พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1586 กดดันราชัน
“ฝ่าบาท ข้าน้อยมีเรื่องจะพูด”
พอการประชุมของตำหนักสวรรค์เริ่มขึ้น ก็มีคนก้าวออกจากแถวทันที แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ตำหนักสวรรค์ก่อตั้งมานานแล้ว จนกระทั่งทุกวันนี้ฝ่าบาทยังไร้ทายาทเพื่อให้คนในใต้หล้าสงบจิตใจ ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทรีบสร้างทายาทเพื่อทำให้คนในใต้หล้าสงบใจ”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ประมุขชิงที่มีสีหน้านิ่งเฉยก็กระตุกคิ้วทันที เรื่องที่เขาปวดหัวที่สุดมาเยือนแล้ว
กลุ่มขุนนางพลันหันไปมองพร้อมกัน พอพบว่าเป็นคนของอ๋องสวรรค์โค่ว พวกเขาก็รีบหันไปมองอ๋องสวรรค์โค่วอีก ไม่รู้ว่าจู่ๆ อ๋องสวรรค์โค่วโยนเรื่องนี้ออกมาหมายความว่าอะไร อย่าบอกนะว่าจงใจทำให้ประมุขชิงพะอืดพะอมเพราะเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ?
อ๋องสวรรค์โค่วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านเซี่ยโห้วท่าที่นั่งอยู่ตรงมุมกระตุกหัวคิ้วเล็กน้อย แล้วก็หลับตาช้าๆ เพื่อพักผ่อน ทำท่าราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ตัวข้องกับตัวเอง
ตำหนักฟ้าดินเปลี่ยนเป็นเงียบงันไร้เสียง ประมุขชิงกวาดสายตาเย็นเยียบมองเบื้องล่างเมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร ก็ทำได้เพียงแสยะหัวเราะ แล้วตอบด้วยตัวเอง “เรื่องนี้ข้าย่อมพิจารณาเอง ไม่ต้องให้เจ้าพูดมาก”
เพิ่งจะสิ้นเสียงนี้ ก็มีกำลังพลสายของอ๋องสวรรค์โค่ว ออกมานอกแถวอีก “ฝ่าบาท จะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้ เรื่องนี้ฝ่าบาทพิจารณามาหลายปีแล้ว ถ่วงเวลามาตลอด หากพิจารณาต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะได้บทสรุปฝ่าบาทได้โปรดบอกเวลาที่แน่นอนให้ข้าน้อยทราบ”
ประมุขชิงหน้าเครียดขรึมลงทันที “นี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ไม่จำเป็นต้องนำมาพูดเหลวไหลในการประชุม ราชสำนัก”
ใครจะไปคิดว่าจะมีกำลังพลสายของอ๋องสวรรค์โค่วยืนออกนอกแถวอีก แล้วกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท กล่าวแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องส่วนตัวของฝ่าบาทก็เป็นเรื่องใหญ่ของใต้หล้าเช่นกัน นำมาหารือในการประชุมได้อย่างสง่าผ่าเผย จะเรียกว่าเหลวไหลได้อย่างไรกัน?”
คนแล้วคนเล่าไม่รู้จักจบจักสิ้น ไม่เหมือนการพูดเล่น ฝ่ายตระกูลโค่วเหมือนต้องการจะใส่เต็มแรง
เป็นอย่างที่คาดไว้ มีคนก้าวออกนอกแถวตามมาอีก “ข้าน้อยเห็นด้วย ราชินีสวรรค์ปรนนิบัติฝ่าบาทมาหลายปี ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็พยายามแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะยังอ่อนเยาว์สดใส แต่ก็ต้องมีสักวันที่แก่ชรา หากถ่วงเวลาต่อไปอย่างนี้ ฝ่าบาทเองย่อมไม่มีปัญหา แต่เหนียงเหนียงล่ะ ถ้ายื้อเวลาไปจนเหนียงเหนียงกลายเป็นหญิงชรา จะให้เหนียงเหนียง ทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร?”
ไม่ใช่กำลังทำให้ประมุขชิงพะอืดพะอม แต่กำลังช่วยพูดให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่!
กลุ่มขุนนางตกใจทันที รีบมองไปที่โค่วหลิงซวี แล้วก็มองดูปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วท่าอีก ไม่น่าเชื่อว่าสองตระกูลนี้จะสมคบกันแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วมอบผลประโยชน์อะไรให้ตระกูลโค่ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีค่าถึงขั้นทำให้ตระกูลโค่ว กระโดดออกมาพูดเรื่องนี้เพื่อเขา?
อิ๋งจิ่วกวงรีบหันกลับไปส่งสายตาให้คนของตัวเอง นี่กำลังล้อเล่นอะไรกัน ถ้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่คลอดลูกชายให้ประมุขชิง อย่าว่าแต่ประมุขชิงจะต้องเห็นแก่หน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เลย อย่างน้อยก็ต้องคำนึงถึงฝั่งลูกชาย แบบนั้นก็จะต้องกดดันจ้านหรูอี้หนักมา อย่างไรเสียราชันสวรรค์ในอนาคตก็อยู่ตรงนั้นแล้ว ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่าควรยืนอยู่ฝ่ายไหน
มีกำลังพลสายอ๋องสวรรค์อิ๋งก้าวออกจากแถวทันที “ฝ่าบาท ข้าน้อยก็รู้สึกว่าฝ่าบาทฝ่าบาทควรจะมีทายาท โดยเร็วไว แต่ทายาทของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับทั้งใต้หล้าไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณธรรหรือสติปัญญาก็ล้วนต้องแบกรับหน้าที่ วังหลังมีพระสนมนับไม่ถ้วน ฝ่าบาทต้องตั้งใจ คัดเลือกให้ดีหน่อย ต้องเลือกสักคนที่สอดคล้องกับเงื่อนไข และคนที่สามารทำให้ฝ่าบาทพอใจ เพื่อให้กำเนิดทายาทให้ฝ่าบาทโดยเร็ว”
ที่บอกว่าทำให้ฝ่าบาทพอใจได้คืออะไรล่ะ ตอนนี้ผู้หญิงที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุดในวังหลังก็คือสนมสวรรค์ แบบนี้แปลว่าต้องการจะปลดราชินีสวรรค์ออก เซี่ยโห้วท่าที่กำลังหลับตาพักผ่อนมีหรือที่จะทนฟังได้ รีบส่งสายตาให้คนของตัวเองทันทีๆ
“เหลวไหลสิ้นดี!” มีคนในเครือข่ายของเซี่ยโห้วด่าอย่างโมโหทันที “บุตรของฮูหยินเอกคืออะไร บุตรของอนุภรรยาคืออะไร อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เข้าใจ? ตามลำดับอาวุธ ทายาทคนแรกของฝ่าบาทจะต้องถือกำเนิดจากฮูหยินเอกทั้งนั้น นอกจากราชินีสวรรค์แล้ว ใครจะมาเอาชนะได้? ถ้ามนุษย์ในโลกทำผิดระเบียบจารีต ก็จะก่อความวุ่นวายให้ครอบครัว ถ้าฝ่าบาททำให้จารีตวุ่นวาย ถึงตอนนั้นหากทุกคนพากันเอาเยี่ยงอย่างฝ่าบาท มีการแก่งแย่งระวังบุตรภรรยาเอกและอนุภรรยาทุกบ้าน ทุกครอบครัววุ่นวาย เช่นนั้นใต้หล้าก็จะวุ่นวายใหญ่แล้ว ความผิดนี้เจ้ารับผิดชอบไหวรึเปล่า?”
กำลังพลสายอ๋องสวรรค์โค่วกระโดดออกมากล่าวเสียงดังอีกว่า “ใช่แล้ว! ถ้ามีคนให้กำเนิดบุตรของอนุภรรยาเพราะมีเจตนาแอบแฝงบางอย่าง ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ตอบตกลง!”
กำลังพลสายอ๋องสวรรค์อิ๋งบอกว่า “ฝ่าบาทพิจารณาเองได้อยู่แล้ว!”
ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่การให้กำเนิดหรือไม่ให้กำเนิดแต่กลายเป็นปัญหาว่าใครจะเป็นผู้ให้กำเนิดทายาทของประมุขชิง กำลังพลสายอ๋องสวรรค์ก่วงกับกำลังพลสายอ๋องสวรรค์ฮ่าวเงียบงันไม่พูดอะไร พวกเขาไม่คัดค้านเช่นกันหากประมุขชิงจะให้กำเนิดทายาทโดยเร็ว และพูดไม่ออกด้วยว่าจะให้ประมุขชิงไม่มีทายาทสืบตระกูล การที่ประมุขชิงให้กำเนิดทายาทล้วนเป็นผลดีต่อทุกคน ในจุดนี้ทั้งตำหนักสวรรค์มีความเห็นตรงกัน มีเพียงประมุขชิงคนเดียวที่คลุมเครือตัดสินใจไม่ได้เสียที
กำลังพลสายอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ใส่เต็มที่เช่นกัน ถกเถียงกันกำลังพลสายอ๋องสวรรค์โค่วแล้ว แต่กำลังพลของสายอ๋องสวรรค์โค่วกับกำลังพลสายของตระกูลเซี่ยโห้วเน้นเรื่องทายาทสายตรงของภรรยาเอกตลอดกดดันจนฝ่ายของตระกูลอิ๋งรู้สึกว่าดันทุรังเถียงข้างๆ คูๆ
ประมุขชิงหน้ามืดหน้าดำแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าราชันสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานจะไม่มีสิทธิ์เลือกด้วยซ้ำว่าจะให้กำเนิดบุตรชายกับใคร เขาอยากจะฆ่าไอ้พวกเวรนี่ให้หมดจริงๆ ทว่านนั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แค่อีกฝ่ายโน้มน้าวให้เจ้ามีลูกชาย เจ้าก็จะฆ่าขุนนางใหญ่แล้วเหรอ?
เมื่อเห็นว่ากำลังพลสายอ๋องสวรรค์อิ๋งเสียเปรียบแล้ว อิ๋งจิ่วกวงก็เริ่มร้อนใจ ในการประชุมราชสำนักครั้งนี้จะปล่อยให้ขุนนางกดดันจนประมุขชิงยอมตอบตกลงไม่ได้ จึงพูดข่มประเด็นสนทนาทันที “ฝ่าบาทบอกแล้วว่าจะพิจารณา เดี๋ยวก็ย่อมพิจารณาเอง นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร คิดจะกดดันราชันเหรอ? โค่วหลิงซวี นี่คือความคิดของเจ้าใช่มั้ย?” ดวงตาฉายแววดุดัน อยากจะกดดันให้โค่วหลิงซวีแสดงท่าที
เมื่อยัดข้อหาใหญ่ให้ กอปรกับเอ่ยชื่อโค่วหลิงซวีโดยตรง ก็ทำให้เสียงถกเถียงในตำหนักเงียบลงทันที
“มีธุระก็คุยธุระ ทำไมการอภิปรายงานราชการของเหล่าขุนนางถึงกลายเป็นกดดันราชันไปแล้วล่ะ ถ้าไม่กล้าพูดอะไรสักอย่างเลย ยังจะให้ทุกคนมายืนอยู่ตรงนี้ทำไมอีก?” โค่วหลิงซวีกล่าวออกมาช้าๆ “ข้าเองก็กำลังไตร่ตรองความคิดของเหล่าขุนนางใหญ่เช่นกัน ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้าย เรื่องนี้ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
เขาไม่มีทางแสดงท่าทีง่ายๆ หรอก ถ้าแสดงท่าทีขึ้นมาเรื่องนี้ก็เอาคืนไม่ได้แล้ว จะไม่เหลือทางให้ถอยกลับแล้ว ในภายหลังถ้ากลับคำพูดก็จะเป็นเหมือนการตบปากตัวเอง อีกทั้งยังล่วงเกินตระกูลอิ๋งด้วย ถ้าไม่เห็นกระตาย ตระกูลเซี่ยโห้วก็จะไม่ปล่อยเหยี่ยว แล้วทำไมเขาจะทำแบบเดียวกันไม่ได้
ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้น ว่าการที่กำลังพลสายอ๋องสวรรค์โค่วกระโดดออกมาพูดเพราะมีโค่วหลิงซวีบงการอยู่เบื้องหลัง
เซี่ยโห้วท่าแอบด่าในใจ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ตระกูลโค่วพูดหมดจนไม่เหลือทางหนีทีไล่ตั้งแต่เริ่มต้นเลย
โค่วหลิงซวีเอ่ยชื่อโพ่จวิน สายตาของทุกคนจึงไปรวมอยู่ที่ตัวโพ่จวินแล้ว
ประมุขชิงจ้องใบหน้าโพ่จวินด้วยสายตาเย็นเยียบ กำลังแอบกดดันเขาอยู่
โพ่จวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า กุมหมัดคารวะกล่าวว่า “ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทรีบมีทายาท! และเห็นด้วยที่บุตรชายคนแรกของฝ่าบาทควรถือกำเนิดจากภรรยาเอก เพียงแต่ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วยากที่จะรับหน้าที่นี้ได้ ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทปลดราชินีสวรรค์ แต่งตั้งราชินีสวรรค์ใหม่ขอรับ!”
ประมุขชิงไฟเดือดดาลพุ่งพล่านสามจั้ง ถึงขั้นเกิดความคิดอยากจะประหารโพ่จวินแล้ว คนอื่นกดดันตนก็ว่าหนักแล้ว ขนาดลูกน้องคนสนิทก็ยังมากดดันตนไปด้วยอีก ตาแก่ปัญญาทึบนี่!
เขาพลันจ้องไปหาอู๋ฉวี่และพวกซือหม่าเวิ่นเทียน อยากจะให้เจ้าพวกนี้ช่วยเขาพูด
ใครจะคิดว่าเจ้าพวกนี้จะแสร้งทำเป็นไม่เห็น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจประมุขชิง
ประมุขชิงยิ่งคับแค้นจนกัดฟันกรอด แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าเรื่องรีบมีทายาทก็เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของลูกน้องคนสนิทของตนเช่นกัน ถ้าเขาข้ามผ่านด่านประตูผีไปไม่ได้ ทายาทของเขาก็จะยังเติบโตขึ้นมาได้ การที่ลูกน้องคนสนิทพวกนี้จะปกป้องลูกชายของเขาก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ทั้งสามารถรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาได้เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นก็พูดยากแล้วจริงๆ
ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ จึงไม่มีใครยืนอยู่ข้างประมุขชิงเลย ประมุขชิงหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างแท้จริง
แน่นอน ใช่ว่าประมุขชิงจะไม่ได้เตรียมตัวเรื่องแต่งตั้งทายาท เขาเคยคิดที่จะให้คำอธิบายนี้กับทุกคนเพื่อที่จะทำให้ทุกคนสงบใจ แต่เขาก็มีการเตรียมการของตัวเองอีกอย่างหนึ่ง เพราะว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เขายังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานมาก เรื่องตำแหน่งผู้สืบทอดไม่ได้อยู่ในขอบเขตเรื่องแรกๆ ที่เขาพิจารณาเลย ถ้าทายาทเติบโตเร็วเกินไป ก็จะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา เมื่อได้นั่งตำแหน่งนี้แล้วก็ไม่มีใครอยากถอยลงจากตำแหน่ง และเขาก็จะไม่ลงจากตำแหน่งเช่นกัน เลยต้องระงับเรื่องทายาทของตัวเองไว้ นี่คือเรื่องที่ทำให้คิดวนเวียนไม่จบสิ้น
กอปรกับปัญหาใหญ่ในใจยังไม่ถูกกำจัดทิ้งไป การดึงให้ครอบครัวลำบากไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร
นอกจากนี้ เขาก็ไม่ค่อยพอใจในตัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่สักเท่าไรด้วย ในปีนั้นถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก เขาก็คงไม่แต่งตั้งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นราชินีสวรรค์หรอก และสายเลือดของตระกูลเซี่ยโห้วก็เข้มข้นเกินไปจริงๆ ยังไม่เคยเห็นตระกูลเซี่ยโห้วให้กำเนิดใครที่หน้าตาสง่าภูมิฐานเลยสักคน หลังจากผู้หญิงของตระกูลเซี่ยโห้วแต่งงานออกไปแล้วก็มีสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ทำให้ประมุขชิงกังวลเรื่องหน้าตาของทายาทตัวเอง ถ้าเปลี่ยนเป็นจ้านหรูอี้ เขาคิดว่าก็อาจจะประนีประนอมได้ ทว่าพอได้ยินโพ่จวินบอกว่าจะปลดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เขาก็จินตนาการถึงปฏิกิริยาของตระกูลเซี่ยโห้วได้เลย
คำพูดของโพ่จวินยั่วโทสะเซี่ยโห้วท่าทันที ตึ้ง! เสียงไม้เท้ากระทุ้งพื้นอย่างแรง เซี่ยโห้วท่าพลันลุกขึ้นยืน ชี้ไปที่โพ่จวินพร้อมด่าว่า “ขุนนางกบฎ บังอาจกล่าวคำที่เนรคุณออกมาได้!”
โพ่จวินเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วแสยะหัวเราะอย่างไม่สนใจเขา
แต่อิ๋งจิ่วกวงกลับตาเป็นมันวาว ฮึกเหิมราวกับโดนฉีดเลือดไก่ กระโดดออกมาพูดด้วยตัวเองเลยว่า “คำพูดของผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้าย ข้าน้อยเห็นด้วย!” เขาย่อมรู้ว่าเมื่อใดที่ปลดราชินีสวรรค์ ก็จะมีความมั่นใจที่สุดว่าจ้านหรูอี้จะได้ขึ้นนั่งตำแหน่งราชินีสวรรค์
“ข้าน้อยเห็นด้วย!” กำลังพลสายอ๋องสวรรค์อิ๋งทั้งหมดกล่าวตามทันที
“หึหั!” โพ่จวินแสยะยิ้มอีกครั้ง แล้วกุมหมัดต่อประมุขชิงอีก “สนมที่ขุนนางในราชสำนักส่งเข้าวัง ทุกคนล้วนมีความน่าสงสัยว่าจะแทรกแซงการเมือง ไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งราชินีสวรรค์เลย ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งสตรีที่ทั้งงดงามทั้งเพียบพร้อมด้วยสติปัญญาและคุณธรรมขึ้นเป็นราชินีสวรรค์!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ก็เท่ากับล่วงเกินทุกคนไปแล้ว
“โพ่จวิน พูดจาเหลวไหลสิ้นดี!”
มีคนตำหนิต่อว่าเป็นโขยงทันที คนส่วนใหญ่ล้วนกำลังด่าจนยับเยิน ให้ความรู้สึกเหมือนโดนคนเป็นหมื่นเป็นพันชี้หน้าด่ากราด
“พอแล้ว! ราชินีสวรรค์คือมารดาแห่งใต้หล้า จะพูดเรื่องปลดได้อย่างไร หุบปากให้หมด จบการประชุม!” ประมุขชิงลุกขึ้นยืนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด พอสะบัดแขนเสื้อ ตัวเองก็หนีไปก่อนแล้ว จะไม่ฉวยโอกาสรีบหนีไปตอนนี้คงไม่ได้แล้ว ถ้าพัวพันอยู่ต่อไป เขาจะตอบตกลงเรื่องให้กำเนิดหรือไม่ตอบตกลงดีล่ะ?
ประมุขชิงหนีไปแล้ว ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนจะแยกย้ายกันไปอย่างช้าๆ คนที่เมื่อครู่นี้ยังถกเถียงกันอยู่ ผ่านไปประเดี๋ยวเดียวก็จับกลุ่มสองสามคนสุมหัวกระซิบกระซาบเดินออกไปด้วยกันแล้ว
เซี่ยโห้วท่าที่นั่งอยู่ในมุมมองทิศทางที่ประมุขชิงเดินจากไป มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ นอกเสียจากข้าจะไม่ได้เข้าประชุมในราชสำนักอีกเลยตลอดไป ไม่อย่างนั้นข้าจะกดดันให้เจ้าตอบตกลงให้ได้
หันกลับไปเห็นโค่วหลิงซวียังชักช้าอยู่ข้างหลังสุด เซี่ยโห้วท่าจึงลุกขึ้นเดินไปหา จากนั้นทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน แล้วกล่าวอย่างสบายใจว่า “เรื่องที่ตลาดผีท่านอ๋องวางใจได้”
วันนี้คนในเครือข่ายของอ๋องสวรรค์โค่วทำงานเต็มที่ในการประชุมราชสำนักแล้ว สิ่งที่พวกโค่วหลิงซวีรอก็คือประโยคนี้ จึงชี้ไปที่ธรณีประตูอย่างร่าเริงทันที “ท่านปู่สวรรค์กลับดีๆ”
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กำลังเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ ชะโงกหน้ามองไปทางประตูเป็นระยะ
นางได้ข่าวมาจากตระกูลเซี่ยโห้วตั้งแต่แรกแล้ว ว่าตระกูลโค่วจะพยายามเต็มที่เพื่อช่วยให้นางมีอำนาจในการคลอดบุตรชาย ทำให้นางตื่นเต้นประหลาดใจจริงๆ ขอเพียงตัวเองให้กำเนิดโอรสสวรรค์ มารดามีวาสนาเพราะลูกชาย เช่นนั้นตำแหน่งของนางที่วังหลังนี้ก็จะไม่สั่นคลอนแล้ว อย่างไรเสียก็มีอยู่จุดหนึ่งที่นางรู้ชัด ว่านางจะต้องอายุยืนกว่าประมุขชิงแน่นอน ถ้าประมุขชิงข้ามประตูผีนั่นไปไม่ได้ ลูกชายนางก็จะได้ขึ้นตำแหน่งราชันต่อ ถึงตอนนั้นฐานะของนางก็จะเหนือราชันสวรรค์แล้ว จะไม่ให้นางตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร!
…………………………