พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1838 ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำ
“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์กุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง ในใจกลับทอดถอนใจไม่หยุด จับกุมท่านโหวต่อหน้าทุกคนแบบนั้น ส่งผลกระทบต่อบารมีความน่าเชื่อถือของท่านโหวไม่น้อยเลย
ทว่าเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน หลุดจากแผนการโดยสิ้นเชิง หนิวโหย่วเต๋อทำเรื่องราวให้ลุกลามใหญ่โตขนาดนี้แล้ว หลังจากจบเรื่องหากให้คนอื่นรู้ว่าทัพตะวันออกแอบระดมกำลังพลห้าล้านแต่กลับจัดการทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลไม่ได้ แล้วทัพตะวันออกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชื่อเสียงบารมีท่านอ๋องมาก ความไม่พอใจที่เกิดจากการปรับปรุงทัพตะวันออกในหลายปีมานี้จะต้องปะทุแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องตระหนักได้ถึงความหมายแฝงในคำพูดนางแล้วเช่นกัน นอกจากจะถอดตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของท่านโหวออก ยังป้องกันไม่ให้ท่านโหวอาศัยภูมิหลังวงศ์ตระกูลมาก้าวก่ายเรื่องนี้ด้วย จึงออกคำสั่งจับตัวท่านโหวไว้ก่อนเสียเลย จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าศึกนี้สำคัญขนาดไหน ขณะเดียวกันก็เป็นการกดดันแม่ทัพคนอื่นเช่นกัน ว่าศึกนี้จะต้องสำเร็จ แพ้ไม่ได้!
ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงที่นั่งพิงเก้าอี้กำลังเปิดม้วนตำราอย่างช้าๆ ในดวงตาฉายแววงุนงงตกตะลึง จ้องมองที่กำลังรีบร้อนรายงานสถานการณ์ทางสระน้ำมังกรดำ
หลังจากซ่างกวนชิงเล่าจบในอึดใจเดียว เขาก็เงยหน้ามองปฏิกิริยาของประมุขชิงแวบหนึ่ง
หลังจากย่อยข้อมูลครู่หนึ่ง ประมุขชิงทำสีหน้าราวกับโดนตะคริวกิน พึมพำว่า “ถ่อไปตั้งไกลแต่ไม่ช่วยคน ดันไปล้างเลือดตลาดมืด…” พอครุ่นคิดไปสักพัก จู่ๆ ก็ยิ้มมุมปากอย่างร่าเริง “เจ้าลูกลิงนี่ไม่ตกหลุมพราง นี่กำลังเล่นลูกไม้ไหนอีกล่ะ?”
“คนของพวกเราที่อยู่ตลาดมืด บ้างก็ตายบ้างก็ถูกหนิวโหย่วเต๋อจับตัวไปแล้ว” ซ่างกวนชิงลองถามหยั่งเชิง
“ตายไปบ้างก็ดี” ประมุขชิงกล่าวอย่างสบายๆ แต่กลับทำให้ซ่างกวนชิงอึ้งทันที รู้สึกหนาวในใจนิดหน่อย พูดในใจว่า นี่เป็นคนของท่านทั้งนั้นนะ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ? เห็นเพียงประมุขชิงยกม้วนตำราปิดหน้า “ถึงยังไงเผ่าเทพอสรพิษดำก็สืบเผ่าพันธุ์ได้เร็ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อไม่ลงมือ ช้าเร็วข้าก็ต้องลงมือลดจำนวนลงสักหน่อยอยู่ดี จับตาดูต่อไป”
ที่แท้ก็เป็นเผ่าเทพอสรพิษดำ! ซ่างกวนชิงโล่งอก แล้วโค้งตัวเอ่ยรับคำสั่ง “ขอรับ!”
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่กำลังเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ในสวนดอกไม้พลันหยุดเดินแล้วหันตัวมา จ้องถังเฮ่อเหนียนพลางถามเสียงต่ำว่า “กำลังล้างเลือดตลาดมืดเหรอ?”
ถังเฮ่อเหนียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอรับ! ไม่ว่าจะเป็นชายหญิงเด็กคนแก่ ก็ไม่ปล่อยไปเลยสักคน เปิดฉากสังหารใหญ่ ทั้งเผาทั้งฆ่าทั้งปล้น ตะโกนอ้างว่าปราบโจร ที่เกิดเหตุน่าเวทนามาก ผู้ช่วยคนหนึ่งของจวนเราที่รับผิดชอบร้านค้าในตลาดมืดอยู่ทางนั้นพอดี ตายด้วยน้ำมือทัพใหญ่แดนรัตติกาลเช่นกัน คนที่โชคดีหนีพ้นก็ไม่กล้ากลับไปอีกเลย บอกเพียงว่าหนิวโหย่วเต๋อไปแล้ว!”
โค่วเจิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วโกรธแค้น “กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จะดีจะร้ายเขาก็เรียกท่านพ่อว่าท่านพ่อบุญธรรม ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่คนของตระกูลโค่วก็ไม่ปล่อยไป!”
โค่วหลิงซวีชำเลืองมองเขาวบหนึ่ง แล้วถามถังเฮ่อเหนียนอีกว่า “คนตระกูลอื่นล่ะ? พุ่งเป้ามาที่ตระกูลโค่วหรือว่ายังไง?”
ถังเฮ่อเหนียนตอบว่า “ตามรายงาน ดูจากตอนที่ลงมือ ขอเพียงเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะจับไปหมด ใครหนีก็ฆ่า คงจะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตระกูลโค่วอย่างเดียว…” เขาชำเลืองมองโค่วเจิงเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “คนของเราที่อยู่ตลาดมืด หนิวโหย่วเต๋อก็จะไม่รู้จัก น่าจะแยกไม่ออกว่าพวกไหนคือคนของพวกเรา”
โค่วเจิงขยับมุมปากเบาๆ หลุบตาลงเล็กน้อย ไม่พูดอะไรแล้ว
โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลัง หรี่ตามองฟ้า พลางกล่าวอย่างลังเลว่า “เจ้าเด็กนั่นกินยาผิดมาหรือเปล่า? ทำไมถ่อไปอาละวาดที่นั่นแล้ว เกิดเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าเด็กนั่นถึงเปิดฉากสังหารใหญ่ขนาดนั้น?”
“ตอนนี้ยังมองเบาะแสอะไรไม่ออกขอรับ แต่ต้องมีสาเหตุแน่นอน ดูจากที่ลงมือสังหารเผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว แม้แต่กับเด็กทารกยังไม่เว้น ทั้งยังถ่อไปไกลถึงสระน้ำมังกรดำ มีความเป็นไปได้สูงว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะเกี่ยวข้องด้วย” ถังเฮ่อเหนียนตอบ
“ถามอ๋องอสรพิษดำหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่” โค่วหลิงซวีถาม
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด
โกวเยว่ใช้ระฆังดาราติดต่อเสร็จแล้ว รายงานว่า “ท่านอ๋อง ทางฝั่งอ๋องอสรพิษดำก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ตอบอะไร”
ก่วงลิ่งกงเดินกลับมานั่งข้างหลังโต๊ะ แล้วครุ่นคิดพลางถามว่า “เจ้าเด็กนั่นมีเจตนาอะไรกันแน่? คนของพวกเราไม่ตอบกลับมาเลยเหรอ?”
“จากรายงานที่ได้รับมา หลังจากรู้ว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ ตามคำสั่งท่านอ๋อง บ่าวให้พวกเขาเลิกขัดขืนแล้วยอมแพ้ ตอนนี้ติดต่อไม่ได้แล้ว น่าจะตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลฆ่าคนจนเสียสติไปแล้ว ถ้าเห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ปล่อยไป คนที่เฝ้าดูก็ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ เช่นกัน คงทำได้เพียงรอให้จบเรื่องแล้วค่อยไปขอคนจากหนิวโหย่วเต๋อทีหลัง” โกวเยว่ตอบ
“มารดามันเถอะ!” ก่วงลิ่งกงสบถคำด่า
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่เดินเนิบนาบอยู่ระหว่างตึกศาลากล่าวอย่างสงสัยว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำก่อเรื่องอะไรที่ทำให้ฟ้าพิโรธคนแค้น ทำให้เจ้าเด็กนั่นอาละวาดขนาดนั้น”
ซูอวิ้นที่เดินตามอยู่ข้างๆ ซ่ายหน้า “อ๋องอสรพิษดำไม่มีท่าทีตอบสนอง ผู้อาวุโสโหยวโยวก็ไม่ตอบเช่นกัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ค่ะ”
จวนท่านปู่สวรรค์ ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เซี่ยโห้วลิ่งที่กำลังนั่งดีดฉินเหม่อไปพักใหญ่
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปิดตัวเองอยู่ในห้องเพียงลำพัง กำลังเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งเหมียวอี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
โครม!
สุดท้ายต้นสับปลับใต้เท้าที่ถูกเพลิงเดือดกลืนกินก็พังครืนแล้ว
พวกเหมียวอี้ที่ลอยอยู่บนฟ้ากำลังสังเกตการณ์โดยรอบ คลื่นร้อนข้างล่างกำลังลอยตัวสูงขึ้น เมื่อทอดสายตามองไปทั้งดาวเคราะห์ ก็จะพบว่ามันอยู่ในทะเลเพลิงแล้ว เป็นเพราะเปลวเพลิงที่เกิดจากหินผลึกไขมันเพลิงนั้นโหดเกินไป
โหยวฮ่วนร่ำไห้อย่างปวดใจจนเสียงแหบ น้ำตานองเต็มหน้าแล้วจริงๆ
เหมียวอี้เพิ่งเก็บระฆังดารา ตอนนี้เรียกได้ว่ายิ้มเจื่อนในใจ จอมพลสายเถาะผังก้วนติดต่อมาหาเขาด้วยตัวเอง ถามเขาว่าหมายความว่าอะไร เป็นบ้าอะไรไปอีก?
เหมียวอี้ไม่ได้ปิดบังเขาเช่นกัน เล่าเรื่องระหว่างตัวเองกับตระกูลอิ๋งให้ฟัง เพียงแต่ขอให้เขาช่วยปิดเป็นความลับ
ผังก้วนได้ฟังแล้วเข้าใจเจตนา ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่บอกเหมียวอี้ว่าอย่าฆ่าคนของเขา ให้ปล่อยคนของเขาที่ตลาดมืดไป
เหมียวอี้ตอบว่า ไม่รู้ว่าใครบ้างที่เป็นคนของผังก้วน ถึงอย่างไรก็ฆ่าไปแล้วไม่น้อย ไม่รู้ว่ามีคนของผังก้วนหรือเปล่า ถ้าในบรรดาตัวประกันที่จับได้มีคนของผังก้วนอยู่ เดี๋ยวต่อไปก็จะปล่อยแน่นอน
ผังก้วนพูดไม่ออก ไม่ได้ตอบอะไรแล้ว เหมียวอี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังโมโหหรือกลุ้มใจ
“นายท่าน! ที่ตลาดมืดมีร้านค้าไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตในตำหนักสวรรค์ ท่านทำแบบนี้ ไม่กลัวจะล่วงเกินพวกเขาจริงๆ เหรอ?” ชิงเยว่เก็บสายตากลับมาจากที่ไกลๆ หันกลับมามองเหมียวอี้ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถาม
เหมียวอี้ไม่มองว่าสำคัญอะไรเลย “ล่วงเกินเหรอ? โทษข้าได้รึไง? ช้าเร็วพวกเขาก็ต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ ตระกูลอิ๋งต่างหากที่เป็นคนเริ่มเรื่อง ไม่ใช่ข้าคนเดียวเสียเมื่อไร ข้าก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน จะมาโทษข้าคนเดียวได้ยังไงล่ะ?”
“…” ชิงเยว่อ้าปากค้าง สงสัยท่านนี้คงกำลังหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง ไม่แปลกใจที่กล้าลงมือสังหารปละปล้นทรัพย์สินเต็มที่แบบนี้ เขาพบว่าตรรกะของหัวหน้าภาคท่านนี้ช่างขัดกับคนปกติจริงๆ แต่จะว่าไปแล้วก็มีเหตุผล
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ พลันเอ่ยถาม “นายท่าน สายลับรายงานมา ว่ากำลังพลกลุ่มใหญ่ของเผ่าเทพอสรพิษดำกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
เหมียวอี้พยักหน้า บอกใบ้ว่ารู้แล้ว “ในที่สุด คนที่ควรมาก็มาแล้ว ข้ายังนึกว่าพวกเขาจะไม่สะทกสะท้านต่อไปซะอีก สงสัยสองแม่ลูกจะปิดข่าวไม่ให้อ๋องอสรพิษดำรู้มาตลอด ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถอนกำลังแล้วจัดกระบวนทัพ เตรียมรบ!”
ตามคำสั่งทหารที่ถ่ายทอดลงไป ในทะเลเพลิงมีเสียงระเบิดดังไม่หยุด สี่ด้านแปดทิศล้วนเป็นเช่นนี้ เสยีงตูมตามดังถี่ ทั่วทุกหนแห่งมีแสงจากเปลวไฟยิงไม่หยุด ราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินแยก ทัพใหญ่กำลังปฏิบัติตามแผนรุกโจมตีที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว
ชิงเยว่มองไปทั่วทุกที่ เรียกได้ว่าทอดถอนใจด้วยความหดหู่ ตลาดมืดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายปี ตลาดมืดที่อยู่มานานกว่าอายุของนางเสียอีก ครั้งนี้ดูท่าจะพังแล้ว มีจุดจบอยู่ในมือท่านหัวหน้าภาคของพวกเราโดยสิ้นเชิงแล้ว
ทัพใหญ่รวมตัวกันกลับมา กำลังพลแต่ละคนที่ผ่านการล้างเลือดมาแผ่กลิ่นอายดุดันโหดร้าย ในดวงตาถึงขั้นฉายแววตื่นเต้นดีใจ ปล้นได้ถึงอกถึงใจมาก!
“จับคนเผ่าเทพอสรพิษดำได้เท่าไร ที่ยังเป็นๆ อยู่เอาออกมาให้หมด” เหมียวอี้ถ่ายทอดคำสั่งอย่างเย็นเยียบอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ทั้งชายทั้งหญิง ทั้งเด็กทั้งคนชราถูกปล่อยออกมา แต่ละคนถูกควบคุมไว้แล้ว มีจำนวนไม่น้อยที่ร้องไห้ไม่หยุด พวกเขาปะปนอยู่ท่ามกลางทัพใหญ่ ชั่วขณะนั้นนับไม่ถ้วนว่ามีจำนวนเท่าไร ถึงอย่างไรก็เยอะกว่ากำลังพลทัพใหญ่แดนรัตติกาล
“ไป!” เหมียวอี้พูดทิ้งท้ายแล้วพุ่งขึ้นฟ้านำไปก่อน แล้วทัพใหญ่ก็ควบคุมเชลยศึกทะยานขึ้นฟ้าตามไป
ทัพใหญ่มาที่ดาราจักรอีกครั้ง พอเหมียวอี้หยุด กลุ่มคนข้างหลังที่ดำทะมึนก็หยุดเช่นกัน แล้วหันหน้าไปทางสายลับที่มารายงาน
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำก็มาถึงแล้ว มีจำนวนนับล้านคน ทั้งหมดสวมเกราะรบ เห็นได้ชัดว่ามีศักยภาพถึงระดับที่จะร่วมรบได้แล้ว
“ท่านอ๋อง!”
“ช่วยพวกเราด้วย!”
พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำที่ถูกควบคุมตัวมา พอเห็นทัพใหญ่ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำ ก็ร้องไห้วิ่งวอนอย่างเศร้าโศกทันที
เหมียวอี้ที่สีหน้าเย็นชาแสยะยิ้ม “นอกตำหนักสวรรค์ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีทัพใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ส่วนตัว สงสัยเผ่าเทพอสรพิษดำจะแพร่พันธุ์เก่งมาก”
หลงซิ่นที่อยู่ข้างๆ บอกว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำสืบสกุลทางฝ่ายมารดา ฐานะของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย ไม่มีการแต่งงานผูกมัด ขอเพียงผู้หญิงเต็มใจ ก็มีผู้ชายช่วยให้พวกนางสืบทอดทายาทอยู่แล้ว อีกทั้งเผ่าเทพอสรพิษดำยังมีพลังอิทธิฤทธิ์โดยกำเนิด พอเติบโตเต็มวัยก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์ มีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก ไม่ตายตั้งแต่ยังเยาว์วัยง่ายๆ กอปรกับอยู่ในอาณาเขตที่สงบสุข จำนวนคนก็ย่อมไม่น้อย”
เหมียวอี้บอกว่า “เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินมาแล้ว เพียงแต่กำลังพลเยอะขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะผิดข้อห้ามเหรอ? เดชานุภาพสวรรค์ยากคาดเดา!” คำพูดนี้ซ่อนความหมายแฝงเอาไว้
ชิงเยว่กับหลงซิ่นสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเหมียวอี้
ชิงเยว่บอกว่า “จะว่าไปแล้ว การขยันแพร่พันธุ์ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เผ่าเทพอสรพิษดำใช้ปกป้องตัวเองเหมือนกัน ใช่ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่เคยประสบเคราะห์ภัย แต่มีจำนวนเยอะจนฆ่าเท่าไรก็ไม่หมด ตราบใดที่รุ่นหลังยังมีคน เผ่าใหม่ก็ย่อมเกิดขึ้นได้อีก…คนที่สวมมงกุฎใบไม้บนหัวก็คืออ๋องอสรพิษดำ นางชื่อซิง!”
ตอนนี้ทัพใหญ่ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว สายตาของเหมียวอี้หยุดอยู่บนศีรษะผู้หญิงที่สวมมงกุฏดอกไม้จากก้านหัวใจสีเขียว เขาตกตะลึงอยู่บ้าง กิริยาท่าทางแบบนั้น เรือนร่างนั้น ใบหน้านั้น สวยสดใสโดดเด่น เป็นยอดหญิงงามแห่งยุคอย่างแท้จริง นึกไม่ถึงว่าสาวงามที่หาพบได้ยากจะเป็นอ๋องแห่งเผ่าเทพอสรพิษดำ
“ชิงเยว่ หลงซิ่น!” อ๋องอสรพิษดำจ้องประเมินทางนี้ จำทหารอารักขาข้างซ้ายและขวาของเหมียวอี้ได้ทันที เห็นได้ชัดว่ารู้จักสองคนนี้
หลงซิ่นแสยะยิ้ม ส่วนชิงเยว่ก็กล่าวทักทายเสียงเรียบ “ซิง ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
อ๋องอสรพิษดำไม่สนใจนาง สายตาจ้องบนตัวเหมียวอี้พลางตวาดถาม “เจ้าคือหนิวโหย่วเต๋อ หัวหน้าภาคแดนรัตติกาลใช่มั้ย?”
เหมียวอี้มองนางอย่างเย็นชา จ้องด้วยสายตาเย็นเยียบ “ในเมื่อรู้ว่าเป็นข้า ยังไม่ยอมให้จับแต่โดยดีอีก!”
ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำเดิมทีก็มีสีหน้าโกรธแค้นอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยินแบบนี้ แต่ละคนก็แทบจะมีไฟลุกจากดวงตา
อ๋องอสรพิษดำตะโกนเสียงแตก “เผ่าเทพอสรพิษดำของข้าไม่มีบุญคุณความแค้นกับเจ้า ทำไมจึงลงมือสังหารที่นี่?”
“ไม่มีบุญคุณความแค้นงั้นเหรอ!” เหมียวอี้พลันชักกระบี่ออกจากเอว แล้วชี้อีกฝ่ายในระยะไกล “แอบจับตัวขุนนางตำหนักสวรรค์ไว้ส่วนตัว ทั้งยังกล้าฝ่ากฎระดมทัพส่วนตัว วันนี้ถ้าเผ่าเทพอสรพิษดำไม่ส่งขุนนางตำหนักสวรรค์มาให้ข้า ก็อย่าหาว่าทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์กวาดล้างสระน้ำมังกรดำ ขุดรากถอนโคนเผ่าเทพอสรพิษดำแล้วกัน!”
……………