พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1559 ถูกสอบสวน
ทุกคนของหอฉางเจินเงียบกริบเหมือนจั๊กจั่นหน้านาว นับว่าได้รับรู้ถึงชื่อเสียงบารมีของทูตตรวจการขวาเกาก้วนในตำนานแล้ว สมกับเป็นขุนนางที่ใกล้ชิดอยู่ข้างกายราชันสวรรค์ ไม่เห็นหวังเฟยอยู่ในสายตาเลย และสำหรับคนพวกนี้ บรรยากาศที่เกาก้วนเดินผ่านก็น่าระทึกใจมาก ทำให้คนพวกนี้ตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำ
คนกลุ่มนี้มองตามพวกเกาก้วนเดินออกจากประตูใหญ่ของหอฉางเจินไป จากนั้นคนของกองทัพองครักษ์ก็เข้าควบคุมหอฉางเจินไว้อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นเมื่อได้ทราบว่าตัวเองโดนเกาก้วนกักบริเวณแล้วจริงๆ เม่ยเหนียงก็ทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว เพราะชนชั้นสูงที่ตายด้วยน้ำมือเกาก้วนมีเยอะเกินไป ไม่รู้ว่าผู้พิพากษาหน้าตายจะยังทำเรื่องอะไรกับนางได้อีก จึงรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออ๋องสวรรค์ก่วง
ในโถงฉากเมฆา การเล่นหมากล้อมจบลงแล้ว โค่วเหวินหลานกำลังเดินเล่นพูดคุยอยู่ข้างกายถังเฮ่อเหนียนในสวนดอกไม้ ทันใดนั้นก็เจอเสิ่นติงเฉินผู้จัดการใหญ่ของร้านค้าตระกูลโค่วรีบเข้ามารายงาน
“เหอะๆ! รู้อยู่แล้วว่าท่านนั้นที่อยู่วังสวรรค์จะทนไม่ไหว นึกไม่ถึงว่าจะให้เกาก้วนลงมือแล้ว” ถังเฮ่อเหนียนหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วถามซ้ำว่า “หอฉางเจินมีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ย?”
เสิ่นติงเฉินตอบว่า “เกาก้วนเข้าไปในนั้นไม่นานก็ออกมาแล้ว พวกโกวเยว่ถูกคนของหน่วยตรวจการขวาควบคุมตัวไปแล้วขอรับ หอฉางเจินถูกกองทัพองครักษ์ล้อมไว้แล้ว”
โค่วเหวินหลานสูดหายใจอย่างตกตะลึง ถังเฮ่อเหนียนก็ตกใจเช่นกัน “โกวเยว่โดนควบคุมตัวไปแล้วเหรอ? ทั้งยังล้อมหอฉางเจินไว้ด้วย? หวังเฟยอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
เสิ่นติงเฉินยังไม่ทันตอบอะไร ด้านนอกก็มีเสียงวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
ทั้งสองหันขวับไปมอง เห็นเพียงมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบร้อนบอกว่า “แย่แล้วผู้จัดการใหญ่ คนของหน่วยตรวจการขวาบุกเข้ามาแล้ว”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งที่แต่งเครื่องแบบของหน่วยตรวจการขวาก็พุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายเหมือนเสือ มาล้อมคนที่อยู่ตรงนี้เอาไว้โดยตรง
โค่วเหวินหลานทั้งตกใจทั้งโมโห ตะคอกว่า “บังอาจ! ไม่รู้เหรอว่าที่นี่คือที่ไหน พวกเจ้าบุกเข้ามาตามอำเภอใจได้เหรอ!”
ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วยกมือห้ามโค่วเหวินหลาน จ้องคนที่นำหน้ามาพร้อมถามเสียงต่ำว่า “เหยาซวิ่น เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เหยาซวิ่นที่นำกลุ่มมากุมหมัดคารวะ “ท่านถัง ได้รับคำสั่งจากท่านทูตขวา ให้นำตัวท่านไปสอบสวน ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ”
ถังเฮ่อเหนียนแสยะยิ้ม แล้วบอกว่า “ให้ความร่วมมือเหรอ? ตำหนักสวรรค์กลายเป็นไร้เหตุผลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? หน่วยตรวจการขวามีอำนาจอะไรมาจับคนไปโดยไร้สาเหตุ?”
เหยาซวิ่นตอบเสียงต่ำว่า “หน่วยตรวจการขวาย่อมไม่จับท่านไปสอบสวนโดยไร้สาเหตุอยู่แล้ว เป็นก่วงหวังเฟยที่กล่าวโทษต่อฝูงชนว่าว่าท่านมีจุดที่น่าสงสัยเกี่ยวกับคดีน่านฟ้าระกาติง หวังเฟยเอ่ยปากแล้ว ท่านทูตขวาจะทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้!”
“ก่วงหวังเฟยกล่าวโทษข้าเหรอ?” ถังเฮ่อเหนียนทำหน้าเหม่อ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? คิดจนหัวจะแตกแต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันสถานการณ์อะไรกันแน่
เหยาซวิ่นก็ไม่พูดมากเช่นกัน พอโบกมือ พวกเขาก็พุ่งเข้าไป จิตใต้สำนึกของถังเฮ่อเหนียนบอกให้ขัดขืน แต่พอยกมือ สุดท้ายก็ยังไม่กล้าโต้ตอบ จึงปล่อยให้โดนควบคุมตัวไว้ ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้าบอกใบ้พวกโค่วเหวินหลานที่กำลังโมโหว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว แล้วก็ถูกผลักไสพาตัวไปแบบนี้แล้ว
พวกโค่วเหวินหลานถามไปส่งถึงประตู แต่กลับถูกคนของกองทัพองครักษ์ขวางไว้และไล่กลับไป ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าโถงฉากเมฆาก็ถูกกองทัพองครักษ์ล้อมไว้แล้วเหมือนกัน
แล้วเรื่องแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นที่เรือนเจิดจรัสกับตึกจันทราดาราด้วย จั่วเอ๋อร์กับต้วนหงก็ถูกหน่วยตรวจการขวาพาตัวไปแล้วเช่นกัน แต่ละคนว่านอนสอนง่าย เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีพลังจะต่อต้าน แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อต้านสักคน
ภาพเหตุการณ์นี้ ความเคลื่อนไหวนี้ แพร่ไปที่ตลาดสวรรค์อย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดสวรรค์เกิดความปั่นป่วนโกลาหล ในขณะเดียวกัน การมาถึงของเกาก้วน ก็หมายความว่าตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนถูกเกาก้วนควบคุมไว้โดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่ว่าใครก็เข้าออกตลาดสวรรค์ไม่ได้ทั้งนั้น!
ในคุกใต้ดินของตำหนักคุ้มเมือง ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เย่อี้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ตอนที่เย่อี้เพิ่งจะออกมาจากคุกใหญ่ ก็เห็นกับตาว่าคนแก่สี่คนทยอยกันถูกนำตัวมาคุมขังในคุกใต้ดิน เขาไม่รู้จักสี่คนนี้ แต่บังเอิญเจอลูกน้องตัวเองที่ฟังข่าวมาจากข้างนอกพอดี ถึงได้รู้ว่าใครโดนจับตัวมาขัง เขาตกใจจนเหงื่อกาฬแตก ตอนนี้ถึงได้พบว่าความอยุติธรรมเล็กน้อยที่ตัวเองได้รับไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย
เย่อี้ไม่มีอำนาจตัดสินใจที่ตลาดสวรรค์อีกแล้ว เบื้องบนของกองทัพองครักษ์มารับช่วงต่ออย่างสง่าผ่าเผย เบื้องบนของตลาดสวรรค์ก็ส่งข่าวมาแล้วเช่นกัน สั่งให้เขานำกำลังพลทุกคนของตลาดสวรรค์ไปรอคำสั่งระดมพลจากกองทัพองครักษ์
ในคุกใต้ดิน เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีคุกว่างตั้งมากมาย ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยตรวจการขวาคิดอย่างไร ถึงได้จับถังเฮ่อเหนียน โกวเยว่ จั่วเอ๋อร์กับต้วนหงมาขังไว้ในคุกเดียวกัน
สี่คนที่บังเอิญเจอกันที่นี่มองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าทั้งสี่คนจะมาเจอกันในสภาพแบบนี้
ตอนนี้ทั้งสี่ถึงได้พบว่า ต่อให้ตัวเองจะฉลาดแผนการเยอะขนาดไหน แต่ยามเผชิญหน้ากับอำนาจของเกาก้วนที่ขนาบเข้ามา ก็ทำให้ทุกอย่างพังลงอย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเดียว
“พวกเจ้าก็ถูกกล่าวโทษด้วยเหรอ?” จั่วเอ๋อร์เหล่ตามองทั้งสามพร้อมเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินคำนี้ ถังเฮ่อเหนียนก็หันตัวมา ต้วนหงก็หันตัวมา เข้าไปล้อมอยู่ข้างกายโกวเยว่อบ่างช้าๆ แล้วจั่วเอ๋อร์ก็กล่าวเสียงต่ำว่า “โกวเยว่ คนของหน่วยตรวจการขวาบอกว่าหวังเฟยเป็นคนกล่าวโทษพวกเรา เรื่องเป็นยังไงกันแน่?”
โกวเยว่มุมปากกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจับพวกเขาสี่คนโยนมาไว้ด้วยกัน ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เกาก้วนยังคาใจเรื่องที่เขากำเริบเสิบสานปลอมแปลงคำสั่งของทัพตะวันตก เลยกำลังให้บทเรียนเขา
ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ทรัพย์สินของตระกูลเซี่ยโห้ว มีอยู่ในตลาดสวรรค์ทุกแห่ง
ตั้งแต่ก่อนที่เกาก้วนจะมาถึง ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทแห่งนี้ก็ถูกกำลังพลธงมังกรน้ำเงินยึดใช้แล้ว ใช้ทำเป็นสถานที่พักฟื้นชั่วคราว
หลังจากกำลังพลขงอวี่จ้งเจินมาถึง ก็รับช่วงต่อจากกำลังพลธงมังกรน้ำเงินที่อยู่ในคฤหาสน์แล้ว กำลังพลธงมังกรน้ำเงินที่แบ่งประจำอยู่ที่จุดต่างๆ ในเมืองก็มารวมตัวกันแล้วเช่นกัน มารวมตัวกันอยู่ในการควบคุม รอการตรวจสอบ!
มู่อวี่เหลียนผู้บัญชาการใหญ่ธงมังกรน้ำเงินกำลังรอต้อนรับนายท่านหัวหน้าภาคอยู่ตรงประตูภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท
พออวี่จ้งเจินเห็นนาง สีหน้าก็บึ้งตึงขึงขัง ถามแสกหน้าทันทีว่า “ทำไมถึงให้ท้ายลูกน้องปล้นร้านค้าในตลาดสวรรค์?”
นางแอบออกคำสั่งกับนางไว้แล้ว ว่าให้นางหยุดไม่ให้เหมียวอี้ก่อเรื่อว แต่ดูจากข่าวที่ได้รับมา มู่อวี่เหลียนก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเลย
มู่อวี่เหลียนเหลือบมองเหมียวอี้ที่อยู่ในกลุ่มคนแวบหนึ่ง แล้วกุมหมัดคารวะ “ตอบนายท่านหัวหน้าภาค ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้เลย แค่ให้พวกพ่อค้าบริจาคยารักษาบาดแผลให้นิดหน่อยเท่านั้น”
อวี่จ้งเจินอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้านางสักที ปั่นหัวเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่ ถ้าขอบริจาคยารักษาบาดแผลนิดหน่อย จะมีร้านค้าที่มีขุนนางหนุนหลังร้องเรียนเยอะขนาดนั้นเหรอ?
แต่ตอนนี้เบื้องบนของเซวียนหยวนจัวก็อยู่ข้างๆ ตรงประตูไม่ใช่ที่ที่จะมายืนคุยกัน ต้องข่มใจเอาไว้ก่อน ต้องเชิญให้พวกเกาก้วนเข้ามาก่อน
มู่อวี่เหลียนนำทางอยู่ข้างหน้า พาคนเดินมาถึงสนามพื้นราบที่กว้างโล่งในสวน ตรงนั้นมีกำลังพลนับหมื่นกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่
“จัดแถว!” เมื่อพบว่ามีคนของเบื้องบนมาถึงแล้ว ก็มีคนออกคำสั่ง กำลังพลหนึ่งหมื่นที่ได้ยินคำสั่งรีบลุกขึ้น แล้วยืนจัดแถวให้ดี ธงรบของแต่ละกลุ่มถูกตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ธงรบแต่ละต้นที่เปื้อนเลือดบ้างฉีดขาดบ้าง ไม่ต้องพูดถึงสภาพกลุ่มคนใต้ธงรบที่สะบักสะบอมเกินทน เห็นคนจำนวนไม่น้อยที่แขนขาด ขาขาดหรือไม่ก็ตาบอดไปข้างหนึ่ง แต่ละคนเจ็บจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รอยน้ำตาแห้งเม็ดใหญ่ไหลผ่านบนใบหน้าลงมา ตรงแผลที่บาดเจ็บ เนื้ออ่อนก้อนใหม่กำลังเลื้อยขยุกขยิกงอกออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นสภาพหลังจากใช้ยารักษาบาดแผลไปแล้ว คนที่เคยลิ้มลองรสชาติแบบนี้รู้ดีว่าตอนมีเนื้องอกขึ้นมาใหม่นั้นเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
จู่ๆ มู่อวี่เหลียนก็พบว่าข้างหลังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้ว พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งหยุดเดินอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ละคนกำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าจริงจังหนักแน่น
น้ำตาอุ่นๆ ของมู่อวี่เหลียนแทบจะเอ่อล้นออกมา นางมองออกว่าทุกคนเคารพนับถือพวกเขาจากใจจริง สุดท้ายการต่อสู้นองเลือดสนามนั้นก็คุ้มค่า คนที่รบตายไปไม่ได้ตายเปล่า
คนของทัพเป่ยโต้ว คนของหน่วยตรวจการขวา คนของน่านฟ้าดินวอก แต่ละคนมองดูกองทัพพิการอย่างเงียบๆ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าศึกนั้นโหดร้ายขนาดไหน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทัพองครักษ์ห้าหมื่นนั่นโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านน่านฟ้าระกาติงจนพ่ายแพ้ได้อย่างไร ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคนพวกนี้รอดชีวิตมาได้อย่างไร
สายตาของเกาก้วนค่อยๆ ย้ายออกจากใบหน้าคนพวกนั้น ไปหยุดอยู่บนธงรบขาดรุ่ยที่กำลังปลิวสะบัดอยู่ข้างบน เขาเงียบงันพูดไม่ออก
สายตาของอวี่จ้งเจินย้ายจากธงรบขาดรุ่ยกลับไปบนตัวกลุ่มทหารที่พิการอีก มุมปากเขากระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นก็เม้มปากแน่นทันที
เขารู้ว่าเขาไม่อาจริบของที่คนพวกนี้แย่งมาจากตลาดสวรรค์ได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีอำนาจจะทำ แต่เขาไม่มีทางออกคำสั่งนี้ได้เลย ถ้าจะให้ออกคำสั่งนี้จริงๆ แล้วพี่น้องของทัพเป่ยโต้วที่มองอยู่ข้างหลังล่ะ…
ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมหลังจากเกิดศึกใหญ่ในโลกมนุษย์แล้วจะมีการส่งเสริมให้ท้ายทหารมาปล้นชิง สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อทำก็เหมือนกัน เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อหาข้ออ้างมาปิดบังก็เท่านั้นเอง
เขาเองก็รู้เช่นกัน ว่าความรับผิดชอบนี้เขาต้องรับไว้ เป็นอย่างที่มู่อวี่เหลียนบอก เพียงให้ร้านค้าในตลาดสวรรค์บริจาคยารักษาบาดแผลให้เล็กน้อยเท่านั้น เขาทำได้เพียงกัดฟันรายงานขึ้นไปแบบนี้ ให้เบื้องบนชดเชยความเสียหายให้ร้านค้า
ตู๋เกออู๋ที่เทพประจำดาวดินวอกส่งมากำลังลูบเครามองอย่างเงียบๆ สีหน้าเครียดขรึมจริงจัง
เซวียนหยวนจัวเม้มริมฝีปากแน่นขณะย้ายสายตาออกจากตัวคนพวกนั้น เขาหันกลับมาช้าๆ มองไปยังเหมียวอี้ที่เงียบงันอยู่ข้างหลัง เขาแอบถอนหายใจยาว กองทัพองครักษ์สามารถสู้ตายได้ถึงขั้นนี้ ความพ่ายแพ้ของทัพใหญ่หนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงก็ไม่นับว่าอยุติธรรม!
“เริ่มเถอะ! พาหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาก่อน” เกาก้วนพูดทิ้ง้ทาย แล้วเดินไปยังศึกศาลากลางน้ำที่อยู่ไม่ไกล
ย่อมมีคนของหน่วยตรวจการขวามาพาตัวเหมียวอี้ไปยู่แล้ว ทว่าตู๋เกออู๋กลับรีบเดินตามเกาก้วนไป แล้วบอกว่า “ทูตขวาเกา คนของจวนอ๋องยังโดนขังอยู่เลย ท่านต้องการสืบสวนพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่สู้พาพวกเขามาถามด้วยเลยสิ?”
เกาก้วนหยุดฝีเท้า แล้วบอกว่า “เรื่องราวมีความสำคัญและเร่งด่วนต่างกัน สืบสวนคดีหลักก่อน ส่วนพวกเขา…ขังอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
คำพูดนี้ย่อมมีเหตุผล! แต่ตู๋เกออู๋กลับแอบร้องอย่างขื่นขม พ่อบ้านใหญ่โกวกับพวกนั้นถูกขังอยู่ด้วยกัน จะให้พ่อบ้านใหญ่โกวอธิบายกับคนอื่นอย่างไรล่ะ อย่าบอกนะว่าจะให้โกวเยว่พูดเองกับปากว่าคำพูดโง่ๆ ของหวังเฟยทำให้คนที่เหลือเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย?
ระหว่างตึกศาลา เวทีสำหรับงานบันเทิงในยามปกติกลายเป็นสถานที่สืบสวนแล้ว เกาก้วนขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งหลัก อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัวและตู๋เกออู๋ยืนอยู่ด้านล่างทางซ้ายและขวา
เหมียวอี้ถูกพาตัวไปยืนอยู่ตรงลานเต้นรำด้านล่าง
คนของสามฝ่ายที่คอยบันทึกคำให้การเตรียมแผ่นหยกไว้เรียบร้อยแล้ว เกาก้วนที่นั่งอยู่เบื้องสูงพยักหน้า ผู้ที่รับหน้าที่สืบสวนตะคอกถามเหมียวอี้ทันทีว่า “คนข้างล่างเป็นใคร?”
“แม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อ กองมังกรดำ ทัพเป่ยโต้ว หน่วยองครักซ้ายเจิ้นอี่” เหมียวอี้ตอบเสียงเรียบ
“ไม่ทราบว่าทำผิดเรื่องอะไร?” ผู้สอบสวนถาม
“รู้ว่าทำไมจึงสอบสวนข้า แต่ข้าไม่ได้ทำผิด” เหมียวอี้ตอบ
ผู้สอบสวนบอกว่า “จะทำผิดหรือไม่ทำผิดก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินได้ ทำไมจึงดักสังหารหัวหน้าภาคฉู่จื่อซานของน่านฟ้าระกาติงจนก่อให้เกิดศึกเลือด แจกแจงรายละเอียดมา”
“ดักฆ่าเหรอ? เหลวไหล! ข้าเพิ่งพ้นโทษและถูกปล่อยตัวจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เพิ่งเรียกรวมกำลังพลสวนบรรณาการ เตรียมจะเข้าไปผลัดเวรเฝ้าป้องกัน ระหว่างทางที่สมาชิกพักปรับปรุงกำลังที่น่านฟ้าระกาติง…” เหมียวอี้บรรยายเรื่องราวที่ตัวเองเตรียมไว้แล้วอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
…………………………