำสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว!” จากนั้นก็หันไปตะโกนบอกร้อยกว่าคนที่ถือทวนว่า “วันนี้มีเพียงสู้ตายเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่มีหนทางอื่น! หนิวยินดีเป็น ‘หน่วยกล้าตาย’ โจมตีนำไปก่อน ทุกคนจะมีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้าก็วันนี้แหละ ตามข้าไปสังหาร!” พูดจบก็กำสมุนไพรเซียนซิงหัวยัดปากแล้วเคี้ยวอย่างตะกละมูมมาม แล้วพุ่งนำออกไป
“นายท่าน!” มู่อวี่เหลียนอุทานตกใจ นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะเอาตัวพุ่งไปอยู่หน้าสุด
คนหนึ่งร้อยสามคนนั่นก็คว้าสมุนไพรเซียนซิงหัวยัดเข้าปากเช่นกัน จากนั้นก็ดึงอาวุธผลึกแดงและเกราะรบที่เหมาะมือตามเหมียวอี้พุ่งออกไป ไม่สนใจแล้วว่าเกราะรบจะพอดีตัวหรือไม่ ตอนนี้ใช่เวลามาพิถีพิถันเรื่องนี้เสียที่ไหนกัน ขณะที่เหาะก็สวมใส่อย่างรวดเร็ว
กองกำลังหนึ่งร้อยมีเหมียวอี้เป็นผู้นำ พุ่งสังหารไปทางกระบวนทัพฝ่ายศัตรู เป้าหมายก็คือหัวหน้าฝ่ายศัตรูที่หลบอยู่ในการคุ้มกันหลายชั้น
ภาพนี้ฉากนี้ทำให้ทุกคนของกองมังกรดำตกตะลึงในใจ ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
“ดันเข้าไป!” มู่อวี่เหลียนโบกทวนตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
กำลังพลหลายหมื่นใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ยิงเบิกทางไปตรงจุดที่เหมียวอี้พุ่งสังหารเข้าไป ดันทุรังพุ่งใส่ทัพใหญ่ที่กดดันเข้ามาตรงหน้า
เมื่อเห็นขุนพลหลักของฝ่ายศัตรูแบ่งกลุ่มเล็กๆ พุ่งเข้ามา ลูกธนูดาวตกก็ไม่โจมตีมาทางนี้อีก กอปรกับเห็นตรงหว่างคิ้วเหมียวอี้มีเพียงวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นหนึ่ง หัวหน้าขุนพลน่านฟ้าระกาติงฮึกเหิมทันที เพราะเขามีวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นห้า จึงโบกดาบตะโกนทันที “พี่น้องหน่วยองครักษ์ขวา ตามข้าไปสังหารโจร!”
เขาบุกนำไปคนแรก ซ้ายขวาตามด้วยแม่ทัพอีกหลายคน ข้างหลังมีกำลังพลหนึ่งหมื่นสังหารตามมาด้วย
“หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว! ใครขวางข้า ตาย!” ชั่วพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายประจัญบานกัน เหมียวอี้ก็ตะโกนบอกสิ่งที่น่าตกใจอย่างเกรี้ยวกราด สุดท้ายก็ประกาศชื่อของตัวเองแล้ว
หนิวโหย่วเต๋อ! เมื่อประกาศชื่อนี้ออกมา ทุกคนของน่านฟ้าระกาติงก็พากันตระหนกตกใจ เป็นหนิวโหย่วเต๋อที่เคยบุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านสามรอบที่แดนอเวจีเหรอ
ถ้าคนคนนี้คือหนิวโหย่วเต๋อจริง อย่าบอกนะว่าจะแสดงฉากลุยเดี่ยวบุกสังหารฝ่าเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้านอีกแล้ว
…………………………