พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1592 มีช่องโหว่
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พวกอวิ๋นจือชิวก็เหลือบมองเงาไห่ผิงซินวิ่งหนีไปแล้วกลั้นขำเหมือนกัน
เหมียวอี้ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ทว่าข้างหูกลับได้ยินหยางชิ่งถ่ายทอดเสียงมา “นายท่าน ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นที่โรงเตี๊ยมไร้กังวลนอกจวนแม่ทัพภาค ข้าส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว คาดว่าคนของตึกศาลาสัตยพรตคงลงมือจับตัวใครได้ และนอกจวนแม่ทัพภาคก็มีคนโดนจับไปอย่างต่อเนื่องโดยไร้สาเหตุ คนที่กล้าเคลื่อไหนต่อเนื่องกันนอกจวนแม่ทัพภาคแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นตึกศาลาสัตยพรต แต่จนกระทั่งวันนี้พวกเราก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
เหมียวอี้หันกลับมาอย่างอึ้งๆ ก่อนหน้านี้เขาก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน ถึงแม้คนของแม่ทัพภาคตลาดผีจะมีไม่เยอะ มีแค่กำลังพลหนึ่งพัน ยากที่จะสร้างความเคลื่อนไหวที่ตลาดผีได้ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นที่นอกจวนแม่ทัพภาค จะไม่ให้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็คงยาก ก่อนหน้านี้หยางชิ่งก็บอกไว้แล้ว เมื่อครั้งนี้มาพูดขึ้นอีกครั้ง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเตือน
เรื่องนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด พอหยางชิ่งมาก็พยายามวางงานให้ลูกน้องทันที เหมียวอี้ก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้เช่นกัน ไม่อาจะปล่อนให้ตาสองข้างมดมัว ฝากความหวังทุกอย่างเอาไว้กับการปกป้องจากคนอื่น หากเกิดเรื่องขึ้นมาอย่างน้อยก็สามารถต่อต้านได้ ไม่ถึงขั้นโดนคนเอาดาบมาจ่อที่คอแล้วถึงจะรู้
เมื่อได้ยินคำเตือนนี้ เหมียวอี้ก็รีบมองยังเจียงอีอีที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปทางหยางชิ่งอีกครั้ง ก่อนจะถ่ายทอดเสียงถามว่า “เจ้าหมายความว่า เสียงความเคลื่อนไหวข้างนอกเป็นตึกศาลาสัตยพรตกำลังจับตัวเขาเหรอ?”
หยางชิ่งบอกว่า “ยังฟันธงไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ นายท่านลองจินตนาการดูสักหน่อยสิ ถ้าตึกศาลาสัตยพรตจับตัวเจียงอีอีได้นอกจวนแม่ทัพภาคจริง แล้วเจ้าเจียงอีอีมาปรากฏตัวอยู่นอกจวนแม่ทัพภาคเพราะคิดจะทำอะไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เหมียวอี้ก็ตกใจกลัวทันที โจรราคะเจียงอีอีเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง มีชื่อเสียงได้เพราะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องให้คนอื่นเตือนแล้ว กอปรกับเขาก่อเรื่องที่น่านฟ้าระกาติงแล้วให้เจียงอีอีเป็นแพะรับบาป ตอนนี้เจียงอีอีก็มาโผล่ที่นอกจวนแม่ทัพภาคตลาดผีอีก โจรราคะคนนี้คิดจะทำอะไร เกรงว่าต่อให้เจ้าไม่อยากจะคิดไปทางนั้นแต่ก็ต้องคิดไปทางนั้น
เขาสบตากับหยางชิ่งแล้ว หยางชิ่งพยักหน้าเบาๆ ราวกับกำลังบอกว่าเขาก็เดาแบบนี้เช่นกัน
เหมียวอี้รีบมองไปทางอวิ๋นจือชิว แล้วก็มองไปบนตัวเจียงอีอีอีก ตอนนี้ในดวงตาไร้แววเห็นอกเห็นใจแล้ว สิ่งที่เจ้ามาแทนที่คือเจตนาสังหาร!
ว่ากันตามจริง ก่อนหน้านี้เขายังไม่เคยคิดจะฆ่าเจียงอีอี ถึงแม้จะทำให้เจียงอีอีเป็นแพะรับบาปที่น่านฟ้าระกาติง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรนอกจากนั้น ต่อให้เจียงอีอีตกอยู่ในมือตำหนักสวรรค์แล้วบอกว่าตัวเองไม่เคยไปก่อเรื่องที่น่านฟ้าระกาติง แต่แล้วอย่างไรล่ะ? ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเจียงอีอีตัวปลอมมีความเกี่ยวข้องกับเหมียวอี้อยู่ดี
เดิมทีเขาเตรียมจะส่งตัวเจียงอีอีแบบเป็นๆ ไปให้ตำหนักสวรรค์สอบสวน แบบนี้จะมีค่าต่อตำหนักสวรรค์สูงกว่า ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เขาไม่ถือสาที่จะนำของขวัญจากตึกศาลาสัตยพรตไปแลกเป็นผลงานที่ตำหนักสวรรค์ ทว่าในตอนนี้ เขาสงสัยว่าโจรราคะกำลังคิดจะทำอะไรอวิ๋นจือชิว ขนาดหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงผู้สง่าผ่าเผยเขายังไม่ทนเลย แล้วจะทนโจรราคะคนนี้ได้อย่างไร?
เขาไม่อยากฆ่าเจียงอีอีก็เพราะเขารู้ว่าเจียงอีอีเป็นคนของสมาคมวีรชน และเบื้องหลังของสมาคมวีรชนก็คือประมุขชิง ไม่อยากสร้างปัญหาอะไร และสาเหตุที่เขาอยากจะฆ่าเจียงอีอีทิ้งตอนนี้ ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนของสมาคมวีรชน ถ้าให้เจ้าโจรนี่ตกอยู่ในมือของตำหนักสวรรค์ เขาก็ไม่กล้าแน่ใจว่าตำหนักสวรรค์จะฆ่าเจ้าโจรคนนี้แน่หรือไม่ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าโจรนี่คิดจะแตะต้องอวิ๋นจือชิว มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เกิดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง!
เขาแทบจะตัดสินใจได้ในชั่วพริบตาเดียว ว่าเจ้าโจรนี่มันรนหาที่ตาย! เขาเตรียมจะส่งศพเจียงอีอีให้ตำหนักสวรรค์ ต่อให้ตำหนักสวรรค์จะอ้างว่ายังสืบคดีในปีนั้นของเจียงอีอีได้ไม่ชัดเจนและตำหนิที่เขาฆ่าคนร้ายตายเขาก็ไม่เสียดาย ต่อให้เป็นเจียงอีอีที่ตายไปแล้ว แต่ก็นับว่าได้ผลงานอยู่ดี
พวกเหยียนซิวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่ลอยขึ้นมาบนตัวเหมียวอี้ ทุกคนแอบตกใจ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้หยางชิ่งแอบพูดอะไรกับเหมียวอี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยั่วให้เหมียวอี้คิดจะลงมือสังหารโจรหลบหนีอย่างเจียงอีอี
“ดูจากสภาพนี้ของเขา เหมือนตึกศาลาสัตยพรตจะสอบสวนเขามาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าสอบสวนได้ความอะไรบ้าง แต่ตึกศาลาสัตยพรตส่งคนมาแบบนี้ แต่กลับไม่ยอมบอกว่าจับเจียงอีอีมาจากไหน ทำให้ข้าน้อยรู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อย ข้าน้อยสงสัยว่าข้างในจะมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่า!” หยางชิ่งแอบบอกเพิ่มอีก เหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าเหมียวอี้จะต้องฆ่าเจียงอีอีหรือไม่
เหมียวอี้เหมือนจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนี้ ไม่ว่าจะมีเงื่อนงำหรือไม่ เขาก็ไม่อยากปล่อยให้เจียงอีอีมีชีวิตรอดออกไป!
ทว่าในตอนนี้เอง เหออี้กวนก็ปรากฏตัวอยู่ด้านนอก แล้วรายงานว่า “นายท่าน!”
“เข้ามา!” เหมียวอี้กล่าวเสียงเย็น
เหออี้กวนเขามาแล้วกุมหมัดคารวะต่อทุกคน ก่อนจะเดินมารายงานข้างกายเหมียวอี้ “นายท่าน ด้านนอกมีข่าวแพร่ออกไปทั่วแล้ว บอกว่าจวนแม่ทัพภาคของพวกเราจับตัวโจรราคะเจียงอีอีได้” สายตาเหลือไปมองเจียงอีอีที่นอนแน่นิ่งปางตายอยู่บนพื้น
เหมียวอี้มองไปที่หยางชิ่งอย่างประหลาดใจ ราวกับกำลังถามว่า ทางนี้เพิ่งได้จะตัวคน ทำไมด้านนอกมีข่าวลือแล้วล่พ?
หยางชิ่งแววตาวูบไหว แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอย่างไม่ลังเลว่า “นายท่าน ตึกศาลาสัตยพรตเป็นผู้ปล่อยข่าวแน่นอน ไม่อย่างนั้นข่าวคงไม่เร็วขนาดนี้ เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอะไรที่พวกเราไม่รู้แน่นอน!” เขากันกลับมาบอกเหออี้กวนว่า “ผู้บัญชาการใหญ่เหอ รบกวนท่านไปสืบอีกรอบ ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรอีกก็ให้รายงานนายท่านทันที!”
เหออี้กวนมอบเหมียวอี้แวบหนึ่ง เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่ว่าอะไร ก็กุมหมัดคารวะทันที แล้วรีบออกไปจัดการ
เหมียวอี้จมอยู่ในความคิด เพียงแต่คิดไม่ตกว่าการที่ตึกศาลาสัตยพรตทำแบบนี้หมายความว่าอะไร ภายใต้อารมณ์ความคิดที่ไม่ชัดเจน เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถ่ายทอดเสียงบอกหยางชิ่งว่า “ข้าจะบอกความลับเจ้าอย่างหนึ่ง เจียงอีอีเป็นคนของสมาคมวีรชน” ให้หยางชิ่งรู้มากขึ้นอีกหน่อย หวังจะอาศัยหัวสมองของหยางชิ่งเพื่อหาคำตอบด้วย
หยางชิ่งตกใจ รีบถ่ายทอดเสียงถามว่า “นายท่านแน่ใจนะ?”
เหมียวอี้ตอบว่า “ในการทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิตในปีนั้น เจียงอีอีก็อยู่ในรายชื่อประกาศจับเหมือนกัน ข้าบังเอิญได้รู้ช้อมูลนี้มา เพียงแต่เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของตำหนักสวรรค์ ข้าไม่เคยเปิดเผยกับใครมาก่อน”
จู่ๆ หยางชิ่งที่แววตาร้อนรนวูบไหวก็กล่าวว่า “เกรงว่าตึกศาลาสัตยพรตคงจะสืบจนรู้อะไรบางอย่างจากเจียงอีอีแล้ว ถ้าความลับนี้เผยออกไป จะต้องทำให้ตำหนักสวรรค์อับอายจนโมโหแน่นอน!”
“ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าบอกนะ แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ข้าคิดไม่ตก ถ้าตึกศาลาสัตยพรตสืบได้อะไรจากตัวเขาจริงๆ ทำไมต้องปล่อยให้เขารอดชีวิตออกไปล่ะ ถ้าเขาตกอยู่ในใอตำหนักสวรรค์ ตำหนักสวรรค์ก็ย่อมถามเขาว่าได้เปิดเผยความลับของตำหนักสวรรค์ให้ตึกศาลาสัตยพรตรู้หรือเปล่า ตายไปพร้อมกับหลักฐานไม่ดีกว่าเหรอ?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งจึงอธิบายว่า “นายท่าน จะพิจารณาทุกเรื่องตามนั้นหมดไม่ได้ แบบนั้นจะติดกับดักคนอื่น นายท่านลองคิดในทางกลับกันดูสักหน่อย ถ้าตึกศาลาสัตยพรตต้องการจะอาศัยปากของเจียงอีอีปิดบังความจริงว่าพวกเขารู้แล้ว แบบนั้นก็จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว! ความลับส่วนตัวแบบนี้เป็นอันตรายสำกรับพวกเรา เพราะพวกเราไม่มีคุณสมบัติจะไปงัดข้อกับตำหนักสวรรค์ แต่สำหรับตึกศาลาสัตยพรตนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าบีบจุดอ่อนนี้ไว้ เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ใช้บีบตำหนักสวรรค์ได้ สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก นายท่าน ถ้าเจียงอีอีคนนี้เป็นคนของสมาคมวีรชนจริง การที่เขาตกอยู่ในใอตึกศาลาสัตยพรตแบบนี้ ตำหนักสวรรค์ต้องร้อนใจแน่นอน ตำหนักสวรรค์ต้องอยากรู้แน่ว่าเจียงอีอีได้เปิดเผยความลับหรือเปล่า นายท่าน เราจะฆ่าเจียงอีอีคนนี้ไม่ได้ ถ้าตายอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ไม่สู้ส่งตัวขึ้นไปตามแผนของตึกศาลาสัตยพรตเถอะ ด้วยกำลังเล็กน้อยของพวกเรา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก ไม่อย่างนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก ตอนนี้เงียบไว้ดีกว่าเคลื่อนไหว นายท่านรับผลงานนี้ไปโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรก็พอ”
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้กลับตอบเสียงเย็นน่ากลัวว่า “แล้วที่ตำหนักสวรรค์ส่งเจียงอีอีมาที่นอกจวนแม่ทัพภาคมันหมายความว่าอะไรล่ะ?”
“เฮ้อ!” หยางชิ่งถอนหายใจแล้วบอกว่า “แล้วจะให้ข้าน้อยเปลืองคำพูดมากมายทำไม คาดว่านายท่านคงมีคำตอบในใจแล้ว”
เหมียวอี้ทำสีหน้ามืดครึ้มค่ำเคร่งโดยไม่ตอบอะไร…
“อะไรนะ? คนตกอยู่ในมือจวนแม่ทัพภาคตลาดผีแล้ว? ยืนยันได้มั้ย?”
ตระกูลหวงฝู่ ในจุดลึกของลานบ้านด้านใน หวงฝู่เลี่ยนคงได้ยินข่าวแล้วหันกลับมาถามอย่างตกใจ
หวงฝู่เยี่ยนที่ตามอยู่ข้างหลังตอบว่า “ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ขอรับ แต่ทางตลาดผีมีข่าวลือแล้ว”
“แล้วทำไมยังไม่ไปสืบมาให้ชัดเจนอีก? หรือต้องรอให้คนของพวกเราโจมตีเข้าไปในตึกศาลาสัตยพรตจนเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่ได้เอากระดูกมาแขวนคอก่อน?” หวงฝู่เลี่ยนคงถาม
หวงฝู่เยี่ยนตอบว่า “พวกระดับล่างของจวนแม่ทัพภาคตลาดผีไม่รู้สถานการณ์ แถมพวกหนิวโหย่วเต๋อก็มาใหม่ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางติดต่อได้ ถ้าคนตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว คาดว่าหนิวโหย่วเต๋อคงจะรายงานขึ้นไป ไม่แน่ว่าเบื้องบนอาจจะรู้สถานการณ์แล้วก็ได้ ทำไมท่านพ่อไม่ถามเบื้องบนล่ะ?”
“เหลวไหล! ถ้าแม้แต่เรื่องแค่นี้ยังสืบเองไม่ได้ ในเวลานี้เจ้าจะให้ข้าอธิบายกับเบื้องบนยังไงล่ะ? เจ้ากลัวว่าเบื้องบนจะรำคาญพวกเราไม่พอเหรอ?” ใบหน้าชราของหวงฝู่เลี่ยนคงแทบจะดันเข้าไปหาใบหน้าลูกชาย แล้วโบกมือชี้ไปด้านนอก “จวินโหรวหลานสาวคนนั้นของเจ้ารู้จักกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าไม่รู้จักติดต่อกับนางบ้างล่ะ?”
“ความัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนจะไม่ดีสักเท่าไร ถ้าไปสืบเรื่องแบบนี้จะไม่เปินการเปิดโปงว่าเกี่ยวข้องกับพวกเราหรอกเหรอ?”
“เจ้าให้นางสืบถามอ้อมๆ หน่อยไม่ได้รึไง?”
หวงฝู่เยี่ยนเถียงอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ
ในตึกเล็กหลังหนึ่งที่เงียบสงบ หลังจากหวงฝู่ตวนหรงได้รับข้อความจากบิดา ก็หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สายตาเหม่องงเล็กน้อย
ไม่ง่ายเลยกว่านางจะตัดสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวกับหนิวโหย่วเต๋อได้ แต่ท่านพ่อกลับให้ลูกสาวนางติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋ออีก แบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ? แต่จนใจที่นางไม่อาจอธิบายเรื่องบางเรื่องให้บิดารู้ได้ และท่าทีของบิดาก็แข็งกร้าวมาก ทำท่าราวกับว่าต้องติดต่อใหได้ ทั้งยังให้ให้นางเร่งดำเนินการด้วย!
นางเองก็ไม่มีหนทางแล้วเช่นกัน รู้ว่าเจียงอีอีนั่นจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญอะไรแน่นอน จะต้องเกี่ยวข้องกับคนหลายส่วน ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงขั้นไม่ยอมรับแม้กระทั่งคำอธิบายของนาง
ไม่มีหนทางแล้ว ระฆังดาราที่ลูกสาวใช้ติดต่อหนิวโหย่วเต๋อก็ถูกนางทำลายไปแล้ว ส่วนลูกสาวก็ถูกย้ายให้ไปทำงานที่ตลาดสวรรค์อีกแห่งหนึ่ง นางทำได้เพียงรีบออกเดินทางไปหาลูกสาวตัวเอง
แต่หวงฝู่เยี่ยนก็ไม่สะดวกจะบอกนางให้ชัดเจนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ดังนั้นนางจึงไม่รู้เลยว่ากว่าจะไปหาลูกสาวได้ก็ เรื่องราวก็สายไปแล้ว
ที่น่าขำกว่านั้นก็คือ ผ่านไปไม่นาน ทางหวงฝู่เลี่ยนคงก็ได้รับรายงานจากเบื้องบนอีก บอกว่าทางหนิวโหย่วเต๋อรายงานขึ้นมาแล้ว ว่าเจียงอีอีอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ เบื้องบนให้สมาคมวีรชนหยุดเตรียมโจมตีตึกศาลาสัตยพรตก่อน
สองพ่อลูกตระกูลหวงฝู่โล่งอก คนตกอยู่ในมือจวนแม่ทัพภาคตลาดผีแล้วก็ดี เบื้องบนคงจะมีวิธีการแก้ปัญหา
เบื้องบนของตระกูลหวงฝู่ทำอะไรไม่ถูกเพราะเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนนี้สองพ่อลูกตระกูลหวงฝู่ต่างก็กำลังคิดว่าจะกำจัดผลกระทบที่จะตามมาในภายหลังอย่างไร ไม่น่าเชื่อว่าจะลืมเรื่องที่สั่งไว้กับหวงฝู่ตวนหรงแล้ว อย่างไรเสียฝั่งหวงฝู่จวินโหรวจะถามได้ความอะไรหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว แต่ถ้าได้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ยิ่งดี ถ้าไม่ได้ข่าวก็ไม่เป็นอะไร
วังสวรรค์ ซ่างกวนชิงที่ถ่ายทอดคำสั่งต่อสมาคมวีรชนแล้วกำลังเดินไปเดินไปอย่างกระวนกระวายอยู่ในวังสวรรค์
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนก็มาถึงพร้อมกัน ซ่างกวนชิงรีบเข้าไปต้อนรับแล้ว
…………………………