พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1753.2 โอรสสวรรค์ถือกำเนิด (2)
ในหอนางโลมแห่งหนึ่ง ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังซ้อมเต้น แม่เล้าที่มือข้างหนึ่งถือพัด มืออีกข้างถือระฆังดาราพลันวิ่งตามออกมา แล้วอุทานอย่างตกใจ “สาวๆ รีบออกมาดูเร็ว เสวี่ยหลิงหลงมาแล้ว ในปีนั้นเป็นดาวเด่นของตลาดสวรรค์ นางมากับสวีถังหรานสามีนางแล้ว”
สำหรับวงการหอนางโลมนี้ เสวี่ยหลิงหลงกับสวีถังหรานเป็นที่พูดถึงในทางที่ดี ในปีนั้นตอนที่เสวี่ยหลิงหลงแต่งงาน ผู้หญิงอาชีพนี้ทั้งตลาดสวรรค์ต่างก็พากันออกมาสาดน้ำล้างถนนเพื่อเสวี่ยหลิงหลง
“ว้าว!” หลังจากผู้หญิงกลุ่มนี้รู้ชัดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็พากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด วิ่งออกมาจากห้องซ้อมเต้น ผลักหน้าต่างออกแล้วมองไปที่ถนน เห็นทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งคอยเบิกทางจริงๆ ด้วย บนถนนที่สองข้างทางมีคนเบียดกันมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาแล้ว
“รีบมาดูเร็วเข้า เป็นพวกเขา เป็นพวกเขาจริงด้วย ผู้หญิงคนนั้นก็คือเสวี่ยหลิงหลง ข้างๆ กันก็คือสวีถังหราน”
“ว้าว! ผู้บัญชาการใหญ่ฝูไปรับด้วยตัวเองเลยนะ!”
“ยังต้องพูดถึงอีกเหรอ เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไง นายท่านสวีกลายเป็นรองหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว ตำแหน่งสูงกว่าผู้บัญชาการใหญ่ฝูไม่ใช่น้อยๆ ขุนนางระดับสูงมาแล้ว ขุนนางระดับล่างก็ย่อมต้องต้อนรับ”
“จุๆ นายท่านสวีไต่เต้าเร็วมาก ได้กลายเป็นรองแม่ทัพภาคได้ไม่นาน”
“ตอนนี้ตำแหน่งใกลเคียงกับเจ้าอาณาเขตแล้ว”
“มาแล้วๆ อยู่ใต้ตึก”
“ว้าว เสวี่ยหลิงหลงสวยจัง! ฮูหยินรองหัวหน้าภาคเชียวนะ!”
“ว้าว นายท่านสวีมีสง่าราศีไม่ธรรมดา ดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปเยอะเลย” ถ้าสวีถังหรานได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไรบ้าง
“ได้ยินว่าในปีนั้นเสวี่ยหลิงหลงยังไม่ยอมแต่งงานกับนายท่านสวี แต่นายท่านสวีชิงตัวไป เกรงว่าในปีนั้นนางก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าจะได้กลายเป็นฮูหยินรองหัวหน้าภาค ช่างโชคดีจริงๆ!”
“ข้าได้ยินว่าจนกระทั่งตอนนี้ นายท่านสวีก็ยังไม่เคยรับอนุภรรยาเลยสักคน รักเสวี่ยหลิงหลงแค่คนเดียว น่าอิจฉาจะตายอยู่แล้ว”
“เห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังนายท่านสวีหรือเปล่า? ได้ยินว่าคนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไม่มีใครวรยุทธ์ต่ำกว่าบงกชรุ้งเลยนะ หมายความว่าทหารที่คุ้มครองอยู่ข้างหลังนายท่านสวีมีแค่ระดับบงกชรุ้งขึ้นไป!”
“หลีกไปๆ พี่สาวๆ แบ่งที่ให้ข้าดูหน่อยได้มั้ย” มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาที่บานหน้าต่างแต่หาที่ยืนไม่ได้ สุดท้ายก็หมุนตัวกระโดดลงตึกเสียเลย ไปดูตรงประตูแล้ว
กลุ่มผู้หญิงที่เบียดกันตรงหน้าต่างพูดคุยเสียงจ้อกแจ้กจอแจไม่หยุด แต่ละคนตาลุกวาว ในดวงตาเต็มไปด้วยการเฝ้าคอย สำหรับพวกนาง ส่วนใหญ่ก็พอจะเดาชะตากรรมในวันข้างหน้าได้ เสวี่ยหลิงหลงกับสวีถังหรานก็คือความฝันของพวกนาง เป็นฝันที่งดงาม
บนถนน สวีถังหรานชี้นั่นชี้นี่ตลอดทาง กำลังคุยกับฝูชิงเรื่องวันเก่าๆ พูดคุยไปหัวเราะไป ดื่มด่ำกับสายตาอิจฉานับไม่ถ้วนสองข้างทาง และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่เขากลับมา สวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิด ให้คนที่เคยดูถูกเขาได้ดูให้เต็มตา
เสวี่ยหลิงหลงเองก็ดื่มด่ำกับสายตาอิจฉาสองข้างทางมากเช่นกัน เห็นกลุ่มอดีตเพื่อนร่วมวงการบนตึกแล้ว นึกถึงวันที่นางแต่งงานในปีนั้น เพื่อนร่วมวงการกลุ่มนี้คอยสาดน้ำล้างถนนให้ข้างหลัง ในใจรู้สึกปลงไม่หยุด
หยวนกงและพวกโม่ซิ่นสงที่ตามหลังก็เริ่มมองออกแล้วเช่นกัน สงสัยเจ้าเวรสวีถังหรานจะอยากเดินโอ้อวดให้คนที่บ้านเกิดเห็น!
ฝูชิงที่เดินอยู่ข้างกายสวีถังหรานมีใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับขมขื่น ตามหลักแล้วพวกตนต่างหากที่สนิทสนมกับเจ้าห้าที่สุด แต่ในปีนั้นพวกพี่น้องกลับเลือกแยกทางกับเจ้าห้าด้วยความรอบคอบระวังตัว ตอนนี้เจ้าห้ากลายเป็นเจ้าอาณาเขตแล้ว แต่ตัวเองยังย่ำอยู่ที่เดิม ขนาดเจ้าคนขี้ประจบยังได้กลายเป็นรองหัวหน้าภาคแล้วเลย ได้ยินว่ามู่หรงซิงหัวที่ตามไปทีหลังก็กลายเป็นรองแม่ทัพภาคแล้วเช่นกัน จะให้เขาทนความรู้สึกได้อย่างไร!
ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทถูกเก็บกวาดแล้ว คนกลุ่มนี้เดินเที่ยวตลาดมาตลอดทาง ในตึกศาลากลางทะเลสาบ สวีถังหรานและฮูหยินนั่งตำแหน่งบนสุด สุราอาหารและระบำเพิ่มความบันเทิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนพวกนั้นเคยมีรอยร้าวกับสวีถังหราน บ้างก็เหม็นขี้หน้าสวีถังหราน ไม่สนว่าในใจจะคิดอย่างไร เพราะภายนอกล้วนต้องดื่มคารวะด้วยความนอบน้อมเกรงใจ
วันนี้สวีถังหรานรู้สึกบันเทิงสุดๆ อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
เขาเองก็ไม่ได้อยู่ที่ตลาดสวรรค์นาน อยู่แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น วันต่อมาก็นำกำลังพลออกไปแล้ว เขาไม่ได้พาเสวี่ยหลิงหลงไปด้วย สั่งให้คนคุ้มกันกลับตลาดผี ครั้งนี้แค่อยากจะพาเสวี่ยหลิงหลงกลับมาโอ้อวดให้มีหน้ามีตาเท่านั้น เขายังต้องให้เสวี่ยหลิงหลงอยู่ประจบอวิ๋นจือชิวที่ตลาดผีออีก
ส่วนก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่ยังอยู่ตลาดผี หลังจากได้เจอเหมียวอี้หนึ่งครั้งในวันที่มาถึง ตอนหลังก็ไม่ได้เจออีกเลย เพราะอวิ๋นจือชิวไปเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนตลอด สนิทกับอวิ๋นจือชิวจนเรียกแทนตัวเองว่าน้องสาวแล้ว สาเหตุแรกเป็นเพราะเหมียวอี้ตั้งใจหลบเลี่ยง สาเหตุรองเป็นเพราะเขางานยุ่งมากจริงๆ
รออยู่นานไม่เห็นเหมียวอี้โผล่หน้ามาสักที อวิ๋นจือชิวเองก็บอกว่าไม่รู้ว่าเหมียวอี้จะว่างอีกเมื่อไร สุดท้ายก่วงเม่ยเอ๋อร์จึงขอตัวลา
ตอนที่ออกไป อวิ๋นจือชิวออกไปส่งด้วยตัวเอง ผู้ติดตามก่วงเม่ยเอ๋อร์มาปรากฏตัวตรงประตูอีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์ไปแล้ว วันต่อมาเหมียวอี้ก็กลับมาจากน้ำพุวังเวง พอเจออวิ๋นจือชิวก็ถามว่า “ก่วงเม่ยเอ๋อร์ได้เอ่ยถึงเรื่องหลงซิ่นหรือเปล่า?”
อวิ๋นจือชิววางถ้วยน้ำชาตรงหน้าเขา แล้วส่ายหน้าตอบ “ไม่เอ่ยถึงเลยสักคำ”
“ไม่เอ่ยถึงสักคำเลยเหรอ?” เหมียวอี้งงทันที “คงไม่มาเที่ยวเล่นจริงๆ หรอกมั้ง?”
อวิ๋นจือชิวมองประเมินเขาศีรษะจดเท้า สายตานางดูแปลกๆ ทำเอาเหมียวอี้อึดอัดไปทั้งตัว
หลังจากนั้นหนึ่งปี จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลยังไม่ได้สร้าง เพียงแต่กำลังพลทุกคนในหัวหน้าภาคกลับกระปรี้กระเปร่า ถึงแม้ค่าจ้างจะไม่เยอะ แต่ก็ร่ำรวยเพราะไปเฝ้าน้ำพุวังเวง รายรับนั่นทำให้คนบ่นไม่ออกจริงๆ
ในระหว่างนั้นเหมียวอี้กลับพิภพเล็กรอบหนึ่ง นำกำลังพลแทบทั้งหมดกลับมาที่แดนอเวจี
ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกห้าปี วังสวรรค์ประกาศข่าวดี ใต้หล้าร่วมยินดี ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ให้กำเนิดเด็กในครรภ์แล้ว
ราชันสวรรค์มีโอรสแล้ว อภัยโทษทั้งใต้หล้า!
ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฉวยโอกาสนี้ขอร้องอีกครั้ง ขอที่สร้างจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแห่งใหม่
ประมุขชิงที่กำลังอุ้มทารกไม่ได้ตอบอะไร เพียงมองมารกในอ้อมกอดเงียบๆ นานมาก
จากนั้น จู่ๆ ทางปราสาทดำเนินจันทร์ก็มีคนมาเยี่ยมคารวะเหมียวอี้ ประมุขปราสาทดำเนินจันทร์อนุญาตเหมียวอี้แล้ว ยินดีเป็นฝ่ายแบ่งดาวจันทร์อี่ให้สร้างจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล
เหมียวอี้กลับไม่ว่างไปดู จึงสั่งให้หยางเจาชิงนำคนไปรับอาณาเขตนั้น ส่วนตัวเองก็นำกำลังพลไปที่อุทยานหลวง
ราชินีสวรรค์มีเรื่องมงคล ให้กำเนิดโอรสสวรรค์แล้วโอรสสวรรค์ เหมียวอี้ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของตำหนักนารีสวรรค์ จึงเตรียมของขวัญล้ำค่าไปเข้าเฝ้า
เขาได้รับอนุญาตจากตำหนักนารีสวรรค์ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้เข้าอุทยานหลวงได้ราบรื่นมาก หลังจากให้กำลังพลผู้ติดตามหนึ่งร้อยคนหาที่พักที่อุทยานหลวงแล้ว ในระหว่างที่รองานเลี้ยงเริ่ม เหมียวอี้พาเฟยหงไปเยี่ยมแม่เฒ่าลวี่ที่สวนกลางเขียวขจี
พักอยู่ที่สวนกลางเขียวขจีไม่กี่วัน โอรสสวรรค์อยู่ในงานเลี้ยงกระจันทร์เต็มดวงที่พระตำหนักอุทยาน ทั้งพระตำหนักอุทยานและทั้งอุทยานหลวงถูกประดับตกแต่งจนคึกคักรื่นเริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กลุ่มขุนนางมาแสดงความยินดี เหมียวอี้ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของราชินีสวรรค์ จึงโชคดีได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่พระตำหนักอุทยานอีกครั้ง
…………………………