พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1736 ฝังศพครั้งใหญ่
ในจวนท่านอ๋อง ตอนแรกสมาชิกในครอบครัวยังไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอะไรกันแน่ รอจนฝุ่นควันสลายไป เห็นโจวจ้าวถูกคุมตัวไป ถึงได้รู้ว่าการเข่นฆ่านอกจวนท่านอ๋องก็เพื่อจับกุมจอมพลสายมะแมโจวจ้าว มีคนไม่นน้อยพากันตะลึงค้างแล้ว
ทุกคนไม่ได้เจอจอมพลสายมะแมโจวจ้าวเป็นครั้งแรก ยามปกติเป็นบุคคลที่สง่าน่าเกรงขามสียขนาดนั้น ต่อให้เข้าออกจวนท่านอ๋องบ่อยๆ แต่ก็เห็นเขาเคารพนอบน้อมต่อหน้าท่านอ๋องและหวังเฟย ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่าเขาอาจจะไม่ชายตาแลด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ถูกจับตัวไปอย่างนี้แล้ว สะบักสะบอมจนตรอกอย่างกับอะไร
สำหรับคนที่ยามปกติรู้เพียงว่าตำแหน่งท่านอ๋องสูงส่งและมีอำนาจมากแต่กลับไม่รู้ว่าสูงส่งอำนาจมากอย่างไร วันนี้นับว่าได้บทเรียนยาวแล้ว ว่าเคราะห์ร้ายของจอมพลผู้สง่าผ่าเผยคนหนึ่งขึ้นอยู่กับความคิดชั่วแวบเดียวของท่านอ๋องหรือไม่ แค่คิดยังขวัญหนีดีฝ่อ และยิ่งรู้สึกกลัวเกรงอ๋องท่านนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่วงจวินอันยืนมองอยู่บนดาดฟ้าตึก เห็นกับตาว่าโจวจ้าวถูกลากไปอย่างนั้น เขานิ่งเงียบ อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าตัวเองสืบทอดตำแหน่งอ๋องแล้วจะกล้าฆ่าจอมพลทิ้งอย่างนี้หรือเปล่า? คิดไปคิดมาก็ได้บทสรุปว่า ตัวเองคงไม่กล้าทำอย่างนี้หรอก เพราะตัวเองควบคุมลูกน้องของโจวจ้าวไม่ไหว ถ้าผิดพลาดขึ้นมา เมื่อทัพตะวันตกวุ่นวายก็จะทำให้เขารักษาตำแหน่งตัวเองไว้ไม่ได้ เพราะตัวเองไม่ได้มีอิทธิพลและความน่ากลัวต่อทัพตะวันตกเหมือนท่านพ่อ ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีจอมพลอีกสองคนฉวยโอกาสกดดันให้ตนถอยจากตำแหน่ง แล้วตนควรจะทำอย่างไรดีล่ะ? อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้น มีใครบ้างที่ไม่อยากนั่งตำแหน่งท่านอ๋อง? แต่จอมพลสองท่านนั้นไม่กล้ากดดันให้ท่านพ่อถอยจากตำแหน่งแน่นอน
พอคิดไปคิดมา เขาก็หาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง เพราะตัวเองยังด้อยคุณสมบัติและประสบการณ์ ยังไม่มีเครือข่ายและบารมีที่หยั่งรากลึกในทัพตะวันตก เรื่องนี้ทำไม่ได้ในตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตทำไม่ได้
“ปรับปรุงภูเขาแม่น้ำใหม่อีกครั้ง ต้องฟื้นฟูให้ดีกว่าของเดิม” โกวเยว่ที่เดินเข้าในจวนกำชับกับสมาชิกสังกัดพ่อบ้านของจวนท่านอ๋อง สายตาบังเอิญเห็นก่วงจวินอันยืนอยู่บนหลังคาไม่ไกล เขาไม่ได้พูดอะไร เดินก้าวยาวเข้าไปในจวนต่อ
“พวกเจ้าชอบดูความคึกครื้นกันนักใช่มั้ย?” เสียงของก่วงลิ่งกงดังก้องอยู่บนฟ้าเหนือจวนท่านอ๋อง
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น บรรดาคนที่ยืนอยู่บนหลังคาก็ทยอยกันกระโดดลงมาอย่างหวาดกลัว รีบหดหัวกลับเข้าไปอย่างซื่อสัตย์
ก่วงลิ่งกงที่อยู่บนตึกศาลาวางจอกสุราลง ลุกขึ้นยืนเอามือไขว้หลัง เดินเนิบนาบไปพิงระเบียงทอดสายตามองด้านนอก เสียงฉินดังสูงดังแผ่วอยู่ในศาลา
ขณะที่ฝั่งนี้กำลังลงมือกับโจวจ้าว ที่นอกจวนตระกูลโจว กูอวี้เฉิง เทพประจำดาวฟ้ามะแมนำผู้ติดตามหลายสิบคนมาถึงแล้ว มีธุระต้องการจะพบคุณชายโจวอ้าวหลิน ทหารยามเข้ามารายงาน ช่วงนี้โจวอ้าวหลินรู้สึกกดดันเหมือนถูกไฟไหม้หัวเพราะเรื่องของหลงซิ่น มีหรือที่จะกล้าปฏิบัติต่อลูกน้องไม่ดี เขาออกมาต้อนรับด้วยตัวเองพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
กูอวี้เฉิงให้ทหารยามรออยู่ข้างนอก ตัวเองเดินเข้ามาในจวนจอมพลคนเดียว
“ท่านพ่อไปที่จวนท่านอ๋องแล้ว ไม่ทราบว่าเทพประจำดาวมาเพราะมีอะไรจะชี้แนะ?” หลังจากเข้ามาในโถงหลักของเรือนตัวเองและเชิญให้ดื่มน้ำชาแล้ว โจวอ้าวหลินก็ถามอย่างเป็นมิตร
ใครจะคิดว่ากูอวี้เฉิงจะยื่นมือผลักถ้วยน้ำชาไปด้านข้าง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วตะคอกเสียงต่ำ “โจวอ้าวหลิน เจ้ายอมรับผิดหรือเปล่า?”
เสียงดังก้องครอบคลุมทั้งจวนจอมพล ทำให้คนในจวนจอมพลตกใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทำให้โจวอ้าวหลินงุนงง
ผู้ติดตามกูอวี้เฉิงที่อยู่นอกจวนพลันปล่อยกำลังพลกลุ่มใหญ่ออกมา แล้วบุกสังหารเข้าไปในจวนจอมพลโดยตรง มีส่วนหนึ่งบุกสังหารเข้าไป มีอีกส่วนหนึ่งถูกค่ายกลใหญ่ที่เพิ่งเปิดใช้ชั่วคราวกันไว้ด้านนอก ทัพใหญ่ที่เร่งตามมาสนับสนุนเฝ้ารักษารอบจวนจอมพลอย่างเข้มงวดทันที ใครจะคิดว่าระหว่างทางจะเกิดความขัดแย้งภายใน มีคนตะโกนเสียงดังว่า “โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงประหารแล้ว กำลังพลที่ยอมให้จับแต่โดยดีจะพ้นข้อหา!”
“เหลวไหล!” เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดของใครบางคนดังก้อง ไม่นานทัพใหญ่ที่เฝ้ารักษาการณ์ก็เข่นฆ่ากันเอง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พุ่งไปสนับสนุนที่จวนจอมพล กำลังพลที่ถูกกันอยู่นอกค่ายกลใหญ่ประจัญบานกันแล้ว
ในโถงหลักของเรือนโจวอ้าวหลิน จู่ๆ ก็มีกำลังพลกลุ่มใหญ่พุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย บนศีรษะของแต่ละคนโพกผ้าขาวราวกับเป็นหน่วยกล้าตาย พุ่งปะทะกับทหารองครักษ์กลุ่มใหญ่ของจวนจอมพล
กูอวี้เฉิงที่สวมเกราะรบถือกระบี่วิเศษไว้ในมือแล้ว มือข้างหนึ่งลากโจวอ้าวหลินที่กระอักเลือดออกมา ทั้งตัวมีลักษณะโหดเหี้ยมดุร้าย เรียกได้ว่าใช้ฐานะเทพประจำดาวลงสนามด้วยตัวเอง โดยมีแม่ทัพใหญ่เกราะแดงสี่คนล้อมพิทักษ์อยู่รอบกาย
ในจวนจอมพลวุ่นวายอุตลุดแล้ว มีเสียงเข่นฆ่า เสียงร่ำไห้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกที่ ทิวทัศน์อันงดงามในจวนจอมพลพังยับเยิบอยู่ภายใต้ศึกใหญ่ในชั่วพริบเดียว
“ท่านแม่!” สาวน้อยคนหนึ่งตกใจจนร่ำไห้เสียงสั่นอยู่ท่ามกลางการคุ้มกันของกลุ่มทหารองครักษ์
คนหลายสิบคนพุ่งเข้ามา โจมตีทหารองครักษ์จนกระจัดกระจายไป หอกยาวด้ามหนึ่งแทงหลังทะลุหน้าอกของสาวน้อยอย่างไม่ปรานี เลือดสดพุ่งระเบิดออกมา เสียงร้องไห้ของสาวน้อยหยุดชะงัก ถลึงดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทั้งตัวถูกเหวี่งออกไปเพียงชั่วพริบตาเดียว
คนเป็นทั่วทุกซอกมุมล้มลงพื้นกลายเป็นคนตาย บ้างก็ถูกสังหารจนร่างแยก
สตรีวัยกลางคนที่ดูสง่างามทว่าจนตรอกกำลังสู้ไปถอยไปอยู่ท่ามกลางการล้อมพิทักษ์ของกลุ่มทหารองครักษ์ นางถือดาบใหญ่พร้อมตะโกนเสียงดัง “กันไว้! กันไว้! กำลังหนุนกำลังจะมาถึงแล้ว หลังจากจบเรื่องจอมพลจะตบรางวัลอย่างงาม! ข้าให้สัญญาตรงนี้เลย ผู้กล้าจะต้องได้รับรางวัลอย่างงาม!” สตรีวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นางคือหลันหลิง ฮูหยินของโจวจ้าวนั่นเอง
ตรงนี้เพิ่งพูดจบ ด้านหลังก็มีกำลังพลกลุ่มใหญ่สังหารเข้ามาอีก หลันหลิงหันกลับไปมอง พอเห็นกูอวี้เฉิงถือกระบี่คุมตัวลูกชายนางเอาไว้ นางก็เบิกตากว้างแทบถลน โบกดาบชี้พร้อมตวาดว่า “กูอวี้เฉิง ปกติจอมพลดูแลเจ้าไม่ขาดตกบกพร่อง เจ้าบังอาจก่อกบฏเหรอ!”
“จะเรียกว่ากบฏได้ยังไง เทพประจำดาวผู้นี้ได้รับคำสั่งให้มาปราบโจรกบฏ ผู้ที่ก่อกบฏก็คือพวกเจ้าต่างหาก!” กูอวี้เฉิงโบกกระบี่ในมือ ตัดศีรษะโจวอ้าวหลินเสียตรงนั้นเลย ไม่สนใจเลือดสดที่พ่นใส่ร่างตัวเอง ถือโอกาสโยนศีรษะขึ้นบนฟ้า พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง “โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงประหารแล้ว กำลังพลที่ยอมให้จับแต่โดยดีจะพ้นข้อหา!”
“ได้รับบัญชาจากอ๋องสวรรค์ก่วงให้ปราบกบฏ โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงประหารแล้ว กำลังพลที่ยอมให้จับแต่โดยดีจะพ้นข้อหา!”
“ได้รับบัญชาจากอ๋องสวรรค์ก่วงให้ปราบกบฏ โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงประหารแล้ว กำลังพลที่ยอมให้จับแต่โดยดีจะพ้นข้อหา!”
ทั้งด้านในและด่านนอกค่ายกลใหญ่มีเสียงตะโกนนี้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำเอากำลังพลจวนจอมพลตระหนกขวัญเสีย ทุกคนต่างรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะประสงค์ของอ๋องสวรรค์ก่วง มีหรือที่กูอวี้เฉิงจะกล้าทำอย่างนี้ ต่อให้ทำลายจวนตระกูลโจวได้แต่ก็เท่ากับรนหาที่ตายอยู่ดี
ส่วนบนท้องฟ้า มีกำลังพลมืดฟ้ามัวดินพุ่งเข้ามาอีก แต่ละคนโพกผ่าขาวที่ศีรษะ พร้อมตะโกนเสียงดังสะเทือนเมฆว่า “ปราบกบฏ”
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ กำลังพลของจวนจอมพลที่อยู่นอกค่ายกลใหญ่จำนวนไม่น้อยก็ทยอยกันโยนอาวุธในมือแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ยอมแพ้” ภายใต้ผลกระทบที่เชื่อมโยงกัน ทัพใหญ่ที่เฝ้ารักษาการณ์พ่ายแพ้ยับเยิน
มีเพียงกำลังในจวนจอมพลที่สู้ตายอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดเป็นทหารคนสนิท ทุกคนต่างรู้ดี ต่อให้จบเรื่องแล้วปล่อยไป แต่ก็ไม่มีใครปล่อยพวกเขาไว้ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง ต่อให้ยอมแพ้ก็ไม่มีทางรอดอยู่ดี
บึ้ม! ค่ายกลใหญ่ที่คุ้มกันถูกตีแตก กำลังพลกลุ่มใหญ่บุกสังหารเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวกำลังพลในจวนจอมพลก็ถูกตีแตกกระเจิงพ่ายแพ้ยับเยิน
“ฆ่า!” หลันหลิงโบกดาบลงสนามรบด้วยตัวเอง สังหารทิ้งไปแล้วหลายสิบคน ทว่ายามเผชิญหน้ากับทัพใหญ่ที่เหมือนกระแสน้ำ หัวเดียวกระเทียมลีบแพ้ล่าถอยตลอดทาง
“ฮูหยิน กอบกู้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว ตราบใดที่ภูเขาเขียวขจี ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีไม้ฟืน!” ท่ามกลางทหารคนสนิทที่คุ้มกันอยู่ทางซ้ายและขวา หนึ่งในนั้นตะโกนขอร้องให้หลันหลิงรีบหนีไป
“ตามข้าสังหารออกไป!” หลันหลิงโบกดาบพุ่งนำขึ้นฟ้า กำลังพลนับร้อยตามคุ้มกัน
ทว่าภายใต้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งระลอกที่ยิงพร้อมกัน ทำให้คนกลุ่มนี้ถูกกดลงมาแล้ว ทัพใหญ่พุ่งเข้ามาล้อมโจมตี กำลังพลกลุ่มนี้ราวกับตกอยู่ในกองโคลน ยากที่จะหนีเอาตัวรอดได้อีก
สังหารจนถึงตอนสุดท้าย ศึกโดยรอบสงบลงแล้ว มีเพียงทหารไม่กี่คนที่ปกป้องอยู่ข้างกายหลันหลิง พวกเขาทำตัวเหมือนสัตว์ที่ดิ้นรนอยู่ในกับดัก ทัพใหญ่ที่ล้อมอยู่ส่วนมากหยุดมือแล้ว ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น
ทัพใหญ่ที่ล้อมไว้หลีกทางให้ช่อทางหนึ่ง กูอวี้เฉิงถือกระบี่เดินเข้ามา ตะคอกว่า “หยุดมือ!”
กำลังพลที่ล้อมโจมตีหยุดถอยหลัง ทหารองครักษ์ไม่กี่คนที่ทั้งตัวเปื้อนเลือดล้อมพิทักษ์หลันหลิงที่จนตรอกเอาไว้ตรงกลาง
“โจรกบฏ!” หลันหลิงตะโกนเสียงแข็งขณะชี้ดาบใส่กูอวี้เฉิง
“โจวฮูหยิน ทำไมต้องต่อต้านโดยไร้จุดหมาย ยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ บางทีท่านอ๋องอาจจะลดหย่อนโทษให้” กูอวี้เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“เหลวไหล! ข้าเป็นจอมพลฮูหยินผู้สง่าน่าเกรงขาม ไม่มีเหตุผลให้ลดตัวไปขอร้องโจรกบฏ!” พอพูดจบ หลันหลิงที่หันมองรอบข้างก็พลันวางดาบบนคอคาวดุจหยกของตัวเอง เลือดสดพุ่งออกมา เด็ดขาดที่สุด
“ฮูหยิน!” พวกทหารองครักษ์ร้องไห้อย่างเศร้าโศก รีบเข้ามาแย่งประคองหลันหลิงที่ล้มลง
พอหลันหลิงตาย กำลังพลกลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาข้างหน้าอีกครั้ง ประหารพวกทหารองครักษ์ที่เหลือ
หลังจากรอบข้างเงียบสงบลงโดยสิ้นเชิง กูอวี้เฉิงก็เดินถือดาบไปข้างศพหลันหลิงด้วยสีหน้าตึงเครียด จากนั้นถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความปลง “ช่างเป็นสตรีหาญจริงๆ เหตุใดจึงให้กำเนิดลูกชายชั่วที่นำภัยมาสู่ตัวอย่างนั้นได้ ทหาร ฝังศพครั้งใหญ่!”
…………………………