พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1859 ล่อกองหนุนออกมาโจมตี
เหมียวอี้เงียบไป ไม่ได้ตอบเขา เอาแต่จ้องเข็มทิศพลางครุ่นคิด
ฝั่งซ้ายและขวาของเข็มทิศไม่มีใครรบกวนเขา
หลังจากนั้นครู่เดียว ก็มีคนรีบเดินเข้ามารายงาน “นายท่าน ทัพฝ่ายศัตรูที่ปิดล้อมทางเข้าสระน้ำมังกรดำเคลื่อนไหวแล้ว กำลังเร่งเดินทางไปที่สนามรบขอรับ”
พอได้ข่าวนี้มา เหลิ่งจัวฉุนกับกุยอู๋ก็เริ่มทำสายตาจริงจัง พวกโม่โหยวเริ่มทำสีหน้ากังวล ฝ่ายศัตรูเผยกองหนุนหนึ่งล้านในรวดเดียว แค่คิดก็รู้แล้วว่าทำให้ฝั่งนี้กดดันขนาดไหน ในที่สุดพวกโม่โหยวก็ตระหนักได้ว่ากำลังหลักของฝ่ายนี้ถูกทัพฝ่ายศัตรูพัวพันเอาไว้แล้ว
บนใบหน้าเหมียวอี้ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร ได้แต่โบกมือบอกใบ้ให้ถอยไป
ไม่นานก็มีคนมรายงานอีก “นายท่าน กำลังพลดักซุ่มทางทิศตะวันออก ทิศใต้และทิศเหนือมีความเคลื่อนไหวนิดหน่อย แต่ละทิศแบ่งคนหนึ่งร้อยคนไปทางสนามรบ”
มีอีกคนเข้ามารายงานติดๆ “นายท่าน สายลับฝ่ายเราที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ พบว่าสายลับของฝ่ายศัตรูทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ดูแล้วเหมือนจะไปรวมตัวที่สนามรบกันหมดขอรับ”
คนที่รายงานอยู่ทางนี้ยังไม่ทันออกไป ก็มีคนเข้ามารายงานอีกแล้ว “นายท่าน ทัพกลางของฝ่ายศัตรูมีกำลังพลกำลังเร่งไปยังสนามรบขอรับ”
ข่าวร้ายทยอยมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ต่อให้เป็นพวกโม่โหยวก็มองออกแล้วว่าทัพฝ่ายศัตรูกำหนดให้จุดที่กำลังพัวกันต่อสู้กันเป็นศูนย์กลาง เริ่มรวมกำลังพลกลุ่มใหญ่ไปล้อมปราบที่นั่น ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
โม่โหยวอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “หัวหน้าภาคหนิวรีบให้คนของพวกเราถอนกำลังเถอะ!”
เหลิ่งจัวฉุนมองนางแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ตอนนี้จะถอยได้ยังไง? ถ้าถอยตอนนี้ นอกจากจะไม่ได้กินเนื้อที่มาถึงปากแล้ว ยังถอนกำลังไม่พ้นด้วย สายลับหนึ่งล้านของอีกฝ่ายทยอยกันไปรวมตัวที่สนามรบ คนของพวกเราไม่ว่าจะไปไหนก็หนีไม่พ้นสายตาทัพฝ่ายศัตรู แล้วทัพฝ่ายศัตรูก็คงไม่ให้พวกเราหนีด้วย ต้องไล่ตามแบบกัดไม่ปล่อยแน่ กำลังพลดักซุ่มของทัพฝ่ายศัตรูที่ตามมาจากทั่วทุกทิศสามารถปรับทิศทางดักสังหารได้ตลอดเวลา จากนี้ไปพวกเราจะตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมปราบปรามอันไร้ที่สิ้นสุด!”
“แล้วจะทำยังไง?” โม่โหยวถามอย่างหวาดกลัว
สายตาของทุกคนมองไปที่เหมียวอี้พร้อมกัน
ส่วนเหมียวอี้ก็ทำท่าราวกับไม่ได้ยินและไม่เห็นปฏิกิริยาของทุกคน สายตาที่กำลังจ้องเข็มทิศวูบไหว แล้วจู่ๆ ก็ถามว่า “ถามหน่อย ทัพใหญ่ที่ปิดล้อมทางออกมีความเคลื่อนไหวหรือเปล่า”
กุยอู๋ไปสืบข่าวในถ้ำของศูนย์ติดต่อด้วยตัวเองทันที ไม่นานก็กลับมารายงานว่า “ทัพฝ่ายศัตรูมีเพียงกำลังพลทางนั้นที่ไม่เคลื่อนไหว”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “สงสัยคิดจะสังหารข้าให้สิ้นซากจริงๆ!” เขาชี้ตรงตำแหน่งทางออก “ตอนเข้าสระน้ำมังกรดำข้าก็สงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายจะปิดทางออก เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ สงสัยข้าจะได้ใช้งานแผนสำรองแล้ว!”
เขาเก็บมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองทุกคน “แจ้งไปที่สนามรบ ให้หลงซิ่นส่งอำนาจบัญชาการให้ชิงเยว่คนเดียว ทัพใหญ่เฝ้าอยู่ที่สนามรบ ไม่ต้องรีบกำจัดทัพฝ่ายศัตรูที่ล้อมอยู่เร็วขนาดนั้น แต่ล่อให้ฝ่ายศัตรูเข้ามาเรื่อยๆ ล่อกองหนุนออกมาโจมตี! บอกชิงเยว่ ไม่ต้องสนใจพลังงานของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่หมดเปลือง อาศัยสิ่งที่ได้จากศัตรูมาทำศึกต่อ เอาทรัพยากรจากทัพฝ่ายศัตรูมาเติมได้เลย สรุปก็คือกำจัดข้าศึกที่มาสนับสนุนให้เร็วที่สุด!”
เหลิ่งจัวฉุนส่ายหน้า “ถ้าทางชิงเยว่ต้านกองหนุนไหว ก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนั้นแล้ว”
เหมียวอี้โบกมือ “ไม่! ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด กำลังพลของทัพฝ่ายศัตรูที่โดนล้อมสู้กับทัพใหญ่สองแสนของพวกเราได้ไม่ได้นานนักหรอก เกรงว่าไม่ทันรอให้กองหนุนตามมาถึง พวกเราก็กำจัดกำลังพลที่ล้อมอยู่จนหนีไปได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นกองหนุนที่มาก็จะไม่มีความหมายเท่าไร พวกเจ้าสังเกตสถานการณ์นี้หรือเปล่า สายลับหนึ่งล้านของทัพฝ่ายศัตรูเคลื่อนไหวแล้ว กำลังเร่งไปรวมตัวกันที่สนามรบ ในบรรดาสายลับหนึ่งล้านนี้ มีส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้สนามรบที่สุด สามารถล่วงหน้าไปสนับสนุนพวกที่โดนล้อมได้ก่อนที่ทัพขนาดใหญ่ของฝ่ายศัตรูจะไปถึง”
กุยอู๋กล่าวเสียงต่ำว่า “เข้าใจแล้ว ทัพฝ่ายศัตรูกำลังใช้กลยุทธ์กลยุทธ์เติมเชื้อเพลิง อยากจะเติมเลือดให้ทัพฝ่ายตัวเองที่สนามรบ จะได้ถ่วงเวลาพวกเราได้สะดวก”
เหลิ่งจัวฉุนเข้าใจแล้วเช่นกัน พยักหน้าบอกว่า “ไม่ผิด! ดูท่าแล้วทัพฝ่ายศัตรูจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเราจริงๆ เอากำลังพลกลุ่มเล็กมาเติมนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ เป็นการส่งคนมาตายเรื่อยๆ โดยแท้”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ข้ากำลังกลุ้มใจพอดี กลุ้มใจที่ทำให้กำลังพลมหาศาลของอีกฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไม่ได้ ในเมื่อมาส่งความตายถึงที่แล้ว มีหรือที่จะข้าจะปล่อยผ่าน ให้ชิงเยว่เปิดฉากสังหารเต็มที่!”
เหลิ่งจัวฉุนจ้องเข็มทิศพร้อมกล่าวอย่างลังเลว่า “ทำแบบนี้แม้จะกำจัดกำลังพลทัพฝ่ายศัตรูได้มาก แต่พอเป็นแบบนี้ต่อไป พวกชิงเยว่ก็จะยิ่งไม่มีเวลาถอนตัว ถ้ากำลังหลักฝ่ายศัตรูมาถึงเมื่อไร ก็ไม่มีความหวังที่จะปลีกตัวออกมาแล้วจริงๆ”
“ไม่แน่หรอก!” เหมียวอี้ตบเข็มทิศเบาๆ พลางส่ายหน้า จากนั้นก็แสยะยิ้ม “ตอนแรก ข้าคิดจะอาศัยความได้เปรียบจากสายลับเผ่าเทพอสรพิษดำที่สระน้ำมังกรดำ แต่ข้านึกไม่ถึงว่าอ๋าวเฟยจะโหดขนาดนั้น ถึงขนาดทุ่มทุนส่งทัพใหญ่หนึ่งล้านมาเป็นสายลับ เลยทำลายงานข้าพังไปงานหนึ่งแล้ว แต่พวกเจ้าดูตอนนี้สิ อ๋าวเฟยยกเลิกสายลับหนึ่งล้านแล้ว เท่ากับความได้เปรียบของพวกเราในตอนแรกกลับมาอีกครั้ง ต่อไปผลที่ตามมาจะเป็นยังไงล่ะ? พวกเราสามารถรู้ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาไง แต่พวกเขากลับเหมือนคนตาบอด กำลังปล่อยให้พวกเราปั่นเล่นไม่ใช่หรอกเหรอ!”
“นายท่าน จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้!” กุยอู๋ถอนหายใจ แล้วชี้ไปตรงสนามรบ “ที่อ๋าวเฟยยกเลิกสายลับหนึ่งล้านนั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ตอนนี้พวกเขากำลังถ่วงเวลารอกำลังหลักของพวกเรา ขอเพียงกำจัดกำลังหลักของพวกเราได้ จะมีหรือไม่มีสายลับพวกนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว การกำจัดกำลังหลักของพวกเราต่างหากที่เป็นจุดประสงค์หลัก”
เหลิ่งจัวฉุนเองก็ถอนหายใจแล้วกล่าวยอมรับเช่นกัน “ถ้าฝ่ายศัตรูรวมทัพใหญ่มาล้อมปราบชิงเยว่ ต่อให้พวกเราจะรู้ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้วยังไงต่อล่ะ?”
เหมียวอี้ชี้เข็มทิศ แล้วถามกลับว่า “แล้วถ้าข้าทำให้แผนการล้อมโจมตีของพวกเขาพังล่ะ?”
เหลิ่งจัวฉุนกับกุยอู๋สบตากันแวบหนึ่ง แล้วถามเป็นเสียงกันว่า “หมายความว่ายังไง?”
“ตระกูลอิ๋งอยากจะฆ่าข้าไม่ใช่เหรอ? คงถึงเวลาที่ข้าต้องลงสนามรบเพื่อเป็นเหยื่อล่อเองแล้ว!” เหมียวอี้หรี่ตาแสยะยิ้ม แล้วหันขวับกลับมาบอกว่า “เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป! ชางไห่ เฟิ่งอู่ พวกเจ้าไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่อีกแล้ว ที่สนามรบเกิดศึกเดือด ยิ่งมียอดฝีมือเยอะก็ยิ่งดี พวกเจ้ารีบไปสนับสนุน ผู้อาวุโสโม่อยู่กับข้าคนเดียวก็พอ”
ชางไห่และเฟิ่งอู่มองไปที่โม่โหยวพร้อมกัน เรื่องมาถึงขั้นที่ลงหลังเสือได้ยาก โม่โหยวทำได้เพียงพยักหน้าให้ทั้งสอง “ไปเถอะ!”
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง โกวเยว่เร่งฝีเท้าเดินมาถึงนอกโถงหลักของเรือนหลัง เห็นก่วงลิ่งกงกำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับหวังเฟยและลูกสาว จึงยืนรายงานอยู่ข้างนอก “ท่านอ๋อง!”
สามคนในห้องมองออกมา ก่วงลิ่งกงกวักมือเรียกเขาเข้าไป พร้อมทั้งชี้ถามก่วงเม่ยเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม “เม่ยเอ๋อร์ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อสหายคนนั้นของนางอาจจะมีปัญหา เลยวิ่งมาเกาะแกะถามซักไซ้ข้า ข้าบอกไม่รู้ นางก็ยังไม่เชื่อ ทางเจ้ามีข่าวบ้างมั้ย?”
เม่ยเหนียงได้ยินแล้วยกแขนเสื้อป้องปากหัวเราะ นางชอบที่สุดเวลาเห็นอ๋องสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยทำท่าจนปัญญากับลูกสาวตัวเอง
โกวเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ท่านอ๋อง มีความเคลื่อนไหวจริงๆ ขอรับ หนิวโหย่วเต๋อกับกองทัพโจรเริ่มสู้กันแล้ว”
“อ้อ!” ก่วงลิ่งกงทำสีหน้าจริงจัง เขาย่อมรู้ว่าทัพโจรที่โกวเยว่เอ่ยถึงหมายถึงใคร “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
โกวเยว่ตอบว่า “ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด แต่จุดที่พวกเขาเพิ่งสู้กันอยู่ใกล้กับจุดซ่อนตัวของสายลับพวกเรา หนิวโหย่วเต๋อระดมทัพใหญ่สองล้านกว่าซึ่งรวมเผ่าเทพอสรพิษดำด้วย ล้อมกำลังพลประมาณสามแสนของกองทัพโจรไว้แล้ว คาดว่ากองทัพโจรกลุ่มนี้จะยืนหยัดได้อีกไม่นาน”
“แผนที่!” ก่วงลิ่งกงลุกขึ้นยืน
โกวเยว่รีบเผยเข็มทิศอันหนึ่ง ปรับแสดงภาพแผนที่สระน้ำมังกรดำออกมา แล้วชี้ไปยังจุดที่ต่อสู้กัน
เม่ยเหนียงกับก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็ล้อมเข้ามาเช่นกัน แต่กลับไม่เข้าใจอะไร
ก่วงลิ่งกงจ้องแผนที่พักหนึ่ง แล้วพึมพำว่า “สองล้านกว่าคน ดูท่าแล้ว กำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำที่ออกรบได้คงแทบจะเทรังออกมาทั้งหมด กองทัพโจรมีแค่สามแสนกว่า เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำ เกรงว่าจะเป็นเหยื่อล่อ แต่ทำไมหนิวโหย่วเต๋อตกหลุมพรางง่ายขนาดนั้น?”
ข้อมูลของสถานการณ์มีจำกัด สุดท้ายก่วงลิ่งกงก็ส่ายหน้า ไม่มีทางตัดสินได้จริงๆ ได้แต่กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำนี่ก็น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะเคลื่อนกำลังพลมากขนาดนั้นตามหนิวโหย่วเต๋อไปก่อเรื่อง ไม่กลัวหายนะจะมาถึงตัวรึไง? หนิวโหย่วเต๋อจับตัวประกันไว้แค่นั้นก็กดดันให้พวกเขาทำงานถวายชีวิตได้ขนาดนี้แล้วเหรอ? ไม่รู้เชียวหรือว่าตอนทำศึกจะต้องสละชีวิตคนในเผ่ามากกว่าชีวิตตัวประกัน? ไม่รู้ไปกินยาอะไรผิดมา!”
เม่ยเหนียงลองถามว่า “ท่านอ๋อง ศึกนี้ถ้าสู้กันน่าจะมีคนตายเท่าไร?”
ก่วงลิ่งกงพ่นเสียงทางจมูกแล้วตอบว่า “คนเจ็ดแปดล้านคนสู้กัน ต่อให้ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว แต่ก็ตายหลายล้านเป็นเรื่องปกติ”
หลายล้านคน? เม่ยเหนียงเอามือปิดปากอย่างขวัญผวา
ก่วงเม่ยเอ๋อร์กลับพูดตรงๆ ตามที่ใจคิด “ท่านพ่อ ได้ยินว่ากองทัพโจรคือกำลังพลห้าล้านที่อ๋องสวรรค์อิ๋งแอบระดมไว้ จริงหรือเปล่าคะ?”
ก่วงลิ่งกงตะคอกทันที “เหลวไหล! ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าไปพูดซี้ซั้วข้างนอก”
“ข้าแค่พูดในบ้านก็ไม่ได้เหรอ?” ก่วงเม่ยเอ๋อร์ทำปากจู๋ แล้วถามอีกว่า “ท่านพ่อ หนิวโหย่วเต๋อจะชนะหรือเปล่าคะ?”
ก่วงลิ่งกงส่ายหน้า “ไม่น่าจะชนะได้ ถ้าหัวไวหน่อยก็หนีไปที่อาณาเขตดาวนิรนามหรือไม่ก็รอกองทัพองครักษ์ บางทีเขาอาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ดูจากที่เขาดึงดันจะใช้กำลังปะทะแบบนี้ ก็อ้อนวอนขอพรให้ตัวเองแล้วกัน!”
“ท่านพ่อ!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์ดึงเสื้อก่วงลิ่งกง แล้วพูดออดอ้อน “ท่านก็ช่วยเขาหน่อยสิ เขาคือสหายของข้า”
ก่วงลิ่งกงมองเม่ยเหนียง เม่ยเหนียงรีบดึงลูกสาวมาตำหนิ “เจ้าจะรู้อะไรเรื่องแผนการทางทหาร? อย่าพูดซี้ซั้ว!”
ในดาราจักรที่มีสีสันแพรวพราว เสียงสังหารดังไม่หยุด เลือกสาดกระเด็นเป็นเม็ดไข่มุก กระจายทั่วดาราจักที่ไร้แรงโน้มถ่วง
เชออู่ที่สังหารเข้าไปในทัพพันธมิตรกลับร้องในใจว่าแย่แล้ว สถานการณ์ไม่คาดคิดที่ถูกมองข้ามได้ง่ายเกิดขึ้นแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ากำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำจะมีอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาไม่น้อยเลย ในกำลังพลของเขาก็มีอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาอยู่บ้างเหมือนกัน ทว่าเผ่าเทพอสรพิษดำกลับไม่กลัวเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายกำลังเพิ่มขึ้น แต่อีกฝ่ายกำลังลดลงแบบนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ากดดันขนาดไหน
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ชิงเยว่กับหลงซิ่นไม่ได้ผิดคาด ทัพใหญ่แดนรัตติกาลยังไม่มีอาวุธสำหรับสู้ระยะใกล้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น อาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเปลืองเงินเกินไป จึงรีบให้กำลังพลถอยไปอยู่วงนอก แล้วส่งต่อภารกิจต่อสู้หลักๆ ให้ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำ
“แม่ทัพเชออย่ากลัว ซูห่วงมาแล้ว!”
ตรงจุดไกลๆ มีเสียงตะโกนดังขึ้น กำลังพลสามหมื่นกว่าพลันปรากฏตัว ผู้ที่นำทัพมาบุกสังหารเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“สงสัยท่านหัวหน้าภาคจะเดาไว้ไม่ผิด!” ชิงเยว่แสยะยิ้ม เอียงหน้าบอกหลงซิ่นว่า “ภารกิจโจมตีกองหนุนข้าส่งต่อให้เจ้าแล้วกัน ไม่ต้องสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะ ฆ่าให้ได้เกินครึ่งแล้วปล่อยไป ข้าจะปล่อยเขาไปรวมกลุ่มกับเชออู่”
หลงซิ่นระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาลทั้งหมดทันที บวกทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำอีกสองแสน แล้วพุ่งออกจากกระบวนทัพไปรับข้าศึก
พอสองฝ่ายพบหน้ากัน กำลังพลสามหมื่นก็จัดกระบวนทัพรูปลิ่มพร้อมบังโล่โจมตีทันที ขณะเดียวกันก็ใช้ลูกธนูดาวตกยิงเบิกทาง
ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำสองแสนจัดกระบวนทัพกำแพงโล่เพื่อคุ้มกันทัพใหญ่แดนรัตติกาล ตอนนี้ในมือทัพใหญ่แดนรัตติกาลรวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้เกือบสี่หมื่นแล้ว ตามที่เสียงคำสั่ง “ยิง” ของหลงซิ่นดังขึ้น ลำแสงนับไม่ถ้วนถล่มใส่กระบวนทัพรูปลิ่มจนวุ่นวาย เสียงกรีดร้องดังระงม
“หานหานมาสนับสนุนแล้ว แม่ทัพเชออย่ากลัว!”
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ มีแม่ทัพนำกำลังพลห้าหมื่นสังหารเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลงซิ่นเลิกไล่สังหารกำลังพลที่เสียหายอย่างหนักตรงหน้าทันที เปลี่ยนไปโยกย้ายกำลังพลแล้ว แบ่งกำลังพลเป็นสองสายอ้อมสองฝั่งของสนามรบไป แล้วรบกับกำลังพลห้าหมื่นที่บุกเข้ามาอย่างบ้าระห่ำ
………………