พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1549 หักมุม
เหมียวอี้กลอกตามองบน “อย่าพาลหาเรื่อง ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่าตรงนี้มีปัญหาแน่”
ตอนนี้ใช่เวลามาเอ่ยถึงเรื่องนี้เสียที่ไหนกัน เขารีบเขย่าระฆังดาราถามซักไซ้ : พี่โค่ว ข้ารู้ดีว่าข้ามีความสามารถเป็นยังไง เรื่องที่ท่านบอกข้าทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ข้าเพิ่งจะก่อเรื่องใหญ่ไป แล้วพวกเขาก็ต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับข้า แบบนี้ฟังดูเหลวไหลเกินไปรึเปล่า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ข้าขอคำชี้แนะจากใจจริง!
โค่วเหวินหลาน : ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ของน้องหนิวคืออสุราอัคนี ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?
เหมียวอี้ตะลึงงันอีกครั้ง ทำถึงโยงไปที่อสุราอัคนีได้ล่ะ เขาตอบว่า : ไม่ปิดบังพี่โค่ว ข้าบังเอิญได้รับถ่ายทอดวิชาการอสุราอัคนี จะบอกว่าข้าเป็นลูกศิษย์ต่างยุคของอสุราอัคนีก็ได้ แต่อาจารย์ข้าตายไปหลายปีขนาดนั้นแล้ว อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ของข้า?
โค่วเหวินหลานมองไปที่ถังเฮ่อเหนียนทันที : “เขายอมรับเองเลยว่าเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี บอกว่าบังเอิญได้รับถ่ายทอดวิชาจากอสุราอัคนี”
“ได้รับถ่ายทอดสิชา ถ่ายทอดวิชา…” ถังเฮ่อเหนียนพึมพำ แล้วก็พยักหน้าอีก
โค่วเหวินหลานตอบต่อไปว่า : น้องหนิว สงสัยเจ้าจะประเมินพลังอำนาจของอาจารย์เจ้าในปีนั้นต่ำไปแล้วมั้ง แต่ก็พอจะเข้าใจได้ ถึงยังไงก็อยู่ห่างยุคกันตั้งไกล ตอนนี้ยังมีสักกี่คนที่ยังเอ่ยถึงเขาอยู่ ทั้งชีวิตพวกเราแทบจะไม่มีใครรู้จักเลย เอาเป็นว่าในปีนั้นอาจารย์ของเจ้าเป็นตัวละครที่วางอำนาจบาตรใหญ่ในใต้หล้าเชียวนะ! ตอนนี้เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วใช่มั้ย เรื่องดีแบบนี้มาเยือนเจ้าถึงประตูบ้าน ก็เพราะสิ่งที่เจ้าได้รับถ่ายทอดมาไง พวกเขาอยากจะดึงเจ้าไปเป็นพวก!
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว เขาเองก็เคยได้ยินอวี้หลิงเจินเหรินบอกมาเช่นกัน ว่าในปีนั้นอสุราอัคนีเป็นบุคคลที่ร้ายกาจยอดเยี่ยม แต่นึกไม่ถึงว่าลาโลกไปนานขนาดนี้แล้วยังจะทำให้อ๋องสวรรค์สะเทือนได้อีก เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นเกาก้วนในใจ ทำไมถึงสร้างประวัติภูมิหลังแบบนี้ให้ตนได้ แบบนี้ไม่เป็นการสร้างปัญหาให้ตนหรอกเหรอ
พอคิดไปคิดมาก็ถามหยั่งเชิงว่า : อย่าบอกนะว่าเรื่องที่พี่โค่วเป็นพ่อสื่อในสวนท้อก่อนหน้านี้เป็นเพราะสาเหตุนี้?
โค่วเหวินหลาน : น้องหนิว เรื่องนี้ข้าบอกไปแล้วไง ตอนนั้นข้าแค่อยากจะช่วยเจ้าเท่านั้นเอง แถมตอนนั้นข้าก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเจ้าคือศิษย์ของอสุราอัคนี ข้าเองก็เพิ่งถามจากปากพ่อบ้านถึงได้รู้ เรื่องนี้ก็เพิ่งลือกันในช่วงเร็วๆ นี้เอง ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวลือนี้ออกมาจากไหน บอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปสืบดูได้ว่าข่าวลือนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไร แล้วอีกอย่างนะ น้องหนิวก็ปฏิเสธข้าไปแล้ว ข้าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีกก็แล้วกัน ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
เหมียวอี้ : ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อพี่โค่ว เพียงแต่จู่ๆ พ่อบ้านจวนท่านก็มาที่นี่ในเวลานี้ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร?
โค่วเหวินหลาน : จะบอกเจ้าตรงๆ เลยก็ได้ พ่อบ้านมาที่นี่ก็เพื่อทำลายเรื่องดีๆ ของเจ้า! ก็เป็นเพราะได้ยินเรื่องนี้นี่แหละ พอรู้ว่าอีกสามอ๋องส่งบุคคลที่พอจะมีหน้ามีตามา ที่บ้านข้ากลัวว่าถ้าส่งคนธรรมดามาแล้วจะสยบอีกสามบ้านไม่ได้ ก็เลยตั้งใจส่งพ่อบ้านมาคุมสถานการณ์ มาทำให้เรื่องดูตัวของเจ้าพัง! แน่นอน เมื่อครู่นี้พ่อบ้านก็บอกไว้แล้วเช่นกัน ที่บ้านข้าบอกมาว่าเรื่องที่ตลาดผีครั้งก่อน ตระกูลโค่วติดนี้น้ำใจเจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากให้ตระกูลโค่วทำลายเรื่องดีๆ ของเจ้า ก็แค่บอกมาตรงๆ ตระกูลโค่วรับรองว่าจะไม่ยื่นมือไปแทรกเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานกับลูกสาวของบ้านไหน เดี๋ยวต่อไปตระกูลโค่วจะมอบของขวัญล้ำค่าให้ พูดจริงทำจริง!
พูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้ กลับทำให้เหมียวอี้รู้สึกดีในใจ แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าเรื่องราวไม่ได้ธรรมดาแบบนั้นแน่นอน ไม่กล้าเข้าไปข้องเกี่ยวกับน้ำที่ล้ำลึกอย่างตระกูลโค่ว ตอบปฏิเสธอ้อมๆ ว่า : เรื่องน้องสาวของท่านตอนแรก หนิวก็ปฏิเสธไปแล้ว จะเห็นได้ว่าหนิวแน่วแน่ขนาดไหน พี่โค่ววางใจได้ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ตระกูลโค่วลงมือหรอก ไม่ว่าบ้านไหนข้าก็ไม่แต่งทั้งนั้น ต้องปฏิเสธแน่นอน!
โค่วเหวินหลานบอกถังเฮ่อเหนียนทันที “เขาบอกว่าไม่ต้องให้ตระกูลโค่วลงมือ เขาจะปฏิเสธให้หมด จะไม่แต่งงานกับบ้านไหยทั้งนั้น”
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเหรอ? ประเมินเขาสูงไปใช่มั้ย? หรือว่ากำลังแกล้งโง่? ขนาดข้ามาด้วยตัวเองแล้ว เขามีสิทธิ์ทำตามใจหรือ?” ถังเฮ่อเหนียนแสยะยิ้ม แล้วบอกว่า “ไม่มีเวลาอ้อมค้อมกับเขาแล้ว บอกไปตรงๆ เถอะ”
โค่วเหวินหลานพยักหน้า แล้วตอบว่า : เกรงว่าจะปฏิเสธพวกเขาไม่ได้หรอก นอกเสียจากน้องหนิวจะไม่ได้รักเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นจากใจจริง อยากจะกดดันให้เถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นตาย!
เหมียวอี้หรี่ตา : หมายความว่ายังไง?
โค่วเหวินหลาน : ถ้าน้องหนิวไม่ก่อเรื่องที่น่านฟ้าระกาติง เถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นก็อาจจะยังรักษาชีวิตไว้ได้ ถ้าน้องหนิวไม่ถูกใจสามตระกูลนั้นก็คงไม่เป็นอะไร เรื่องของน่านฟ้าระกาติงควรจะเป็นยังไงก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ในเมื่ออีกสามบ้านถูกใจเจ้าแล้ว บุคคลระดับสูงของสามบ้านนั้นลงมือเองแล้ว ขอพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้เลยนะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่น้องหนิวในปัจจุบันจะต้านทานไหว น้องหนิวก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญต่อใจน้องหนิวขนาดไหน ถ้าน้องหนิวไม่ตอบตกลง พวกเขาก็จะคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นคืออุปสรรค เจ้าคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเหรอ? ต่อให้น้องหนิวจะตอบตกลงแต่งงานกับลูกสาวบ้านใดบ้านหนึ่ง แต่เถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นก็จะต้องตายอยู่ดี เป็นเพราะน้องหนิวทำเพื่อเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นมากเกินไป ถ้าเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นไม่ตาย ลูกสาวหลานสาวของพวกเขาที่แต่งงานกับเจ้าก็จะรู้สึกรำคาญใจ ที่สำคัญคือในภายหลังยังไม่รู้เลยว่าน้องหนิวจะก่อเรื่องอะไรเพื่อเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นอีก! ในเมื่อสามบ้านนั้นลงมือแล้ว ถ้าไม่มีอำนาจอิทธิพลที่ทัดเทียมกันมาทำลายแผนการ นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น้องหนิวจะพลิกสถานการณ์ได้เลย!
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมียวอี้ก็มุมปากกระตุกอย่างรุนแรง ตอนแรกที่เขาตัดสินใจจะทำเรื่องนี้ เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทำให้อวิ๋นจือชิวมีอันตรายถึงชีวิต ประเด็นสำคัญคือ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าพวกอ๋องสวรรค์จะอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา
เมื่อเห็นเหมียวอี้มีสีหน้าไม่ชอบมาพากล อวิ๋นจือชิวก็ถามอย่างกังวลว่า “เป็นอะไรไป?”
ในขณะนี้เอง เหมียวอี้หยิบระฆังดาราอีกอันหนึ่งออกมา หลังจากได้ข่าวแล้วสีหน้าก็ยิ่งเครียดขรึม
เสวี่ยเอ๋อร์ส่งข่าวมา ว่าระหว่างทางเสวี่ยเอ๋อร์โดนยอดฝีมือดักไว้ โดนอีกฝ่ายจับตัวไว้โดยไม่ทันได้โต้ตอบด้วยซ้ำ พวกเขาค้นตัวนางรอบหนึ่ง ค้นตัวจนเจอตัวหงเฉินด้วย แต่ที่แปลกก็คือ อีกฝ่ายไม่ได้กลั่นแกล้งพวกนาง ไม่ได้ปล้นเงินพวกนางด้วย แล้วก็ปล่อยตัวพวกนางไปอีก เสวี่ยเอ๋อร์ถูกยอดฝีมือพวกนั้นทำให้ประหลาดใจหาคำตอบไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ เหมียวอี้อาจจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่พอได้ฟังคพูดของโค่วเหวินหลาน เขาก็เข้าใจในทันที มีคนป้องกันไม่ให้อวิ๋นจือชิวหนีไป ตอนนี้ดาวจิ่วหวนกลายเป็นสนามประลองอำนาจของอิทธิพลใหญ่ฝ่ายต่างๆ แล้ว
“รังแกกันเกินไปแล้ว!” เหมียวอี้กล่าวอย่างแค้นใจ แล้วบอกเสวี่ยเอ๋อร์ว่าไม่เป็นอะไร ให้ระวังคนสะกดรอยตามก็พอ ไปเจอกับเหยียนซิวตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็มองไปที่อวิ๋นจือชิว ถอนหายใจเบาๆ อย่างหดหู่ แล้วบอกว่า “ข้าเสียใจที่ไม่เชื่อฟังเจ้า ครั้งนี้เกรงว่าเจ้าคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว…” นางอธิบายคำพูดของโค่วเหวินหลานให้ฟัง แล้วก็บรรยายสิ่งที่เสวี่ยเอ๋อร์เพิ่งประสบเมื่อครู่นี้
อวิ๋นจือชิวอึ้งไปครู่หนึ่ง นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเรื่องราวจะกลายเป็นซับซ้อนขนาดนี้ นางก้มหน้าแล้วถามว่า “ไม่รู้ว่าตระกูลโค่วจะมีวิธีการอะไรหรือเปล่า เกรงว่าตระกูลโค่วก็คงไม่มีเจตนาดีอะไรเช่นกัน”
เชียนเอ๋อร์ได้ฟังอะไรพวกนี้แล้วก็ตกใจเช่นกัน มองไปที่เหมียวอี้ แล้วก็มองไปที่อวิ๋นจือชิวอีกอย่างกังวลใจ
เหมียวอี้เขย่าระฆังดาราถามอีกว่า : ไม่ทราบว่าตระกูลโค่วมีวิธีการอะไรช่วยข้ารึเปล่า?
โค่วเหวินหลาน : ไม่ปิดบังพี่หนิว ตระกูลโค่วเองก็เคยมีความคิดแบบพวกเขาเหมือนกัน แต่เห็นแก่น้ำใจของน้องหนิวเรื่องตลาดผี ท่านปู่ข้าบอกว่าคนเราจะทำอะไรสุดโต่งเกินไปไม่ได้ ถ้าแม้แต่เรื่องตอบแทนบุญคุณคนยังทำไม่ได้ แล้วจะยืนหยัดอยู่ในใต้หล้าได้ยังไง แต่ก็ใช่ว่าตระกูลโค่วจะไม่มีจิตใจที่คำนึงถึงส่วนตนเลย ดังนั้นท่านปู่จึงมีวิธีการหนึ่งที่ได้ประโยชน์กันหลายฝ่าย ทั้งช่วยให้น้องหนิวกับเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นสมปรารถนา ทั้งทำลายแผนของอีกสามตระกูลได้ ทั้งยังปกป้องเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นได้ด้วย ขณะเดียวกันก็รักษาไมตรีระหว่างทั้งสองบ้านได้ด้วย
ยังมีวิธีการแบบนี้ด้วยเหรอ? เหมียวอี้ประหลาดใจ รีบตอบว่า : ข้ายินดีจะฟังรายละเอียด!
โค่วเหวินหลาน : ก่อนหน้านั้น พ่อบ้านให้ข้าถามสักคำก่อน ว่าเจ้ากับเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นแค่มีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง หรือว่าอยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าจริงๆ?
เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวย่อมไม่ได้เล่นๆ กันอยู่แล้ว ตอยทันทีว่า : อย่างหลัง! ย่อมอยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่อยู่แล้ว!
โค่วเหวินหลาน : พ่อบ้านถ่ายทอดเจตนาของท่านปู่ข้า บอกว่าถ้าเจ้ายินดี ท่านปู่ข้าก็ยินดีจะรับเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นเป็น ‘บุตรสาวบุญธรรม’ ต่อไปเรื่องงานแต่งงานของเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นกับเจ้า ตระกูลโค่วก็จะช่วยเจ้าจัดการให้!
ตอนนี้เหมียวอี้ตะลึงค้างแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าควรตื่นเต้นดีใจหรือควรจะอะไร แบบนี้หักมุมเกินไปแล้วมั้ง ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าจะมีอะไรแบบนี้
“ตระกูลโค่วเสนอขออะไรใช่มั้ย?” อวิ๋นจือชิวถาม
จู่ๆ เหมียวอี้ก็ทำสีหน้าเหมือนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าอย่าพูดเลย ตระกูลโค่วมีความคิดเด็ดดวงแล้วจริงๆ ขอแค่ทำตามก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ปกป้องเจ้าได้นะ พวกเรายังจะได้อยู่ด้วยกันแบบสง่าผ่าเผยด้วย คาดว่าต่อไปนี้คงจะไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าง่ายๆ อีก กำจัดปัญหาห่วงหน้าพะวงหลังของข้าได้แบบลงแรงครั้งเดียวแล้วสบายไปตลอด ข้าจะยอมพวกเขาเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดหาวิธีการแบบนี้ได้ ถ้าใครกล้ามาเล่นกับคนกลุ่มนี้ ก็ต้องโดนพวกเขาเล่นงานตายแน่!”
“วิธีการอะไร?” อวิ๋นจือชิวแปลกใจ
“บุตรสาวบุญธรรม!” เหมียวอี้ยังคงทำสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“บุตรสาวบุญธรรม?” อวิ๋นจือชิวงุนงง “บุตรสาวบุญธรรมอะไร?”
เหมียวอี้อธิบายว่า “อ๋องสวรรค์โค่วบอกมาแล้ว ว่ายินดีรับเจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรม จากนั้นก็จะจัดงานแต่งงานให้พวกเรา! พวกเขาช่างคิดวิธีการนี้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าพวกเขาสมปรารถนาแล้ว พวกเราก็จะไม่เป็นอันตรายแล้ว เพียงแต่หลังจากนี้ไป ข้าคงจะต้องกลายเป็นคนของตระกูลโค่วแล้วล่ะ เฮ้อ! แต่ข้ากำลังคิดนะ ว่าถ้าเขารู้ว่าตัวเองรับหลานสาวของประมุขปราชญ์ลัทธิมารมาเป็นบุตรสาวบุญธรรม แถมข้าก็เป็นประมุขปราชญ์ลัทธิอู๋เลี่ยงอีก ไม่รู้ว่าอ๋องสวรรค์โค่วจะคิดยังไง ข้ายังไม่รู้เลยว่าควรจะชื่นชมในความฉลาดหลักแหลมของเขา หรือควรจะว่าเขาว่าฉลาดแต่เข้าใจผิดดี วิธีการดีๆ ที่จะดึงให้ตระกูลโค่วลงน้ำมาซวยด้วยกันแบบนี้ ทำไมเขาถึงคิดได้นะ? ข้าว่านะน้องชิว แบบนี้จะถือว่าพวกเราขึ้นเรือโจรของตระกูลโค่ว หรือว่าตระกูลโค่วขึ้นเรือโจรของพวกเราล่ะ?”
ตะลึงค้างแล้ว! อวิ๋นจือชิวตะลึงค้างแล้วจริงๆ
เชียนเอ๋อร์ก็ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ข้างๆ เช่นกัน เรื่องที่เพิ่งทำให้อกสั่นขวัญแขวนเมื่อครู่นี้ จู่ๆ ก็หักมุมกลายเป็นแบบนี้แล้ว สมองคิดตามไม่ทันแล้ว
“เอ่อ…เอ่อ…” อวิ๋นจือชิวอึกอักพูดไม่ออก ถามอย่างทำอะไรไม่ถูกว่า “พวกเราต้องตอบตกลงมั้ย?”
เหมียวอี้พูดหยอกว่า “เรื่องนี้ก็ต้องถามเจ้าสิ! ถ้าเจ้าเต็มใจ ข้าก็ไม่มีความเห็นแย้งอะไร ถึงยังไงเจ้ากับข้าก็รู้ว่าเรากับตระกูลโค่วใช้ประโยชน์กันและกันก็เท่านั้นเอง แต่หนี้น้ำใจครั้งนี้ใหญ่เกินไปจริงๆ ข้าต้องนับถือในความเผ็ดร้อนช่ำชองของตระกูลโค่ว”
อวิ๋นจือชิวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที “ก่อนหน้านี้ยังได้ชื่อว่าเป็นแม่หม้ายอยู่เลย ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอ๋องสวรรค์โค่วแล้ว นี่มันอะไรกัน” นางส่ายหน้าอยู่พักหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนอีกว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็หาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน ข้าต้องนับถือในความเหนือชั้นของตระกูลโค่ว ทำให้เจ้าอยากจะปฏิเสธแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ จะให้ข้ามีความเห็นแย้งอะไรล่ะ เจ้าตอบตกลงไปเถอะ”
เหมียวอี้พยักหน้า แล้วเขย่าระฆังดาราตอบ : เจตนาอันงดงามของตระกูลโค่ว มีหรือที่จะปฏิเสธได้ อวิ๋นจือชิวทำได้เพียงเกาะอำนาจผู้มีอิทธิพลแล้ว!
“ตอบตกลงแล้ว!” โค่วเหวินหลานบอกถังเฮ่อเหนียนพร้อมหัวเราะเบาๆ “เกรงว่าพวกเขาคงจะคิดไม่ถึงว่าตระกูลโค่วจะคิดวิธีการนี้ออกมาได้ เพียงแต่ต่อไปข้าคงจะเสียเปรียบนิดหน่อยแล้ว อยู่ดีๆ ก็มีอาหญิงกับอาเขยเพิ่มมาแล้ว”
“ฐานะที่แตกต่างกันสามารถมอมเมาใจคนได้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเกิดไหวพริบ บ่าวคงไม่ได้คิดไปทางด้านนี้เช่นกัน” ถังเฮ่อเหนียนรู้สึกขำเช่นกัน แล้วก็จ้องกระดานหมากล้อมพร้อมกล่าวอย่างสบายใจว่า “เดินก้าวต่อไปได้แล้ว”
…………………………