พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1734 อ๋องสวรรค์เดือดดาล
ล้อเล่นจนเก้อเขินเสียเอง ประมุขชิงทำหน้าขรึม ชั่วพริบตาเดียวก็เหมือนจะลืมเรื่องเมื่อครู่นี้แล้ว พูดคุยเรื่องชิงเยว่กับหลงซิ่นที่ซ่างกวนชิงเอ่ยถึงต่อไป
ชิงเยว่ก็ยังดีหน่อย พอพูดถึงหลงซิ่น ประมุขชิงก็รู้สึกขำในใจ ครั้งก่อนตอนเรียกซือหม่าเวิ่นเทียนมาถามเรื่องนี้ เขาถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโจวจ้าวกับหลงซิ่นแข็งทื่อก็คือคนของหน่วยตรวจการซ้าย เจตนาเดิมของซือหม่าเวิ่นเทียนก็คือส่งผู้หญิงคนนี้เข้าจวนตระกูลโจว ใครจะคิดว่าผิดพลาดถูกหลงซิ่นรับไปเป็นอนุภรรยาเสียได้ เพราะเหตุนี้ถึงได้เกิดเรื่องในตอนหลังตามมา ใครจะคิดว่าจะส่งผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้
พอพูดถึงผู้หญิงคนนั้น ซือหม่าเวิ่นเทียนก็เสียดายสุดๆ ทั้งหน้าตาและความสามารถโดดเด่นเกินใคร เป็นคนที่หน่วยตรวจการซ้ายทุ่มทุนฝึกเลี้ยงเยอะมาก เดิมทีหวังจะใช้งานใหญ่ ใครจะคิดว่าจะตายอย่างคลุมเครือแบบนั้นแล้ว
จ้านหรูอี้ที่อยู่ข้างกายฟังทั้งสองคุยกันอย่างเงียบๆ คำพูดของประมุขชิงกลับเปิดประตูความทรงจำของนางแล้ว นางนึกถึงฉากที่ตัวเองถูกหนิวโหย่วเต๋อจับมัดบนเสาธงในปีนั้น เรื่องราวในอดีตปรากฏขึ้นฉากแล้วฉากเล่าราวกับม้วนภาพวาด ตอนหลังนางสร้างความอัปยศอดสูให้ตัวเองหลายครั้ง จนกระทั่งตอนสุดท้ายได้ฟังคำสั่งอยู่ใต้บังคับบัญชาหนิวโหย่วเต๋อ ภาพตอนที่วิงวอนขอร้องเพราะอับจนหนทางอยู่ที่อุทยานหลวงก็ยิ่งฝังลึกในใจ แล้วดูสภาพตัวเองในตอนนี้สิ สูงส่งมีหน้ามีตาที่สุด ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงในใต้หล้ามากมายเท่าไรอิจฉา แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างตลาดผี
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหนิวโหย่วเต๋อสามารถเดินทีก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ก็ไปขอพึ่งพารับใช้ ถึงแม้ตอนนี้นางจะมียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ค่อยปกป้องอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในใจสายตานาง นี่กลับเป็นสิ่งที่ตัวเองนำร่างกายไปแลกมา
โต้เถียงกับกลุ่มขุนนางในงานเลี้ยงอย่างฮึกเหิม ผลักดันให้เกิดเดิมพัน ตั้งป้ายรับสมัครที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี จนตอนนี้มียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ไปขอพึ่งพารับใช้ ต่อให้ตัดปัจจัยแวดล้อมอย่างเหมียวอี้ ทว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่องก็ยังทำให้ใจนางทะยานใฝ่ฝันเช่นกัน นางหวังว่าตัวเองจะได้สวมเกราะรบอย่างนั้นอีก หวังให้ตัวเองสร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างนั้นเหมือนกัน และในความเป็นจริง ยามที่นางหลับฝันก็ยังเป็นภาพตัวเองสวมเกราะรบเหมือนในปีนั้น นั่นคือชีวิตที่นางชอบ ไม่ใช่การแสดงบทสาวงามเดินออกจากห้องอาบน้ำให้ผู้ชายเห็นอยู่ที่นี่
ดวงตางามทอดมองไปไกล จ้านหรูอี้สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก…
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่นอนตะแคงอยู่บนเตียงนุ่มพลันลุกขึ้นนั่ง จากนั้นยืนยืดท้องกลมขึ้นมา
เอ๋อเหมยที่กำลังรายงานข่าวตกใจทันที ถ้าทำให้เด็กในครรภ์บาดเจ็บขึ้นมาจะไม่แย่หรอกเหรอ? นางรีบก้าวขึ้นไปใช่สองมือประคอง “เหนียงเหนียงระวังเพคะ!”
“ไม่เป็นไร!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปัดมือนางออก แล้วถามด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าบอกว่าอะไรนะ ขนาดยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ยังไปขอพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อเลยเหรอ?”
เอ๋อเหมยตอบว่า “ใช่เพคะ คนหนึ่งชื่อชิงเยว่ อีกคนชื่อหลงซิ่น คนหนึ่งเดิมทีเป็นทูตลาดตระเวนฝั่งใต้ ส่วนอีกคนเคยเป็นท่านโหวค่ะ…” นางเล่าประวัติและสาเหตุที่ทั้งสองถูกลดตำแหน่งให้ฟังอย่างละเอียด
“ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ ด้วย เขาไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…”
หลังจากฟังจบ บนใบหน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ใช้สองมือประคองท้องใหญ่เดินไปเดินมาอย่างรวดเร็ว ปากก็พึมพำไม่หยุด
จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้าม เซี่ยโห้วท่ายืนหลับตาครุ่นคิดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ในหอสามรากฐาน โค่วหลิงซวีนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเงียบงันอยู่ด้านหลังโต๊ะยาว สามพี่น้องตระกูลโค่วที่ยืนอยู่ข้างล่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ข่าวจากตลาดผีทำให้เขาตกตะลึงเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ไปขอเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหนิวโหย่วเต๋อ เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป มีสิทธิ์อะไรล่ะ
“ไปสืบดูหน่อย ดูว่าทัพเหนือมีนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ที่ถูกลดตำแหน่งหรือเปล่า ตกอยู่ในสภาพและสถานการณ์แบบไหน” โค่วหลิงซวีเอ่ยเสียงเรียบขณะหลับตาพิงเก้าอี้
“ท่านพ่อ ทัพเหนือน่าจะไม่มีขอรับ การลดตำแหน่งนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ไม่มีทางที่พวกเราจะไม่รู้” โค่วเจิงกล่าว
ปั้ง! จู่ๆ โค่วหลิงซวีก็ตบโต๊ะยืนขึ้น ทั้งโต๊ะยาวแตะพังตกลงพื้น สามพี่น้องตกใจทันที ทุกคนทำสีหน้าหวาดกลัว แม้แต่ถังเฮ่อเหนียนก็ถูกเหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้ตกใจแล้วเช่นกัน
“น้ำเข้าสมองเจ้าแล้วรึไง? ระดับสำแดงฤทธิ์ไม่มี แล้วระดับบงกชกลายไม่มีเหรอ? ตรวจสอบ! ไปตรวจสอบให้ข้าเดี๋ยวนี้!” โค่วหลิงซวีส่งเสียงคำรามอย่างระงับความโกรธไม่ไหว ลักษณะท่าทางยามปะทุอารมณ์กะทันหันน่ากลัวมาก
“ขอรับ!” โค่วเจิงกุมหมัดเอ่ยรับอย่างอกสั่นขวัญแขวน รีบหันตัวเดินออกไป โค่วฉินกับโค่วเหมี่ยนถอยออกไปเงียบๆ เช่นกัน
เมื่อออกจากหอสามรากฐานแล้ว เห็นภาพที่พี่ใหญ่เดินหน้าม่อยคอตกออกไป โค่วฉินก็ ถ่ายทอดเสียงบอกโค่วเหมี่ยนเหมือนยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นว่า “เจ้าดูสิ ยามปกติเดินวางมาดผู้สืบทอดตระกูลต่อหน้าพวกเรา ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะพูดอะไรโง่ๆ ออกมา น่าขำจริงๆ”
น่าขำตรงไหน? โค่วเหมี่ยนพูดไม่ออก พี่ใหญ่พูดความจริงแท้ๆ เพียงแต่ท่านพ่ออารมณ์ไม่ดีก็เท่านั้นเอง
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ในศาลาที่ยื่นลงน้ำ ฮ่าวเต๋อฟางกำหมัดสองข้างแน่น ดวงตาฉายแววสังหาร บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย
ซูอวิ้นยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ
ตุ้บ! ฮ่าวเต๋อฟางพลันปล่อยหมัด บนเสาระเบียงต้นหนึ่งตรงหน้าเกิดรอยลึก ก่อนจะตวาดด้วยเสียงเดือดดาล “นางตัวดีชิงเยว่ ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างนี้ ข้าควรจะประหารนางเสียตั้งแต่ตอนนั้น!”
ไม่ให้เขาเดือดดาลไม่ได้หรอก เรื่องนั้นผ่านไปนานมากแล้ว คนในใต้หล้าแทบจะลืมเลือน เขาเองก็รู้ว่าเขาผิดที่ลดตำแหน่งชิงเยว่ในตอนนั้น เพราะชิงเยว่สร้างผลงานใหญ่ แต่การกระทำของชิงเยว่ในตอนแรกทำให้เขาเดือดดาลจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าอยากจะฆ่าซูอวิ้นไปพร้อมกันด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะซูอวิ้นบังเอิญอยู่ข้างกายเขาพอดี เขาก็ไม่อยากจินตนาการผลที่ตามมาเลย ถือวิสาสะตัดสินใจเองโดยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด และสาเหตุที่เขาลดตำแหน่งชิงเยว่ก็ไม่ใช่เพราะซูอวิ้นอย่างเดียว เป็นเพราะเพิ่งบุกยึดใต้หล้าได้ ลูกน้องของเขาที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วกำลังลำพองใจ แต่ละคนคิดว่าตัวเองเป็นขุนนางทีมีความดีความชอบ จึงประพฤติตัวอย่างกำเริบเสิบสาน เขาคิดว่าคนพวกนี้ไม่เห็นผู้ที่มีฐานะสูงกว่าอยู่ในสายตา จุดนี้ทำให้เขาทนไม่ได้ยิ่งกว่าโดนแย่งอาณาเขตเสียอีก ถึงขนาดไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่มีคนอยากมาแทนที่เขาหรอกหรือ? นี่คือสิ่งที่เขาทนไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่แค่ลดตำแหน่งชิงเยว่เท่านั้น หลังจากนั้นยังทำทุกวิถีทางเพื่อกวาดล้างกลุ่มแม่ทัพใหญ่ที่สร้างผลงานอย่างยากลำบากด้วย
เรื่องบางเรื่องถ้ามองในมุมของคนระดับบนก็เป็นแบบหนึ่ง เมื่อมองในมุมของคนระดับล่างก็เป็นอีกแบบหนึ่ง คนส่วนใหญ่คิดเพียงว่าเขาไม่สนใจผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชาเพราะผู้หญิงคนเดียว สรุปก็คือไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องในปีนั้นก็ได้ผ่านไปแล้ว แต่จู่ๆ วันนี้ชิงเยว่พลันกระโดดขึ้นมา ทั้งยังไปเข้าร่วมจวนแม่ทัพภาคตลาดผีอีก เจ้าเข้าร่วมจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็ว่าหนักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นคนเฝ้าประตูใหญ่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีอีก ทำอย่างกับกลัวคนในใต้หล้าจะไม่รู้ว่าเจ้าไปเข้าร่วมจวนแม่ทัพภาคตลาดผี
การกระทำของชิงเยว่ก็ไม่ต่างอะไรกับการดันเรื่องในอดีตที่อ๋องสวรรค์ฮ่าวเคยลดตำแหน่งทหารที่มีผลงานเพื่อผู้หญิงคนเดียวขึ้นมาให้เป็นขี้ปากชาวบ้านอีกครั้ง ชิงเยว่ยอมไปเป็นคนเฝ้าประตูจวนแม่ทัพภาคตลาดผีดีกว่ายอมมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แบบนี้แสดงว่าเขาฮ่าวเต๋อฟางจะต้องไร้คุณธรรมขนาดไหนกัน ทำให้เขากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนในใต้หล้าจริงๆ!
คนที่บ้าหน้าตาศักดิ์ศรีมีแค่ประมุขชิงเสียที่ไหนกัน ยามปกติที่เขาหัวเราะยาะประมุขชิงก็เป็นเพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้นกับเขาเท่านั้นเอง เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ เขาเองก็เสียหน้าเหมือนกัน
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าน้อย ทำให้ท่านอ๋องลำบากไปด้วย!” ซูอวิ้นกล่าว
ฮ่าวเต๋อฟางหันขวับ แล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “เจ้านี่นะ ตอนแรกไม่ควรจะห้ามข้าไม่ให้สังหารนาง!”
ซูอวิ้นกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าใจอยู่หลายส่วน “ตอนนั้นใช่ว่าข้าน้อยจะไม่อยากล้างแค้นให้ตระกูล แต่เป็นเพราะนางฆ่าคนในตระกูลข้าน้อย ท่านอ๋องจึงฆ่านางไม่ได้ เรื่องระหว่างข้าน้อยกับนายท่าน คนเขารู้กันทั้งใต้หล้าแล้ว ถ้าท่านอ๋องฆ่านางเพราะข้าน้อย แล้วจะให้คนในใต้หล้ามองท่านอ๋องยังไง จะไม่ทำให้พวกลูกน้องท้อใจผิดหวังหรอกหรือ? แบบนั้นท่านอ๋องจะยังคุมคนได้ยังไง? พวกทหารที่เห็นใจเพื่อนร่วมอาชีพก็จะเอาใจออกห่างจากท่านอ๋อง แล้วท่านอ๋องจะคุมอาณาเขตได้ยังไงคะ?”
“ชิงเยว่นางตัวดี…” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวอย่างแค้นใจ
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ในห้องหนังสือของก่วงลิ่งกง ก่วงลิ่งกงกำลังนั่งหน้าเครียกอยู่หลังโต๊ะหนังสือ โจวจ้าวจอมพลสายมะแมก้มหน้ายืนอยู่หน้าโต๊ะ โกวเยว่ยืนมองทุกอย่างอยู่ที่มุมห้อง
“ในปีนั้นเพื่อที่จะให้เจ้าขึ้นสู่ตำแหน่ง ข้ายอมถอนรากถอนโคนคนในตำแหน่งเดิมให้เจ้า แล้วเจ้าตอบแทนข้าอย่างนี้น่ะเหรอ?” ก่วงลิ่งกงพลันยืนขึ้น แล้วคว้ากองกระดาษบนโต๊ะทุ่มใส่หน้าโจวจ้าว แผ่นกระดาษปลิวว่อนตกลงพื้น
โจวจ้าวหน้าขาวหน้าดำเป็นพักๆ กุมหมัดคารวะ “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ!”
“ระงับโทสะเหรอ?” ก่วงลิ่งกงชี้หน้าเขาโดยมีโต๊ะกั้น “ตระกูลโจวของเจ้าทำเรื่องให้ตัวเองเสียหน้าก็พอแล้ว แล้วเจ้าจะให้ทุกคนของทัพตะวันตกมองข้ายังไง? เลื่อนตำแหน่งให้แม้กระทั่งคนที่แย่งผู้หญิงของลูกน้องตัวเอง ขวัญกำลังใจทหารจะไปอยู่ที่ไหน เป็นข้าเหรอที่มองคนไม่เป็น?”
โจวจ้าวกุมหมัดคารวะค้างไว้ “ท่านอ๋อง ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอนขอรับ หลงซิ่นใส่ร้ายล้วนๆ!”
ที่จริงลูกชายเขาทำเรื่องนั้น แต่เขายอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริง การที่ผู้บัญชาการทัพส่งเสริมให้ลูกชายแย่งเมียลูกน้องก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น คำวิพากวิจารณ์ของฝูงชนก็ทำให้เขาลงจากตำแหน่งเทพประจำดาวในปีนั้นได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยอมแอบซ้อมลูกชายจนสาหัสปางตาย แต่ภายนอกก็ยังแสร้งทำเป็นรักลูกชายคนนั้นมาก บีบให้เขาเกลียดหลงซิ่นแทบตายแต่ก็ไม่กล้าฆ่าหลงซิ่น
“ใส่ร้ายเหรอ?” ก่วงลิ่งกงชี้หน้าเขาไม่เลิกเช่นกัน ตลาดเสียงดุว่า “ในปีนั้นเจ้าบอกว่าจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าจัดการแบบนี้เองเหรอ? แล้วทำไมหลงซิ่นถึงถ่อไปพึ่งพาที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีล่ะ? ยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ถ่อไปเฝ้าประตูใหญ่จวนแม่ทัพภาค แบบนี้แสดงว่าต้องเคยทนรับความอยุติธรรมขนาดไหนกัน? ตอนนี้กางเกงเจ้าเปื้อนสีเหลืองแล้ว ต่อให้เจ้าไม่ได้ขี้ คนก็คิดว่าเจ้าขี้!”
โจวจ้าวพลันคุกเข่าข้างเดียว แล้วกุมหมัดวิงวอน “ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย ลูกชายข้าน้อยไม่ทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด!”
ตุ้บ! ก่วงลิ่งกงทุบหมัดบนโต๊ะ แล้วหลับตากล่าวเสียงต่ำ “เจ้าอธิบายกับข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ กลับไปคิดเองเถอะว่าควรจะถอนรากถอนโคนผลกระทบของเรื่องนี้ยังไง ไสหัวไป!”
โจวจ้าวลุกขึ้นยืนอย่างตระหนก แล้วก้มหน้าวิงวอนอยู่ด้านข้าง “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ข้าน้อยขอตัว!”
หลังจากคนออกไปแล้ว โกวเยว่ก็มองก่วงลิ่งกงเงียบๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก่วงลิ่งกงก็โบกมือเบาๆ โกวเยว่หันตัวเดินออกไปทันที
โจวจ้าวที่แค้นเคืองหลงซิ่นเพิ่งจะออกจากประตูใหญ่จวนท่านอ๋อง แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโกวเยว่เรียกอยู่ข้างหลัง “จอมพลโจวช้าก่อน!”
โจวจ้าวหยุดเดินแล้วหันตัวมา กุมหมัดคารวะอย่างยำเกรงทันที “พ่อบ้านโกว ไม่ทราบว่ามีอะไรจะกำชับขอรับ?”
โกวเยว่ดึงแขนเขาเดินออกไปไกลจากประตูจวนพอสมควร แล้วกล่าวเสียงต่ำ “ท่านอ๋องให้บ่าวมากำชับจอมพลนิดหน่อย”
โจวจ้าวยื่นหูเข้าไปทันที ทำท่าเงี่ยหูฟัง แต่ใครจะคิดว่าโกวเยว่จะเหล่ตามองอย่างเย็นเยียบ ฉวยโอกาสที่เขาไม่ระวังตัว ชกที่หน้าอกของเขาหนึ่งทีด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
…………………………