พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1747 สวีถังหรานสุขสันต์
รองหัวหน้าภาค? สวีถังหรานตกใจจนอ้าปากเบิดตาโพลง ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป ถามติดอ่างว่า “รอง…รองหัวหน้าภาค?”
หยางเจาชิงกับเชียนเอ๋อร์ก็ตะลึงเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่านายท่านจะให้เจ้าขี้ประจบนี่เป็นรองหัวหน้าภาค?
อวิ๋นจือชิวรู้สึกผิดคาดนิดหน่อย แต่ดูจากปฏิกิริยาของสวีถังหรานนางก็อดหัวเราะไม่ได้
เหมียวอี้เหล่ตาถาม “ทำไม? ให้เจ้าเป็นผู้ช่วยแล้วเจ้ารู้สึกไม่ยุติธรรมเหรอ? แต่ก็ใช่อ่ะนะ เจ้ายศสูงกว่าข้า ให้เจ้าเป็นผู้ช่วยข้ามาตลอดก็ถือไม่ค่อยยุติธรรมกับเจ้า”
“หา…” สวีถังหรานได้สติกลับมาทันที สายหน้าราวกับเป็นกอลงป๋องแป๋ง รีบโบกมือซ้ำๆ “ไม่ๆๆ ได้เป็นผู้ช่วยของนายท่านนับว่าข้าน้อยโชคดีไปสามชาติ” ราวกับใช้คำพูดก็ไม่พอให้บรรยายความตื้นตันใจของตัวเอง หรือไม่ก็ตกใจกับคำพูดเหน็บแนมของเหมียวอี้ เขาย่อตัวแล้วคุกเข่าข้างเดียว ก่อนจะกล่าววาจารุนแรง “บุญคุณที่นายท่านมีต่อข้าน้อย ต่อให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้ารับใช้ก็ตอบแทนได้ไม่หมด ข้าน้อยขอสาบาน ว่าต่อไปนี้ถ้าข้าน้อยไม่จงรักภักดีต่อนายท่าน ก็ขอให้ข้าน้อยไม่ตายดี…”
เรียกได้ว่าพยายามกล่าวคำสาบานออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับควบคุมปากตัวเองไม่ไหว
เจ้าหมอนี่มันจริงๆ เลย! หลายคนที่อยู่ในห้องพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด
เหมียวอี้ฟังจนปวดประสาท ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ประจบสอพลอเกินไปแล้ว จึงรีบยกมือหยุด “พอแล้ว! ยังไม่จบอีกใช่มั้ย? ถ้ายังไม่ลุกขึ้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าอยู่อย่างนี้ตลอด
“…” สวีถังหรานหยุดปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าขวยเขิน กลัวว่าเหมียวอี้จะไม่วางใจ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเสริมอีก “ข้าน้อยพูดจริงทุกประโยค ล้วนเป็นคำพูดที่มาจากใจ ถ้าโกหกแม้แต่ประโยคเดียวก็ขอให้สวรรค์ลงโทษ”
คำพูดจริงใจที่ใครๆ ก็พูดได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน เขาพูดมาตั้งหลายปีขนาดนี้ เหมียวอี้ก็ได้แค่ฟัง ขี้คร้านจะรับมุกต่อ ได้แต่กำชับว่า “เรื่องของหยวนกง เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วกัน ไม่ต้องเผยพิรุธอะไร รอข้าคิดอีกสักหน่อย”
“ขอรับ!” สวีถังหรานพยักหน้าซ้ำๆ “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
“เจ้ารู้เรื่องพันธมิตรทะเลดาวดีที่สุด เรื่องโถงชุมนุมอัจฉริยะเจ้าก็รับผิดชอบต่อไป ถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อกับฮูหยินทันที” เหมียวอี้ชี้อวิ๋นจือชิว “อย่าเอาแต่สร้างความตกอกตกใจโดยไม่บอกกล่าว ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาข้าก็รับไม่ไหว เข้าใจมั้ย?”
“ขอรับๆๆ ครั้งนี้ข้าน้อยรีบร้อยไปหน่อย บวกกับตอนแรกไม่มีความมั่นใจ ก็เลยถือวิสาสะตัดสินใจ แต่ในภายหลังไม่ทำอย่างนี้แล้วแน่นอน ต่อไปไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็จะแจ้งฮูหยินก่อน” สวีถังหรานรับประกันโดยไม่ลังเล แล้วก็กุมหมัดคารวะต่ออวิ๋นจือชิวอีก “ต่อไปนี้มีฮูหยินคอยควบคุมเร่งรัดข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ฮูหยินได้โปรดชี้แนะมากๆ ขอรับ”
อวิ๋นจือชิวยิ้มบางๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
“เอาล่ะ อย่าให้เสียเวลาพวกเจ้าสองสามีภรรยาจู๋จี๋กัน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าค่อยให้เจาชิงพาเจ้าไปทำความคุ้นเคยกับคนใหม่ในจวน” เหมียวอี้โบกมือให้เขาถอยออกไป
“ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ” สวีถังหรานกุมหมัดคารวะ แล้วก็กุมหมัดคารวะคนอื่นอีก แล้วเดินถอยหลังไปตลอดทางจนถึงประตูก่อนจะหันตัวเดินออกไป สุภาพนอบน้อมมาก
“เจ้าหมอนี่แก้นิสัยไม่หายแล้ว” เหมียวอี้ถอนหายใจ แล้วนั่งลงลงส่ายหน้า
เชียนเอ๋อร์ก้าวขึ้นมารินน้ำชาให้ อวิ๋นจือชิวเดินมาใช้มือเรียวสวยนวดไหล่ให้เขา ออกแรงกำลังดี พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เขาก็มีนิสัยเคยตัวของเขาเอง ถ้าเจ้าไปฝืนให้เขาแก้ไขจริงๆ เกรงว่าเจาคงจะกลัวจนอยู่ไม่สงบ”
เหมียวอี้ดื่มด่ำกับความรู้สึกผ่อนคลายตรงบ่า “ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าลงมือกับพันธมิตรทะเลดาว”
อวิ๋นจือชิวบอกว่า “เจ้าคงจะกดดันเขาจนหมดทางเลือกแล้วล่ะสิ แล้วเจ้าก็ไม่ให้คนกับเงินเขาด้วย สถานการณ์ที่ตลาดผีก็เห็นๆ กันอยู่ เจ้าให้เขาไปรับคนด้วยมือเปล่าแบบนี้ เขาจะทำได้ยังไงล่ะ? ขนาดข้ายังกระดากใจที่จะถามเลย พวกวิธีการต่ำช้าคงเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางกลับมารายงานผลการปฏิบัติงานหรอก ไม่ว่าจะทำงานยังไง แต่ก็สืบได้เรื่องหยวนกงแล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ถือเป็นผลงานใหญ่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย”
“อืม!” เหมียวอี้หลับตาลงช้าๆ เบื้องล่างรับตัวละครที่ร้อนลวกมืออย่างนี้ไว้ ทำให้เขาปวดหัวพอสมควร กลายเป็นปัญหาแล้วว่าควรจะอยู่ด้วยกันอย่างไร
รู้ว่าตอนนี้เขากำลังปวดหัว นิ้วเรียวสวยของอวิ๋นจือชิวจึงนวดหน้าผากให้เขา นวดอย่างเบามือ รู้ใจเขามาก
ส่วนสวีถังหรานที่ออกไปจากที่นี่ก็เรียกได้ว่าโล่งอกทันที ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดมายาวนานก็ได้ผ่อนคลายแล้ว ย่างก้าวแผ่วเบาราวกับจะบินได้ ให้ความรู้สึกเหมือนจะล่องลอยกลายเป็นเซียน
รองหัวหน้าภาค? ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงตำแหน่งนี้ รับยอดฝีมือเข้ามามากมายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้นึกว่าตัวเองจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องซะแล้ว เขายังกังวลอยู่เลยว่าตำแหน่งรองแม่ทัพภาคของตัวเองจะโดนคนอื่นเบียด ก็เลยรีบร้อนกลับมา กอดตำแหน่งตัวเองไว้ให้แน่นคือเรื่องสำคัญที่สุด แค่ก้าวหน้าอีกขั้นแล้วได้เป็นแม่ทัพภาค ก็ทำให้เขาแอบดีใจได้แล้ว แต่ใครจะคิดล่ะ นายท่านสัญญาแล้วว่าจะให้ตำแหน่งรองหัวหน้าภาคกับเขา
รองหัวหน้าภาคเชียวนะ! แค่หัวหน้าภาคก็ถือเป็นเจ้าอาณาเขตแล้ว นี่เรากลายเป็นผู้ช่วยเจ้าอาณาเขตแล้วนะ เช่นนั้นอำนาจของตนก็จะไม่ได้อยู่แค่ดาวเคราะห์ดวงเดียวแล้ว แต่เป็นดาราจักรผืนหนึ่ง ตอนแรกที่อยู่ตลาดสวรรค์ แม้แต่ตำแหน่งแม่ทัพภาคก็ยังไม่กล้าเป็นด้วยซ้ำ ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้กลายเป็นรองหัวหน้าภาค ถ้าได้นั่งตำแหน่งนี้จริง มารดาเจ้าเถอะ ข้าจะต้องพาเสวี่ยหลิงหลงกลับไปเดินเล่นที่ดาวเทียนหยวนสักหน่อย ให้พวกที่มันดูถูกข้าในปีนั้นได้เบิ่งตาสุนัขดูให้เต็มตา
แค่นึกถึงภาพคนที่ดูถูกตนในปีนั้นมาทำความเคารพนอบน้อมต่อตน สวีถังหรานก็ดีใจแทบแย่แล้ว
“พี่สวี” เสียงของหยางเจาชิงดังมาจากข้างหลัง
สวีถังหรานตื่นขึ้นจากภาพฝันอันงดงามทันที พอหันตัวมามอง ก็รีบกุมหมัดคารวะอย่างสุภาพ “พี่หยาง มีอะไรจะกำชับ?” ตอนนี้เขาสุภาพกับทุกคน ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าภาคอย่างเป็นทางการ เขาไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย ถ้าไปขัดใจใครเข้าจนอีกฝ่ายพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีให้นายท่านฟัง แบบนั้นไก่ก็บินหนี ไข่ก็แตก จบเห่แน่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทข้างกายนายท่าน เขาก็ยิ่งไม่กล้าเหมือนเฉยใส่
หยางเจาชิงกล่าวปนหัวเราะ “เจ้าพูดเหน็บแนมข้าเกินไปหรือเปล่า? เจ้ากำลังจะกลายเป็นรองหัวหน้าภาคแล้ว กำลังจะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าแล้ว ข้าจะกล้ากำชับเจ้าได้ยังไงล่ะ กำลังพลเบื้องล่างไม่คุ้นเคยกับเจ้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยาก ข้าจะช่วยให้เจ้าผ่านทางได้สะดวก”
“เฮ้อ! ดูพี่หยางพูดเข้าสิ เจ้ากับข้าเป็นอะไรกัน ไม่ต้องพูดแล้วว่าเป็นผู้บังคับบัญชาหรือไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา วันหลังไม่ว่าเจ้ากับข้าจะอยู่ในตำแหน่งอะไร ก็เรียกกันว่าพี่น้องเหมือนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน ดีไม่ดีตำหนักนารีสวรรค์อาจจะส่งคนมารับตำแหน่งรองหัวหน้าภาคก็ได้” สวีถังหรานพูดจาถ่อมตัว เขาเองก็ยังกังวลด้านนี้อยู่บ้าง
หยางเจาชิงเอามือพาดบ่าเขา ทั้งสองเดินกอดคอกันไปข้างหน้า ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักนารีสวรรค์จะส่งคนมารับตำแหน่งรองหัวหน้าภาค ต่อให้ตำหนักนารีสวรรค์อนุญาต แต่เกรงว่านายท่านก็ไม่อนุญาตอยู่ดี ผลงานที่นายท่านสร้างขึ้นมาเอง จะยอมให้คนนอกมาชุบมือเปิบง่ายๆ ได้ยังไง ที่สำคัญคือเบื้องล่างก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้ามีคนมาจริงๆ แค่เอาชีวิตรอดกลับไปให้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” เขาบุ้ยปากไปทางทหารยามคนหนึ่งที่เฝ่าอยู่ตรงทางเลี้ยว
สวีถังหรานมองตาม พอนึกถึงประวัติความเป็นมาของคนพวกนี้ เขาก็เข้าใจทันที แต่ปากก็ยังกล่าวถ่อมตัวว่า “พี่หยาง นี้จะล้อเล่นกับข้าเอาสนุกใช่ไหม คุณสมบัติของข้าก็เห็นๆ กันอยู่ ตำหนักนารีสวรรค์อาจจะไม่อนุญาตให้ข้านั่งตำแหน่งนั้นจริงๆ ก็ได้”
หยางเจาชิงจึงบอกว่า “ติดตามอยู่กับนายท่านมานานขนาดนี้ เจ้ายังไม่รู้จักนายท่านอีกเหรอ? เขาไม่รับปากเรื่องที่ทำไม่ได้หรอก ถ้าเขาให้สัญญาแล้ว ก็แสดงว่ามีความมั่นใจแน่นอน ต้องพยายามช่วงชิงมาให้ได้แน่ สถานการณ์ที่ว่าโหดของตลาดผียังถูกนายท่านพลิกแพลงไปมาได้เลย เรื่องเล็กแค่นี้เจ้าคิดว่านายท่านทำไม่ได้เหรอ? พูดในกรณีที่แย่ที่สุด อย่างน้อยตำแหน่งแม่ทัพภาคก็ขาดพี่สวีไปไม่ได้”
ในเมื่อเหมียวอี้เอ่ยปากแล้ว เขาเองก็คิดว่าสวีถังหรานได้นั่งตำแหน่งรองหัวหน้าภาคแน่นอน ไม่ได้ประจบเพราะสวีถังหรานกำลังจะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาเขา เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ความลับที่เขารู้มีมากจนสวีถังหรานเทียบไม่ติด เขารู้ว่าตัวเองต่างหากที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้อย่างแท้จริง เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าตัวเองเป็นตัวละครแบบไหนข้างกายเหมียวอี้ เป็นตัวละครที่ต้องถ่ายทอดคำสั่งเบื้องบนต่อเบื้องล่าง ต้องประสานงานกับทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ถ้าความสัมพันธ์ของเขากับเบื้องล่างไม่ดี ก็จะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานในอนาคตของเขา ดังนั้นถึงถือโอกาสแสดงน้ำใจไม่ตรีสักหน่อย ไม่ส่งผลเสียอะไร
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เหมียวอี้จัดให้เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ เมื่อเทียบกับเหยียนซิวแล้ว เหยียนซิวจงรักภักดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในด้านสมองสู้หยางเจาชิงไม่ได้จริงๆ
คำพูดของเขาโดนใจสวีถังหรานแล้วจริงๆ สำหรับสวีถังหราน ความกังวลบางอย่างในใจหายไปโดยพลัน คำพูดที่ฟังผ่านหูเข้าสู่หัวใจนั้นหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง กำลังคิดว่าใช่แล้วล่ะ ในเมื่อนายท่านเอ่ยปากแล้ว คาดว่าคงมีความมั่นใจแล้ว ตำแหน่งรองหัวหน้าภาคก็มีความเป็นไปได้เก้าในสิบแล้ว
หยางเจาชิงแนะนำสวีถังหรานให้ทหารยามแต่ละด่านรู้จักตลอดทาง ทั้งสองคุยไปยิ้มไปจนกระทั่งมาถึงนอกห้องของสวีถังหราน
เสวี่ยหลิงหลงกำลังรออยู่ข้างนอกด้วยความกระวนกระวาย นางพอจะรู้ว่าสามีตัวเองเจอนายท่านแล้วต้องการจะช่วงชิงอะไรมา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้สมในนึกหรือไม่ จนกระทั่งเห็นสวีถังหรานกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“นายท่านหยาง” เสวี่ยหลิงหลงทำความเคารพ
หยางเจาชิงพยักหน้าเบาๆ “พี่สวี ข้าไม่รบกวนคู่รักแล้ว”
สวีถังหรานรีบจับแขนเขาเอาไว้ ทำท่าทางแกล้งโมโห “เจ้ากับข้าเรียกกันว่าพี่น้อง ควรจะดื่มกันสักสองสามจอกสิ ผ่านประตูบ้านแล้วจะไม่เข้าได้ยังไง? หลิงหลง รีบไปเตรียมสุราอาหาร”
“ค่ะ!” เสวี่ยหลิงหลงเอ่ยรับด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นสวีถังหรานดีใจขนาดนี้ นางก็ดีใจเหมือนกัน
หยางเจาชิงรีบโบกมือห้าม “นายท่านกำชับงานแล้ว ไม่สะดวกจะชักช้า ครั้งหน้าแล้วกัน” เขาจะไม่รู้จักกาลเทศะขนาดนั้นได้อย่างไร สามีภรรยาไม่ได้เจอกันมาหลายปี ไม่ใช่เวลาที่เขาจะเข้ามาประสมโรง ย่อมต้องปฏิเสธอยู่แล้ว
เมื่ออ้างชื่อเหมียวอี้แล้ว สวีถังหรานก็ทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย “ในเมื่อนายท่านมีคำสั่ง ก็ไม่สะดวกจะชักช้าแล้ว วันหลังแล้วกัน วันหลังจะเลี้ยงพี่หยาง”
“พี่สวีลำบากวิ่งเต้นทำงาน พักสักสองสามวันเถอะ เดี๋ยวค่อยพาพี่สวีไปทำความรู้จักกับพี่น้องที่มาใหม่ตามที่นายท่านกำชับ” หยางเจาชิงกล่าว
“พรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า?” สวีถังหรานแย่งนัดเวลา ในเวลานี้ขอเพียงเป็นเรื่องที่เหมียวอี้กำชับ เขาก็จะใส่ใจเป็นพิเศษ
“ได้ งั้นก็พรุ่งนี้แล้วกัน” หยางเจาชิงพยักหน้าเอ่ยรับ
ทั้งสองนัดกันเรียบร้อย หยางเจาชิงกล่าวขอตัวลา สวีถังหรานเองก็ถอนหายใจเอกหนึ่งแล้วเข้ามาในบ้านกับเสวี่ยหลิงหลง
พอปิดประตูแล้ว สวีถังหรานก็เกิดอารมณ์ปะทุทันที จู่ๆ ก็อุ้มเสวี่ยหลิงหลงเข้าไปในห้องนอน
“อ๊า…” เสวี่ยหลิงหลงที่ไม่ทันระวังร้องตกใจ กล่าวปนโมโหปนขำ “ร้อนใจอะไรกัน? เจ้าอย่าบอกเชียวนะว่าหลายปีมานี้ไม่ได้ไปหาผู้หญิงข้างนอกเลย ต่อให้ตีให้ตายข้าก็ไม่เชื่อหรอก รีบปล่อยข้าลง ไปอาบน้ำก่อน”
“อาบน้ำอะไรกัน อารมณ์กำลังมา จะทำลายบรรยากาศได้ยังไง…” เมื่อจับตัวสาวงามได้แล้ว สวีถังหรานก็เรียกได้ว่าปล่อยตัวปล่อยใจเต็มที
เมื่อเห็นเขามีอารมณ์สำราญขนาดนี้ เสวี่ยหลิงหลงก็ปรนนิบัติสุดความสามารถเช่นกัน
หลังจากเมฆสลายฝนสงบ สวีถังหรานก็นอนเปลือยร่างด้วยสีหน้าอิ่มเอม เสวี่ยหลิงหลงที่ผมเผ้ายุ่งสยายนอนซบอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน นางถามว่า “นายท่านดูอารมณ์ดีแบบนี้ ไปคุยอะไรกับท่านหัวหน้าภาคมาล่ะ?”
…………………………