พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1855 แม่ทัพ ทำอย่างไรดี
คงฮั่นพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน หลักการก็ไม่ได้ซับซ้อน ไม่ว่าจะกำจัดทัพใหญ่แดนรัตติกาลหรือว่ากำจัดหนิวโหย่วเต๋อ อย่างน้อยก็ยังชี้แจงกับท่านอ๋องได้ ถ้าถ่วงเวลาให้นานกว่านี้ไม่ใช่วิธีการที่ดี
สถานการณ์ชัดเจนมาก ราชันสวรรค์เรียกรวมกำลังพลหนึ่งหน่วยแล้ว ทำแบบนี้เพราะอยากควบคุมจังหวะของสระน้ำมังกรดำให้ถึงที่สุด ถ้ากำลังพลฝั่งนี้ถอนกำลังไม่ทันเวลา ถึงตอนนั้นถ้าอยากจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว ถ้าถูกกองทัพองครักษ์จับได้คาหนังคาเขา เช่นนั้นทัพตะวันออกก็จะเกิดปัญหายุ่งยากแล้ว ต่อให้มีปากก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นการทำแบบนี้ก็แก้ปัญหาไปได้เรื่องหนึ่ง
“ถ้ากำจัดพร้อมกันได้ก็พยายามกำจัดไปพร้อมกัน!” อ๋าวเฟยจ้องเข็มทิศพลางพึมพำ เขากดดันไม่น้อย อิ๋งอู๋หม่านนำปัญหามาให้ หวังว่าจะไม่เกิดอะไรกับอิ๋งอู๋หม่าน ถ้าฝั่งนี้แสดงผลงานการรบได้ไม่งดงาม เกรงว่าถึงตอนนั้นเขาจะหาทางลงจากเรื่องนี้ได้ยาก!
ดาวเคราะห์เกิดควันโขมงทั่วทุกทิศ เจียงเชียนหลี่ที่ลอยอยู่บนฟ้าสูงเก็บระฆังดารา แล้วบอกผู้ช่วยข้างๆ ว่า “สั่งให้กำลังพลหยุดได้แล้ว รวมตัว เตรียมรบ!”
ตามคำสั่งที่ถ่ายทอดลงไป กำลังพลบนดาวเคราะห์รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ตำหนักนารีสวรรค์ เอ๋อเหมยเดินย่องไปนอกประตูห้องนอนที่ปิดสนิท แล้วเอ่ยเรียก “เหนียงเหนียง!”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหันกลับมาถาม “มีอะไร?”
นางกระวนกระวายใจมากจริงๆ นึกเสียใจทีหลังที่อนุญาตให้เหมียวอี้นำทัพใหญ่ไปที่สระน้ำมังกรดำ ระหว่างนั้นนางติดต่อเหมียวอี้หลายครั้ง เหมียวอี้ล้วนตอบประมาณว่าจัดรูปแบบกองทัพสำหรับสู้รบแล้วแล้ว ถอยไม่ได้แล้ว นางไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย จะไปรู้ได้อย่างไรว่าจัดรูปแบบกองทัพสำหรับสู้รบแล้วแล้วจะถอยไม่ได้ เหมียวอี้ว่าอย่างไรนางก็ว่าไปตามนั้น สถานการณ์ทางนั้น เหมียวอี้ก็พูดอะไรได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน บอกเพียงว่าสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน
ที่จริงเหมียวอี้ไม่อยากให้นางรู้ กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาก้าวก่าย
สถานการณ์แบบนี้ให้ความรู้สึกว่าไม่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างนอก
ที่จริงไม่ใช่แค่เหมียวอี้เท่านั้น ตระกูลอิ๋งก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน ต่างก็พยายามปิดข่าวเอาไว้สุดชีวิต ไม่มีใครรายงานสถานการณ์ขึ้นมาเบื้องบน ไม่อย่างนั้นถ้าเบื้องบนเข้ามาก้าวก่ายก็จะเล่นต่อไม่ได้แล้ว จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายสั่งสมกำลังเต็มที่และจะสู้กับฝ่ายตรงข้ามให้ถึงที่สุด ถ้าไม่เห็นผลแพ้ชนะจะไม่ยอมเลิกรา
“ด้านนอกเกิดเรื่องนิดหน่อยเพคะ เกี่ยวข้องกับหัวหน้าภาคหนิว” เอ๋อเหมยยืนพูดอยู่ข้างนอก
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รีบลุกขึ้น ผลักประตูเดินออกมา แล้วถามอย่างร้อนใจ “หัวหน้าภาคหนิวเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
นางแกล้งโง่ใส่ตระกูลเซี่ยโห้ว จึงไม่สะดวกจะให้เอ๋อเหมยไปสืบข่าวจากตระกูลเซี่ยโห้วโดยตรง เมื่อไม่มีช่องทางข่าวสารจากตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว ตัวนางอยู่ในตำหนักตอนนี้ก็เหมือนตาทั้งคู่มืดดำจริงๆ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เรียกได้ว่าถูกควบคุมไว้แน่นหนา
เอ๋อเหมยบอกว่า “ด้านนอกมีข่าวลือบอกว่าตระกูลอิ๋งแอบระดมทัพตะวันออกห้าล้านไปดักซุ่มโจมตีหัวหน้าภาคหนิวที่สระน้ำมังกรดำ ตอนนี้ในอาณาเขตสี่ทัพกำลังจับกุมคนของโถงชุมนุมอัจฉริยะ…” นางเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ พร้อมทั้งสังเกตปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่
“ทัพตะวันออกห้าล้าน…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่สีหน้าซีดเผือด ร้องอุทานเสียงหลง ยากที่จะจินตนาการว่าทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลจะต้านทานได้อย่างไร ตอนนี้โถงชุมนุมอัจฉริยะก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน มีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าโถงชุมนุมอัจฉริยะคือช่องทางรายได้ของนาง
นางตั้งสมาธิเล็กน้อย แล้วถามว่า “ยังมีอีกมั้ย?”
เอ๋อเหมยตอบว่า “ได้ยินว่าสระน้ำมังกรดำมีการโจรกรรมครั้งใหญ่ ฝ่าบาทเร่งระดมกำลังพลหนึ่งกองตามไปแล้ว องค์ชายเหมือนจะอยู่ในนั้นด้วย”
หลังจากถามโดยละเอียดอีกสองประโยค เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็รีบกลับเข้ามาในห้องอีก นางหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ นางต้องการให้เหมียวอี้รีบถอนกำลัง ทว่าครั้งนี้เหมียวอี้กลับไม่ตอบอะไร ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นหรือเปล่า สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นก็ใช้ระฆังดาราติดต่อชิงหยวนจุน ทว่าตอนนี้ชิงหยวนจุนกำลังเซ็งอยู่ในห้องว่างที่ปิดสนิท ทัพใหญ่เดินทัพแล้ว จึงควบคุมการใช้ระฆังดาราอย่างเข้มงวด
ติดต่อไม่ได้ทั้งสองฝ่าย ขณะกำลังกังวลใจ จู่ๆ เอ๋อเหมยที่อยู่ข้างนอกก็กล่าวอีกครั้ง “เหนียงเหนียง ฝ่าบาทเรียกพบเพคะ!”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หัวใจกระตุกแรง ไม่รู้ว่าประมุขชิงต้องการจะตำหนินางหรือไม่
ในตำหนักดาราจักร ขุนนางใหญ่คนสนิทหลายคนมากันครบแล้ว ประมุขชิงที่นั่งอยู่เบื้องสูงโยนม้วนหนังสือในมือ บอกเกาก้วนที่เพิ่งเดินเข้ามาว่า “เกาก้วน เหมือนในมือเจ้าจะมีระฆังดาราที่ใช้ติดต่อหนิวโหย่วเต๋อได้โดยตรงใช่มั้ย?”
เกาก้วนพยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้วขอรับ ในปีนั้นตอนหนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องที่ตำหนักสวรรค์ ข้าน้อยไปสืบสวนแล้วเก็บช่องทางการติดต่อของเขาไว้”
ประมุขชิงพูดเย้ยว่า “สระน้ำมังกรดำเกิดการโจรกรรมไม่ใช่เหรอ เจ้าลองถามเข้าหน่อยสิ สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงกันแน่ เรื่องโจรเป็นยังไงบ้าง? แน่นอน ที่สำคัญคือต้องสืบด้วยว่าเจ้าเด็กนั่นต้านไหวหรือเปล่า” ฝั่งนี้ที่ไม่รู้สถานการณ์ทางสระน้ำมังกรดำชัดเจนก็กลุ้มใจเหมือนกัน
“ขอรับ!” เกาก้วนหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อตรงนั้นเลย ทุกสายตาในตำหนักกำลังจับจ้องไปที่ตัวเขา
ในโถงถ้ำ เมื่อได้รับข้อความจากระฆังดาราของเขา เหมียวอี้ที่อยู่ตรงหน้าเข็มทิศก็อึ้งอยู่บ้าง ตอนนี้เป็นเวลาที่กำลังตึงเครียด เดิมทีก็ไม่อยากแบ่งสมาธิไปสนใจอยู่ ทว่าเขาไปมีเรื่องกับผู้พิพากษาหน้าตายอย่างเกาก้วนไม่ไหว หลังจากจบเรื่องท่านนี้อาจจะสอดมือเข้ามาสืบคดีก็ได้ ไปมีเรื่องด้วยไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นสุดท้ายจึงแข็งใจหยิบระฆังดาราออกมา ถามอย่างสุภาพว่า : ไม่ทราบว่าท่านทูตขวามีอะไรจะกำชับขอรับ?
เกาก้วน : ได้ยินว่าทางสระน้ำมังกรดำมีการโจรกรรมเหรอ?
เหมียวอี้คิดในใจว่า เจ้ารู้อยู่แก่ใจแล้วยังถามทำไม? แต่ภายนอกยังตอบกลับอย่างสุภาพ : เป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนนี้ผู้น้อยกำลังสั่งให้กำลังพลปราบปราม
เกาก้วน : มีข่าวลือ ว่าการโจรกรรมที่สระน้ำมังกรดำนั้นเป็นอ๋องสวรรค์อิ๋งที่แอบระดมกำลังพล มีเรื่องนี้หรือเปล่า?
เหมียวอี้ถามเหมือนประหลาดใจมาก : มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ท่านทูตขวาพูดจริงหรือเปล่า?
เขาเองก็แกล้งโง่เช่นกัน ถ้าคายความจริงออกไป เขาก็โจมตีต่อไม่ได้แล้ว
เกาก้วนเองก็ไม่ได้เปิดเผย ถามอย่างอื่นอีกนิดหน่อยก็หยุดการติดต่อไปเอง จากนั้นกุมหมัดคารวะรายงานสิ่งที่ถามต่อประมุขชิง
“โถ่เอ๊ย!” ประมุขชิงหัวเราะร่า “เจ้าลูกลิงนี่น่าสนใจ จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมพูดอะไร สงสัยจะยังเหลือเฟือ สงสัยอิ๋งจิ่วกวงจะยังไม่บีบจนเขาหายใจไม่ออก นี่เขาคงคิดจะกัดอิ๋งจิ่วกวงสักคำ! หึหึ น่าสนใจ จนป่านนี้ทัพตะวันออกห้าล้านยังจัดการเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ ทัพใหญ่ของข้าออกเดินทางแล้ว หนิวโหย่วเต๋อชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบด้านเหตุผล ตระกูลอิ๋งไม่กล้าโผล่หน้าแล้ว อิ๋งจิ่วกวงคงจะนั่งไม่ติดที่ ดูท่าผลแพ้ชนะของทั้งสองฝ่ายคงอยู่อีกไม่ไกล”
ผ่านไปครู่เดียว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เข้ามาคำนับในตำหนักดาราจักร พวกเกาก้วนก็ทำความเคารพนางเช่นกัน
ประมุขชิงจ้องเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่มีสีหน้าวิตกกังวล แล้วถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “เฉิงอวี่ ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อนำทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลไปปราบโจรที่สระน้ำมังกรดำ มีเรื่องนี้หรือเปล่า?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฝืนยิ้ม “เรื่องนี้หนิวโหย่วเต๋อรายงานมาแล้วเพคะ หม่อมฉันอนุญาตเอง ตามที่หนิวโหย่วเต๋อรายงาน บอกว่าโจรที่สระน้ำมังกรดำจับตัวรองหัวหน้าภาคสวีถังหรานไป”
“อืม! เรื่องปราบโจรน่ะสมควรแล้ว ตอนนี้ทางสระน้ำมังกรดำเป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้หรือเปล่า?” ประมุขชิงถามเสียงเรียบ
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้สึกเครียดในใจ ตอบว่า “ตามที่หนิวโหย่วเต๋อรายงาน ตอนนี้สถานการณ์ซับซ้อน โจรเจ้าเล่ห์มาก ยากที่จะบอกสถานการณ์อย่างชัดเจนได้”
ในดาราจักรที่สวยแพรวพราว บนดาวเคราะห์ที่มีควันลอยโขมง กำลังพลกลุ่มใหญ่พุ่งออกมา แล้วตั้งกระบวนทัพรออยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เจียงเชียนหลี่ที่อยู่ในกระบวนทัพสะบัดทวนยาวมาไว้ในมือ แล้วกำชับว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป มือธนูห้าพันคนที่อยุ่แถวหน้าเตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ปีกซ้ายปีขวาซุ่มมือธนูไว้หนึ่งหมื่นคน ถ้ายังไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ห้ามเผยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โดยพลการ ทัพของข้าศึกจะได้ไม่ตกใจจนหนีไป ถ้าประมือกันเมื่อไร ให้ปรับเปลี่ยนรูปทัพตามสถานการณ์เพื่อยิงโจมตีทันที!”
“รับทราบ!” ผู้ช่วยเอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบไปจัดการ
บนท้องฟ้าไกลๆ คนร้อยกว่าคนมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว จากสถานการณ์ที่ศูนย์บัญชาการส่งข่าวมา ตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้ทัพของฝ่ายศัตรูมากขื้นเรื่อยๆ แล้ว ในที่สุดหลงซิ่นก็ทนไม่ไหว แต่ก็ไม่ถามอ๋าวเถี่ยเช่นกัน อย่างไรเสียถามไปก็ไม่ได้เรื่องอะไร จึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้โดยตรง บอกว่าถ้าใช้กำลังปะทะแบบนี้จะต้องเสียหายหนักแน่
ผ่านไปไม่นาน อ๋าวเถี่ยก็ได้รับข้อความจากเหมียวอี้ หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว ในที่สุดอ๋าวเถี่ยก็ถ่ายทอดเสียงเผยความลับให้หลงซิ่นรู้
“อิ๋งอู๋หม่านอยู่ในมือเจ้าเหรอ?” หลงซิ่นทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ
อ๋าวเถี่ยตอบว่า “นายท่านมีคำสั่ง หลังจากต่อสู้กันแล้วให้เผยตัวอิ๋งอู๋หม่านทันที ถ้าพบว่าอีกฝ่ายมีท่าทีไม่สนใจความเป็นความตายของอิ๋งอู๋หม่าน ก็แสดงว่ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอิ๋งอู๋หม่านตกอยู่ในมือพวกเรา เตรียมตัวจะทิ้งอิ๋งอู๋หม่านแล้ว ก็ให้ทัพใหญ่ถอนกำลังทันที ไม่ต้องใช้กำลังปะทะกัน แต่ถ้าขู่ฝ่ายตรงข้ามได้ ก็อย่าให้โอกาสอีกฝ่ายรายงานกลับไปขอคำชี้แนะ…”
“ได้!” หลังจากหลงซิ่นฟังจล ก็กล่าวชมอย่างฮึกเหิม “นายท่านช่างเจ้าแผนการ ทำตามคำสั่งขุนพล!” เสร็จแล้วหันกลับไปตะโกนบอกข้างหลัง “เร่งความเร็วสูงสุด!”
กำลังพลกลุ่มนี้เร่งความเร็วในการเหาะอีกครั้ง
อ๋าวเฟยที่กำลังจ้องเข็มทิศได้รับข่าวทันที “รายงาน! ฝ่ายศัตรูเร่งความเร็วไปข้างหน้า ไปเปลี่ยนแปลงทิศทาง ใกล้จะประจัญบานกันแล้ว!”
“ได้!” อ๋าวเฟยกล่าวเสียงต่ำ “สั่งเจียงเชียนหลี่ หลังจากประมือกันแล้วให้ยอมทำทุกอย่างเพื่อถ่วงเวลาอีกฝ่ายเอาไว้ สั่งให้เชออู่เตรียมตัวจู่โจมด้วยความเร็วสูงสุด!”
หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นต่างคนต่างใช้ระฆังดาราติดต่ออย่างรวดเร็ว บนใบหน้าอ๋าวเฟยเผยอารมณ์ฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่ามาก
ทัพใหญ่หนึ่งแสนฝ่ายศัตรูอยู่ตรงหน้า ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองก็เห็นแล้ว หลงซิ่นเผยดาบใหญ่ในมือ แล้วโบกดาบพร้อมตะโกนเสียงดัง “เตรียมรบ!”
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทัพใหญ่ห้าแสนหนึ่งหมื่นปรากฏตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบแบ่งทหารเป็นห้าสาย ทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งแสนพุ่งตรงไปทางศัตรู ส่วนทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำที่เหลือเหาะแบ่งเป็นสี่สาย แบ่งเป็นบนล่างซ้ายขวาวนไปโอบล้อมทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งกระบวนทัพรออยู่
“แค่ห้าแสนคน…” เจียงเชียนหลี่ที่กำลังถือทวนยาวอยู่ในมือขมวดคิ้วพึมพำ อาศัยประสบการณ์ของเขา แค่กวาดสายตานับหยาบๆ ก็ตัดสินจำนวนกำลังพลคร่าวๆ ที่บุกเข้ามาได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งแสน เขาก็คงสงสัยว่านี่อาจจะเป็นแผนลวง
ในโถงถ้ำ เมื่อรู้ว่าทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูปรากฏตัว อ๋าวเฟยก็ตบเข็มทิศพร้อมตะโกนว่า “ดี! สั่งให้เชออู่โจมตีด้วยความเร็วสูงสุด!”
“ตามหลักแล้วเผ่าเทพอสรพิษดำไม่ได้มีแค่กำลังพลเท่านี้ ทำไมมีแค่ห้าแสนคน?” หวังหย่วนเฉียวระแวงสงสัย
คงฮั่นกล่าวว่ “ตราบใดที่กำลังพลหนึ่งแสนแดนรัตติกาลอยู่ก็พอ เป้าหมายของพวกเราก็คือกำจัดพวกเขา ส่วนเผ่าเทพอสรพิษดำก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้หมด ส่วนจะมีแผนลวงอะไรหรือไม่ ยามเผชิญกับทัพใหญ่ของข้าก็เหมือนตั๊กแตนห้ามรถอยู่ดี ไม่ประเมินกำลังตัวเอง ไม่พอให้หวาดกลัวหรอก!”
ส่วนในกระบวนทัพที่พุ่งโจมตีออกมา อ๋าวเถี่ยดึงอิ๋งอู๋หม่านมาไว้ในมือแล้ว แผ่นหยกในมือโยนออกมาเป็นกอง บวกกับความเร็วนี้ มันยิงไปทางทัพใหญ่ที่ตั้งกระบวนทัพรอราวกับเป็นฝนดาวตก
มีคนไม่น้อยตรงแถวหน้าได้รับแผ่นหยก เจียงเชียนหลี่ก็คว้าเอาไว้แผ่นหนึ่งเช่นกัน พอรีบร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดอ่าน ก็ทำสีหน้าตะลึงงันทันที จากนั้นดวงตาก็แทบถลนออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจดหมายที่สั่งให้พวกเขาวางอาวุธและยอมให้จับแต่โดยดี ซึ่งจดหมายนี้เขียนโดยอิ๋งอู๋หม่านนั่นเอง เขาเคยเห็นตราอิทธิ์ของอิ๋งอู๋หม่านมาก่อน
เขาพลันเงยหน้าและใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไป เงาคนเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด ไม่ผิดหรอก คนที่ถูกควบคุมตัวมาไว้ข้างหน้าสุดก็คืออิ๋งอู๋หม่าน ตอนนี้มีสีหน้าน่าเวทนา กำลังโดนคนใช้ดาบใหญ่จ่อคอเอาไว้ เขาเคยเห็นอิ๋งอู๋หม่านมาก่อน เสื้อผ้าบนตัวก็ยังไม่เปลี่ยน กอปรกับตราอิทธิฤทธิ์อิ๋งอู๋หม่าน ก็ยิ่งแน่ใจได้อย่างไม่ต้องสงสัย
มิหนำซ้ำฝั่งนี้ก็ยังได้รับรายงานแล้วด้วย ว่าอิ๋งอู๋หม่านถูกอู๋เซียนฉีพาตัวไป ทางนั้นกำลังไล่ฆ่าอู๋เซียนฉีไม่ใช่เหรอ? ทำไมอิ๋งอู๋หม่านมาโผล่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายศัตรูได้ล่ะ
“นั่นคือท่านโหวอิ๋งหรือเปล่า?”
“เป็นท่านโหวอิ๋ง!”
“เป็นท่านโหวอิ๋งจริงๆ!”
“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?”
ทหารถือแผ่นหยกแล้วพากันฮือฮา มีบางคนมองเจียงเชียนหลี่แล้วถามอย่างร้อนใจ “แม่ทัพ จะทำยังไงดี?”
มารดาเจ้าเถอะ! ท่านโหวอิ๋งถูกผลักมาเป็นโล่กำบังข้างหน้า มือธนูที่อยู่ทางนี้จะมีใครกล้ายิงล่ะ! ใครมันจะกล้าลงมือ! ถ้ายิงตายขึ้นมาก็ไม่มีใครรับผิดชอบไหว!
………………