พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1864 ไอ้เด็กนี่มันปั่นหัวข้า
“ได้ๆ!” ชิงเยว่หรี่ตายิ้มพลางพยักหน้าซ้ำๆ ขอแค่พวกเขาไม่คัดค้านก็พอแล้ว
ทั้งสองไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อท่านหัวหน้าภาคทันที
“ทำได้งดงามมาก!” เหมียวอี้ที่ได้รับข่าวตบฝ่ามือบนเข็มทิศ นึกไม่ถึงว่าชิงเยว่จะจัดการกองหนุนฝั่งใต้ได้ง่ายขนาดนี้ เรียกได้ว่ารวดเร็วมาก เขากล่าวอย่างตื่นเต้นไม่หาย “บอกชิงเยว่ ข้าจะรับผิดชอบเรื่องกลยุทธ์เท่านั้น ส่วนรายละเอียดบนสนามรบว่าจะสู้ยังไง ให้นางเป็นแม่ทัพหลัก ให้อำนาจนางรับผิดชอบทั้งหมด ข้าจะไม่ก้าวก่าย จะพยายามไม่ก้าวก่าย เอาเป็นว่ารบให้ชนะก็พอ! บอกมู่ด้วยว่าให้ฟังคำบัญชาการของชิงเยว่!”
ทางฝั่งนี้ถ่ายทอดเจตนาของเหมียวอี้ทันที
โม่โหยวที่ฟังข่าวดีอยู่ข้างๆ ก็โล่งอกเช่นกัน ชนะได้ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นทุกศึกที่แพ้ก็จะหมายความว่าพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำของนางจะตายเยอะกว่าเดิม
เหลิ่งจัวฉุนกำระฆังดาราในมือ ถ่ายทอดเสียงบอกเหมียวอี้ว่า “ราชาปราชญ์ ตานฉิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาแปลกไป รีบเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว เลิกไล่ตามกำลังพลของอ๋าวเฟยแล้ว!”
เหมียวอี้ครุ่นคิดพลางพยักหน้าเบาๆ ตานฉิงก็ไม่ใช่คนธรรมเช่นกัน ในเมื่อทำอย่างนี้ได้ ก็คาดว่าคงพบเงื่อนงำอะไรแล้วจริงๆ
“มันเรื่องอะไรกัน?”
ในดาราจักร อ๋าวเฟยเพิ่งจะร่างแผนขนาบโจมตี คนเพิ่งจะหยุด ยังไม่ทันหันตัวมา ก็พบว่าพวกตานฉิงรีบเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางไปแล้ว อ๋าวเฟยที่หันตัวมางงนิดหน่อย
ส่วนข้างหลัง กำลังพลหลายแสนก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว
“ไล่ตาม! สั่งกำลังพลของอูจินหวนให้ดักด้านข้าง อย่าให้โอกาสพวกเขามารวมกัน!”
อ๋าวเฟยออกคำสั่ง กำลังพลหลายแสนรวมตัวอีกครั้ง รีบเปลี่ยนจากฝ่ายหลบหนีเป็นฝ่ายไล่โจมตี
ไล่ตามไปได้ครู่เดียว จู่ๆ หวังหย่วนเฉียวที่อยู่ข้างกันก็พลันบอกว่า “แม่ทัพใหญ่ กำลังพลของไป่หลี่เจี๋ยขาดการติดต่อไปแล้ว!”
อ๋าวเฟยกำลังจ้องตานฉิงด้วยแววตาเดือดดาลราวกับไฟลุก พอได้ยินก็หันขวับ แล้วถามอย่างโมโหว่า “อะไรนะ?”
หวังหย่วนเฉียวพยักหน้า บอกใบ้ว่าฟังไม่ผิด ขาดการติดต่อในเวลานี้หมายความว่าอะไรก็คงไม่ต้องอธิบายเยอะแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกกำลังพลของชิงเยว่กำจัดแล้ว
อ๋าวเฟยเหมือนจะยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ยาก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ทำไมถึงเร็วขนาดนี้? สู้กันแล้วทำไมแม้แต่ฝั่งพวกเราก็ไม่ได้ข่าวเลยสักนิด? ติดต่อไปอีก!”
หวังหย่วนเฉียวยังจะทำอย่างไรได้อีก ทำได้เพียงหยิบระฆังดารามาติดต่ออีก
ตานฉิงที่เหาะอยู่ในดาราจักรหันกลับมามองแวบหนึ่ง และแสยะยิ้มเยาะเย้ย พบว่าคาดเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ เผยกำลังพลออกมาหมดแล้ว ต้องการจะตีขนาบหน้าหลังจริงๆ ด้วย เขาหยิบระฆังดาราออกมาแจ้งคนที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์
“หึหึ!” เหมียวอี้ที่อยู่ในดาราจักรแสยะหัวเราะเช่นกัน จากนั้นก็ครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ถ้าถูกพวกเราไล่ตาม พวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะปล่อยให้พวกเขาไล่ตาม แต่ถ้าอ๋าวเฟยพบว่าไล่ตามพวกเราไม่ทัน เกรงว่าอาจจะไม่เสียเวลาไล่ตามพวกเราต่อไปแล้ว จะกังวลถึงกำลังพลที่บุ่มจู่โจมกะทันหันอีกสองกลุ่ม ดีไม่ดีอาจจะเลี้ยวกลับไปรวมกับกำลังพลสองกลุ่มนั้น ถ้าฝั่งพวกเราถ่วงเวลาเพื่อชิงเยว่ก็พยายามหน่อย เอาอย่างนี้ แจ้งไปที่อวิ๋น ปล่อยข่าวที่น่าตื่นตาให้อ๋าวเฟยรู้สักหน่อย โยนอาวุธปลอมพวกนั้นออกมาให้พวกเขาชมเป็นขวัญตา”
พอทางนี้เอ่ยสั่งแล้ว ตานฉิงก็ย่อมปฏิบัติตาม
ใช้เวลาครู่เดียว ในดาราจักรก็มีของโยนออกมาสะเปะสะปะ สาดลอยไปทางทหารที่ตามมาข้างหลังไม่ขาดสาย
จู่ๆ ก็มีของโผล่ออกมาเป็นกอง เพื่อที่จะป้องกันอุบาย กำลังพลของอ๋าวเฟยหลาแสนรีบเตรียมป้องกันอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นชัดแล้วว่าเป็นเกราะรบและธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ คนที่อยู่ฝั่งนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตก
จนกระทั่งของพวกนั้นลอยมาถึงมือแล้ว ในมืออ๋าวเฟยย่อมคว้ามาชุดหนึ่ง พอบีบสิ่งที่เรียกว่าเกราะรบ มันก็แตกหักทันที สิ่งที่เรียกว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็หักเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นไม้ทาสี ทั้งหมดเป็นของปลอม
ลากทัพใหญ่สองล้านกว่าให้ตามมาก็เพราะของสิ่งนี้เองเหรอ? ตัวเองจะคิดจะดึงอีกฝ่ายให้ไปไกลกว่านี้สักหน่อย ไม่ให้กำลังพลของอีกฝ่ายรวมกลุ่มกัน ตกลงว่าใครดึงใครกันแน่!
อ๋าวเฟยเบิกตากว้างมองของที่อยู่ในมือ สองมือที่ถือคันธนูหักสั่นเทา ใบหน้าขาวซีด
ทำศึกจนกลายเป็นแบบนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะชี้แจงต่อท่านอ๋องอย่างไร จะโทษอิ๋งอู๋หม่านทั้งหมดได้เหรอ? อิ๋งอู๋หม่านโดนคนจับไป เขาไม่มีส่วนรับผิดชอบเลยเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองไม่เข้มงวดกับคนนอก แล้วอีกฝ่ายจะจับตัวอิ๋งอู๋หม่านไปได้อย่างไร?
มาจนป่านนี้แล้ว ในใจเขาเรียกได้ว่าวนเวียนอยู่กับความแค้น ความรู้สึกผิดและตำหนิตัวเองต่างๆ นานา
พวกหวังหย่วนเฉียวที่กำลังถืออาวุธปลอมก็ทำสีหน้าสงสัยเช่นกัน
“ไอ้เด็กนี่มันปั่นหัวข้า…อา…” อ๋าวเฟยพลันแผดเสียง แล้วจู่ๆ ก็เอามือกุมอก ไฟโกรธโจมตีหัวใจ พลังปราณสับสน ความคิดว้าวุ่น ไม่มีทางควบคุมอารมณ์ให้สงบได้ “อั้ก” กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง ตาเหลือก ร่างกายเอนล้มอย่างเสียการควบคุมในชั่วพริบตาเดียว
“แม่ทัพใหญ่!” คนอื่นๆ อุทานตกใจ หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นประคองแขนคนละข้าง บรรดาแม่ทัพมาล้อมเอาไว้
“เผ่าเทพอสรพิษดำ…ไม่มีกองทัพองครักษ์…เป็นเผ่าเทพอสรพิษดำปลอมตัวมา…ไล่ตาม…ตาม…ข้ามันซะ…” อ๋าวเฟยกล่าวด้วยริมฝีปากสั่น มือก็สั่นเช่นกัน พยายามชี้ไปทางจุดที่เหมียวอี้หลบหนี
แต่จนใจที่ตอนนี้เขาไม่มีทางร่ายอิทธิฤทธิ์ส่งสียงได้ ตอนอยู่ในดาราจักรไม่สามารถส่งเสียงได้ตามปกติ ทุกคนต่างฟังไม่ชัดว่าเขากำลังพูดอะไร แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขาก็รู้แล้ว ต่อให้เขาไม่บอก ทุกคนก็เดาออกว่าไม่ใช่กองทัพองครักษ์ พวกเขาถูกปั่นหัวยับเยินมาก
อ๋าวเฟยที่อยู่ในสภาพนี้จะยังบัญชาการทัพใหญ่ได้อย่างไร รีบนำเขาเข้ากระเป๋าสัตว์เพื่อช่วยเหลือเร่งด่วน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ลู่ผิงฟางที่ตามมาข้างหลังหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว ในมือเขาก็ถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เช่นกัน เพิ่งจะเหาะผ่านทางนี้ไป ย่อมเก็บของได้แล้ว พอจะตระหนักได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากหวังหย่วนเฉียวโบกมือบอกให้ลู่ผิงฟางไล่ตามต่อไป ก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออ๋องสวรรค์อิ๋งอีก
“ฮ่าๆ…ฮ่าๆ…”
ริมแม่น้ำ อิ๋งจิ่วกวงที่ได้ข่าวกางแขนหัวเราะลั่น ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าไม่มีกองทัพองครักษ์ตดหมาอะไรทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะเข้าใจผิดว่าประมุขชิงเข้ามาแทรกแซง น่าขำที่ตัวเองโง่เง่าขนาดนั้น!
ทว่าในเสียงหัวเราเจือด้วยความเศร้าสลด ผิวแม่น้ำสั่นสะเทือนจนเกิดละอองน้ำ พื้นดินสะเทือนจนฝุ่นกระเพื่อมขึ้นลง ต้นไม้ที่อยู่ไกลๆ สั่นสะเทือน คนของตระกูลอิ๋งที่เห็นสภาพนี้จากที่ไกลๆ ตกใจไม่เบา ไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีท่าทางแบบนี้มาก่อน ไม่มีใครกล้าเข้าใจ
จั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก้มหน้าเงียบงัน เม้มริมฝีปากแน่น
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ อิ๋งจิ่วกวงที่อารมณ์สงบลงแล้วก็ส่ายหน้าหัวเราะไม่หยุด “ดี! ดี! ช่างดีจริงๆ! หนิวโหย่วเต๋อเอ๊ย หนิวโหย่วเต๋อ ไม่น่าเชื่อว่าทัพใหญ่ห้าล้านของตาแก่ผู้นี้ก็ยังทำอะไรเจ้าไม่ได้ ดีจริงๆ!อ๋าวเฟยเอ๊ย อ๋าวเฟย เสียแรงที่ข้าเชื่อใจเจ้า แต่เจ้าดันทำงานข้าเสีย! มันก็เท่านั้นเอง มันก็เท่านั้น…” เขาเอียงหน้าเล็กน้อย “สภาพของอ๋าวเฟยไม่เหมาะจะบัญชาการแล้ว สั่งให้หวังหย่วนเฉียวรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดต่อ บอกหวังหย่วนเฉียว ว่าถ้าแพ้ศึกนี้ ก็ให้เขาถือหัวมาพบข้า!”
“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์เอ่ยรับ แล้วรีบนำระฆังดาราออกมาถ่ายทอดคำสั่ง
เมื่อได้รับคำสั่งแต่งตั้งใหม่ หวังหย่วนเฉียวก็สีหน้าแย่มากเช่นกัน
คงฮั่นชำเลืองมองเขาแล้วถอนหายใจ ตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดนี้เขาไม่อิจฉาเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนอ๋าวเฟยรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุด เขาก็ไม่อิจฉาเช่นกัน เพราะล่วงเกินอิ๋งอู๋หม่านแล้ว ตอนนี้หวังหย่วนเฉียวรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดต่อ ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังให้เก็บกวาดปัญหายุ่งยาก
ที่จริงจะบอกว่าเก็บกวาดปัญหายุ่งยากก็ไม่ได้ เพราะยังมีโอกาสตัดสินแพ้ชนะอีก แต่กองทัพองครักษ์ใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ให้โอกาสเข้าใช้วิธีการมั่นคงปลอดภัยเลย ตัวเองคุมจังหวะไม่ได้อีกแล้ว
หวังหย่วนเฉียวหันตัวเข้าไปในกระเป๋าสัตว์ ไปเยี่ยมอ๋าวเฟยที่กำลังลืมตาอย่างเหม่อลอยและนอนนิ่งรับการรักษา
หวังหย่วนเฉียวแอบทอดถอนใจ อ๋าวเฟยนับว่าเป็นขุนพลแห่งยุคเช่นกัน แต่กลับถูกบีบถึงขั้นนี้ เรียกได้ว่าวีรบุรุษแห่งยุคพังทลายในครั้งเดียว
เขายังจะพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงแอบยิ้มอย่างขื่นขม อ๋าวเฟยช่างล้มได้ดีจริงๆ เลยกลายเป็นเขาที่ต้องเก็บกวาดปัญหายุ่งยากแทน
หวังหย่วนเฉียวไม่พูดอะไรทั้งนั้น แค่มาเยี่ยมครู่เดียว แล้วก็หันตัวเดินออกไป
พอมาถึงด้านนอก ก็สงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง ในใจเขารีบเปลี่ยนบทบาทอย่างรวดเร็ว หลังจากจัดระเบียบความคิดแล้ว ก็ออกคำสั่งว่า “ถ่ายทอดคำสั่งไปที่อูจินหวน ให้ไล่โจมตีต่อไป สั่งให้ลู่ผิงฟางถอนกำลัง ให้มารวมกับกำลังพลของข้า สั่งให้เวินลิ่วกง หลงเต๋ออันเลิกไล่โจมตีกำลังพลของชิงเยว่ ให้เขากับสายลับที่รวมตัวกันอยู่แยกย้ายกัน กระจายกำลังสายลับที่สระน้ำมังกรดำอีกครั้ง”
คงฮั่นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่ทัพใหญ่ ถ้ากระจายตัวสายลับใหม่ ยังจะทันอีกเหรอ? ท่านอ๋องให้เวลาพวกเราไม่เยอะแล้ว”
หวังหย่วนเฉียวถามกลับ “ยังจะทำอะไรได้อีก? ตอนนี้พวกเราตามืดไปหมด ศัตรูอยู่ในที่ลับ เราอยู่ในที่แจ้ง จะปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋อจูงจมูกต่อไปเหรอ? สิ่งที่น่ากังวลที่สุดตอนนี้ก็คือกำลังพลฝั่งตะวันออกกับฝั่งเหนือ ตอนนี้สั่งให้พวกเขากระจายตัวเดี๋ยวนี้ ต่อให้พวกชิงเยว่จะเก่งกาจแค่ไหนก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้อยู่ดี ส่วนปัญหาเรื่องเวลา ก็พยายามเร่งมือหน่อยแล้วกัน!” พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
พูดจากใจจริง พอทำศึกจนสภาพกลายเป็นแบบนี้ ในใจเขาก็คับแค้นอยู่บ้าง เป็นอ๋องสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผย แต่กันไม่คำนึงถึงภาพรวม เอาชีวิตของทัพตะวันออกหลายล้านมาทำซี้ซั้วที่นี่เพื่อความแค้นเล็กน้อย จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้เชียวหรือ!
ทว่าตอนที่เพิ่งจะพูดจบ ระฆังดาราในกำไลเก็บสมบัติของเขาก็ดังขึ้น เป็นเวินลิ่วกงที่ส่งข่าวมา
เวินลิ่วกงรายงานข่าวด่วน ว่ากำลังพลของเขากับหลงเต๋ออันมารวมกันแล้ว บวกกับสายลับที่รวบรวมได้ระหว่างทาง ก็มีทั้งหมดแปดแสนกว่าคน แต่ระหว่างทางกลับเจออุบายชั่วของชิงเยว่ โดนกำลังพลกลุ่มใหญ่ของชิงเยว่จู่โจมกะทันหัน ตอนนี้เสียหายหนักมาก สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติ ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน!
หวังหย่วนเฉียวตกใจมาก ขนาดกำลังพลสายตะวันออกกับเหนือรวมตัวกันแล้ว นึกไม่ถึงว่ากำลังพลหนึ่งแสนของชิงเยว่จะยังกล้าเป็นฝ่ายรุกโจมตีอีก ทั้งยังทำให้กำลังพลสองสายนั้นเสียหายหนักจนขอความช่วยเหลือเร่งด่วน รีบบอกไปว่า : ต้านไว้! ต้านไว้ให้ข้า! ยอมแลกทุกอย่างเพื่อถ่วงรั้งพวกเขาไว้!
พอเก็บระฆังดาราแล้ว หวังหย่วนเฉียวก็ถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง “แจ้งทางอูจินหวนว่าไม่ต้องไล่ตามแล้ว สายลับก็ไม่ต้องแยกย้ายแล้ว ระดมกำลังพลทั้งหมดเดี๋ยวนี้ รีบตามไปสนับสนุนทัพสายตะวันออกกับทัพสายเหนือโดยเร็วที่สุด!”
“เกิดอะไรขึ้น?” คงฮั่นถามอย่างตกใจ
“ไม่ทันแล้ว เดี๋ยวบอกระหว่างทาง ให้กำลังพลเร่งออกเดินทางเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!” หวังหย่วนเฉียวโบกมือตะโกนอย่างร้อนใจ
ส่วนเหมียวอี้ที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์ก็ได้ข่าวเร็วมากเช่นกัน รู้ว่ากำลังพลหลายสายของอ๋าวเฟยเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว ขณะที่จ้องเข็มทิศเพื่อดูทิศทาง เขาก็เข้าใจทันทีว่ากำลังพลหลายสายพวกนั้นต้องการจะไปสนับสนุน สถานการณ์การสู้รบทางฝั่งชิงเยว่เขาก็ย่อมรู้แล้ว
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไม่ต้องหนีแล้ว ไล่ตาม!” เหมียวอี้ถ่ายทอดคำสั่งทันที สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังมาก
ไม่ให้เขากังวลคงไม่ได้ เขานึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างชิงเยว่จะใจกล้าขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้กำลังปะทะกับทัพตะวันออกแปดแสนโดยตรง อานุภาพที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวไม่ได้ธรรมดาเรียบง่ายเหมือนหนึ่งบวกหนึ่งได้สองแล้ว เขากังวลว่าฝั่งชิงเยว่จะต้านไหวหรือไม่ แม้กำลังพลหลายแสนของเขาจะไม่ได้เก่งกาจ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นกำลังพลหลายแสน ถ้าตามไปอาจจะตรึงกำลังทหารได้บ้างนิดหน่อย
ด้วยการดึงดูดจากสถานการณ์การสู้รบ กำลังพลของทั้งสองฝ่ายทยอยตามไปอย่างเร่งด่วน มีแนวโน้มว่าการสู้รบนี้จะเป็นศึกใหญ่ชี้ขาดแล้ว
…………………………