พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1688 แปลกจัง
“ประมุขปราชญ์จิน ข้าต้องเข้าไปอยู่ในสวนตะวันตกสักระยะ ถ้าหกลัทธิมีเรื่องอะไรก็ให้มาหาข้าที่สวนตะวันตกได้”
หลังจากติดต่อกับเหมียวอี้เสร็จอีกครั้ง หยางชิ่งที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างในตึกศาลาก็บอกที่ไปของตัวเองให้จินม่านรู้ล่วงหน้า
สวนตะวันตกก็คือส่วนแห่งหนึ่งที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกที่ตั้งใจทำให้ว่างโดยเฉพาะ เนื่องจากเรื่องของเหมียวอี้ในครั้งนี้ จึงสร้างศูนย์ข่าวของหกลัทธิขึ้นชั่วคราว ขอเพียงคนของหกลัทธิด้านนอกได้ข่าวข่าวของภายนอกรวมทั้งตลาดผี ก็ล้วนส่งข่าวต่อมาที่นี่
จินม่านได้ฟังแล้วเข้าใจทันที ทำแบบนี้เพื่อจะจัดการข่าวสารจากช่องทางต่างๆ นางมองหยางชิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าทว่าดวงตาเป็นประกาย พร้อมขมวดคิ้วถาม “ท่านไม่ได้พักผ่อนมานานแค่ไหนแล้ว? เรื่องจัดการข่าวสารส่งต่อให้ลูกน้องฟังก็ได้ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือเอง หากท่านไม่วางใจ ข้าจะช่วยเร่งให้อีก ไม่ทำให้เรื่องนี้ชักช้าแน่นอน”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ชิงจวี๋ที่ขึ้นมาเก็บของบนตึกศาลาก็หยุดงานในมือโดยจิตใต้สำนึก แล้วมองสองคนที่อยู่ทางนี้ด้วยแววตาแปลกๆ โดยเน้นมองจินม่านที่เรือนร่างอ่อนช้อยงดงามสวมชุดกระโปรงยาวสีทอง สังเกตการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้านาง
“นักพรตระดับข้าถ้าไม่พักผ่อนแล้วจะตายเชียวเหรอ?” หยางชิ่งกล่าวกลั้วหัวเราะ
“ท่าน…” บนใบหน้าจินม่านฉายแววขุ่นเคือง อยากจะบอกเขามากว่า ถ้าเจ้าอดหลับอดนอนอย่างนี้ต่อไปก็จะกลายเป็นคนชราน่าเกลียดนะ ตอนมาใหม่ๆ ยังเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำอยู่เลย นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ก็กลายสภาพเป็นชายซึมเซาที่มีผมขาวแซมเสียแล้ว ขนาดคนนอกเห็นแล้วยังทนมองต่อไปไม่ไหว เหมียวอี้ให้อะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงทุ่มเททำงานให้ขนาดนี้?
ทว่าไม่สะดวกจะกล่าวคำพูดพวกนี้ออกมา ในที่สุดก็กลืนคำพูดลงคอไปแล้ว
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” หยางชิ่งโบกมือพลางหัวเราะ บอกใบ้ว่าไม่ต้องโน้มน้าวแล้ว
เขาเองก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว แต่ต่อไปเหมียวอี้ที่อยู่ทางตลาดผีจะต้องรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างทางนี้ก็ไม่อาจคาดเดาได้ หยางชิ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจึงช่วยเหลือได้จำกัด จะให้เสียเวลามาปรึกษากับทางนี้ก่อนทุกเรื่องแล้วค่อยตัดสินใจก็ไม่ได้ ต่อไปล้วนต้องให้เหมียวอี้รับมือเอง ส่วนงานที่ทางนี้ทำได้ก็คือรวบรวมข่าวทั้งหมดของหกลัทธิแล้วสรุปส่งไปให้เหมียวอี้ เมื่อมีข้อมูลของสถานการณ์บางอย่าง เหมียวอี้จะได้ตัดสินได้อย่างเหมาะสม
ส่วนทางนี้ก็ไม่อาจนำข่าวสะเปะสะปะทั้งหมดยัดไปให้เหมียวอี้ เพราะเหมียวอี้ไม่ได้มีเวลามากมายไปจำแนกแยกแยะข่าวที่สลับซับซ้อนพวกนั้น แต่ถ้าจะส่งต่อให้คนของหกลัทธิจัดการ หยางชิ่งก็ไม่วางใจอีก จึงทำได้เพียงจัดการข่าวสารบางส่วนด้วยตัวเอง ข่าวที่ไร้ประโยชน์ก็ตัดทิ้ง ส่วนข่าวไหนที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ ก็จะจัดระเบียบข้อมูลไปให้เหมียวอี้อีกที จะได้สะดวกให้เหมียวอี้รู้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หวังว่าในบางครั้งจะช่วยเหมียวอี้ได้อีกแรง
ตัวยังเดินมาไม่ถึงสวนตะวันตก ชิงจวี๋ก็ตามมาแล้ว นางพูดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า “เกรงว่าจะต้องยินดีกับนายท่านแล้ว”
“หืม!” หยางชิ่งเดินไปพลางถามไปพลาง “มีอะไรน่ายินดี?”
ชิงจวี๋อมยิ้มในขณะที่มองปฏิกิริยาของเขา “บ่าวเห็นว่าประมุขปราชญ์จินม่านเหมือนจะหวั่นไหวกับนายท่านแล้วค่ะ”
หยางชิ่งอึ้งทันที หยุดเดินแล้วหันมองนางอย่างงุนงง จากนั้นขมวดคิ้วถาม “เจ้าไปเรียนรู้วิธีการพูดยั่วยุมาตั้งแต่เมื่อไร?”
ชิงจวี๋ตอบว่า “นายท่านเป็นผู้ชาย บางทีอาจไม่ได้ใส่ใจ แต่บ่าวเป็นผู้หญิงค่ะ ผู้หญิงย่อมเข้าใจกันดี บ่าวเห็นว่าจินม่านนั่นสนใจนายท่านแล้ว แถมช่วงนี้ข้ายังรู้สึกว่านางทำตัวแปลกๆ ไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่มีธุระก็มักมาคุยกับนายท่านล่วงหน้า”
“เหลวไหล นางจะมาชอบข้าได้ยังไง?” หยางชิ่งพูดเย้ยตัวเอง แล้วถลึงตาเตือนว่า “ต่อไปเจ้าอย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ถ้ามีใครได้ยินจะไม่ดี” จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วชี้ชิงจวี๋อีก เสร็จแล้วถึงได้เดินไปข้างหน้าต่อ เขาพอจะรู้จักจินม่านอยู่บ้าง เป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโสรสนิยมสูง วรยุทธ์สูงส่ง มียศถาบรรดาศักดิ์ ผ่านลมฝนคาวเลือดและความเปลี่ยนแปลงมามากมาย หน้าตาก็จัดว่าสวยระดับยอดหญิงงาม ได้ยินว่าผู้ชายที่เคยตามรักตามจีบนางมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ผลปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ชายตาแลเลยสักคน แล้วจะมาชอบหยางชิ่งได้อย่างไร ในสายตาเขา ไม่ว่าจะอิงตามเหตุผลหรืออารมณ์ นางก็ไม่มีทางชอบหยางชิ่งได้เลย…เขาเป็นคนมีปัญญาวิเคราะห์ปัญหามาตลอด
ขณะมองเงาหลังเขาเดินก้าวยาวจากไป ชิงจวี๋ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญหา แอบพึมพำกับตัวเองว่า “หวังว่าข้าจะมองผิดไปก็แล้วกัน”
หลังจากติดต่อกับหยางชิ่งเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็เดินไปมองภาพที่สวีถังหรานเคยวาดให้ ในหัวกลับครุ่นคิดถึงบทสนทนาที่เพิ่งคุยกับหยางชิ่ง
หยางชิ่งเป็นฝ่ายขอรับโทษจากเขาเอง บอกว่าเรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะเขาคาดการณ์ผิดพลาด ไม่เข้าใจความสัมพันธ์กึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือระหว่างสี่อ๋องสวรรค์ ถึงได้ทำให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ ทำให้เหมียวอี้เผชิญกับความเสี่ยงใหญ่หลวง หลังจากกล่าวอภัยซ้ำๆ แล้ว ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์กึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือของสี่อ๋องสวรรค์ก็ทำให้เขาเข้าใจสถานภาพฝั่งตำหนักสวรรค์และแดนพุทธบ้างแล้วเช่นกัน จึงแนะนำอีกนิดหน่อย หวังว่าเหมียวอี้จะสามารถนำสามสิ่งนี้ไปใช้ประโยชน์ได้
ประการแรก กำลังพลหกลัทธิที่อยู่ทางตลาดผีนับว่าทำงานได้ตามมาตรฐาน น่าจะไม่ได้เปิดเผยตัวตน ตราบใดที่เหมียวอี้ไม่ยอมเปิดปาก ไม่ว่าฝั่งไหนอยากจะตรวจสอบก็ไม่มีทางตรวจสอบให้กระจ่างได้ง่ายๆ ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้นทำให้คนเชื่อยากว่าเหมียวอี้สามารถทำได้ มีแต่จะทำให้อำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายสงสัยกันเอง และนี่ก็คือโอกาส เป็นโอกาสที่เหมียวอี้จะสามารถหลุดพ้นจากน้ำวนนี้ได้ ถึงแม้เหมียวอี้จะเป็นคนกวนน้ำวนนี้ขึ้นมาเอง แต่เหมียวอี้ก็เล็กน้อยต่ำต้อยเกินไปในสายตาอำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าสามารถวางตัวเองให้พ้นเรื่องนี้ได้ คอยกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป ให้อำนาจแต่ละฝ่ายไปวุ่นวายกันต่อเอาเอง ส่วนเหมียวอี้ก็ต่ำต้อยมากในสายตาพวกเขา เมื่ออยู่ในน้ำวนแบบนี้กลับถูกมองข้ามได้ง่ายด้วยซ้ำ กอปรกับมีตระกูลโค่วหนุนหลัง จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องเหมียวอี้อย่างโจ่งแจ้งเช่นกัน
ประการต่อมา มีความเป็นไปได้สูงว่าทางตระกูลเซี่ยโห้วจะรู้แล้วว่าเขามีหกลัทธิอยู่เบื้องหลัง เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ชัด ตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะมีภาพคร่าวๆ ในใจแล้ว มั่นใจในตัวเหมียวอี้แล้ว เพียงเห็นได้ชัดว่าตระกูลเซี่ยโห้วเป็นพวกเหยียบเรือหลายแคม แล้วก็มีคุณสมบัติและความสามารถที่จะเหยียบเรือหลายแคมด้วย ดังนั้นหลังจากได้รู้ว่าเหมียวอี้มีกำลังมากเท่าไร พวกเขากลับรู้สึกว่ามีประโยชน์ให้ใช้งานมากเท่านั้น ใช้ประโยชน์หกปราชญ์ให้ล้มพระปีศาจหนานโป ใช้ประโยชน์ชิง พุทธะ ไป๋ให้มาแทนที่เด็กชายหกลัทธิ ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่ ยิ่งเจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่ง ก็ยิ่งทำให้พวกเขา ‘ให้ความสำคัญ’ กับเจ้ามากขึ้น มีแต่จะทำให้พวกเขาปกปิดเยอะกว่าเดิม ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะเปิดโปงเจ้า ถ้าหากจำเป็น ลองใช้ประโยชน์จากตระกูลเซี่ยโห้วสักหน่อยก็ได้
ประการต่อมา สำนักหลัวช่าคงจะรู้แล้วว่าตัวเองติดกับดักนายท่าน จะต้องมาคิดบัญชีกับนายท่านแน่นอน ทว่าในจุดนี้ การคาดเดาก่อนหน้านี้น่าจะไม่ผิดพลาด เบื้องหลังของนายท่านมีตระกูลโค่วอยู่ สำนักหลัวช่าไม่กล้าทำอะไรนายท่านโจ่งแจ้ง อย่างมากก็แค่ขู่นายท่าน สำนักหลัวช่าเองก็ไม่กล้าเปิดเผยความจริงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องใหญ่ระหว่างตำหนักสวรรค์กับแดนสุขาวดีแล้ว ถ้าเป็นฝ่ายทำลายกฏเอง สำนักหลัวช่าก็ไม่มีทางหนีทีไล่แล้วเช่นกัน เป็นสำนักหลัวช่าสำคัญกว่าหรือชีวิตนายท่านสำคัญกว่าล่ะ สำนักหลัวช่าย่อมเลือกทางที่ชาญฉลาดอยู่แล้ว ดังนั้นนายท่านไม่จำเป็นต้องกลัวสำนักหลัวช่า จะต้องคุมอยู่แน่นอน
เรื่องราวมากมายที่เคยกังวลก่อนหน้านี้ ภายใต้การชี้แนะของหยางชิ่ง ทำให้เหมียวอี้รู้สึกเบิกบานราวได้แหวกม่านหมอกแห่งความคลุมเครือไปเจอฟ้าใส ความหนักหน่วงใจลดลงไม่น้อย เมื่อความซับซ้อนวุ่นวายต่างๆ กลายเป็นชัดเจนขึ้น ก็ทำให้เขามีความมั่นใจแล้ว
จะว่าไปก็น่าขำเหมือนกัน เหมียวอี้พบว่าหยางชิ่งที่วางแผนได้แม่นยำมาตลอด แต่ในที่สุดก็ถึงเวลาผิดพลาดแล้ว อย่างไรเสียก็ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ สุดท้ายก็มีช่องโหว่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังแล้วหรือเปล่า ครั้งนี้เพียงให้คำแนะนำไม่กี่ข้อเท่านั้น ไม่ได้บอกขั้นตอนละเอียดเหมือนก่อนหน้านี้
พอพูดถึงตระกูลเซี่ยโห้ว ระหว่างทางที่กลับมา ตึกศาลาสัตยพรตก็ติดต่อเขามาแล้ว เชิญให้เขาไปนั่งที่ตึกศาลาสัตยพรตสักหน่อย ถ้าไม่สะดวก จะให้คนทางตึกศาลาสัตยพรตมาหาที่จวนแม่ทัพภาคก็ได้ เหมียวอี้รู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าตึกศาลาสัตยพรตจะกำลังทดสอบว่าเขาอยู่ที่จวนแม่ทัพภาคหรือไม่
เพิ่งจะจัดระเบียบความคิดได้ เขาก็เดินออกจากภาพวาด เตรียมตัวจะไปตามนัดที่ตึกศาลาสัตยพรต แต่กลับมีสหายเก่าส่งข่าวมา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเทพประจำดาวฟ้าเถาะนั่นเอง
เหมียวอี้ที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องครู่หนึ่งรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เขาเดาออกแล้ว ว่าในบรรดาคนที่ถูกกำจัดที่น้ำพุวังเวงอาจจะมีลูกหลานเทพประจำดาวฟ้าเถาะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหน ตอนนี้จู่ๆ ก็ส่งข่าวมา เกรงว่าคงจะมาขอคำอธิบายจากตน
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็หยิบระฆังดาราขึ้นมาตอบ : ไม่ทราบว่าเทพประจำดาวมีอะไรจะกำชับ?
จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะ ในหอสง่างามน้อย ผังก้วนกับพ่อบ้านเฉินหวยจิ่วสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แม้แต่แสงอาทิตย์สดใสด้านนอกยากที่จะกำจัดเมฆครึ้มในใจของทั้งสองได้
ผังก้วนเป็นแม่ทัพใหญ่ทัพใต้ในสังกัดของฮ่าวเต๋อฟาง อ๋องสวรรค์ส่งบัตรเชิญให้ไปออกล่าที่น้ำพุวังเวง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร จึงให้ลูกชายคนรองนำกำลังพลไปสมทบจำนวน จนกระทั่งกำลังพลออกล่าของตระกูลฮ่าวและตระกูลก่วงน้ำพุวังเวงไม่มีการเคลื่อนไหว ถึงขนาดว่ากำลังพลตายหมด ฝั่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
สาเหตุก็เรียบง่ายมาก เพราะสี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงของการออกล่าที่น้ำพุวังเวงให้ภายนอกรู้ ต่อให้เป็นกำลังพลที่สี่อ๋องสวรรค์ก็ยังไม่รู้เลย เพื่อที่จะปิดเป็นความลับ อ๋องสวรรค์ฮ่าวและอ๋องสวรรค์ก่วงจึงห้ามไม่ให้สมาชิกที่ออกล่าเปิดเผยทิศทางการเคลื่อนไหวใดๆ ต่อภายนอก ควคุมการใช้ระฆังดาราอย่างเข้มงวด ควบคุมแม้กระทั่งตอนสู้รบ
ที่จริงสี่อ๋องสวรรค์ก็ไม่คิดว่าเรื่องในครั้งนี้จะผิดแผน คิดว่าหลังจากจบเรื่องทุกคนก็ย่อมรู้เอง ถึงตอนนั้นทุกคนย่อมเข้าใจสาเหตุที่ให้เป็นความลับ แต่ใครจะคิดว่าจะผิดแผนแล้ว พ่ายแพ้ยับเยิน ครั้งนี้เรื่องใหญ่แล้วจริงๆ
ถ้าบอกให้พวกลูกน้องรู้สถานการณ์ชัดเจนจนกระทั่งสู้รบพ่ายแพ้ แบบนั้นก็ไม่มีใครว่าอะไรได้ เพราะการแพ้ชนะบนสนามรบเป็นเรื่องปกติมาก แต่เจ้าดันใช้อุบายหลอกให้ลูกหลานและกำลังพลของลูกน้องไปตายหมดแล้ว แบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน? แต่พวกเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ล้วนเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จะอธิบายอย่างไรล่ะ?
ทางนี้ขอคำอธิบายจากเบื้องบน แต่เบื้องบนตอบอย่างคลุมเครือ แต่กลับมีการเคลื่อนไหวกำลังพลขนาดใหญ่ ระหว่างเพื่อนร่วมงานสืบถามกันเอง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ที่สำคัญคือใครจะคิดว่าการออกล่าที่น้ำพุวังเวงจัดขึ้นเพื่อรับมือกับหนิวโหย่วเต๋อต่ำต้อยคนเดียว ล้อเล่นหรือเปล่า!
ยังเป็นเฉินหวยจิ่วที่เสนอ ว่าหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในตลาดผีซึ่งตั้งอยู่ที่แดนรัตติกาล ทั้งยังเป็นเขยในนามของโค่วอ๋องสวรรค์ ไม่แน่ว่าหนิวโหย่วเต๋ออาจจะมีช่องทางติดต่อกับโค่วเหวินไป๋ก็ได้ ลองถามหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อยว่ารู้อะไรหรือเปล่า
ตอนนี้ผังก้วนถึงได้ติดต่อมาทางระฆังดารา ที่จริงฝั่งนี้ก็ปิดบังมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้ แต่กลับทำให้เหมียวอี้ปวดประสาท ถึงอย่างไรทั้งสองฝั่งก็ร่วมมือกัน แต่กลับกำจัดลูกหลานของอีกฝ่ายทิ้งแล้ว จะบอกอย่างไรดีล่ะ? ทำได้เพียงหลอกลวง!
“ติดต่อได้แล้ว” ผังก้วนตอบเฉินหวยจิ่ว แล้วตอบเหมียวอี้ทันที : ไม่นับว่าชี้แนะ แค่อยากจะถามเจ้าสักหน่อย โค่วเหวินไป๋จากตระกูลโค่วไปเข้าร่วมการออกล่าที่น้ำพุวังเวง เจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?
ถามเรื่องนี้จริงๆ ด้วย เหมียวอี้ครุ่นคิดพร้อมตอบอย่างระมัดระวัง : รู้!
ผังก้วน : ที่น้ำพุวังเวงเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เจ้าเคยติดต่อกับโค่วเหวินไป๋หรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
แปลกจัง นี่กำลังทดสอบหรือว่าไม่รู้จริงๆ เรื่องเกิดขึ้นนานขนาดนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าท่านนี้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? ในขณะที่เหมียวอี้แปลกใจ ในใจก็เกิดความระแวดระวัง ใคร่ครวญพร้อมตอบว่า : เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยจริงๆ บ้านเจ้าก็ส่งคนไปออกล่าด้วยเหรอ?
…………………………