พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1532 ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเก็บเลย!
การตะลุมบอนใส่กันจำนวนมากแบบนี้ ระดับบงกชทองขั้นหนึ่งสองสามสี่อะไรนั่นล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม บงกชทองขั้นหนึ่งอาจจะต้านทานการโจมตีจากนักพรตบงกชทองขั้นเก้าไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแม้แต่พลังอิทธิฤทธิ์ที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาสู่ภายนอกก็ต้านไม่ไหวด้วย ทั้งสองฝ่ายมีคุณสมบัติพื้นฐานในการตะลุมบอนกัน ถ้านักพรตบงกชทองขั้นเก้าโดนดาบใหญ่ของนักพรตบงกชทองขั้นหนึ่งฟันก็ตายอยู่ดี ในกระบวนทัพสู้รบที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ ทุกที่มีแต่ศัตรู เมื่อตกอยู่ท่ามกลางทะเลฝูงชนแล้ว ทุกที่ล้วนมีดาบมีทวนฟันแทงเข้ามา สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อฟันคนที่พุ่งเข้ามาสังหาร พลังสูงกว่าหนึ่งระดับหรือหลายขั้นอะไรนั่นยามสู้กันตัวต่อตัว เมื่ออยู่ที่นี่ก็ล้วนเป็นสิ่งจอมปลอมทั้งนั้น การมีทักษะต้านทานดาบทวนที่สังหารเข้ามาไม่หยุด หรือการฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ตายได้ก่อนต่างหากถึงจะเป็นของจริง
นักพรตบงกชรุ้งที่สูงกว่าหนึ่งระดับ เมื่ออยู่ท่ามกลางการตะลุมบอนขนาดใหญ่แบบนี้ก็ย่อมมีบทบาทสำคัญอยู่แล้ว คนที่โจมตีเข้ามายากจะต้านทานการโจมตีของเขาได้ ส่วนการโจมตีของเขา ฝ่ายตรงข้ามก็ทนรับไม่ไหวเช่นกัน เป็นอาวุธที่ได้เปรียบในการสังหารกันในทัพใหญ่จริงๆ
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ยามที่นักพรตบงกชรุ้งตกอยู่ในกระบวนทัพสู้รบขนาดใหญ่ ศักยภาพก็ลดลงเยอะเช่นกัน ยามปกติถ้ามีพลังอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งก็สามารถเอาชนะนักพรตบงกชทองได้ง่าย แต่ที่นี่พลังอิทธิฤทธิ์ที่ปล่อยออกมาจากนักพรตบงกชทองจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้พลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดอยู่ในกระบวนทัพสู้รบรวมตัวกันเหมือนคลื่นยักษ์ พลังอิทธิฤทธิ์ที่ปล่อยจากนักพรตบงกชรุ้งก็จะแตกสลายได้ง่ายมาก ตอนอยู่ใกล้ยังแสดงศักยภาพได้ไม่น้อย แต่เมื่อใช้พลังอิทธิฤทธิ์ไกลๆ ก็ไม่แสดงอานุภาพอะไรเลย จะโดนพลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดอยู่ทั่วทุกที่กลืนไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังอิทธิฤทธิ์บนสนามรบอันกว้างใหญ่
ก็เหมือนน้ำหมึกหนึ่งถ้วยที่ย้อมน้ำใสหนึ่งอ่างได้ แต่ถ้าเอาน้ำหมึกหนึ่งถ้วยเทลงทะเลก็ไม่ได้ผลอะไรทั้งนั้น
ในการต่อสู้แบบตะลุมบอนที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ พลังของทุกคนแทบจะโดนดึงให้อยู่ระดับเดียวกัน การสู้รบของนักพรตภายใต้มาตรฐานนี้ ที่จริงก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาหรอก แต่แน่นอนว่ามนุษย์ธรรมดาเทียบกับระดับนี้ไม่ติด นักพรตบงกชขาว บงกชเขียว บงกชแดงที่บุกเข้ามาในกระบวนทัพสู้รบนี้ บางทีอาจจะโดนพลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดฉีกร่างแหลกก็ได้ ต่อให้เป็นนักพรตบงกชม่วงบุกเข้ามาก็อาจจะรับไม่ไหว
นักพรตบงกชทองขั้นเจ็ดคนหนึ่งใช้ดาบฟันคนคนหนึ่งจนตาย แต่จู่ๆ ข้างกายก็มีทวนยาวนับไม่ถ้วนแทงเข้ามา กักแขนที่ถือดาบของเขาเอาไว้ กักเอาไว้แน่นหนาแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของเขาสูงกว่าคนที่ล้อมโจมตีไม่ใช่น้อยๆ พอสะบัดแขนข้างที่โดนกัก ก็ทำให้ทวนยาวที่กักแขนตัวเองไว้สะเทือนจนกระเด็นออกไปหมดในทันที หลายคนที่ล้อมโจมตีสะเทือนจนโซเซถอยหลังออกไปพร้อมกัน แต่ใครจะคิดว่านักพรตบงกชทองขั้นหนึ่งคนหนึ่งจะฉวยโอกาสตอนที่เขาสะบัดแขนแทงทวนเข้ามา แทงเข้ามาในลำคอของเขาอย่างแรง นักพรตบงกชทองขั้นเจ็ดเลือดออกปากออกจมูก ถลึงตาสองข้าง นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะตายด้วยมือนักพรตบงกชทองขั้นหนึ่ง มือของเขาพยายามคว้าด้ามทวนที่กำลังแทงลำคอ แต่ด้านข้างก็มีแสงสะท้อนคมดาบแวบผ่าน มีนักพรตบงกชทองขั้นหนึ่งอีกคนโผเข้ามา ใช้ดาบตัดหัวเขาปลิวจนเลือดร้อนๆ สาดกระจาย
“ฆ่า!”
“ไปตายซะ!”
เสียงตะโกนฆ่าดังไม่หยุด เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไม่ขาดหู เลือดเนื้อปลิวกระจาย แขนขาขาดปลิวว่อน ศีรษะคนกลิ้งเกลื่อน
เมื่อลงสนามรบแล้วไม่มีแบ่งแยกชายหญิง มีแค่คนเป็นกับคนตายเท่านั้น มีเพียงการสังหารที่ไม่หยุดหย่อน!
คนที่บอกว่ากลัวตายหรือไม่กลัวตาย พอเข้ามาอยู่ในการตะลุมบอนขนาดใหญ่แบบนี้ ก็สามารถฆ่าคนจนตาแดงได้ทันที การสู้รบของสองฝ่ายตกสู่สภาวะเดือดในชั่วพริบตาเดียว
“ธงหมาป่าดิน อ้อมกลับมาทางขวาข้างหลัง มาต่อหาง!” คนที่รับหน้าที่บัญชาการธงอินทรีขาวชั่วคราวยืนโบกทวนบัญชาการอยู่ภายใต้ธงอินทรีขาว
“ฆ่า!” ใต้ธงหมาป่าดินมีคนเลี้ยวโจมตีไปทางขวาพร้อมเสียงตะโกนฆ่าดังเป็นแถบ ทุกที่มีแต่คนเต็มไปหมด กำลังพลธงหมาป่าดินสังหารจนแยกแยะทิศทางไม่ออก ได้แต่ตามติดไปยังทิศทางที่ผืนธงหมาป่าดินปลิวสะบัดแล้วพุ่งสังหาร เวลานี้หัวสมองไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ทหารเลวที่อยู่ระดับล่างคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ตามติดผืนธงรบแล้วพุ่งสังหารอย่างสุดชีวิตก็ถือว่าทำถูกแล้ว แบบนี้ถึงจะเป็นวิธีปกป้องชีวิตตัวเองที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าตกขบวนขึ้นมาก็ตายสถานเดียว เพราะไม่มีใครรอเจ้า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดรอเจ้าคนเดียว
ในตอนนี้พลังรบอันแข็งแกร่งของกองทัพองครักษ์ที่เหนือกว่าทัพใหญ่ท้องถิ่นได้แสดงออกมาทันที อยู่ในสนามรบมาเนิ่นนาน ประกอบกับฝึกฝนจนชำนาญ สามารถเสริมจุดที่บกพร่องได้ในทันที รุกถอยอย่างมีแบบแผน ตรงจุดที่ธงรบชี้ไป ก็ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายแล้ว!
ทั้งระดับบนระดับล่างของกองมังกรดำ อิงผืนธงพยัคฆ์น้ำเงินเป็นหลักในการบอกทิศทางรุกโจมตี ธงอินทรีที่อยู่ใต้ธงพยัคฆ์เป็นกำลังหลักในการรุกโจมตี ธงหมาป่าที่อยู่ใต้ธงอินทรีกำลังเข่นฆ่าอยู่ภายใต้การบัญชาการ กองกำลังประมาณห้าร้อยคนจัดกระบวนทัพเข่นฆ่าอยู่ภายใต้ธงหมาป่า
ปกติในใต้หล้าสงบสุขเกินไป กำลังพลที่เฝ้าประจำท้องถิ่นขาดประสบการณ์ในการสู้รบขนาดใหญ่ ไม่อาจเทียบกับกองทัพองครักษ์ได้ การจัดรูปทัพฝึกฝนแบบที่ทำกันยามปกติยากที่จะก่อให้เกิดพลังรบที่มีประสิทธิภาพได้ เมื่อเจอกำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินพุ่งใส่ก็จะวุ่นวายไร้ระเบียบได้ง่าย พอวุ่นวายขึ้นมาก็โดนกำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินรวมตัวกันพุ่งสังหาร
ที่น่านฟ้าระกาติงมีคนไม่น้อยรับรู้ถึงพลังรบอันแข็งแกร่งของกองทัพองครักษ์อย่างแท้จริงแล้ว ตัวเลขคนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ แต่กำลังพลน่านฟ้าระกาติงก็เยอะเกินไปจริงๆ จำนวนคนบาดเจ็บล้มตายของกองทัพองครักษ์ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ฝ่ายน่านฟ้าระกาติงมีกำลังพลไม่น้อยที่มาจากกองทัพองครักษ์ พอได้เห็นเหตุการณ์การปะทะกันซึ่งๆ หน้า ก็เข้าใจแล้วว่าความร้ายกาจอยู่ตรงไหน พวกเขาจะต้องโจมตีให้การบัญชาการอันทรงประสิทธิภาพของธงพยัคฆ์น้ำเงินปั่นป่วน ถึงจะลดความเสียหายฝั่งตัวเองได้ ถึงจะอาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนคนกำจัดธงพยัคฆ์น้ำเงินได้
นายพลหนึ่งในนั้นโบกทวนตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวทันที “รวบรวมกำลัง ประหารนายพลแล้วแย่งธง!”
ขณะเดียวกันก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนบอกกำลังพลที่แบ่งกลุ่มกระจายตัวอยู่รอบๆ “ทัพฝ่ายศัตรูอยู่ในวงล้อมหนาแน่น หนีรอดได้ยาก เป็นโอกาสดีในการกวาดล้าง ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก!” พอพูดจบ ก็นำกำลังพลของตัวเองโจมตีไปทางมู่อวี่เหลียนที่อยู่ใต้ผืนธงพยัคฆ์น้ำเงินก่อน
กำลังพลที่จับกลุ่มกระจายตัวอยู่รอบด้านดีใจทันที ก่อนหน้านี้กลัวว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของธงพยัคฆ์น้ำเงินจะโจมตี นึกไม่ถึงว่าธงพยัคฆ์น้ำเงินจะละทิ้งความได้เปรียบของธนูแล้วดันทุรังพุ่งเข้ามาอยู่ในสถานการณ์การรบที่พวกเขาเฝ้าหวัง แค่นี้ก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!
“ฆ่า!” นายพลคนหนึ่งที่รวบรวมกำลังพลได้ตะโกน แล้วนำกำลังพลหลายหมื่นบุกสังหารเข้ามา
“ฆ่า!” แม่ทัพที่รวบรวมกำลังพลที่อยู่กระจัดกระจายทยอยกันออกคำสั่งให้พุ่งเข้ามา
ทัพใหญ่หลายหมื่นของกองมังกรดำกำลังตกอยู่ในอันตราย!
เหมียวอี้ที่ไล่สังหารอยู่บนฟ้าสองตาแทบจะถลน ข้างล่างมีมู่อวี่เหลียนคนเดียวที่เป็นนักพรตบงกชรุ้ง จะต้านทานการรุกโจมตีจากนักพรตบงกชรุ้งมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร พอธงรบล้มลง กำลังพลกองมังกรดำที่ปั่นป่วนจะรวมตัวกันรุกโจมตีให้ได้ผลได้อย่างไร ยามเผชิญกำลังทหารล้อมปราบหนาแน่นขนาดนี้ จะต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แน่
“ฆ่า!” เหมียวอี้ตะโกนอย่างดุดัน รีบหยุดไล่สังหารทันที แล้วนำทหารกล้าประมาณร้อยคนสังหารกลับไปยังกระบวนทัพสู้รบขนาดใหญ่
มู่อวี่เหลียนที่ดันทุรังสู้กับนักพรตบงกชรุ้งสามคนแทบจะประคับประคองไม่ไหวแล้ว หางตาเหลือบไปเห็นพวกเหมียวอี้สังหารกลับมา ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ตื้นตันใจแทบแย่
นางรู้ว่าตอนนี้ธงพยัคฆ์น้ำเงินล่อกำลังหลักของกองทัพฝ่ายศัตรูเอาไว้หมดแล้ว ข้างล่างมีศพนับแสน ไม่สามารถหาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้รวดเร็วราบรื่นขนาดนั้น พวกเหมียวอี้กำลังหาโอกาสเอาตัวรอดออกไปได้ แต่ใครจะคิดว่าพวกเหมียวอี้จะยังไม่ไป ดันพุ่งกลับมาหานาง
ถ้าไม่หนีไปตอนนี้แล้วจะรอตอนไหน กำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินมีจำนวนจำกัด พัวพันกับศัตรูและการรบแบบตะลุมบอนมากเกินไปไม่ไหว การที่พวกเหมียวอี้สังหารกลับมาก็เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้อยู่ดี ถ้าให้ศัตรูที่เหลือเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กลับไป ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นแล้ว
มู่อวี่เหลียนตะโกนเสียงดังอย่างเศร้าโศกทันที “พวกเราจะล่อศัตรูไว้ นายท่านรีบหนีไป เก็บร่างกายที่มีประโยชน์เอาไว้ล้างแค้นให้พี่น้องธงพยัคฆ์น้ำเงินเถอะ!”
ธงพยัคฆ์น้ำเงินทางฝั่งนี้มีคนมากมายรู้ว่าตัวเองจะไม่รอด มีคนไม่น้อยตะโกนเสียงดังด้วยน้ำตาคลอเบ้า “พวกเราจะล่อศัตรูไว้ นายท่านรีบหนีไป เก็บร่างกายที่มีประโยชน์ไว้ล้างแค้นให้พี่น้องธงพยัคฆ์น้ำเงิน!”
คนมากมายที่กำลังตะโกนประโยคนี้สร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเองสู้ตาย บางคนยังตะโกนไม่ทันจบประโยคก็โดนฟันหัวขาดแล้ว
เหมียวอี้ที่พุ่งเข้ามาไม่ได้พาคนหนีไป ในขณะที่แววตาวูบไหวอย่างร้อนใจ จู่ๆ ก็ยกมือหยุดลูกน้องร้อยคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วหันกลับมาตะโกนสั่งว่า “ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กำจัดนายพลของฝ่ายตรงข้าม!”
เขาเองก็คว้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาก่อน วางลูกธนูดอกหนึ่งบนสาย แล้วยิงออกไปพร้อมเสียงระเบิดดังปั้ง ลำแสงสายหนึ่งยิงพุ่งออกไป
แกร๊ง! นักพรตบงกชรุ้งสามคนกำลังร่วมมือกันโจมตีมู่อวี่เหลียนจนนางแทบจะไม่เหลือแรงต้าน หนึ่งในนั้นเพิ่งหันหน้ามาแต่ก็ล้มลงพื้นแล้ว จากนั้นก็มีคนใช้ลูกธนูดาวตกลอบโจมตี โชคดีที่เกราะรบผลึกแดงบนตัวยังต้านทานไหว แต่กลับสะเทือนจนกระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
อีกสองคนหันกลับมาอย่างตกตะลึงพรึงเพริด แต่กลับเห็นลำแสงหลายสายยิงรวมกันเข้ามา ตอนนี้อยากจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว สะเทือนจนกระอักเลือดเหมือนกับคนก่อนหน้านี้ แล้วชั่วพริบตาเดียวก็ถูกทัพกลางที่อยู่ข้างกายมู่อวี่เหลียนกลบมิด สิ้นชีพอยู่ภายใต้ดาบและทวนที่โจมตีปนกันมั่ว
พวกเหมียวอี้อยู่บนฟ้าที่สูงกว่านั้น ยิงธนูลงไปทั้งสี่ทิศอย่างต่อเนื่องกัน สังหารนักพรตบงกชรุ้งที่กำลังสู้กับกำลังพลฝ่ายตัวเองโดยเฉพาะ ต่อให้ฆ่าไม่ตายแต่ทำให้บาดเจ็บสาหัสก็ยังดี เดี๋ยวก็มีคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินพุ่งเข้าไปใช้ดาบใช้ทวนฟันแทงให้ตายเอง
เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน บรรดานายพลน่านฟ้าระกาติงที่กำลังเข่นฆ่าอย่างดุเดือดถูกสังหารจนทำอะไรไม่ถูก ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็โดนฆ่าตายไปสี่ร้อยกว่าคนแล้ว
ตอนหลังถ้าอยากให้เกิดการจู่โจมที่ได้ผลดีอีกก็ยากแล้ว เพราะนายพลน่านฟ้าระกาติงหลายร้อยที่เหลืออยู่มีการเตรียมตัว ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายทยอยกันยกโล่ขึ้นมาปกป้อง ลูกธนูดาวตกที่ยิงกระจายมีอานุภาพไม่พอ ไม่สามารถก่อให้เกิดผลในการสังหารได้
แต่ผลของการยิงสังหารรอบนี้ยังลดแรงกดดันของธงพยัคฆ์น้ำเงินได้เยอะมาก อย่างน้อยก็ข่มนายพลพวกนั้นให้ไม่กล้าโผล่หัวมาลงมืออีก ธงอินทรีกับธงหมาป่าที่ล้มอยู่ใต้ธงพยัคฆ์น้ำเงินมีคนโจมตีออกมาอีกครั้ง
“ฝั่งนี้มีคนพอแล้ว แบ่งกำลังพลส่วนหนึ่งตามข้าไปเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!” นายพลคนหนึ่งของน่านฟ้าระกาติงตะเบ็งเสียงสั่ง แล้วนำคนพุ่งไปที่พื้นดิน
เมื่อเห็นว่าการลอบโจมตีไม่มีผลแล้ว และเห็นว่ากำลังพลอีกส่วนมุ่งไปบนพื้น เหมียวอี้ก็หันกลับมาตะโกนสั่งว่า “สิบคนตามข้ามา ที่เหลือรีบกลับไปปกป้องแต่ละธง!”
สิบคนที่เขาเลือกพุ่งไปที่พื้นดิน ส่วนอีกเก้าสิบกว่าคนที่เหลือทยอยกันไปช่วยกำลังพลธงของตัวเองรบต่อสู้
“หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว ใครกล้าขวางข้า!” เหมียวอี้ที่นำคนสิบคนพุ่งเฉียงลงมาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
กลุ่มคนที่พุ่งสังหารอยู่ข้างล่างเห็นแล้วตกใจมาก กำลังตะลุมบอนกันอุตลุต จะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหมียวอี้นำคนสังหารจนเกิดเป็นช่องโหว่แล้วทะลุผ่านออกไปโดยตรง
พอสังหารฝ่าออกมาจากทัพใหญ่ แล้วเห็นกำลังพลน่านฟ้าระกาติงกลุ่มนั้นพุ่งไปที่พื้น แววตาเหมียวอี้ก็วูบไหว ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ทันใดนั้นก็แหกปากตะโกนว่า “เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!” ขณะที่พูดแบบนั้น ตัวเองก็ชูธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง
“นายท่าน ไม่มีประโยชน์ ต้านไม่ไหวแล้ว!” คนที่อยู่ข้างๆ ตะโกนบอก
“ใครบอกว่าต้านไม่ไหวแล้ว!” เหมียวอี้ตะคอก
ปั้ง! ธนูถูกยิงออกไปแล้ว ไม่เห็นว่ายิงใคร แต่กลับเห็นลำแสงยิงตรงไปที่พื้นดิน
โครม! ภูเขาถล่มแผ่นดินแยก ฝุ่นดินตลบอบอวล พวกศพที่เกลื่อนพื้นโดนดินพลิกกลบฝังในชั่วพริบตาเดียว
ลูกน้องสิบคนตาเป็นประกายทันที เข้าใจเจตนาของเหมียวอี้แล้ว พวกเขาพากันง้างสายธนู แล้วยิงลงไปยังศพที่กระจายอยู่ข้างล่างอย่างบ้าระห่ำ
โครม! เสียงโครมครามดังไม่หยุด
ทหารฝั่งศัตรูที่นำคนพุ่งลงไปเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์บนพื้นมองดูแผ่นดินข้างล่างพลิกถล่ม มองดูฝุ่นดินที่พวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า พวกเขางงเป็นไก่ตาแตกทันที ฝังกลบหมดแล้ว ยังจะเก็บอะไรได้อีก! ถ้ารอให้พวกเราหาจนเจอ ศึกนี้ก็คงสู้กันเสร็จไปแล้ว
ทหารฝั่งศัตรูหันมองขึ้นไปบนฟ้า เรียกได้ว่าแค้นจนกัดฟันกรอด ก่อนหน้านี้กำลังพลฝ่ายตรงข้ามยังยอมทุ่มเทกำลังคนที่น้อยกว่าพุ่งเข้ามาตรงนี้อยู่เลย เป็นเพราะอยากจะยึดเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ตรงนี้เอาไว้สู้กับพวกเขา และสาเหตุที่พวกเขาโจมตียึดตรงนี้ก็เป็นเพราะเป้าหมายนี้เช่นกัน แต่ใครจะคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อจะโหดเกินไป ใช้วิธีการปล่อยให้จบเห่ไปด้วยกัน ถ้าข้าเก็บไม่ได้ ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเก็บเลย!
ต่อให้นอนฝันเขาก็คิดไม่ถึง ว่าเหมียวอี้จะฝังกลบโอกาสสุดท้ายในการรบชนะของเขาเองกับมือ!
เป้าหมายที่ทั้งสองฝ่ายแย่งกันหายไปในชั่วพริบตาเดียว เหมียวอี้ที่เหลืออานุภาพลูกธนูไว้ดอกหนึ่งยิงไปที่เขา แต่กลับถูกคนที่อยู่ทางซ้ายและขวายกโล่ขึ้นมาบัง
เหมียวอี้เก็บธนู แล้วโบกทวนชี้ไปที่เขา พร้อมตะโกนอย่างดุดันว่า “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว เอาชีวิตมาซะ!” พูดจบก็นำคนพุ่งเข้าไปฆ่าอย่างเหี้ยมหาญดุร้าย
…………………………