พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1858 อ๋าวเฟยไม่ทำให้อ๋องผู้นี้ผิดหวัง
อ๋าวเถี่ยที่นำคนสิบคนมาคุ้มครองข้างกายหลงซิ่นทำสีหน้าจริงจัง มองออกถึงอานุภาพกระบวนทัพโจมตีของอีกฝ่ายแล้ว
เป็นเพราะกำลังพลแดนอเวจีไม่เคยถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สู้กับกำลังพลตำหนักสวรรค์มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่นำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มารบ
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่คมเก้าเล่มที่แทงเข้ามาอย่างห้าวหาญไม่กลัวตาย ก็กดดันให้ฝนธนูที่ยิงจากทัพแดนรัตติกาลกับเผ่าเทพอสรพิษดำต้องปรับทิศทาง จำเป็นต้องเล็งใส่กระบี่คมเก้าเล่มที่แทงเข้ามาอย่างห้าวหาญ การโจมตีของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดแบ่งเป็นเก้าสายทันที ยิงไปทางหัวลูกธนูเก้าดอกที่โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
เป็นเพราะเจ้ามิอาจไม่ต้านทานการรุกโจมตีจากหัวลูกธนูเก้าดอกนี้ อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาทางนี้อย่างไม่คิดชีวิต ถ้าไม่ระงับความเร็วของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็จะพุ่งเข้ากระบวนทัพฝั่งนี้ทันที ความได้เปรียบจากธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝั่งนี้ก็จะหายไปทันที จะกลายเป็นการสู้ตะลุมบอนระหว่างสองฝ่าย เห็นได้ชัดว่านี่คือจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายรุกโจมตีเข้ามา
ลำแสงฝนธนูถล่ม ‘หัวลูกธนู’ ที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงร้องน่าเวทนา หมอกเลือดระเบิดกระจาย ราวกับมีดอกไม้เก้าดอกเบ่งบานไม่หยุด แต่กำลังพลที่ทยอยพุ่งตามมาทีหลังก็คอยเติม ‘หัวลูกธนู’ ที่รุกโจมตีไม่หยุดเช่นกัน บุกโจมตีต่อไป
การโจมตีด้วยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝั่งนี้ถูกกำลังพลเก้าสายดึงดูด ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หลายพันของกระบวนทัพฝ่ายตรงข้ามจึงยิงโจมตีมาทางนี้อย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ตัวประกันหนึ่งแสนที่ถูกผลักออกมาตายหมดอย่างรวดเร็ว
แนวโล่ป้องกันที่อยู่แถวหน้าของฝั่งนี้แหว่งออกไม่หยุด แล้วก็มีคนพุ่งเข้ามาอุดรอยรั่วเรื่อยๆ
หลงซิ่นโบกดาบถ่ายทอดคำสั่งไม่หยุด สั่งกำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำให้พุ่งไปข้างหน้าสุดแล้วรวมตัวตั้งโล่เพื่อต้านธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายตรงข้าม จะได้บังทัพใหญ่ข้างหลังไว้
เหตุผลของหลงซิ่นก็คือคุ้มครองมือธนู แต่ที่จริงแล้วก็คือการคุ้มครองทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งหมื่น อย่างไรเสียหนึ่งหมื่นคนนี้ก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ หลงซิ่นไม่ใช่พระเถระชั้นสูง ไม่มีทางให้ลูกน้องของตัวเองเอาชีวิตไปทิ้งก่อน
สิ่งที่เขาทำไม่ได้ เหมียวอี้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นแม้เหมียวอี้จะรับปากอ๋องอสรพิษดำแล้วว่าจะพยายามไม่ส่งพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำไปตาย แต่ก็ยังไม่ได้ถ่ายทอดคำสั่งนี้ให้ลูกน้อง
สำหรับหลงซิ่น นอกจากเหตุผลที่ว่ามือธนูเป็นคนของตัวเองแล้ว ในทัพพันธมิตรฝ่ายนี้ กำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือกำลังพลแดนรัตติกาลหนึ่งหมื่นในมือตัวเอง แต่ละคนมีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้งขึ้นไป ถ้าส่งคนพวกนี้ไปตายด้วยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก่อนก็ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด ถ้าประจัญบานกันเมื่อไร กำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำก็อาจต้านการโจมตีของทัพตะวันออกไม่ไหว เขาต้องเก็บกำลังที่มั่นคงไว้ก่อน แล้วค่อยให้กำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำมาช่วยเหลือ
ผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำสองคนที่อยู่ข้างหลงซิ่นตกใจกับฉากตรงหน้า ภาพโหดร้ายยามเลือดสาดแสดงตรงหน้าพวกเขาไม่หยุดหย่อน
ตัวประกันหนึ่งแสนคือคนของฝ่ายศัตรู แต่ไม่น่าเชื่อว่าฝ่ายศัตรูจะยิงตายหมดโดยไม่ลังเลสักนิด ไม่เหมือนเผ่าเทพอสรพิษดำของพวกเขาที่โดนขู่เลย
หัวลูกธนูเก้าสายที่พังทลายลงต่อเนื่อง แต่ก็มีมาเติมใหม่อีกเรื่อยๆ นั่นคือการเอาชีวิตคนมาเติมจริงๆ ไม่มีน้ำใจของมนุษย์เลยสักนิด
เผ่าเทพอสรพิษดำเคยประสบหายนะด้วยน้ำมือพระปีศาจหนานโปครึ่งหนึ่ง แล้วก็เคยประสบหายนะด้วยน้ำมือประมุขปราชญ์หกลัทธิครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผู้อาวุโสทั้งสองก็ซ่อนตัวเหมือนพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำที่ไม่มีคุณสมบัติจะร่วมรบในตอนนี้ จึงไม่เคยเห็นศึกใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำอยู่อย่างสงบมานานเกินไป ไม่เคยเจอศึกใหญ่ที่น่าเวทนาขนาดนี้เลย
พอได้เห็นฉากในวันนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็รู้จักทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์ที่อยู่โลกภายนอกอย่างลึกขึ้นแล้ว สภาพโหดร้ายตรงหน้าทำให้พวกเขามองข้ามพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำที่ล้มตายไม่หยุด เพราะกำลังพลตำหนักสวรรค์ตายเยอะกว่า
“นายท่าน ทัพกลางส่งข่าวมา ข้างหลังพวกเรามีกำลังพลกลุ่มเล็กปรากฏตัว แม่ทัพใหญ่บอกให้พวกเราระวังตัว อาจจะเป็นกองหนุนฝ่ายศัตรู”
ท่ามกลางเสียงรบพุ่งสังหารอันดุเดือด ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เชออู่กำระฆังดาราพร้อมรีบรายงานต่อเชออู่
เชออู่ที่สู้จนตาแดงเอียงหน้าถามว่า “แม่ทัพใหญ่ชี้แยะอย่างอื่นอีกมั้ย?”
ทหารผู้ช่วยส่ายหน้า “เปล่าขอรับ แต่บอกให้พวกเราระวังตัว”
ในขณะนี้เอง ด้านหลังก็มีคนตะโกน “นายท่าน ข้างหลังมีสถานการณ์ของข้าศึก!”
เชออู่หันตัวไปมอง เห็นคนกลุ่มเล็กกลุ่มคนเร่งเหาะมาจากจุดลึกของดาราจักร
ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน ชิงเยว่นำกำลังพลมาถึงแล้ว
สามารถมองเห็นทัพฝ่ายศัตรูข้างหน้าได้ ชิงเยว่โบกทวนชี้ พลางตะโกนเสียงแหลม “จัดกระบวนทัพ บุกโจมตี!”
ชั่วพริบตานั้น เงาคนในดาราจักรก็ขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังพลสองแสนปรากฏตัว แล้วพุ่งเข้ามาพร้อมตะโกนว่า “ฆ่า” ดังสนั่นฟ้า
เชออู่พลันหรี่ตา ทหารผู้ช่วยถามอย่างร้อนใจอยู่ข้างๆ “นายท่าน ข้าจะนำคนไปต้านข้างหลังไว้!”
“ไม่ต้องแล้ว!” เชออู่ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สนใจทัพใหญ่ที่บุกสังหารมาทางด้านหลัง เขาโบกทวนชี้ไปข้างหน้าพร้อมบอกว่า “แม่ทัพทุกคนฟังคำสั่ง ถ้าถูกทัพฝ่ายศัตรูตีขนาบข้างหลัง ทัพของข้าก็จะต้องตายสถานเดียว ถ้าแบ่งทหารไปต้านไว้ ก็ยิ่งรนหาที่ตาย กลยุทธ์ในตอนนี้มีแต่ต้องสังหารเข้าไปในกระบวนทัพฝ่ายศัตรูเท่านั้น ถึงจะยืนหยัดได้จนกองหนุนของแม่ทัพใหญ่มาถึง! บุกโจมตีสุดกำลัง!”
“บุกโจมตี!”
“บุกโจมตี!”
“บุกโจมตี!”
กระบวนทัพรูปลิ่มสามสายโจมตีออกมาอีกครั้ง รวมกับกระบวนทัพรูปลิ่มเก้าสายก่อนหน้านี้ กลายเป็นกำลังพลสิบสองสายกำลังบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ฝนลูกธนูดาวตกของทัพแดนรัตติกาลรวมกับเผ่าเทพอสรพิษดำถูกแบ่งอีกครั้ง หลังจากกระจายตัวแล้ว พลังโจมตีก็ย่อมอ่อนแอลง กอปรกับกำลังพลของฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาราวกับเป็นบ้า ใช้เวลาไม่นานก็มีกระบวนทัพรูปลิ่มสายหนึ่งแทงเข้ามาในกระบวนทัพแดนรัตติกาลกับเผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว แถวหน้าของทัพวุ่นวายในชั่วพริบตาเดียว ราวกับถูกฉีกจนเกิดช่องโหว่
หลงซิ่นที่บัญชาการอยู่ตรงกลางเผยสีหน้าดุร้าย นึกไม่ถึงว่ากระบวนทัพป้องกันจะโดนตีแตกเร็วขนาดนี้ เขาโบกดาบตะโกนว่า “ฆ่า!”
กระบวนทัพโจมตีที่ทั้งยิงทั้งถอยหยุดลงทันที เริ่มบุกโจมตีกลับ
เชออู่ที่บัญชาการอยู่กลางทัพก็เผยรอยยิ้มดุร้ายเช่นเดียวกัน เขาเลิกป้องกันด้านหลังโดยสิ้นเชิง เผยด้านหลังให้กองหนุนฝ่ายศัตรูทั้งหมด ใช้การทุบหม้อข้าวเพื่อปลุกระดมให้ทัพใหญ่บุกโจมตี เมื่อรู้ว่ากำลังจะตายแล้ว อานุภาพการบุกโจมตีของทัพใหญ่ก็ระเบิดออกมาทั้งหมด ตีเปิดช่องโหว่กระบวนทัพฝ่ายศัตรูในชั่วอึดใจเดียว
“ทัพใหญ่ทั้งหมดโจมตี ฆ่า!” เชออู่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด นำกำลังพลทัพกลางโจมตีขนาบไปพร้อมทัพใหญ่
แนวป้องกันของทัพพันธมิตรพลั้งมือแล้ว พอจังหวะปั่นป่วน แนวป้องกันแถวที่สิบเอ็ดข้างหลังก็ถูกกระบวนทัพรูปลิ่มกลุ่มที่สิบเอ็ดตีแตกทันที ทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้ามทะลวงเข้ามาราวกับกระแสน้ำ ทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนกันในชั่วพริบตาเดียว
พลังอิทธิฤทธิ์โหมซัดซาดอย่างมโหฬารพันลึก ต่อให้วรยุทธ์สูงกว่านี้ ต่อให้พลังอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งกว่านี้ แต่เมื่อพุ่งเข้าไปอยู่ท่ามกลางความยิ่งใหญ่นี้ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ก็เหมือนยอดฝีมือคนหนึ่งที่ชกหมัดเดียวทะลุกำแพงได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าชกบนปุยฝ้าย ต่อให้พลังแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะถูกทำให้ไร้รูปร่าง
ตอนนี้กลายเป็นการประจัญบานทั้งหมดแล้ว เป็นการเข่นฆ่าในระยะใกล้
ด้านหลัง ชิงเยว่นำทัพใหญ่บุกเข้ามา มือธนูทั้งหมดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เตรียมจะยิงสังหารอย่างถึงอกถึงใจสักยก แต่ใครจะคิดว่าตอนที่ตามไปถึง ก็ได้แต่มองทัพฝ่ายศัตรูโจมตีเข้าไปในกระบวนทัพของหลงซิ่นแล้ว กำลังพลของทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนสู้อยู่ด้วยกันแล้ว
พอเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีทางยิงสังหารทัพฝ่ายศัตรูอย่างเต็มที่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ฝ่ายตัวเองเสียหาย การต่อสู้ในระยะใกล้ย่อมใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้ไม่สะดวกเหมือนการบุกโจมตีระยะไกล ทั้งยังทำให้ทัพฝ่ายศัตรูถ่วงเวลาได้ง่ายด้วย กำลังพลหลายแสนตะลุมบอนกัน ถ้าเจ้าบุกเข้าไปในกำลังพลสองกลุ่มนี้อีก ก็ไม่มีทางโจมตีให้ได้เปรียบได้อยู่ดี
ทัพใหญ่ทำศึกไม่ใช่การเข่นฆ่าของคนกลุ่มเล็ก สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดก็คือการจัดวางกำลังทหาร อย่าให้เสียระเบียบ!
“หลงซิ่นสมควรตาย มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ตั้งสองสามหมื่นคัน ไม่น่าเชื่อว่ากำลังพลห้าแสนจะถูกคนสามแสนตีแนวป้องกันแตกได้!” เมื่อเห็นว่าผลงานการรบที่อุตส่าห์มาถึงมือแล้วกำลังถูกถ่วงเวลาจนเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ชิงเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะด่า จากนั้นก็โบกทวนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดบุกสังหาร!”
กำลังหลักทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่แท้จริงเก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว ตอนนี้ดาบทวนอยู่ในมือ ทัพใหญ่สองล้านเข้าร่วมเข่นฆ่าอยู่ในกระบวนทัพในชั่วพริบตาเดียว เสียงสังหารราวกับกระแสคลื่น
“ไอ้จัญไรนั่นเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ กำลังหลักซ่อนอยู่ตอนหลังจริงๆ ด้วย!” อ๋าวเฟยที่ได้รับข่าวทุบกำปั้นบนเข็มทิศ เมื่อรู้ว่าสุดท้ายเชออู่ตีแนวป้องกันทัพฝ่ายศัตรูแตก ถ่วงเวลาให้การบุกโจมตีตอนหลังได้มาก ก็เรียกได้ว่าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง “เชออู่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ข้าจะใช้ศึกนี้ขอรางวังจากท่านอ๋องให้เจ้า!”
“กำลังพลในมือเชออู่เสียหายหนักมากแล้ว กำลังพลสองล้านกว่าของทัพฝ่ายศัตรูกำลังโจมตี เกรงว่าจะอดทนได้ไม่นานแล้ว!” หวังหย่วนเฉียวกล่าวเสียงต่ำ
“ฮ่าๆ!” อ๋าวเฟยเงยหน้าหัวเราะลั่น ตบบนเข็มทิศไม่หยุด “ข้ารับประกันว่าเขาจะถ่วงเวลากำลังหลักทัพฝ่ายศัตรูได้นาน!”
คงฮั่นกุมหมัดคารวะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่รีบถ่ายทอดคำสั่งลงไปเถอะ!”
อ๋าวเฟยยิ้มชั่วร้าย “ถ่ายทอดคำสั่งให้จงซานหมิง สั่งให้สายลับหนึ่งล้านของเขารีบไปรวมตัวที่จุดต่อสู้ ให้กำลังพลที่อยู่แถวนั้นรีบรวมตัว รีบไปสนับสนุนเชออู่ กลุ่มที่ไปถึงแล้วก็ให้ฟังคำบัญชาการของเชออู่!” ขณะที่พูดก็ใช้สองมือกุมกัน ทำสัญญาณมือให้กวาดรวมกัน
หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นเข้าใจทันที สายลับหนึ่งล้านของจงซานหมิงกระจายตัวทั่วสระน้ำมังกรดำ ถ้าสายลับของใครอยู่ใกล้จุดต่อสู้ ก็จะเป็นสายลับในมือจงซานหมิงแน่นอน บางทีคนที่อยู่ใกล้จุดต่อสู้อาจะไม่เยอะ แต่สามารถรวบรวมกำลังพลได้เรื่อยๆ กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เติมกำลังพลที่เสียหายให้เชออู่ได้ไม่หยุดตามระยะใกล้ไกล แม้จะไม่อาจช่วยให้เชออู่เอาชนะได้ แต่กลับช่วยให้เชออู่ยืนหยัดได้นาน ถ่วงเวลาให้ทัพใหญ่ชุดหลังมาล้อมปราบได้ศัตรูได้
ทั้งสองเข้าใจแล้วว่านี่คือกลยุทธ์เติมเชื้อเพลิง จะทำให้คนของฝ่ายตัวเองเสียหายหนักมาการเติมกำลังพลกลุ่มเล็กเข้าไปในกระบวนทัพสองล้านกว่าของฝ่ายศัตรู ลองคิดดูว่าเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งหรือเปล่า? แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว การบาดเจ็บล้มตายของสมาชิกไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือต้องทำตามเจตนารมณ์ของท่านอ๋องให้สำเร็จ ถ้าทัพเกรียงไกรห้าล้านไม่อาจกำจัดทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลของหนิวโหย่วเต๋อได้ สำหรับท่านอ๋องแล้ว นี่นี่คือผลกระทบร้ายแรงต่อทัพตะวันออก
หลังจากรีบถ่ายทอดคำสั่งต่อจงซานหมิงแล้ว อ๋าวเฟยก็ถ่ายทอดคำสั่งต่อไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านของอูจินหวนที่ปิดทางเข้ารีบไปสนับสนุน สั่งกำลังพลดักซุ่มสี่สายของไป่หลี่เจี๋ย เวินลิ่วกง หลัวเจ๋อ หลงเต๋อให้รีบไปสนับสนุนอย่างเร็วที่สุด กำลังพลทัพกลางรีบถอนทัพแล้วออกเดินทาง ต้องล้อมปราบทัพฝ่ายศัตรูให้สิ้นซากในรวดเดียวอย่างเร็วที่สุด!”
“ยังมีทัพใหญ่หนึ่งล้านของลู่ผิงฟางที่กำลังปิดล้อมทางออก” หวังหย่วนเฉียวกล่าว
อ๋าวเฟยยกมือห้าม “กำลังพลของลู่ผิงฟางให้ดักซุ่มไว้ก่อน ป้องกันไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อหนีออกไป!” พูดจบก็เดินก้าวยาวออกไปข้างนอก
“รับทราบ!” หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นกุมหมัดคารวะพร้อมกัน แล้วรีบออกไปถ่ายทอดคำสั่ง
ริมแม่น้ำที่กลายเป็นพื้นที่โล่งไร้ต้นไม้ อิ๋งจิ่วกวงกำลังยืนเอามือไขว้หลัง หลังจากได้ข่าวสถานการณ์การรบที่สระน้ำมังกรดำ จากที่หน้าดำคร่ำเครียดก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นบ้างแล้ว เขาพยักหน้าเบาๆ “ดูท่าศึกที่สระน้ำมังกรดำคงใกล้จะจบแล้ว อ๋าวเฟยไม่ทำให้อ๋องผู้นี้ผิดหวัง!”
จั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็โล่งใจตามไปด้วย
ในโถงถ้ำ เหมียวอี้ที่ได้ข่าวการรบทุบกำปั้นบนเข็มทิศ สีหน้าเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์ใดๆ แต่ในใจกลับเดือดดาลมาก ไม่รู้ว่าหลงซิ่นทำศึกอย่างไร ขนาดมีเงื่อนไขได้เปรียบแบบนั้นยังถูกทัพฝ่ายศัตรูตีฝ่าแนวป้องกันได้ ตอนนี้ถูกพัวพันเอาไว้แล้ว การกำจัดทัพฝ่ายศัตรูคือสิ่งที่ต้องทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกถ่วงเวลานานแค่ไหน กำลังในมือเขาสู้นานขนาดนั้นไม่ไหว!
พวกโม่โหยวยังไม่ทันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงนี้ แต่สีหน้าคร่ำเครียดเพียงเพราะได้ยินข่าวว่าพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำบาดเจ็บล้มตายเยอะมาก
เหลิ่งจัวฉุนกับกุยอู๋ย่อมเข้าใจ เหลิ่งจัวฉุนจึงถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ราชาปราชญ์ จะโทษหลงซิ่นก็ไม่ได้ ฟังจากข่าวที่อ๋าวเถี่ยส่งมา เผ่าเทพอสรพิษดำไม่มีประสบการณ์ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เลย ไม่มีแม้แต่เวลาฝึก ไปออกศึกอย่างฉุกละหุก ไม่มีประสบการณ์ป้องกันตอนทำศึกใหญ่ขนาดนี้ด้วย พอร่วมมือกันแล้วก็ไม่พ้นโดนทัพฝ่ายศัตรูเจาะช่องโหว่”
……………