พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1682 หนึ่งต่อสอง
ที่จริงตอนที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับไม่ถ้วนง้างสายเล็งมาทางนี้ กำลังพลของสี่อ๋องสวรรค์ก็ยังไม่เชื่อว่ากำลังพลตำหนักสวรรค์พวกนี้จะโจมตีพวกเขาจริงๆ
แต่ตอนที่ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมา กำลังพลของอ๋องสวรรค์ถึงได้กลัวแล้วจริงๆ ลนลานทำอะไรไม่ถูก
สวยงาม เป็นความงามที่ลำแสงนับไม่ถ้วนผสมผสานกัน งดงามจนทำให้วิญญาณสั่นสะท้าน แต่กำลังพลพวกนี้กลับไม่มีอารมณ์มาชื่นชม
หยิบโล่ขึ้นมาขวาง รีบเหาะลงพื้นอย่างรวดเร็ว อาศัยฉากกำบังธรรมชาติช่วยบังให้ แต่นี่ไม่ใช่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนน้อยๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับล้านที่ยิงพร้อมกัน แถวหน้าก็ยิ่งมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นหก ถ้าไม่หลบแล้วจะทนรับไหวหรือ?
ร่างทิพย์ของนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์รีบรวมเป็นหนึ่ง ไม่อย่างนั้นพลังของร่างทิพย์จะกินแรงมากเวลาต้านทาน ประเด็นสำคัญคือโค่วหู่ยังไม่ลืมที่จะดึงโค่วเหวินไป๋ให้ทันท่วงที เสี่ยงอันตรายท่ามกลางธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ จับเขายัดไว้ในกระเป๋าสัตว์ของตัวเอง
คำสั่งของท่านอ๋องก็ส่วนคำสั่งของท่านอ๋อง การที่สามารถถูกท่านอ๋องมองเป็นลูกน้องคนสนิทได้ เรื่องบางเรื่องถ้าไม่ทำให้ดีก็ไม่เรียกว่าเป็นลูกน้องคนสนิท
ปั้งๆๆ…
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นที่ดังอยู่ในป่าเหล็กด้านล่างทำให้คนหูแทบแตก คลื่นระเบิดที่รุนแรงเหนือกว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดนั่นตั้งเยอะ ทั้งยังเป็นคลื่นระเบิดที่ม้วนกระจายอย่างไร้ระเบียบด้วย
กระแสอากาศที่รุนแรงกลุ่มนี้สร้างปัญหาที่ใหญ่มากให้นักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ ราวกับอยู่ในศึกที่วุ่นวายของทัพใหญ่ พลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมม้วนนี้ไม่ปกติ แม้แต่เกราะลมปราณของนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ก็ยังทำให้เจ้ารู้สึกปั่นป่วนได้เช่นกัน ยามอยู่ในการเข่นฆ่าของทัพใหญ่ ความโอ่อ่าทรงพลังของนักพรตระดับสูงก็ใช้งานไม่ได้เลย
หลักการนี้ก็เทียบได้กับคนตัวสูงคนหนึ่งที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำตื้นได้อย่างอิสระ แต่เมื่อไปอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางคลื่นที่โหมซัดสาด ต่อให้พลังของเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงไหลไปตามกระแสน้ำ
ตอนที่ฝาธนูยิงมาถึงตัว กำลังพลส่วนใหญ่ของสี่อ๋องลงไปหลบในป่าเหล็กไม่ทันเวลา จึงถูกยิงกลางอากาศจนร่างพรุนเป็นรูตะแกรง “อา…” เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนถูกเสียงเสียงดังตูมตามที่ดังก้องกลบไป
ต่อให้โชคดีอยู่ใกล้แล้วหลบเข้าป่าเหล็กด้านล่างได้ทัน แต่จนใจที่วรยุทธ์ต่ำต้อยเกินไป จึงถูกแรงระเบิดมหาศาลและเสียงดังสะเทือนจนเลือดไหลออกปากและจมูก ถูกกระแสอากาศที่ปั่นป่วนพัดม้วนออกมา ไปรวมกับศพที่ปลิวว่อนอยู่รอบๆ แล้วชนกระแทกไปทั่ว
ปรากฏการณ์ประหลาดอย่างนี้มีให้เห็นที่ชั้นห้าของน้ำพุวังเวงเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หลบเข้าป่าเหล็กได้แต่ก็ยากที่จะรอดพ้นหายนะ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับล้านยิงพร้อมกัน หลังจากโดนเล็งแม่นแล้ว ป่าเหล็กจะช่วยให้เจ้าหลบพ้นได้สักกี่ดอกเชียว? นี่เป็นการยิงโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศโดยไร้จุดบอด ขนาดจะหลบยังไม่มีทางให้หลบเลย
แค่ยิงโจมตีไประลอกเดียวเท่านั้น นักพรตที่ระดับต่ำกว่าบงกชกลายตายเกลี้ยงในชั่วพริบตาเดียว
นักพรตบงกชกลายบางส่วนก็รอดยากเช่นกัน อย่าว่าแต่นักพรตบงกชกลาย ขนาดนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ก็ยังมีจุดจบที่น่าอนาถเลย
ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม อูกานยกโล่ดันทุรังต้านการโจมตีจากธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นหกนับร้อยดอก โล่สะเทือนกลายเป็นผุยผง ต่อให้พยายามดิ้นรนป้องกันจุดสำคัญ แต่ตอนที่บนร่างกายถูกลูกธนูนับพันยิงโดน เกราะรบก็ยังระเบิดกลายเป็นผุยผงคาที่ ร่างสะเทือนจนกระอักเลือด ในขณะที่บาดเจ็บสาหัสอยู่นั้น เขาพยายามคว้าแท่งเหล็กเอาไว้ไม่ให้ถูกกระแสอากาศพัดม้วนไป แต่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมาก ก็ถูกลูกธนูดาวตกอีกนับไม่ถ้วนยิงซ้ำอีกไม่ขาดสาย ลูกธนูแทงทะลุเข้าร่างกายแล้ว
อูกานถลึงตาโต นิ้วทั้งห้าคลายออก สุดท้ายก็ปล่อยมืออย่างสิ้นหวัง ร่างกายถูกกระแสอากาศที่รุนแรงพดม้วนออกไปแล้ว
เสวี่ยอวี้ที่อยู่ไม่ไกลเห็นการตายของอูกานเองกับตา นางสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะประสบกับเรื่องแบบนี้ที่น้ำพุวังเวง นอกจากจะได้สู้กับตระกูลอิ๋งโดยไม่ทราบสาเหตุแล้ว จากนั้นก็ได้สู้กับกำลังพลของสี่อ๋องอีก ตอนนี้ยังถูกทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์ล้อมหมายเล่นงานให้ถึงตาย ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์จะฆ่าแม้กระทั่งกำลังพลของสี่อ๋องสวรรค์ หรือว่าจะเป็นกองทัพองครักษ์จริงๆ? นางทั้งกลัวทั้งตกใจ ถึงขั้นรู้สึกโง่งง ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น นางไม่รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่
แต่นางก็โชคดีกว่าอูกานเยอะ เข่นฆ่ามาสักพักแล้ว ค่อนข้างคุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ เมื่อสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล นางก็ถลันลงไปหลบในช่องว่างระหว่างเสาเหล็กหลายต้นที่ไขว้กันได้ทันเวลา เสาเหล็กที่ทนทานช่วยลดการโจมตีให้นางได้หลายส่วนมาก
คนที่หลบได้ทันเวลาไม่ได้มีแค่นางคนเดียว
ทว่าทัพใหญ่ล้อมโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้โอกาสนางได้พักหายใจเลย
“ฆ่า!” มีเสียงตะโกนดังขึ้น
ทัพใหญ่หนึ่งล้านรอบๆ รวมตัวเข้ามาเร็วมาก เบียดอัดพื้นที่ซ่อนตัวของพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช้กำลังปะทะกับพวกเขาโดยตรง ง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ประชิดเข้ามา
คนเป็นที่อยู่ท่ามกลางกระแสอากาศที่เริ่มอ่อนลง ยังไม่ทันได้ยืนให้มั่นคง ก็ถูกแสงดาบที่ไขว้กันเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนตาข่ายฟันศีรษะแล้ว แม้แต่ศพก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน ถูกดาบฟันซ้ำร่างแล้วร่างเล่า ศีรษะถูกฟันกระเด็นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ศพบนพื้นก็ไม่ละเว้น เมื่อแสงเย็นแวบผ่าน ศีรษะกับร่างกายที่อยู่คนละที่กันถึงได้นับว่าถึงจุดจบ เรียกได้ว่าเก็บกวาดจนหมดเกลี้ยง!
เสวี่ยอวี้รีบเรียกบงกชขาวพันใบออกมา หมายจะเล่นวิธีการเดิม
ดาบของแม่ทัพใหญ่เกราะแดงคนหนึ่งชี้ไป ลูกธนูดาวตกนับพันยิงออกมาทันที บึ้ม! บงกชขาวพันใบเพิ่งจะขยายใหญ่ขึ้น แต่ก็ถูกยิงจนระเบิดเป็นฝุ่นผงทันที
อานุภาพของลูกธนูดาวตกที่โจมตีรวมกันไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น คนพวกนี้ถูกธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ข่มเหงอยู่ในแดนอเวจีมาหลายปี จึงรู้ถึงอานุภาพของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ดีเกินไป เข้าใจธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ
ยอดฝีมือของสี่อ๋องที่หลบอยู่ มีใครบ้างที่ไม่พกของวิเศษหลายชิ้น ทั้งที่รู้อยู่แจ่มชัดว่าของวิเศษพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ยามต่อสู้ในทัพใหญ่ แต่กลับโยนออกมาใช้ไม่ขาดสาย และถูกลูกธนูดาวตกยิงจนระเบิดอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้ไม่มีลูกธนูดาวตก แต่เผชิญหน้ากับกำลังพลมากขนาดนี้ มียอดฝีมือเยอะขนาดนี้ แล้วจะต้านทานได้สักแค่ไหนเชียว? ไม่มีประโยชน์เลย
เฟี้ยวๆๆ! ทันใดนั้นลูกธนูดาวตกที่หนาแน่นเหมือนพายุฝนก็ยิงไปหาจวงจื้อเกาที่อยู่ใต้ดงเสาเหล็ก ข้างในเกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น โลหะระเบิดเป็นผุยผง
ตามติดด้วยคนหลายสิบคนที่พุ่งเข้าไป ทวนยาวแทงเข้าไปในซอกร่องของเสาเหล็กอย่างไม่ปรานี เกิดเสียงดังฉึกๆ ราวกับแทงหนังฟอกพักหนึ่ง
สุดท้าย แม่ทัพเกราะม่วงคนหนึ่งก็ปาดทวนสอยร่างของจวงจื้อเกาที่ยังดิ้นทุรนทุรายขึ้นมา เลือดสดไกลหยดเต็มตัว แม่ทัพเกราะม่วงอีกคนกระโจนพรวดเข้ามา แสงสะท้อนคมดายสายหนึ่งแวบผ่าน ฟันศีรษะของจวงจื้อเกาขาดแล้ว
เบื้องบนมีความคำสั่ง : มีแต่ตายไม่มีรอด ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ เห็นแล้วฆ่าให้หมด!
ตามการล้อมกวาดล้างที่รวดเร็วของทัพใหญ่ ยอดฝีมือแต่ละคนที่ซ่อนตัวอยู่ถูดตัดศีรษะเร็วมาก
บึ้ม! กระแสอากาศที่รุนแรงสายหนึ่งระเบิดออก ลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดในป่าเหล็กโผล่มาอีกครั้ง ยิงอย่างบ้าคลั่งไปทางทัพใหญ่ที่ประชิดเข้ามา
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ราวกับฝ่าน้ำตัดคลื่น ลูกธนูดาวตกโจมตีจนกำลังพลม้วนกลิ้งเป็นกอง
สองพี่น้องแซ่เยี่ยนฉวยโอกาสทะยานฟ้าสังหารออกมา เยี่ยนสุยถือโล่คู่บังข้างกาย บึ้ม! เยี่ยนฉงง้างสายธนูยิงธนูดอกที่สองขึ้นฟ้าอีกครั้ง สองพี่น้องเรียกได้ว่ากำลังดิ้นรนจากความตาย
ตานฉิงที่กลายเป็นลำแสงแวววาวสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า
ชั่วพริบตาเดียวก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เป็นกองเล็งไปยังสองพี่น้องแซ่เยี่ยน ใครจะคิดว่าตานฉิงจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หยุดมือ!” หยุดยั้งสายธนูที่ง้างออก
เหมียวอี้ที่อยู่นอกสถานการณ์สู้รบตกใจทันที เจ้าเวรนี่คิดจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าไม่รู้ถึงความร้ายกาจของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!
ขณะที่เห็นตานฉิงตะโกนเสียงดัง ค้อนเหล็กใหญ่สองด้ามก็อยู่ในมือ เขาไม่หลบหลีกไปไหนทั้งนั้น หลบไม่ไหวแล้วจริงๆ ลูกธนูดาวตกสามารถเลี้ยวไล่สังหารได้ แต่เขาควงแขนขว้างค้อนเหล็กใหญ่ด้ามหนึ่งออกไป ทุบถล่มไปยังลำแสงที่ยิงเข้ามา
แกร๊ง! ลูกธนูดาวตกปรากฏร่าง ปักอยู่บนค้อนเหล็กใหญ่อย่างแรง ทำให้ค้อนเหล็กใหญ่กระเด็นออกไปแล้ว บนค้อนเหล็กใหญ่ปรากฏช่องโหว่ ลูกธนูดาวตกไม่เปลี่ยนทิศทาง แต่ความเร็วลดลง ยังคงเฉียงไปตรงหน้าตานฉิงเหมือนเดิม
ปั้ง! พอค้อนเหล็กใหญ่ในมืออีกข้างของตานฉิงโบกเข้ามา ก็ทำให้ลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดที่ยิงเข้ามาตรงหน้ากระเด็นออกไปแล้ว ส่วนตัวเขาก็หมุนต้านแรงอยู่ภายใต้แรงระเบิด คนยังไม่ทันหยุดนิ่ง ก็ทำราวกับว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ควงค้อนสังหารไปยังสองพี่น้องแซ่เยี่ยนที่พุ่งเข้ามาแล้ว ราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดเลย
เหมียวอี้กระตุกมุมปาก พลังโจมตีอันร้ายกาจขนาดนี้ของลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ด ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกตานฉิงแก้ไขได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตานฉิงเผชิญหน้ากับลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ด
แม่ทัพใหญ่เกราะแดงคนหนึ่งที่อยู่ข้างล่างคว้าค้อนเหล็กใหญ่ที่ตกลงมา แล้วสะบัดขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
ท่ามกลางสายตาจำนวนมาก สองพี่น้องแซ่เยี่ยนที่อยู่บนฟ้า คนหนึ่งถือทวนยาว คนหนึ่งถือดาบยาว คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลัง ร่วมมือกันสังหารออกมา ชั่วพริบตาเดียวก็ปะทะกับตานฉิงแล้ว
เยี่ยนฉงสังหารอยู่ข้างหน้าควงดาบฟันอย่างบ้าคลั่ง คมดาบเปลี่ยนแปลงหลายกระบวนท่า
ทันใดนั้นร่างกายของตานฉิงก็เปลี่ยนแปลงกลับกลอก ทั้งตัวหมุนวนอย่างรวดเร็ว ควงค้อนทุบอย่างบ้าระห่ำ ค้อนพายุหมุนไม่สนใจว่าคมดาบขอเจ้าจะเปลี่ยนแปลงกี่ท่า ถ้าเจ้าฟันข้าหนึ่งดาบ ขณะเดียวกันข้าก็จะทุบเจ้าหนึ่งค้อน กดดันจนเยี่ยนฉงจำเป็นต้องใช้ดาบรับมือกับค้อนใหญ่
แกร๊ง! ดาบใหญ่โดนชนจนเอียง แต่ตานฉิงกลับหมุนไม่หยุด ค้อนใหญ่ควงหนึ่งรอบ พอรอบที่สองค้อนก็มาถึงตรงหน้าเยี่ยนฉงในชั่วพริบตาเดียว
เยี่ยนฉงถลึงตาด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับวิธีการต่อสู้ที่ร้ายกาจถึงตายแบบนี้ แต่ค้อนกับวิธีการต่อสู้แบบนี้เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน อยากจะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว
แกร๊ง! เยี่ยนฉงที่ถูกค้อนทุบกระเด็นเลือดสาด เพียงชั่วพบหน้ากันก็ถูกตานฉิงทุบกระเด็นแล้ว ในขณะที่สาหัสเลอะเลือนก็ถูกคนข้างล่างพุ่งเข้ามารัวดาบฟันจนสิ้นชีพ
เยี่ยนสุยที่ตามเข้ามาเข้ามาดูแลเยี่ยนฉงไม่ทัน แทงทวนเข้าไปหนึ่งครั้งอย่างแรง
ตานฉิงไม่หลบไปไหน ยังคงใช้วิธีการต่อสู้ที่ไม่กลัวตายแบบนั้น ควงค้อนพายุหมุนอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีบทเรียนจากเยี่ยนฉงแล้ว เยี่ยนสุยกลับไม่ตกหลุมพรางนี้ แต่ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น จึงยอมแลกทุกอย่างแล้ว ไม่เชื่อหรอกว่าคนที่ชนะแน่นอนอย่างเจ้าจะเดิมพันชีวิตกับข้า
ใครจะคิดว่าตานฉิงก็ไม่หลบหลีกจริงๆ ปล่อยให้เกราะรบตรงส่วนท้องถูกโจมตีอย่างแรง “ฉึก” ขณะที่มีเลือดไหลออกมา เขาก็อาศัยโอกาสตอนที่ทวนยาวแทงตัวเองคว้าด้ามทวนเอาไว้ ค้อนใหญ่หลุดจากมือ ถล่มไปที่ร่างกายท่อนบนของเยี่ยนสุยราวกับอัสนีบาตฟาดใส่
ค้อนมีขนาดใหญ่เกินไป ทั้งยังอยู่ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ เยี่ยนสุยไม่มีทางหลบได้ รีบปล่อยมือจากทวน ใช้ฝ่ามือสองข้างดันออกมา ถล่มค้อนใหญ่ที่ทุบเข้ามา
บึ้ม! ค้อนถูกเขาผลักจนกระเด็นเบี่ยงไป แต่แขนสองข้างกลับสะเทือนจนกระดูดหัก กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ใครจะคิดว่าเงาค้อนใหญ่เพิ่งจะกระเด็นออกไป แต่ก็มีค้อนใหญ่อีกด้ามทุบเข้ามาอีกแล้ว
ตานฉิงใช้มือคว้าค้อนใหญ่ที่ลูกน้องโยนกลับมาให้ แล้วหมุนตัวใช้แขนข้างเดียวควงค้อนทุบจากบนลงล่าง
แกร๊ง! ค้อนทุบโดนเกราะหัวของเยี่ยนสุยพอดี เกราะหัวโดนทุบแบน ศีรษะที่อยู่ใต้เกราะหัวถูกทุบจนเลือดสดระเบิดออกมา เศษเลือดเศษเนื้อร่วงบนพื้น
เหมียวอี้ที่ดูอยู่ข้างนอกพูดไม่ออกแล้วจริงๆ นี่มันคนอะไรกัน ช่างไม่กลัวตายจริงๆ ชั่วพริบตาเดียวก็กำจัดนอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ไปแล้วสองคน ดูง่ายอย่างกับอะไรดี
“ช่างสมกับเป็นลูกผู้ชาย!” เยี่ยนเป่ยหงพึมพำ มองจนตาลุกวาว เลือดร้อนในกายเดือดพล่านๆ เคยเห็นคนโหดมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครโหดขนาดนี้เลย!
ตอนนี้ตานฉิงที่หมุนตัวอยู่กลางอากาศถึงได้คว้าทวนยาวที่หัวทวนแทงทะลุเกราะรบเข้าท้องไปแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ดึงทิ้งจนะเลือดสาด แล้วคว้าค้อนด้ามดึงที่ข้างล่างโยนกลับมาอีกครั้งอย่างสบายมือ แกร๊ง! แขนสองข้างควงค้อนตีกันหนึ่งที เสียงดังสะเทือนฟ้า แล้วเงยหน้าหัวเราะลั่น ไม่สนใจใยดีอาการบาดเจ็บของตัวเองเลยสักนิด
“เยี่ยม!” ทัพใหญ่ข้างล่างพลันส่งเสียงให้กำลังใจราวกับเสียงระลอกคลื่น
…………………………