พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1828 โง่เขลาเบาปัญญา
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางได้ข่าวแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในศาลา
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง หลังจากได้ข่าวแล้ว ก่วงลิ่งกงก็ยืนเงียบอยู่บนเส้นทางเล็กในป่าภูเขานานมาก
แดนอเวจี หยางชิ่งได้ข่าวแล้วติดต่อเหมียวอี้ทันที ถามว่าใช่ฝีมือเขาหรือเปล่า
แม้หยางชิ่งจะอยู่ที่แดนอเวจี แต่ถึงอย่างไรด้านนอกก็มีคนของหกลัทธิ ใช่ว่าจะไม่รู้ข่าวสารอะไรจากภายนอกเลย
สำหรับเขา เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าปิดบังเช่นกัน เหมียวอี้ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำ
หยางชิ่งพูดไม่ออกมาก ตอนแรกที่ปรึกษาเรื่องนี้กัน เขาเองก็นึกวิธีการดีๆ ไม่ออก นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะถ่อไปเยี่ยมคารวะถึงประตูบ้านของจวนหัวหน้าภาคน่านฟ้าชวดเกิงโดยตรง หลังจากเหมียวอี้ถอนกำลังกลับมาแล้วถึงได้รู้เรื่องนี้ เขาเดาออกแล้วว่าเหมียวอี้ถูกทัพตะวันออกบีบให้ถอย เมื่อถอยมาแล้วเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก อย่างไรเสียช่วงนี้เขาก็ควบคุมตัวเองมาก แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้ที่ถอนตัวออกไปแล้วก็อยู่ไม่สุขเช่นกัน โยนท่าไม้ตายออกมาอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวคนออกมาจากจวนหัวหน้าภาคน่านฟ้าชวดเกิงได้ เขานับว่ายอมเหมียวอี้แล้ว
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เขาก็ไม่สะดวกจะว่าอะไรเหมียวอี้มาก เพียงเตือนอย่างจนใจว่า : นายท่าน ในเมื่อท่านโผล่หน้าไปอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ก็ไม่ควรทำเรื่องนี้ติดกันในทันที คนที่ตั้งใจดู เกรงว่าคงยากที่จะไม่นึกเชื่อมโยงมาถึงท่าน อย่างน้อยก็ต้องเว้นช่วงสักระยะแล้วค่อยลงมือ
เหมียวอี้ : เรื่องที่ไร้หลักฐาน สงสัยข้าแล้วจะทำอะไรข้าได้ล่ะ?
หยางชิ่ง : เรื่องราวไม่ได้ธรรมดาอย่างที่นายท่านคิด คนที่อยู่ในระดับนั้นอย่างอ๋องสวรรค์อิ๋ง เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องมีหลักฐานด้วยเหรอ? ครั้งนี้ลำบากจนทำให้ทั้งทัพตะวันออกปิดล้อมค้นหา ไม่ใช่เรื่องความแค้นส่วนตัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อ๋องสวรรค์อิ๋งก็ต้องให้คำชี้แจ้งกับเบื้องล่างบ้าง กับตระกูลเซี่ยโห้วก็กัดไม่ได้ง่ายๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าครั้งนี้เขาจะลงดาบกับนายท่านก่อน ไม่เหมือนที่ผ่านมาแล้ว ครั้งนี้เกรงว่านายท่านจะต้องระวังตัวแล้ว
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ทำให้เหมียวอี้หนักใจทันที : ตามที่เจ้าบอก ข้าจะต้องเปลี่ยนที่อยู่เพื่อหลบภัยสักหน่อยมั้ย?
หยางชิ่ง : เรื่องหลบน่ะไม่ต้องก็ได้ ปราสาทดำเนินจันทร์เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย ต่อให้อิ๋งจิ่วกวงจะลงมือยังไง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไปลงมือที่ปราสาทดำเนินจันทร์ ประมุขปราสาทดำเนินจันทร์ลี่หัวไม่ได้รังแกง่ายขนาดนั้น ถ้ายั่วโมโหจนลี่หัวออกโรง อิ๋งจิ่วกวงก็จะปวดหัวเอง แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าน้อยเท่านั้น เพียงแต่ตอนนี้นายท่านจะต้องระวังตัวเอาไว้ ถ้าข้างกายเกิดเรื่องผิดปกติอะไร ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอิ๋งจิ่วกวงจะพุ่งเป้ามาที่นายท่านแล้ว ประมาทไม่ได้เด็ดขาด! ยามจำเป็นก็ต้องหลบอยู่ในจวนหัวหน้าภาค ไม่ต้องออกมา ถ้ามีคนก่อความวุ่นวายที่แดนรัตติกาล ก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อเชิญกองทัพองครักษ์มาคุมสถานการณ์ไว้ บีบให้กองทัพองครักษ์เข้ามาแทรกแซง ตระกูลเซี่ยโห้วจะคิดหาทางทำให้กำลังพลของตระกูลอิ๋งถอยไปเอง ถึงตอนนั้นก็ย่อมกำจัดอันตรายได้แล้ว
เหมียวอี้พยักหน้าเงียบๆ จดจำสิ่งที่เขาบอกเอาไว้แล้ว…
การประชุมขุนนางตำหนักสวรรค์ อิ๋งจิ่วกวงที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมหลายปี ในที่สุดก็โผล่หน้ามาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าราชสำนัก ใส่เสื้อเปิดไหล่นั่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงตีนบันไดนอกตำหนักฟ้าดิน ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป!
ส่งกำลังพลจำนวนมากมาไว้ที่อาณาเขตตัวเอง แต่ก็ยังทำให้สนมของราชันสวรรค์หายตัวไป เรื่องนี้จะต้องให้คำชี้แจง เขาสามารถหาคนมารับผิดแทนได้ แต่ครั้งนี้เขามิอาจไม่ออกหน้าเอง การโผล่หน้ามาที่นี่นั้นอันตรายมาก จึงไว้หน้าประมุขชิงเต็มที่ อ๋องสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยมาที่นี่เพื่อยอมรับผิด การโจมตีนี้นับว่าโหดพอสมควร บีบให้ขุนนางใหญ่ทำถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าประมุขชิงยังจะแตะต้องเขาอีกก็จะฟังดูเหลวไหลไปหน่อย
นอกจากตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว กำลังพลสายต่างๆ ในราชสำนักก็รวมตัวกันพูดขอร้องให้อิ๋งจิ่วกวง ผลปรากฏว่าประมุขชิงสะบัดแขนเสื้อ พูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไปเลย : ให้เขาคุกเข่าสำนึกผิดสักสามวันแล้วค่อยว่ากัน!
หลังจากจบประชุม กลุ่มขุนนางก็เดินออกมา ระหว่างที่เดินผ่านก็ไม่สนว่าจะจริงใจหรือไม่ แต่ละพากันกล่าวปลอบใจ
มีเพียงเซี่ยโห้วลิ่งที่ออกมาแล้วแสยะยิ้มตรงหน้าอิ๋งจิ่วกวง “อ๋องสวรรค์อิ๋ง เหตุใดต้องลำบากขนาดนี้เล่า?” คำพูดนี้ไม่นัยยะแอบแฝง
คนที่รู้เรื่องย่อมฟังเข้าใจ เขากำลังสื่อว่า ทำไมอิ๋งจิ่วกวงต้องลำบากกระโดดออกหาเรื่องตระกูลเซี่ยโห้วก่อน
ในฐานะที่เป็นลูกชาย อิ๋งอู๋หม่านเดือดดาลแล้ว กล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านปู่สวรรค์โปรดสำรวม!”
เซี่ยโห้วลิ่งเหล่ตามองอย่างเหยียดหยาม แล้วสะบัดชายเสื้อเดินออกไป
การคุกเข่าครั้งนี้ของอิ๋งจิ่วกวง มีหรือที่ตระกูลอิ๋งจะนิ่งดูดายปล่อยให้อิ๋งจิ่วกวงนั่งคุกเข่าสามวัน อิ๋งลั่วหวนรีบไปที่อุทยานหลวง ไปพบจ้านหรูอี้ลูกสาวตัวเอง นางแทบจะคุกเข่าต่อหน้าลูกสาวแล้ว จ้านหรูอี้จะทำอย่างไรได้อีก ทำได้เพียงไปขอร้องประมุขชิง
ไปหาที่อุทยานสายัณห์ พอพบหน้ากัน จ้านหรูอี้ก็คุกเข่าตรงหน้าประมุขชิงเสียเลย ขอร้องให้อิ๋งจิ่วกวง
ครั้งนี้ประมุขชิงอยากจะให้บทเรียนแก่อิ๋งจิ่วกวงจริงๆ บัญชีแค้นในปีนั้นเขายังหาโอกาสชำระไม่ได้ ครั้งนี้มีหรือที่จะปล่อยผ่านไปง่ายๆ ทว่าประมุขชิงไม่ตอบตกลง จ้านหรูอี้ก็คุกเข่าไม่ยอมลุก ถ้าเปลี่ยนเป็นสนมคนอื่น ประมุขชิงอาจจะไม่สนใจ แต่สำหรับสนมสวรรค์ท่านนี้ ประมุขชิงเห็นอกเห็นใจนางจริงๆ ความเอ็นดูโปรดปรานนับพันหมื่นมารวมอยู่ที่ตัวนางคนเดียว ไม่อยากเห็นนางได้รับความอยุติธรรมใดๆ
ดังนั้นอิ๋งจิ่วกวงจึงคุกเข่าไม่ถึงหนึ่งวัน ราชันสวรรค์ก็ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ปรับลดค่าจ้างอิ๋งจิ่วกวงเป็นเวลาหนึ่งพันปี
โทษปรับนี้จะเรียกว่าไม่หนักก็ไม่ได้ ค่าจ้างของอิ๋งจิ่วกวงในหนึ่งพันปีไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่สำหรับอิ๋งจิ่วกวงกลับไม่ถือว่าเป็นจำนวนมากมายอะไร สุดท้ายเขาก็ออกจากวังสวรรค์ไปอย่างปลอดภัย
เพียงแต่การกระทำของจ้านหรูอี้กลับยั่วโมโหเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อีกแล้ว นางเรียกจ้านหรูอี้มาตำหนิยกใหญ่ สั่งสอนประมาณว่าวังหลังไม่อาจก้าวก่ายราชกิจ กดดันให้จ้านหรูอี้นั่งคุกเข่าหน้าตำหนักนารีสวรรค์ ต้องการให้จ้านหรูอี้นั่งคุกเข่าชดเชยเวลาที่ยังไม่ครบให้อิ๋งจิ่วกวง
แต่ช่วยไม่ได้ที่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน ประมุขชิงก็มาอีกแล้ว หาข้ออ้างช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้จ้านหรูอี้ ทำเอาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่โมโหจนทำลายข้าวของไปเป็นชุด
ส่วนจวนหัวหน้าภาคน่านฟ้าชวดเกิงก็ตระหนกวุ่นวายจนไก่บินสุนัขกระโดด ผู้พิพากษาหน้าตายเกาก้วนนำกำลังพลหน่วยตรวจการขวามาสืบคดีด้วยตัวเอง พอมาถึงก็แสดงอำนาจบารมีก่อน ฆ่าคนที่บกพร่องต่อหน้าที่ไปหลายสิบคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน ทำเอาทุกคนในน่านฟ้าชวดเกิงตกใจจนตัวสั่น เหยียนซู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ตระหนกจนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นางย่อมได้ยินชื่อเสียงของเกาก้วนมานาน เดิมทีก็กินปูนร้อนท้องอยู่แล้ว ตอนนี้เกาก้วนมาเยือนด้วยตัวเอง นางจะไม่กลัวได้อย่างไร?
จากนั้นเกาก้วนที่เดินมาพร้อมกลิ่นคาวเลือดก็เข้ามานั่งตรงตำแหน่งสูงในโถงหลัก ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง จับกำลังพลกองทัพองครักษ์ที่รับหน้าที่อารักขาสนมฉินเข้าคุกใหญ่ให้หมด นำรายชื่อน่านฟ้าชวดเกิงขึ้นมา วงรายชื่อจำนวนหนึ่งแล้วพาตัวไปสอบสวนทีละคน
ตอนที่เหยียนซู่ถูกพาตัวมา คำถามของเกาก้วนตรงจุดหนักแน่นดุดัน ถามไม่กี่ประโยคก็จับพิรุธในคำพูดของเหยียนซู่ได้แล้ว ทำลายกำแพงใจของเหยียนซู่ได้แล้ว ภายใต้ประโยคกดดัน ‘ให้การอย่างซื่อสัตย์สามารถละเว้นโทษตาย’ ของเกาก้วน เหยียนซู่ก็พลันคุกเข่าดังตุ้บ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยละเอียด
ทางนี้เพิ่งจะมีคำสั่ง ทางน่านฟ้าวอกอี่ก็ให้กำลังพลหน่วยตรวจการขวาเคลื่อนไหวทันที ให้ควบคุมตัวฟางอ้าวหลินมาสืบสวนอย่างลับๆ เมื่อมีคำให้การของเหยียนซู่แล้ว ฟางอ้าวหลินมีหรือจะทนการสอบสวนไหว แม้แต่เรื่องที่ฆ่าปิดปากลูกน้องสี่คนก็ถูกเปิดโปงออกมาด้วยแล้ว
หลังจากนั้นหลายวัน ผู้พิพากษาหน้าตายเกาก้วนก็เดินลากชุดคลุมดำเข้ามาในวังสวรรค์ เข้ามารายงานต่อหน้าประมุขชิงในตำหนักดาราจักร
ในตำหนักมีเพียงประมุขชิงกับซ่างกวนชิง หลังจากฟังรายงานจบ ประมุขชิงก็บอกว่า “ถ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าสุนัขตัวผู้ตัวเมียคู่นั้นไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของผู้ร้ายเหรอ?”
เกาก้วนตอบว่า “น่าจะไม่รู้ขอรับ พวกเขาเพียงถูกหลอกใช้ให้พาผู้ร้ายเข้าจวนหัวหน้าภาค แต่ไม่รู้ขั้นตอนที่ผู้ร้ายลงมือ เพียงแต่เจตนาของผู้ร้ายนั้นชัดเจน อยากจะอาศัยโอกาสควบคุมพวกเขาสองคนเอาไว้ใช้งานทีหลัง ดังนั้นจึงยังจะไม่แตะต้องพวกเขาสองคน และไม่ทำให้คนอื่นแตกตื่นด้วย จะให้โอกาสสองคนนี้สร้างผลงานชดใช้ความผิด ถ้าผู้ร้ายติดต่อพวกเขาเมื่อไร ทางหน่วยตรวจการขวาจะแจ้งสถานการณ์ให้ทราบทันที”
ประมุขชิงหรี่ตาเล็กน้อย “น่าสนใจทีเดียว จะเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”
“มีความเป็นไปได้สูงขอรับ แม้แต่ฟางอ้าวหลินก็รู้สึกเช่นกันว่าเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อ แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ จึงไม่อาจแน่ใจได้” เกาก้วนกล่าว
“เจ้าลูกลิงนี่มีความสามารถไม่น้อยเลย!” ประมุขชิงพึมพำ
“ฝ่าบาท จะจับตัวหนิวโหย่วเต๋อมาสอบสวนสักหน่อยหรือไม่ขอรับ?” เกาก้วนถาม
ประมุขชิงลังเลนิดหน่อย จากนั้นนั่งโบกมืออยู่หลังโต๊ะยาว “ช่างเถอะ จับตาดูสุนัขตัวผู้ตัวเมียคู่นั้นไว้ให้ดี ถ้าสืบเจอว่าเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ ก็อย่าเพิ่งประกาศบอกใคร ข้ามีแผนการของตัวเองแล้ว เจ้าวิ่งเต้นไปมาก็ลำบากแล้วเหมือนกัน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“รับทราบ!” เกาก้วนเอ่ยรับแล้วกล่าวขอตัวออกไป
ประมุขชิงเองก็ลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินออกจากหลังโต๊ะเช่นกัน สายตามองคล้อยหลังเกาก้วน พลางพยักหน้าชม “เกาก้วนทำงานได้ไม่เลวเลย จนตอนนี้ทัพตะวันออกยังหาเบาะแสไม่เจอ แต่ทางนี้คลำเจอก้นบึ้งแล้ว”
ซ่างกวนชิงที่เดินตามอยู่ข้างหลังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแต่วิธีการโหดร้ายไปหน่อย พอไปถึงยังไม่ทันสอบสวนอะไรก็ฆ่าคนของทัพตะวันออกไปแล้วหลายสิบคน ทางทัพตะวันออกไม่ค่อยพอใจ”
ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูกเยาะเย้ย “เวลาที่สมควรแสดงบารมีก็จะเบามือไม่ได้ จุดนี้เกาก้วนไม่ได้ทำผิด จนป่านนี้อิ๋งจิ่วกวงก็ยังพูดอะไรได้ไม่ชัดเจนเลย จะมาไม่พอใจอะไรได้ล่ะ?”
หลังจากเดินอยู่ในตำหนักกว้างโล่งไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็พูดเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ถ้าเป็นเจ้าลูกลิงนั่นทำจริงๆ แสดงว่าใต้บังคับบัญชาเฉิงอวี่ก็มีคนที่เก่งกาจจริงๆ น่ะสิ!”
“กล่าวได้เพียงว่าเหนียงเหนียงได้มาชุบมือเปิบจากฝ่าบาทแล้ว” ซ่างกวนชิงหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวประจบ
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “ใจกล้าไม่เบา ถึงขนาดกล้าลงมือกับสนมของข้าแล้ว สงสัยจะรู้สึกว่าข้าไม่มีค่าพอให้เขาจงรักภักดีจริงๆ โง่เขลาเบาปัญญา!”
ซ่างกวนชิงเงียบแล้ว ไม่สะดวกจะพูดอะไรต่อ…
สระน้ำมังกรดำ ดาวเคราะห์ที่มีต้นสับปลับปกคลุมเป็นตาข่าย ตลาดมืดอยู่ลึกลงมาใต้ผิวดิน ที่นี่ขุดทางใต้ดินขนาดใหญ่เอาไว้หลายเส้นทาง โยงใยกันอยู่ใต้ดินราวกับใยแมงมุม ผู้คนสัญจรไปมาโดยไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ภูตผีมารปีศาจอยู่ปะปนกัน ทุกช่วงของทางใต้ดินนี้จะมีร้านค้าที่ประดับตกแต่งประตูแตกต่างกัน แต่ละแห่งจะปิดประตูใหญ่ไว้สนิท ผู้ที่มีความจำเป็นก็ผลักประตูเข้าไป หลังจากเข้าไปแล้วประตูก็จะปิด ทำให้คนมองไม่เห็นถึงสถานการณ์การซื้อขายข้างใน
ในประตูใหญ่บานหนึ่งที่ปิดสนิทและยังไม่ได้แขวนป้ายร้าน สวีถังหรานกำลังนำคนกลุ่มหนึ่งตรวจสอบทั้งชั้นบนและชั้นล่างของร้านค้า
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดรอบหนึ่งและกลับมาที่โถงหลัก สวีถังหรานที่เหลียวซ้ายแลขวาก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่เลวๆ ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเราก็นับว่ามีที่พักที่ตลาดมืดแห่งนี้แล้ว มีสถานที่ที่พวกเราควบคุมเองได้ เวลาจะพักผ่อนหรือทำอะไรก็ไม่ต้องระแวงแล้ว”
เขาอารมณ์ดีจริงๆ ภารกิจในการเดินทางครั้งนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังคิดหาทางจนได้ร้านค้ามาหนึ่งร้าน กลับไปก็นับว่ารายงานผลการปฏิบัติงานต่อนายท่านได้แล้ว
ในขณะนี้เอง ตรงประตูใหญ่ก็มีเสียงคนเคาะ พวกเขาหันกลับไปมอง เห็นมีคนผลักประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญแล้ว เป็นสตรีเผ่าเทพอสรพิษดำที่แต่งตัวเปิดเผยคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่รับหน้าที่ให้มาพบพวกเขาในตอนแรกที่มาที่นี่
“แม่นางจิงจิง เจ้ามาได้ยังไง?” สวีถังหรานเข้ามาต้อนรับอย่างร่าเริง
สตรีเผ่าเทพอสรพิษดำที่ชื่อจิงจิงกล่าวเสียงเรียบ “ท่านบุรุษสวี ผู้อาวุโสของพวกเราเชิญพบ”
……………