พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1835 ใครจับไป ข้าก็จะทวงกับคนนั้น
จากนั้นอิ๋งอู๋หม่านที่ใส่หน้ากากอีกครั้งก็เรียกใช้โหยวโยว “นำทางไป”
สามารถพูดได้ว่าใช้งานจนคล่องปาก ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เผ่าเทพอสรพิษดำต่ำต้อยไม่ได้อยู่ในสายตาอีกฝ่ายเลย
โหยวโยวฝืนยิ้มพลางพยักหน้า นางยื่นมือเชิญ นางนึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียวไปหมด ทางนี้เรียกใช้นางอย่างไม่เกรงใจ ทางหนิวโหย่วเต๋อก็จับลูกนางเป็นตัวประกันอีก ดึงดันจะให้นางคิดหาทางปกป้องชีวิตสวีถังหรานให้ได้ แต่นางจะเอาอะไรมาปกป้องล่ะ ตอนนี้แม้แต่หน้าสวีถังหรานนางยังไม่เห็น ถ้าทำให้ตระกูลอิ๋งสงสัยนางขึ้นมา ให้รู้ว่านางคิดจะทำลายเรื่องดีๆ ของตระกูลอิ๋ง นางก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะฆ่านางทิ้งทันที คำพูดเมื่อครู่ของอิ๋งอู๋หม่านนางได้ยินหมดแล้ว เมื่อล่อหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาตกหลุมพรางได้เมื่อไร ก็ไม่ต้องใช้ข้ออ้างอะไรทั้งนั้น จับตายให้หมดเสียเลย เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจกกฎเกณฑ์อของตำหนักสวรรค์แล้ว
นางนับว่ามองออกแล้ว ว่าตำหนักสวรรค์ไม่มีใครดีสักคน มีแต่คนโหดร้ายทั้งนั้น!
โหยวฮ่วนเกลี้ยกล่อมนางตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในตำหนักสวรรค์ แต่นางไม่เชื่อฟัง ดันทุรังจะทำเรื่องที่ไม่คุ้ม ตอนนี้เลยได้มาเจอกับคนโหด ถ้าอีกฝ่ายเดือดดาลขึ้นมา ก็ไม่มีใครที่นางมีเรื่องด้วยไหวสักคน จะรุกก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ หาทางลงไม่ได้เลย เป็นการนำนางไปย่างไว้บนไฟแท้ๆ
แสงอาทิตย์สดใส ใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำ อิ๋งจิ่วกวงเอามือข้างหนึ่งลูบเครา ส่วนมืออีกข้างถือคันเบ็ด
จั่วเอ๋อร์เดินย่องเบามาหยุดอยู่ข้างกายเขา แล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเข้าไปในสระน้ำมังกรดำแล้วค่ะ”
“หึหึ” อิ๋งจิ่วกวงแค่แสยะยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรอีก
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงกำลังฝึกคัดอักษรอยู่ในห้องหนังสือ พอได้ยินข่าวก็เงยหน้า จ้องโกวเยว่พร้อมถามอย่างประหลาดใจ “สระน้ำมังกรดำเหรอ? เข้าไปที่สระน้ำมังกรดำแล้ว? เจ้าหนุ่มนั้นคิดจะทำอะไร?”
เม่ยเหนียงที่ฝนหมึกอยู่ข้างๆ ก็งงเช่นกัน โกวเยว่ตอบอย่างเก้อเขินนิดหน่อยว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัด แต่ส่งคนไปติดตามจับตาดูไว้ตลอดขอรับ”
ก่วงลิ่งกงไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะวางพู่กันไว้ แล้วบอกเม่ยเหนียงที่อยู่ข้างๆ ว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“ค่ะ ข้าขอตัวก่อน” เม่ยเหนียงรู้ว่าเขากำลังกันนางออกไป ต้องการจะพูดเรื่องบางอย่างที่ไม่สะดวกจะให้นางรู้ จึงทำความเคารพแล้วถอยออกไป ขณะเดียวกันก็พยักหน้าให้โกวเยว่ด้วย
โกวเยว่กุมหมัดคารวะน้อมส่งทันที
เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว ก่วงลิ่งกงก็หยิบพู่กันขึ้นมาอีก วาดเขียนบนกระดาษตามอารมณ์พลางบอกว่า “ซื้อยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ตลาดผี ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเทรังออกมาทั้งหมด แล้วตอนนี้ก็ไปที่สระน้ำมังกรดำอีก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่หนิวโหย่วเต๋อเจ้าหนุ่มนั่น…ทำไมข้ารู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องล่ะ สระน้ำมังกรดำยังมีที่อื่นให้ผ่านไปอีกเหรอ? ไม่ใช่ว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะยกทัพไปตีสระน้ำมังกรดำหรอกใช่มั้ย?”
“ตอนนี้บ่าวก็สงสัยแบบนี้เหมือนกันขอรับ ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวมา เหมือนโถงชุมนุมอัจฉริยะจะยื่นมือเข้าไปที่สระน้ำมังกรดำ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า” โกวเยว่ตอบ
ก่วงลิ่งกงบอกว่า “เดาทางหนิวโหย่วเต๋อได้ไม่ยาก ในมือมีทัพเกรียงไกร หลบเข้ากระดองอยู่ที่แดนรัตติกาล เฝ้าเป็นเสือนอนกินอยู่ที่น้ำพุวังเวง โถงชุมนุมอัจฉริยะคิดจะขยายช่องทางรายได้ หลายปีมานี้สี่ทัพกำลังเกิดความวุ่นวายภายในจนไม่มีเวลาไปยุ่ง เขาอาศัยโอกาสนี้อยู่เงียบๆ สั่งสมกำลัง นี่คือกลยุทธ์ชั้นยอด ตามหลักแล้วควรจะเป็นอย่างนี้ต่อไป แต่ครั้งก่อนจู่ๆ ก็เข้าไปยุ่งเรื่องน่านฟ้าชวดเกิง ครั้งนี้เคลื่อนไหวใหญ่โตอีก ดูท่าแล้วประมุขชิงจะโยนความผิด สร้างความกดดันให้ตำหนักนารีสวรรค์ หนิวโหย่วเต๋อที่มีตำหนักนารีสวรรค์หนุนหลังก็นั่งไม่ติดที่แล้วเช่นกัน แต่จะว่าไปแล้ว เขาควรจะรู้ดีว่าการสั่งสมกำลังเงียบๆ ต่อไปต่างหากถึงจะเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด จู่ๆ เคลื่อนไหวแบบนี้ แสดงว่าไม่ใช่ความต้องการของเขาแค่ฝ่ายเดียว ถูกยั่วยุจากอะไรสักอย่างแน่นอน”
โกวเยว่พยักหน้า “ท่านอ๋องปราดเปรื่อง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ก่วงลิ่งกงกำลังวาดเขียนส่งเดช จู่ๆ ก็เลี่ยนประเด็นสนทนา “ระหว่างเม่ยเอ๋อร์กับหนิวโหย่วเต๋อก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว ในใจเจ้ามีคำตอบใช่มั้ย?”
โกวเยว่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบว่า “ทุกครั้งที่กลับมาจากที่นั่น คุณหนูล้วนมีอาการวิตกกังวลกับผลได้ผลเสีย สามารถแน่ใจได้แล้วว่าคุณหนูสนใจหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ ตอนนี้ขอเพียงทางหนิวโหย่วเต๋อสนใจ ทั้งสองก็น่าจะเข็นเรือไปตามน้ำได้แล้ว แต่ว่าบ่าวเคยถามสาวใช้ข้างกายคุณหนู แม้คุณหนูจะขยันไปที่นั่น แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอหนิวโหย่วเต๋อ คนที่ออกมาต้อนรับล้วนเป็นอวิ๋นจือชิว ตอนนี้คุณหนูกับอวิ๋นจือชิวค่อนข้างสนิทสนมกัน พูดให้ชัดก็คือคุณหนูมีโอกาสใกล้ชิดกับหนิวโหย่วเต๋อน้อยเกินไป ไม่แน่ใจว่าอวิ๋นจือชิวตั้งใจมาแทรกกลางหรือว่าหนิวโหย่วเต๋อตั้งใจหลบเลี่ยง”
“หึ! อุตส่าห์ไว้หน้าแต่ไม่รับไว!” ก่วงลิ่งกงทุบพู่กันในมือลงบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าส่งของขวัญให้ถึงประตูบ้านแล้วแต่ยังไม่รับไมตรี
โกวเยว่ลองถามว่า “ท่านอ๋อง เกี่ยวข้องกับเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อเคลื่อนทัพเข้าสระน้ำมังกรดำหรือเปล่าขอรับ?”
ก่วงลิ่งกงเอามือสองข้างไขว้หลัง เงยหน้ามองเพดานพลางพึมพำว่า “หวังเฟยเอ่ยถึงหลายครั้งแล้ว รวมถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ด้วย ทั้งยังพูดเรื่องที่จะให้เม่ยเอ๋อร์หาผู้ชายน่าพอใจสักคน ให้ข้าหาคนดีๆ สักคนจากทัพตะวันตกให้ ข้าบอกเพียงว่าไม่ต้องรีบ ข้าอยากให้นางอยู่ข้างกายข้าอีกหลายๆ ปี แต่อายุของเม่ยเอ๋อร์ก็ไม่น้อยแล้วจริงๆ”
โกวเยว่แววตาวูบไหว ฟังออกแล้วว่าคำพูดนี้มีความหมายแฝง “หรือว่าท่านอ๋องเจอผู้ที่เหมาะสมแล้ว เปลี่ยนความคิดแล้ว?”
ก่วงลิ่งกงถอนหายใจเบาๆ “สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หากจะรับมือก็ต้องมีการเปลี่ยนแผน สี่ทัพมีการปรับปรุงภายใน รวมทั้งทัพตะวันตกด้วย ทุกคนล้วนได้รับความเสียหาย มีหลายคนรู้สึกไม่สงบใจ หวงฮ่าว จอมพลสายมะเมียเคยเอ่ยต่อหน้าข้าหลายครั้งแล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่หวงจี๋ลูกชายคนโตของเขาเป็นพ่อม่าย สาเหตุที่ไม่ได้แต่งงานใหม่อีกเลยก็เพราะชอบเม่ยเอ๋อร์ เขาบอกใบ้เจตนาชัดเจนมากแล้ว”
โกวเยว่เข้าใจแล้วเช่นกัน ท่านอ๋องคิดจะให้คุณหนูแต่งงานกับลูกชายของหวงฮ่าวเพื่อปลอบขวัญกำลังใจทหาร เขาจึงลองหยั่งเชิงความคิด “แม้หวงจี๋จะไม่ได้แต่งงานใหม่เลย แต่ข้างกายก็ซ่อนผู้หญิงเอาไว้ไม่น้อย เหมือนบางคนจะเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วด้วย”
“ผู้หญิงแบบไหนที่แตะต้องได้ ผู้หญิงแบบไหนที่ไม่ควรไปยุ่ง หวงจี๋ก็ยังทำได้ค่อนข้างเหมาะสม ในจุดนี้ดีกว่าลูกชายของโจวจ้าวเยอะ รายนั้นแม้แต่ผู้หญิงของลูกน้องก็กล้าแตะต้อง! ถ้าให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับหวงจี๋ ตระกูลหวงก็ไม่กล้าดูแลไม่ดี ส่วนเรื่องเจ้าชู้อะไรนั่นล้วนเป็นเรื่องเล็ก หวงจี๋มีชาติกำเนิดอย่างนี้ เจ้าจะขอให้เจ้ามีผู้หญิงคนเดียวไปตลอดก็ไม่สอดคล้องกับความจริง หนิวโหย่วเต๋อนั่นจะดีกว่ากันขนาดไหนเชียว?”
ก่วงลิ่งกงพูดจบแล้วโบกมือ โบกใบ้ว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา “สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ท่าทีของประมุขชิงต่อตำหนักนารีสวรรค์…หึหึ อิ๋งจิ่วกวงรีบกระโดดออกมาก็เพราะอยากให้สนมสวรรค์ขึ้นตำแหน่งสูงสุดไม่ใช่เหรอ? ถ้าประมุขชิงต้องการจะให้ตำหนักนารีสวรรค์เปลี่ยนนายหญิงจริงๆ ไม่รู้ว่าถ้าส่งเม่ยเอ๋อร์เข้าวังแล้วจะเป็นยังไง? ขนาดคนที่ไม่ใช้แซ่ของตระกูลอิ๋งยังเป็นสนมสวรรค์ได้เลย แล้วลูกสาวข้าจะรับตำแหน่งสนมสวรรค์ไม่ได้เชียวเหรอ? แต่ประเด็นก็คือความรู้สึกที่ประมุขชิงมีต่อจ้านหรูอี้เหมือนจะไม่ธรรมดา เมื่อเม่ยเอ๋อร์เข้าวังแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับความโปรดปรานจากประมุขชิงหรือเปล่า…”
โกวเยว่พยักหน้าเบาๆ เข้าใจว่าการที่ประมุขชิงกดดันตำหนักนารีสวรรค์ ก็เพราะต้องการให้ท่านอ๋องเกิดความคิดทะเยอะทะยานอยากส่งคุณหนูเข้าตำหนักนารีสวรรค์ ผลประโยชน์ที่ตระกูลอิ๋งได้หลังจากส่งจ้านหรูอี้เข้าวังนั้นชัดเจนมาก ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงอิทธิพลที่จ้านหรูอี้มีต่อประมุขชิง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ตระกูลอิ๋งล้วนได้รับผลประโยชน์จากในนั้น กับเรื่องเล็กน้อยบางอย่าง ประมุขชิงล้วนเลือกจะที่หลับตาข้างเดียวเพื่อไว้หน้าจ้านหรูอี้ ถ้าในวังมีผู้หญิงแบบนี้อยู่สักคน ก็ได้ผลเทียบเท่ากับการถกเถียงในราชสำนักไม่หยุด
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ครั้งก่อนเซี่ยโห้วท่าสิ้นอายุขัย ทุกคนต่างไม่รู้ความจริงเพราะตระกูลเซี่ยโห้วปิดความลับดีมาก แต่เป็นอิ๋งจิ่วกวงที่ให้จ้านหรูอี้สืบมาจากปากประมุขชิง ตอนหลังเรื่องที่อิ๋งจิ่วกวงมาขอรับโทษ เดิมทีบอกว่าต้องคุกเข่าสามวัน แต่พอจ้านหรูอี้พูดขอร้องให้ ผลปรากฏว่าได้คุกเข่าไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีจ้านหรูอี้อยู่ในวัง อิ๋งจิ่วกวงจะกล้าถ่อไปเสี่ยงอันตรายลำพังที่วังสวรรค์หรือ?
มีหลายเรื่องที่ยามปกติอาจมองอะไรไม่ออก แต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ก็จะพบว่าบทบาทของจ้านหรูอี้มีส่วนสำคัญมาก ถ้าคุณหนูเม่ยเอ๋อร์เข้าวังแล้วแสดงบทบาทได้อย่างนี้ เช่นนั้นก็ดีกว่าแต่งงานกับคนอื่นตั้งเยอะ สมมุติว่าเข้าตำหนักนารีสวรรค์แล้วให้กำเนิดทายาทของประมุขชิงได้จริงๆ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนตำแหน่งราชันเมื่อไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ประมุขชิงเตรียมไว้หลังจากสิ้นอายุขัยไปแล้ว หรือจะเป็นราชันคนใหม่รับตำแหน่งต่อจากนั้น ก็ล้วนต้องขอการสนับสนุนจากตระกูลก่วง รับประกันได้ว่าตระกูลก่วงจะผ่านช่วงเปลี่ยนยุคได้อย่างราบรื่น สามารถผ่านวิกฤติ ‘เปลี่ยนราชันใหม่เปลี่ยนขุนนางทั้งราชสำนัก’ ไปได้ หากแต่งงานกับคนอื่นจะได้ประโยชน์แบบนี้หรือ?
โกวเยว่ส่ายหน้า “ท่านอ๋อง ตำแหน่งที่ตำหนักนารีสวรรค์ เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เกรงว่าถ้าไปปะทะตอนนี้ ก็จะต้องสู้กับตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว แล้วอำนาจฝ่ายอื่นก็คงไม่ให้พวกเราทำสำเร็จด้วย”
ก่วงลิ่งกงหรี่ตาถาม “ไม่รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะปกป้องโอรสสวรรค์ไว้ได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ ให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับชิงหยวนจุนก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่”
โกวเยว่นับว่าเข้าใจแล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด ทั้งตัดสินใจจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของหวงฮ่าว ทั้งคิดจะส่งลูกสาวเข้าวังไปเป็นสนม แล้วตอนนี้ก็คิดจะให้แต่งงานกับโอรสสวรรค์อีก เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แล้วทางหนิวโหย่วเต๋อ จะให้คุณหนูตัดขาดการไปมาหาสู่หรือไม่ขอรับ?”
“เรื่องดีๆ ที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน แต่เจ้าเด็กนั่นไม่เห็นคุณค่า” ก่วงลิ่งกงทำเสียงฮึดฮัด แล้วส่ายหน้าบอกว่า “ตอนนี้สถานการณ์ยังคลุมเครือ รอดูอีกหน่อยแล้วกัน ไม่ต้องรีบตัดสินใจ”
ไม่ใช่แค่ตระกูลก่วงเท่านั้น ตระกูลโค่วกับตระกูลฮ่าวที่จับตาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน สาเหตุที่อำนาจหลายฝ่ายสนใจขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะหนิวโหย่วเต๋อมีตำแหน่งสูงและอำนาจมาก แต่เป็นเพราะทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนไม่ใช่เรื่องเล็ก ถึงขั้นมีผลกระทบต่อวงกว้างด้วย เรื่องน้ำพุวังเวงก็เรียกได้ว่าฉีกหน้าตำหนักสวรรค์ไปแล้ว ทำให้สี่อ๋องไม่เข้าประชุมในราชสำนัก ตอนนี้มีเรื่องโผล่มาอีก จะไม่ให้เตรียมพร้อมป้องกันสักหน่อยก็คงยาก
ในดาราจักร นอกประตูดวงดาว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลหยุดเดินทางชั่วคราว รอฟังรายงานจากกำลังพลที่ไปถึงก่อน หลังจากแน่ใจแล้วว่าในนั้นไม่มีอันตราย ขบวนทัพใหญ่ที่ยาวเหยียดเหมือนมังกรถึงได้เข้าไปในประตูดวงดาวแห่งนั้น
ดาวเคราะห์ที่ถูกขนานนามว่างดงามที่สุดปรากฏอยู่ตรงหน้า สีสันแพรวพราวสดใส ทัพใหญ่ที่จัดกระบวนตั้งรับหยุดพักชั่วคราว แล้วมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
หยวนกงที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้ชี้ไปยังท้องฟ้าที่อยู่ไกลๆ บอกว่าดาวเคราะห์ที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนที่ตลาดมืดคือดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยของเผ่าเทพอสรพิษดำ
จากนั้นทัพใหญ่ก็เข้าใกล้ดาวเคราะห์ที่ตั้งของตลาดมืดดวงนั้น เหมียวอี้จ้องดาวเคราะห์ที่มีเมฆดำกับสายฟ้าปกคลุมครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยเรียก “โหยวฮ่วน!”
โหยวฮ่วนถูกหิ้วออกมา แล้วควบคุมตัวไว้ตรงหน้าเหมียวอี้
เหมียวอี้ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา จ้องเพียงดาวเคราะห์ตรงหน้า แล้วถามเสียงเรียบว่า “แม่เจ้ายังหาทางช่วยสวีถังหรานออกมาไม่ได้อีกเหรอ?”
โหยวฮ่วนที่อยู่ในสภาพจนตรอกตอบด้วยสีหน้าจนใจว่า “คนอยู่ในมือตระกูลอิ๋งแล้ว ท่านแม่ไร้ความสามารถจริงๆ นายท่านลองขอให้ราชินีสวรรค์ติดต่อตระกูลเซี่ยโห้วดูสิ ให้ตระกูลเซี่ยโห้วส่งคนไปหาตระกูลอิ๋ง”
“ไปทวงคนจากตระกูลอิ๋งเหรอ? ใครจะจับไป ข้าก็จะทวงกับคนนั้น เกี่ยวอะไรกับตระกูลอิ๋งล่ะ?” เหมียวอี้เอียงหน้ามองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบปราดหนึ่ง แล้วหันกลับไปอีก จ้องดาวเคราะห์ที่อยู่ตรงหน้า แววตาเริ่มฉายแววดุร้าย แล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป จับคนในดาวเผ่าเทพอสรพิษดำมาให้ข้า ขอเพียงเป็นเผ่าเทพอสรพิษดำ ไม่ว่าจะชายหญิงเด็กหรือคนชรา ใครกล้าขัดขืน อย่าปล่อยให้เหลือรอด ฆ่า!”
…………………