พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1606 เหยียนซิวกลุ้มใจ
หลังจากตัวเองพูดสิ่งที่ฝืนใจแบบนี้ออกมาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ใครจะคิดว่าหลังจากหวงฝู่จวินโหรวจ้องเขาเงียบๆ ครู่หนึ่ง เจ้าตัวก็พลันหันตัวเดินจากไป
เหมียวอี้หันไปมองอย่างงุนงง เห็นเพียงหวงฝู่จวินโหรวเดินออกจากตึกศาลาตามทางยาวเข้าไปในห้องห้องหนึ่งแล้ว จกานั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก
หลังจากรอไปสักครู่แล้วไม่เห็นอีกฝ่ายออกมา เขาถึงได้เดินตามไป พอไปถึงห้องห้องนั้นแล้วก็ผลักประตูเข้าไป
พอเปิดประตูออก ภาพในห้องก็ทำให้สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่จุดๆ หนึ่งอย่างย้ายสายตาหนีได้ยากทันที
“อ๊า!” หวงฝู่จวินโหรวที่เหมือนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าร้องอุทาน บนตัวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เปลือยล่อนจ้อนราวกับเป็นแกะน้อย นางรีบหยิบผ้าชิ้นหนึ่งมาปิดหน้าอกไว้ทันที แล้วหันหลังให้พร้อมตะคอกเสียงแหลมว่า “ยังไม่รีบออกไปอีก” ทว่าบั้นท้ายอวบอัดราวกับจานหยกขาวได้เปิดเผยให้ใครบางคนเห็นแล้ว พอมองลงไปข้างล่างอีกก็เป็นเสาหยกงามเรียวยาวสองต้นที่ขนาบแนบชิด ประกอบกับเอวอ่อนโค้งสวยงาม ก็ยิ่งทำให้บั้นท้ายนั่นสวยสะพรึงน่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม กลมนูนขาวละเอียดอ่อน
เหมียวอี้กลืนน้ำลายแล้ว เขาถือโอกาสปิดประตู แต่กลับไปยอมออกไป ดันถลันตัวมาอยู่ข้างหลังหวงฝู่จวินโหรว แล้วกางแขนโอบร่างงามมาไว้ในอ้อมกอด
หวงฝู่จวินโหรวดิ้นรนขัดขืน “ทำอะไรของเจ้า? เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ปล่อยข้า!”
เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน “นี่เจ้าแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจใช่มั้ย? ข้าเดินโทงๆ มาถึงหน้าประตูแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่ได้ยินเลยสักนิด? เจ้ากำลังจงใจยั่วข้าชัดๆ”
เมื่อโดนพูดแทงใจดำ หวงฝู่จวินโหรวก็แอบอับอายมาก เป็นเพราะนางรู้ว่าเหมียวอี้ชอบก้นนาง นางก็เลยจงใจหันหลังให้ แต่ปากก็ยังไม่ยอมรับ ยังคงดิ้นรนต่อไป “ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าจะเข้ามา รีบปล่อยข้านะ!”
เหมียวอี้ไม่ปล่อย แต่กลับดึงผ้าที่ปิดหน้าอกนางออก คว้าหน้าอกอวบอิ่มมาเล่นอยู่ในมือ ทำให้หวงฝู่จวินโหรวตัวสั่นในชั่วพริบตาเดียว “มันใช่เรื่องเหรอที่เจ้าจะทำอย่างนี้กับข้า? ปล่อยข้านะ! ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้แล้ว!”
สองมือของเหมียวอี้ยังกำเริบเสิบสาน “เจ้าคงไม่ได้เพิ่งรู้วันนี้หรอกว่าระหว่างเราเป็นไปไม่ได้? ตอนแรกใครกันที่บอกว่าจะเป็นคนรักลับๆ ของข้า?”
หวงฝู่จวินโหรวหันกลับมา แล้วถามเสียงสั่น “เจ้ามีภรรยาแล้ว เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนี้? จะไม่เสียใจทีหลังเหรอ?”
เหมียวอี้ถามกลับ “ตอนแรกที่เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนรักลับๆ ของเจ้า เจ้าผิดคำพูดเหรอ? ถ้าไม่ผิดคำพูด ข้าก็จะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ถึงยังไงพวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยไม่ได้อยู่แล้ว” ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติเขาจะไม่พูดแบบนี้แน่นอน ตอนนี้แค่อยากจะบรรลุเป้าหมายเท่านั้นเอง
ผมงามทิ้งตัวลง หวงฝู่จวินโหรวก้มหน้า ปล่อยมือทั้งสองข้างออก นางหยุดขัดขืนแล้ว การกระทำนี้เท่ากับตอบตกลงแล้ว
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง โน้มตัวลงรวบขาสองข้างของนางขึ้นมา แล้วหันตัวเดินไปบนเตียง
หลังจากล้มลงนัวเนียอยู่ด้วยกัน หวงฝู่จวินโหรวก็ยังเป็นหวงฝู่จวินโหรว นางเปลี่ยนบทบาทจากฝ่ายรับกลายเป็นฝ่ายรุก ร้อนแรงจนแทบจะทำให้คนละลาย
สองคนที่ชำนาญเรื่องนี้มานานแล้วไม่ได้มีอุปสรรคอะไร…
หลังจากปล่อยตัวปล่อยใจไปหลายครั้ง ถึงได้ทำให้ฝนซาเมฆสลาย ทั้งสองกำลังกอดกัน หวงฝู่จวินโหรวที่ไม่อยากขยับแม้แต่นิ้วซุกศีรษะอยู่ใต้รักแร้เหมียวอี้ กำลังทำตาปรือดื่มด่ำกับรสชาติยามมือใหญ่ไหลแล่นอยู่บนร่างกายตัวเอง
ขณะชื่นชมเรือนร่างอ่อนช้อยที่อยู่ข้างกาย เหมียวอี้ที่อารมณ์สงบแล้วก็เริ่มสงสัยอีกว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าจะทำเรื่องแบบนี้อีก…แต่เขาก็จำเป็นต้องยอมรับ ว่าบนร่างกายของหวงฝู่จวินโหรวมีสิ่งที่ทำให้เขาได้ดื่มด่ำรสชาติที่ต่างออกไป ความเร่าร้อนบนตัวชู้รักคนนี้เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากตัวผู้หญิงคนอื่น เร่าร้อนเหมือนไฟจริงๆ เร่าร้อนบ้าระห่ำขนาดนั้น ต่างกับภายนอกที่ดูสง่างามภูมิฐานราวกับเป็นคนละคน ถ้าจะพูดถึงรูปร่างหลังจากเปลื้องผ้าแล้ว ว่ากันตามจริง ในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยสัมผัสมาไม่มีใครสู้อวิ๋นจือชิวได้เลยสักคน หน้าตาของอวิ๋นจือชิวก็ไม่นับว่างามเลิศล้ำ แต่เรือนร่างของนางยั่วราคะจริงๆ แต่ภายนอกกับภายในของอวิ๋นจือชิวนั้นไม่สอดคล้องกัน อย่าไปมองว่าท่วงท่าและการกระทำของอวิ๋นจือชิวเย้ายวนใจจนถึงขั้นทำเรื่องเร่าร้อนได้ เพราะเวลาได้ประลองกันจริงๆ กลับเป็นคนหัวโบราณมาก ทนการกระทำชำเราซ้ำหลายครั้งไม่ไหว พ่ายแพ้ยับเยินไม่เป็นท่าได้ง่ายมาก แต่ช่วยไม่ได้ที่คนนอกไม่ได้เห็นภาพตอนอวิ๋นจือชิวถูกกระทำจนหมดท่า นี่ก็คือวิธีการที่เขาใช้จัดการกับอวิ๋นจือชิว
ส่วนพวกอนุภรรยาส่วนใหญ่ก็อยู่ในขนบธรรมเนียม หงเฉินก็ยิ่งปล่อยให้เจ้าบงการ ประมาณว่าเจ้าอยากทำอะไรก็ตามใจ ไม่ได้ตอบสนองอะไรเลย มีเพียงความเร่าร้อนดั่งไฟของหวงฝู่จวินโหรวที่แตกต่างออกไป ทำให้คนสติกระเจิงมาก
หวงฝู่จวินโหรวที่วิญญาณล่องลอยไปบนสวรรค์ค่อยๆ เรียกสติกลับมา นางลืมตาช้าๆ มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตาฉายแววสับสน
ถึงแม้มารดาจะกดดันให้นางมา แต่ในใจนางก็ไม่อาจหลอกลวงตัวเองได้ ใช่ว่านางจะไม่เคยคิดอยากเจอเขาอีก ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของนางหรอก แต่ตอนแรกนางก็ไม่อยากทำอย่างนี้ ถึงได้ถามเหมียวอี้ว่าเคยชอบนางหรือเปล่า ถ้าเหมียวอี้ตอบว่าไม่เคย เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะยอมให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก และหลังจากได้คำตอบจากเหมียวอี้แล้ว นางก็อยากจะทดสอบว่าร่างกายของตัวเองยังสามารถดึงดูดเหมียวอี้ได้หรือไม่ นางถึงได้จงใจทำอย่างนั้น สุดท้ายความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าผู้ชายคนนี้ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก ทำให้นางแอบรู้สึกภูมิใจนิดหน่อย
ส่วนเรื่องน่าหงุดหงิดใจที่เกิดขึ้นในอดีต เรื่องที่เหมียวอี้แต่งงาน ทั้งหมดถูกนางโยนทิ้งไปหมดแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือนางไม่อยากคิดไปทางด้านนั้นอีก ในจิตใจส่วนลึกของนางไม่อยากแยกจากผู้ชายคนนี้ และผู้ชายคนนี้ก็ให้คำอธิบายที่สมบูรณ์แบบกับนางด้วย ทั้งสองไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นางกำหนดให้ตัวเองเป็นคนรักลับๆ ของเขาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้มีอะไรต่างจากเมื่อก่อนล่ะ?
หลังจากหายเลอะเลือน หวงฝู่จวินโหรวก็ยังไม่ลืมภารกิจในครั้งนี้ นางถามด้วยเสียงงุ้งงิ้งว่า “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเหรอ โจรราคะเจียงอีอีถูกเจ้าจับได้แล้ว?”
เหมียวอี้ตอบ “อืม” มือไถลไปเล่นหน้าอกนาง
“ทำไมเจียงอีอีถึงถูกเจ้าจับได้ล่ะ?” หวงฝู่จวินโหรวถาม
เหมียวอี้คิ้วกระตุกเบาๆ เขารู้ว่าเจียงอีอีกับสมาคมวีรชนเกี่ยวข้องกัน จึงเหล่ตาถามว่า “ถามถึงเขาทำไม สมาคมวีรชนคงไม่ได้ส่งเจ้ามาใช้อุบายสามงามหรอกใช่มั้ย?”
ในดวงตาหวงฝู่จวินโหรวฉายแววลนลาน นางพลิกตัวมาหมอบบนตัวเขา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ครั้งนี้ถ้าไม่เพราะแม่ข้ากดดันให้ข้ามาเจอเจ้า ข้าก็ไม่อยากเจอคนทรยศอย่างเจ้าหรอก รีบบอกมา เรื่องเจียงอีอีเป็นยังไงกันแน่? ถ้ากล้าปิดบังข้าจะกินเจ้า!”
เหมียวอี้บีบก้นนาง พร้อมถามหยอก “แม่เจ้าคงไม่ได้ให้เจ้าเอาตัวมาถวายให้ข้าหรอกใช่มั้ย?”
หวงฝู่กัดหน้าอกเขาทันที เขาจึงขอร้อง “ก็ได้ๆๆ ข้าบอกก็ได้ ที่จริงข้าไม่ได้จับเขาได้หรอก เป็นตึกศาลาสัตยพรตที่ส่งมาให้ข้า…” ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่พูดความจริง แล้วก็บอกนางไปเหมือนที่ตัวเองบอกกับตำหนักสวรรค์ รวมทั้งเรื่องที่เจียงอีอีฆ่าตัวตายด้วย
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!” หวงฝู่จวินโหรวได้ยินแล้วพยักหน้าพลางทำท่าครุ่นคิด นางพอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว ดีไม่ดีเจียงอีอีอาจจะเป็นคนของสมาคมวีรชนก็ได้ แล้วตอนสุดท้ายที่บอกว่าให้ปล่อยน้องสาวของเขาไป นางเดาว่าสมาคมวีรชนคงจะจับน้องสาวเขาไว้เป็นตัวประกัน เรื่องบางเรื่องนางก็เคยได้ยินจากสมาคมวีรชนมาบ้าง
พอเห็นปฏิกิริยาของนาง เหมียวอี้ก็ถอนหายใจ “ที่แท้ก็หลอกลวงข้ามาเพราะมีจุดประสงค์นี้นี่เอง ทำไมข้ารู้สึกปวดใจอย่างนี้นะ”
“คนบ้า! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนที่เสียเปรียบคือข้า!” นางบิดเอวเขา แต่ก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองทำอย่างนี้เป็นการทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย หวงฝู่จวินโหรวจึงกัดฟันบอกว่า “อย่างมากเวลาที่เจ้าต้องการ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าสืบข่าวจากสมาคมวีรชนมาชดเชยให้ได้ แบบนี้คงได้ใช่มั้ย?”
เหมียวอี้มองบนเพดาน เหมือนไม่รับปากแต่ก็ไม่ปฏิเสธ。
หวงฝู่จวินโหรวกลอกตามองบน ก่อนจะก้มจูบบนหน้าอกของเขา ร่างกายไหลลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ จูบไล่ลงไปตลอดทาง ใช้การกระทำจริงอันเร่าร้อยเพื่อมาชดเชยให้เขา…
เมื่อได้รับรายงานจากลูกสาวแล้ว หวงฝู่ตวนหรงก็บอกหวงฝู่เยี่ยนผู้เป็นบิดาทันที แต่ใครจะคิดว่าทางฝั่งบิดาจะมีปฏิกิริยาเย็นชา เหมือนจะไม่ค่อยสนใจสิ่งนี้สักเท่าไรแล้ว พอนางถามรายละเอียด หวงฝู่เยี่ยนก็ไม่ยอมพูดอะไรเยอะ แต่นางก็ดันไม่กล้าบอกเรื่องของลูกสาวให้ตระกูลรู้อีก ทำให้นางไม่สะดวกจะจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวและเหมียวอี้ นางเห็นลูกสาวเติบโตมากับตา รู้จักนิสัยใจคอลูกสาวดี ถ้าไม่ไปมั่วอยู่กับหนิวโหย่วเต๋ออีกก็แปลกแล้ว
เมื่อลองสืบถามดู คำตอบของลูกสาวก็ค่อนข้างคลุมเครือ ทำให้หวงฝู่ตวนหรงรู้อยู่แก่ใจทันที ลูกสาวคงจะไปมั่วอยู่กับผู้ชายที่มีสามีแล้วจริงๆ เบื้องหลังของหนิวโหย่วเต๋อก็ดันเกี่ยวข้องกับตระกูลโค่วอีก ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกไปต้องแย่แน่ ทั้งๆ ที่นางรู้อยู่แก่ใจว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ก็ยังผลักลูกสาวออกไปด้วยมือตัวเอง เรียกได้ว่าปวดหัวมาก ไม่รู้ว่าควรจะจบเรื่องนี้อย่างไร!
คนอื่นจะกังวลอย่างไรเหมียวอี้ก็ไม่รับรู้ เขาอยู่หาความสำราญกับหวงฝู่จวินโหรวที่นี่หลายวันมาก หวงฝู่จวินโหรวก็เหมือนดอกไม้บานสดใสไปหลายวัน ความกลัดกลุ้มใจในหลายปีมานี้หายไปหมดแล้ว ทิ้งรอยยิ้มอันเบิกบานใจเอาไว้ทุกที่ในคฤหาสน์ที่เคยว่างเปล่าหลังนี้
เหยียนซิวที่รับหน้าที่เฝ้ายามอยู่ข้างๆ เห็นแล้วแอบส่ายหน้า กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้ ถ้าให้ฮูหยินรู้ขึ้นมาจะไม่แย่หรอกเหรอ? นายท่านอาจจะโดนฮูหยินตัดขาทิ้งก็ได้!
เหยียนซิวก็ปวดหัวเช่นกัน ถ้าวันไหนฮูหยินรู้ความจริงขึ้นมา แล้วออกคำสั่งให้เขากำจัดหวงฝู่จวินโหรวทิ้ง เขาจะทำยังไงดีล่ะ?
ในฐานะที่เป็นคนนอกสถานการณ์ เขาสังเกตมานานจนรู้เส้นตายของฮูหยินชัดเจนแล้ว ใช่ว่าฮูหยินจะไม่ให้นายท่านมีอนุภรรยา เดิมทีฮูหยินก็เป็นคนจัดการหาอนุภรรยาพวกนั้นให้อยู่แล้ว แต่ความใจกว้างก็มีระดับเหมือนกัน ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ ขอเพียงเป็นผู้หญิงที่แอบลักลอบมีสัมพันธ์กับนายท่านลับหลังฮูหยิน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้แต่งงานเข้าตระกูลเหมียว เป็นไปไม่ได้ที่ฮูหยินจะรับหวงฝู่จวินโหรว จูเก๋อชิงก็เป็นตัวอย่างให้ดูแล้ว ต่อให้นายท่านจะพูดจนปากฉีกก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าใครขอร้องวิงวอนก็ไม่ได้ผล!
ดังนั้นเรื่องจัดการหวงฝู่จวินโหรว เขาคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าฮูหยินจะให้เขาเหยียนซิวออกโรง ถึงตอนนั้นเขาจะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังดีล่ะ?
หลังจากหาความสำราญไปได้หลายวัน ในที่สุดก็ต้องแยกกับหวงฝู่จวินโหรวอย่างอาลัยอาวรณ์แล้ว ระหว่างทางที่กลับตลาดผี เหยียนซิวที่ปกติเป็นคนพูดน้อยก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวโน้มน้าว “นายท่าน ต่อไปอย่ามาพบกับผู้หญิงคนนี้บ่อยเลย ถ้าสมาคมวีรชนจับได้ก็จะยุ่งยากนะ แม่นางรู้เรื่องนี้นะ”
เหมียวอี้ไม่คิดอย่างนั้น “จุดนี้ไม่ต้องห่วงเลย หวงฝู่ตวนหรงไม่มีทางเอาชีวิตลูกสาวตัวเองมาล้อเล่น มีแต่จะช่วยปิดบังเท่านั้น แล้วอีกอย่างนะ อาศัยนางหาข่าวของสมาคมวีรชนได้ด้วย”
ท่านนี่ช่างไม่กลัวตายจริงๆ ขนาดจะหาเศษหาเลยยังอ้างเหตุผลได้อีกเหรอ? เหยียนซิวตำหนิไม่หยุด เกลี้ยกล่อมอีกว่า “ถ้าฮูหยินรู้ขึ้นมาจะทำยังไง?”
เหมียวอี้เหล่ตาจ้อง “ข้าว่านะเหยียนซิว เจ้าก็ไม่ใช่คนปากมากนะ เจ้าคงไม่ถ่อไปฟ้องฮูหยินหรอกใช่มั้ย? ข้าจะบอกเจ้าให้เจ้า ถ้าเจ้าให้ฮูหยินรู้จริงๆ เจ้าก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมนะว่าเจ้าก็เป็นคนดูต้นทาง ถ้าฮูหยินรู้คงไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“นายท่าน…” เหยียนซิวพูดไม่ออกแล้ว สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “นายท่าน ข้าแค่แนะนำให้ท่านพยายามระวังตัว เดินริมแม่น้ำบ่อยคงต้องเท้าเปียกเข้าสักวัน ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอน กลัวก็แต่เรื่องที่ไม่แน่นอน ระวังไว้หน่อยดีกว่า”
เหมียวอี้พยักหน้า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็รู้ ต่อไปนี้เจ้าก็อย่าลืมตรวจสอบสภาพรอบๆ ให้ดีล่ะ อย่าให้มีช่องโหว่อะไร”
ยังมีต่อไปนี้อีกเหรอ? เหยียนซิวพูดไม่ออกอีกแล้ว ยอมแพ้เขาแล้ว ในปีแรกที่พบกันยังเป็นเด็กหนุ่มที่ดีมากคนหนึ่ง ทำไมเปลี่ยนเป็นหน้าด้านหน้าทนไร้ยางอายขนาดนี้ได้ล่ะ? ผู้หญิงบ้านเจ้ามีเป็นโขยง เจ้ายังรับมือไม่หมดเลย ยังจะถ่อออกมาหาของป่ากินข้างนอกอีกเหรอ?
สำหรับผู้ชายที่ซื่อสัตย์จนวันตายอย่างเขา ไม่มีทางทำความเข้าใจพฤติกรรมสำส่อนของเหมียวอี้ได้เลย สิ่งนี้ทำให้เขากลุ้มใจนิดหน่อย
…………………………