พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1602 เจ้าช่างโหด!
วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร
พอเกาก้วนที่มาพร้อมซือหม่าเวิ่นเทียนเอ่ยปากรายงาน ประมุขชิงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะยาวก็ลุกขึ้นทันที แล้วจ้องตรงมาด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ “ตายแล้วเหรอ? ทำไมถึงฆ่าตัวตายได้? หน่วยตรวจการขวาของเจ้าทำงานกันยังไง แค่เรื่องเล็กๆ ก็ยังจัดการได้ไม่ดีเลย พวกเจ้ายังจะไปทำอะไรได้อีก?”
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ไม่ใช่ว่าเบื้องล่างทำงานได้ไม่ดี แต่เป็นเพราะเรื่องนี้กะทันหันเหินไป แต่เป็นเพราะเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป…” เกาก้วนที่กุมหมัดคารวะรายงานอย่างละเอียด
“น้องสาวเหรอ? ทำไมวุ่นวายเละเทะไปหมด เจียงอีอีพูดจาไร้เหตุผลแล้วฆ่าตัวตาย หมายความว่าอะไร?” ประมุขชิงใช้สองมือยันบนโต๊ะ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าฟังไม่ออกว่ามีจุดที่น่าสงสัย เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังมีเรื่องปิดบังอยู่ แต่พวกเจ้าดันไม่สืบให้ลึก ปล่อยไปอย่างนั้นน่ะเหรอ?”
เกาก้วนตอบทันทีว่า “ข้าน้อยก็คิดว่ามีเรื่องปิดบังอยู่เช่นกัน ก่อนตายเหมือนเจียงอีอีจะบอกอะไรกับใครเอาไว้ ถ้าข้าน้อยเดาไม่ผิด คาดว่าผู้การซ่างกวนน่าจะรู้ชัด”
ทุกคนมองไปที่ซ่างกวนชิงพร้อมกัน ซ่างกวนชิงขัดเขินและลังเลเล็กน้อย
ประมุขชิงสบตาเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “เจ้ารู้อะไรบ้าง ยังไม่รีบบอกมาอีก?”
ใบหน้าชราของซ่างกวนชิงแสดงอาการเก้อเขินในขณะที่ตอบ “เหมือนว่าทางสมาคมวีรชนจะทำไปเพื่อควบคุมเจียงอีอี เหมือนจะจับน้องสาวของเขาไว้เป็นตัวประกัน สงสัยเจียงอีอีจะใช้ความตายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เพื่อพิสูจน์ว่าถึงแม้ตัวเองจะโดนทรมานมาเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้สารภาพอะไรทั้งนั้น”
เหมือนจะ? ซือหม่าเวิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย
ประมุขชิงอึ้งไปชั่วขระ เหลือบมองซ่างกวนชิงศีรษะจดเท้า พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว บอกว่า ‘เหมือนจะ’ หมายความว่าอะไรล่ะ ตาแก่นี่รู้ชัดอยู่แก่ใจแน่ๆ ต้องมีเรื่องแบบนั้นแน่นอน เพียงแต่เรื่องลับลวงพรางไร้ยางอายแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเลวทรามต่ำช้าเกินไป ไม่สะดวกจะพูดออกมาก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สืบถามให้ลึกอีกแล้ว เพราะเขาเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องคนข้างล่างก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ถ้าจะจัดการเรื่องราวให้เสร็จเรียบร้อย ก็อาจต้องใช้วิธีการที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไฟโกรธของประมุขชิงดับลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว จึงค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง “ยอมตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์! นั่นก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเขายังไม่ได้สารภาพอะไรออกไป”
ซ่างกวนชิงไม่กล้ารับประกันสิ่งที่อาจจะทำให้ตกตะลึงได้ในภายหลัง “ยังต้องดูปฏิกิริยาของตึกศาลาสัตยพรตก่อนถึงจะแน่ใจได้ขอรับ”
“ทางหนิวโหย่วเต๋อล่ะ?” ประมุขชิงเหล่ตาถาม “ตอนนี้เขากับโค่วหลิงซวีร่วมหัวจมท้ายกัน เจียงอีอีซุ่มโจมตีอยู่นอกจวนแม่ทัพภาค เจ้ากล้ารับประกันเหรอว่าหนิวโหย่วเต๋อจะไม่ลองง้างปากเจียงอีอี?”
“เอ่อ…” ซ่างกวนชิงลังเล ไม่กล้ารับประกันเรื่องนี้
เกาก้วนเอ่ยขึ้นว่า “ตามที่เจียงอีอีบอกไว้ก่อนตาย หนิวโหย่วเต๋อยังไม่เคยสอบสวนเขา”
ประมุขชิงย้ายสายตา “ถ้าเจียงอีอีปิดบังเรื่องที่สารภาพกับตึกศาลาสัตยพรตไป จะไม่ปิดบังเรื่องที่สารภาพกับจวนแม่ทัพภาคเชียวหรือ? เรื่องนี้ไม่ว่าจะมองยังไงข้าก็รู้สึกว่ามีเงื่อนงำ ถ้าจะฆ่าตัวตายแล้วทำไมต้องฆ่าตัวตายตอนส่งตัว ทำไมจึงกลับมาพูดให้ชัดเจนก่อนไม่ได้ ถ้าอยากจะตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จะทำหลังจากกลับมาแล้วไม่เหมาะสมกว่าหรือ?”
เกาก้วนตอบว่า “อาจจะเป็นเพราะหลังจากกลับมาแล้วไม่มีโอกาสให้ฆ่าตัวตายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ถ้าเขาไม่ฉวยโอกาสตอนคลายผนึกพลังอิทธิฤทธิ์เพื่อระเบิดเส้นชีพจรตัวเอง เขาก็ไม่มีโอกาสได้ฆ่าตัวตายเลย”
“งั้นเหรอ?” ประมุขชิงแสยะยิ้ม ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่ยืนเงียบมาตลอดถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ฝ่าบาท ตามที่สายลับที่ส่งไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อรายงานกลับมา หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้สอบสวนเจียงอีอีจริงๆ ขอรับ ได้แต่ครุ่นคิดว่าตึกศาลาสัตยพรตส่งตัวเจียงอีอีมาให้เขาเพราะมีเจตนาอื่นอะไร ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรเจียงอีอี หนิวโหย่วเต๋อเองก็คิดไม่ถึงว่าเจียงอีอีจะฆ่าตัวตาย”
ประมุขชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าสงสัยบนใบหน้าเขาก็เริ่มหายไปทีละนิด
เกาก้วนกับซ่างกวนชิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็สัมผัสได้ว่าซือหม่าเวิ่นเทียนกำลังแอบถ่ายทอดเสียงบอกประมุขชิง ไม่รู้ว่ากำลังแอบสื่อสารอะไรกัน ได้ยินเพียงประมุขชิงแสยะหัวเราะ “คอยดูต่อไปเถอะ ดูว่าตาแก่เซี่ยโห้วนั่นจะกบฏรึเปล่า ถ้ากบฏจริง ตาแก่ที่สมควรตายอย่างเจ้าถึงจะเด็ดหัวกลับไปขอโทษใต้หล้า!” เขาชี้หน้าซ่างกวนชิงและด่ายับเยินอีกรอบ แล้วก็สะบัดชายเสื้อเดินจากไปเลย
ซ่างกวนชิงก้มหน้าก้มตา ในใจเขารู้ดี ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาจริงๆ มีใครไม่รู้บ้างล่ะว่าเขาเป็นคนควบคุมสมาคมวีรชน มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะได้ออกมาเป็นแพะรับบาป ถ้าเขาไม่ออกมาเป็นแพะรับบาป แล้วจะให้ประมุขชิงออกหน้ามาแบกรับชื่อเสียงที่ต่ำทรามนี้เหรอ? ประมุขชิงเป็นคนที่รักหน้าตาศักดิ์ศรี อยู่อย่างสูงส่งมานานจนเคยชินแล้ว ศักดิ์สิทธิ์จนไม่อาจจะมาล่วงเกิน มีหรือที่จะรับสิ่งนี้ไหว
รอจนกระทั่งประมุขชิงออกไปแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนก็เดินมาข้างกายซ่างกวนชิง เหมือนจะเดาความคิดออกแล้ว จึงตบหน้าเขาแล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฝ่าบาทพูดเพราะอารมณ์โกรธเฉยๆ ใครก็รู้ทั้งนั้น ว่าถ้าเปิดเผยเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีผลดีกับเซี่ยโห้วเลยสักนิด อย่างมากตระกูลเซี่ยโห้วก็เอาเรื่องนี้มาบีบ ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วรู้แล้วจริงๆ ก็อาจจะเอามาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ฝ่าบาทก็จะยอมถอยให้เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำถึงขั้นเอาหัวเจ้าไปขอโทษใต้หล้า!”
“เฮ้อ! ทำพลาดได้ยังไงกันนะ เจียงอีอีคนนี้ไม่เคยพลาดเลย!” ซ่างกวนชิงส่ายหน้าถอนหายใจ
ซือหม่าเวิ่นเทียนประสานสองมือไว้ในแขนเสื้อ “จะพลาดไม่พลาดก็ต้องดูว่าฝ่ายตรงจามคือใคร ถ่อไปลงมือใต้หนังตาตึกศาลาสัตยพรตแล้ว ยังจะจะส่งเจียงอีอีที่พัวพันกับเรื่องสำคัญหลายเรื่องอีกเหรอ ขนาดข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าคิดได้ยังไง เจ้าช่างทำออกมาได้”
ซ่างกวนชิงมองไปรอบๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ตอนนั้นฝ่าบาททนความลำพองใจของตาแก่โค่วไม่ได้ ดันทุรังจะป่วนหนิวโหย่วเต๋อกับอวิ๋นจือชิวนั่นให้ได้ แล้วหนิวโหย่วเต๋อดึงเจียงอีอีมาเกี่ยวข้องกับน่านฟ้าระกาติงพอดี นี่ก็คือเรื่องที่เอาเจียงอีอีมาใช้งานได้ ก็ฝ่าบาทไม่อยากแบกรับคำด่าหรือว่าตกเป็นที่ต้องสงสัยไง ถ้าข้าไม่ส่งเจียงอีอีไปแล้วจะส่งใครไปล่ะ? ข้าบอกไม่ได้นี่ว่าเรื่องนี้มันยาก รอให้เจอวิธีการที่เหมาะสมกว่านี้แล้วค่อยว่ากัน ถ้าข้าบอกแบบนั้นไปจริงๆ เจ้าเชื่อมั้ยว่าฝ่าบาทจะรังเกียจที่ข้าไร้ประโยชน์ แบบนั้นข้าจะโดนด่าเสียหมามั้ยล่ะ? พวกเจ้าคิดว่าฝ่าบาทไม่รู้จักตัวตนของเจียงอีอีจริงๆ สินะ?” พูดแบบนี้นับว่าแอบบอกเล่าความทุกข์ในใจแล้ว
เกาก้วนกับซือหม่าเวิ่นเทียนส่งสายตาให้กัน ไม่ต้องบอกเล่าความทุกข์อะไรทั้งคู่ก็เข้าใจอยู่ดี ถ้าไม่มีประมุขชิงชี้แนะ ซ่างกวนชิงก็ย่อมไม่บุ่มบ่ามไปสู้กับตระกูลโค่วอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องบางเรื่องรู้อยู่ใจก็พอ ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ก็เท่านั้นเอง
ซือหม่าเวิ่นเทียนกุมหมัดไอแห้งๆ แล้วย้ายประเด็นสนทนาออกจากตัวประมุขชิง “เจ้านี่ก็นะ ทำเรื่องแบบนี้ก็บุ่มบ่ามลงมือโดยไม่วางแผนให้รอบคอบก่อน จะโทษใครได้ล่ะ?”
ซ่างกวนชิงยักไหล่ “จะไม่วางแผนให้รอบคอบได้ยังไง? ระวังจนไม่รู้จะระวังยังไงแล้ว ที่สำคัญคือเจียงอีอียังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ยังไม่ทันเผยพิรุธอะไรก็พลาดแล้ว ข้าได้รับความไม่ยุติธรรมมั้ยล่ะ ขนาดข้ายังสงสัยเลยว่าตึกศาลาสัตยพรตทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้หรือเปล่า”
ซือหม่าเวิ่นเทียนส่ายหน้า “พอแล้ว! ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น ปัญหาก็อยู่ที่ตัวเจ้านั่นแหละ ข่าวที่ข้าได้รับมาบอกว่า นอกจวนแม่ทัพภาคตลาดผีมีคนโดนตึกศาลาสัตยพรตจับตัวไปแล้วไม่น้อย คนที่เดินผ่านแล้วเหลือบมองเข้าไปในจวนแม่ทัพภาคเกินสองทีก็โดนจับแล้ว เจียงอีอีเป็นแค่หนึ่งในนั้น อีกฝ่ายกวาดล้างไม่ต่างกันหรอก ขนาดลูกน้องข้าที่ไปสืบข่าวยังตกอยู่ในมือตึกศาลาสัตยพรตแล้วตั้งสองคน เจียงอีอีกล้าเฝ้าอยู่นอกจวนแม่ทัพภาค ไม่โดนจับก็แปลกแล้ว แบบนี้เรียกว่าไม่ยุติธรรมตรงไหน ไม่โดนจับน่ะสิแปลก”
“ลูกน้องข้าก็มีสามคนตกอยู่ในมือตึกศาลาสัตยพรตเหมือนกัน แต่ตึกศาลาสัตยพรตปล่อยตัวมาแล้ว” เกาก้วนกล่าว
“ตึกศาลาสัตยพรตคุยง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ปล่อยตัวแบบตรงไปตรงมาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซือหม่าเวิ่นเทียนแปลกใจ
เกาก้วนตอบว่า “ข้าติดต่อเฉาหม่านโดยตรง บอกว่าสามคนนั้นคือคนของข้า ถ้าไม่ปล่อยคนข้าจะไปเชิญเซี่ยโห้วท่าจากจวนท่านปู่สวรรค์ให้มารับการสอบสวนที่หน่วยตรวจการขวา เฉาหม่านก็เลยปล่อยคนแล้ว”
“…” อีกสองคนเหม่อค้างคาที่ เคยเห็นตรงไปตรงมา แต่ไม่เคยเห็นใครตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่ทั้งสองก็เชื่อว่าเกาก้วนสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ กอปรกับหน่วยตรวจการขวาไม่ได้ทำเรื่องลับลวงพรางเหมือนหน่วยตรวจการซ้ายกับสมาคมวีรชน อีกฝ่ายสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผย
ซ่างกวนชิงยกนิ้วให้ด้วยสีหน้านับถือ พลางกล่าวชม “เจ้าช่างโหด! ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงให้เจ้าพาเจียงอีอีออกมาจากตึกศาลาสัตยพรตแล้ว จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้มั้ย”
“ใครใช้ให้ตอนแรกเจ้าปิดบังไม่ยอมพูดล่ะ” ซือหม่าเวิ่นเทียนรู้สึกอยากขำ
เกาก้วนเหล่ตาถาม “พวกเจ้าสองคนไม่ได้ป่วยใช่มั้ย? จะให้ข้าบอกเชียวเหรอว่าเจียงอีอีคือคนของหน่วยตรวจการขวา?”
ปาดเหงื่อ! ซ่างกวนชิงค่อนข้างอับอาย
“ก็ใช่ โจรราคะนั่นจะเป็นคนของหน่วยตรวจการขวาหรือคนของสมาคมวีรชนก็ไม่มีอะไรต่างกัน ถ้ามีเบื้องหลังเป็นตำหนักสวรรค์ก็รับไม่ไหวทั้งนั้น” ซือหม่าเวิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มเจื่อน แล้วบอกอีกว่า “ใช่แล้ว เกาก้วน ลูกน้องสองคนนั้นของข้า ช่วยพาออกมาหน่อย”
“ลูกน้องของเจ้าต่างอะไรกับโจรราคะนั่นล่ะ? ใครจะไปรู้ว่าทำเรื่องลับลวงพรางอะไรมาบ้าง อยากได้ตัวเหรอ? ไปหาเฉาหม่านเองสิ” เกาก้วนบ่ายเบี่ยงอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แล้วก็บอกซ่างกวนชิงอีกว่า “เจียงอีอีตายแล้ว เจ้าเก็บน้องสาวของเขาไว้ในมือก็น่าจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วมั้ง ข้ากำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง ส่งตัวมาให้ข้าเถอะ”
ซ่างกวนชิงส่ายหน้า “ใครว่าไม่มีประโยชน์ล่ะ เตรียมตราอิทธิฤทธิ์ของเจียงอีอีเอาไว้หลายปีแล้ว ยังควบคุมน้องสาวนางได้เหมือนเดิม เกาก้วน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้านะ เพียงแต่คนบางคน ต่อให้ไม่มีประโยชน์แล้วแต่ก็ปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้อยู่ดี เกิดเรื่องเจียงอีอีแล้ว ไม่ต้องให้ข้าอธิบายเหตุผลเยอะแยะนะ”
“ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ทำเรื่องไร้คุณธรรมให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ!” เกาก้วนไม่ฝืนร้องขอ พูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินจากไป
“เห้อ!” ซ่างกวนชิงชี้ตามหลังเกาก้วน “พูดเหมือนตัวเองขาวสะอาดบริสุทธิ์อย่างนั้นแหละ คนที่ตายด้วยน้ำมือเขาก็มีไม่น้อยใช่มั้ยล่ะ?”
“เฮ้อ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนกอดอกถอนหายใจ “ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้กำลังพลของเขาทำงานได้อย่างสง่าผ่าเผยล่ะ พวกเราได้แต่ทำลับๆ ล่อๆ ถ้าให้ข้าคุมหน่วยตรวจการขวา ข้าก็พูดแบบนี้ได้อย่างมั่นใจเหมือนกัน”
ซ่างกวนชิงแสยะหัวเราะ “ฟังดูดียิ่งกว่าร้องเพลงอีกนะ ถ้าให้เจ้าไปนั่งตำแหน่งนั้น เจ้าจะหน้านิ่งไร้ความปรานีได้อย่างเขารึเปล่านะ? ถ้าเจ้ากล้าล่วงเกินทุกคนโดยไม่เกรงกลัวอะไรเหมือนเขา ฝ่าบาทอาจจะพิจารณาเปลี่ยนตำแหน่งให้เจ้าจริงๆ ก็ได้”
“เหอะๆ” ซือหม่าเวิ่นเทียนได้แต่หัวเราะแห้งๆ สะบัดชายเสื้อเอามือไขว้หลังเดินออกไปแล้ว
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลย เขายอมรับว่าตัวเองไม่อาจทำเรื่องที่ไม่แยแสมนุษยสัมพันธ์ในสังคมเหมือนเกาก้วนได้ จะดีจะร้ายซ่างกวนชิงก็ยังรู้จักแสดงไมตรีต่อคนนอกเพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่เกาก้วนกลับไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเลยสักนิด!
ตึกศาลาสัตยพรต
“อะไรนะ? เจียงอีอีฆ่าตัวตายที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีเหรอ?” เฉาหม่านที่กำลังนั่งสมาธิพลันลืมตากระโดดลงจากเตียง แล้วถามอย่างตกใจ
ชีเจวี๋ยพยักหน้า “ตามที่สายลับทางนั้นบอกว่า ได้ยินว่าฆ่าตัวตายแล้ว”
“อยู่ดีๆ ทำไมฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ?” เฉาหม่านถาม
ชีเจวี๋ยตอบว่า “สายลับที่อยู่ทางนั้นเข้าไม่ถึง เลยไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด เห็นแค่ศพของเจียงอีอีถูกหามออกมาแล้วจริงๆ เหมือนจะระเบิดเส้นชีพจรตัวเองแล้ว”
เฉาหม่านโบกมือทันที “เจ้าไปด้วยตัวเองสักรอบ ถามหนิวโหย่วเต๋อว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่”
“ขอรับ!”
หลังจากชีเจวี๋ยเอ่ยรับคำสั่งแล้ว เฉาหม่านก็เดินไปเดินมาอยู่ในห้องด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้แผนการของเขาปั่นป่วน จะไม่ให้เขาคิดมากก็ไม่ได้ แต่คิดไม่ตกจริงๆ ว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วรอฟังข่าว
เขาสงสัยว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเดาออกถึงจุดประสงค์ที่เจียงอีอีมาที่นี่ ก็เลยสังหารเจียงอีอีด้วยอารมณ์โกรธ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เขาไม่เชื่อหรอกว่าหนิวโหย่วเต๋อจะถูกตำหนักสวรรค์กดดัน ถ้าเป็นแบบนี้แล้วยังกล้าลงมือ ก็แสดงว่าหนิวโหย่วเต๋อนั่นเป็นตัวปัญหาจริงๆ ไม่ยึดตามหลักเหตุผลทั่วไปจนทำให้คนปวดหัว
…………………………