พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1865 อวดดื้อถือดีไม่ได้แล้ว
ทว่าในเมื่อชิงเยว่กล้าโจมตี ก็แสดงว่าต้องมีความมั่นใจแน่นอน ไม่อย่างนั้นนางที่มีพื้นเพจากขุนพลคงไม่ถึงขั้นบุ่มบ่ามแบบนี้ ฟังจากข่าวด่วนที่เวินลิ่วกงรายงานต่อหวังหย่วนเฉียวก็รู้แล้ว
กำลังพลของทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันไปถึง ฉากการสู้รบที่ใช้กำลังอันแข็งแกร่งปะทะกันก็จบลงแล้ว
ชิงเยว่ที่เม้มริมฝีปากแน่นมองไปรอบๆ เห็นศพลอยอยู่ในดาราจักร แม้เสียงตะโกนสังหารดังสนั่นฟ้าจะหายไปแล้ว แต่หมอกเลือดที่ถูกพลังอิทธิฤทธิ์กระตุ้นกลับยากที่จะสลายไป เม็ดเลือดทั้งเล็กทั้งใหญ่ยังล่องลอยเลือนรางอยู่ในดาราจักร ทั้งยังมีแขนขามมนุษย์ เกราะรบที่ขาดเป็นชิ้นเล็กๆ พวกนั้นอีก
ทัพใหญ่ที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหอบหายใจเฮือกใหญ่ อ้าปากกว้างสูดอากาศที่สะสมไว้ นอกจากนางที่ตัวคอยบัญชาการอยู่ในทัพกลาง คนอื่นก็แทบจะไม่มีใครร่างกายสะอาดเลย บนตัวของทุกคนแทบจะมีรอยเลือด
คนที่เก็บกวาดสนามรบอย่างเหน็ดเหนื่อยเหมือนจะลดลงไปเยอะมาก เห็นได้ชัดว่าว่าชิงเยว่ที่กำลังกวาดสายตาไปรอบๆ มองออกแล้ว
ผลการรบรายงานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทัพใหญ่สองล้านห้าแสนกว่าที่นางกับหลงซิ่นรวมกันเหลือเพียงหนึ่งล้านห้าแสนเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า ทัพใหญ่พันธมิตรเสียกำลังพลไปเกินหนึ่งล้าน ในและจำนวนนั้นก็มีเจ็ดส่วนที่เสียหายอยู่ที่นี่ หมายความว่ากำลังพลเจ็ดแสนตายในศึกนี้แล้ว จากสิ่งนี้จะเห็นได้ถึงความองอาจห้าวหาญของทัพตะวันออก อานุภาพของกำลังพลที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวไม่ได้เรียบง่ายเหมือนหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองอีกแล้ว
แม้การใช้อุบายเดิมของนางจะสำเร็จแล้ว แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ดีเหมือนที่ใช้ครั้งแรกกับไป่หลี่เจี๋ย ทหารข้างกายเวินลิ่วกงกับหลงเต๋ออันก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกัน ยอดฝีมือคุ้มกันมากมาย ตอนที่พวกเมิ่งหรูจู่โจมกะทันหัน ยอดฝีมือข้างกายสองคนนั้นก็รีบถ่วงให้พวกเขาเชื่องช้าลง ช่วยหาโอกาสให้เวินลิ่วกงกับหลงเต๋ออันรีบถอนกำลังเข้ากลางขบวนรบ แม้ครั้งนี้พวกเมิ่งหรูจะนำกำลังพลหนึ่งแสนเสียบเข้าไปได้ แต่ทัพใหญ่แปดแสนที่อยู่ตรงหน้ากดดันขนาดไหน แค่ลองคิดดูก็รู้แล้ว
มีเวินลิ่วกงกับหลงเต๋ออันบัญชาการ สร้างภัยคุกคามต่อพวกเมิ่งหรูแล้วไม่น้อย โชคดีที่ชิงเยว่นำคนบุกโจมตีทันเวลา ไม่อย่างนั้นแม้แต่เมิ่งหรูก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่เมิ่งหรูและกำลังพลหนึ่งแสนที่พัวพันก่อกวนอยู่กลางทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามก็สร้างความยุ่งยากไม่น้อยเช่นกัน ทำให้ภายในของฝ่ายตรงข้ามยุ่งเหยิงเช่นกัน นี่ก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ชนะศึกนี้ได้
แม้จะชนะแล้ว แต่ผลการรบกลับเป็นแบบ ‘ฆ่าศัตรูตายหนึ่งพัน แต่ฝ่ายตัวเองตายแปดร้อย’ เป็นชัยชนะที่ยับเยิน!
ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเหลือเพียงหกหมื่นคน ศึกนี้เสียหายไปแล้วสามหมื่นกว่า ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำก็ย่อมไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ใช่เพราะมีการบาดเจ็บล้มตายของทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำมากลบไว้ เกรงว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็รบตายหมดแล้ว
ผลการรบก็ย่อมรุ่งโรจน์เช่นกัน ศึกนี้กำจัดทัพใหญ่แปดแสนของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว เมื่อนับหลายศึกรวมกัน ก็กำจัดกำลังพลของฝ่ายศัตรูได้เกือบสองล้านสองแสนแล้ว ได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพิ่มเกือบหนึ่งแสนสามหมื่นคัน!
“ทัพใหญ่เหนื่อยล้ามาก สู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!” พวกเมิ่งหรูบอกชิงเยว่ด้วยเสียงต่ำ
ทั้งสามก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน อ๋าวเถี่ยบาดเจ็บหนักที่สุด แขนหายไปข้างหนึ่งแล้ว ที่โชคร้ายกว่านั้นคือลูกน้องสามสิบคนที่ทั้งสามพามาด้วย ตอนนี้เหลือเพียงสิบแปดคนแล้ว
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรายงานท่านหัวหน้าภาคเดี๋ยวนี้!” ชิงเยว่พยักหน้า แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
เมื่อรู้ว่าได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์ ฝั่งเหมียวอี้ก็โล่งใจไปหนึ่งเปราะ บอกว่า : ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูกำลังจะตามมาทันแล้ว หาที่หลบเดี๋ยวนี้ รอข้าวางแผนใหม่อีกครั้ง!
ชิงเยว่ : นายท่าน ทัพใหญ่ทำศึกต่อเนื่อง ตอนนี้เหนื่อยล้าสุดๆ แล้ว ต้องใช้เวลาปรับปรุงกำลัง!
เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า : ได้! หาที่ซ่อนตัวเดี๋ยวนี้ ข้าจะรีบไปรวมกับพวกเจ้า
ก่อนที่จะติดต่อกันเสร็จ เหมียวอี้ก็ถามถึงความเสียหายในการรบอีก เมื่อได้รู้ว่าศึกนี้เสียสละกำลังพลไปเจ็ดแสน เขาก็เงียบทันที
หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว เหมียวอี้ก็ถ่ายทอดคำสั่งด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่ต้องตามแล้ว อ้อมไปรวมกับกำลังพลของชิงเยว่!”
พวกตานฉิงหักเลี้ยวหายไปในจุดลึกของดาราจักรอันกว้างใหญ่ทันที
กำลังพลของเวินลิ่วกงกับหลงเต๋ออันขาดการติดต่อไปแล้ว ทำให้หวังหย่วนเฉียวกดดันอย่างสูง โบกมือหยุดกำลังพลที่เดินทางไปข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องตามไปอีกแล้ว ยังต้องพูดถึงผลลัพธ์อีกเหรอ?
พวกคงฮั่นพากันเงียบงัน รู้สึกหนักใจที่สุด ทัพตะวันออกห้าล้านเสียหายไปเกือบครึ่งแล้ว เหลือเพียงกำลังพลประมาณสองล้านแปดหมื่นกว่า
หวังหย่วนเฉียวกวาดสายตามองทุกคน พยายามบอกด้วยน้ำใจปลุกพลัง “ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำลายความน่าเกรงขามของตัวเองจนเพิ่มขวัญกำลังใจให้ทหารฝ่ายอื่น ข้าเดาว่าต่อให้ฝ่ายตรงข้ามชนะ แต่ก็ชนะยับเยิน อีกฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อย ฝ่ายเรายังได้เปรียบด้านกำลังทหาร ยังมีโอกาสกำจัดพวกเขาทิ้ง! สั่งให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านของอูจินหวนกระจายตัวเป็นสายลับ พวกเราหาโอกาสโจมตีอีกศึก!”
ทหารทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง ยังได้เปรียบด้านกำลังทหารอยู่อีกเหรอ? อีกฝ่ายได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าเทพอสรพิษดำ กระจายตัวสายลับได้ล้ำลึก แน่นหนา กว้างใหญ่กว่าพวกเรามาก แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะเทียบเท่าทัพใหญ่สองล้านแล้ว แต่พวกเรากลับจะเอากำลังพลออกมาอีกหนึ่งล้าน ด้วยเวลาจำกัดจากท่านอ๋อง ยังคิดว่าจะทันอีกเหรอ?
ทหารทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ต่อให้หวังหย่วนเฉียวไม่ทำแต่ก็ต้องแสร้งทำอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางชี้แจงต่อท่านอ๋องได้เลย จึงทยอยกันกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง “รับทราบ!”
เรื่องศึกจบลงชั่วคราว ผลการรบย่อมรายงานมาฝั่งแดนอเวจีเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกตานฉิงก็เข้าร่วมรบด้วย
ใต้ตึกศาลา พวกอวิ๋นอ้าวเทียนบ้างก็ยืนบ้างก็นั่งรออยู่เงียบๆ กำจัดทัพตะวันออกไปสองล้านสองแสนกว่าแล้ว!
พวกเขาไม่ใช่แค่อยู่ที่แดนอเวจี เคยอยู่ข้างนอกมาก่อนเหมือนกัน ย่อมรู้ว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งมีตำแหน่งสูงอำนาจมากขนาดไหน ต่อให้ในมือพวกเขาจะมีทัพใหญ่แดนอเวจี แต่ก็พวกเขาก็ยังไปมีเรื่องกับอ๋องสวรรค์อิ๋งท่านนั้นไม่ไหวอยู่ดี และยิ่งเข้าใจว่าทัพตะวันออกอันเกรียงไกรหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้เหมียวอี้งัดข้อกับอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว ทั้งยังกำจัดทัพตะวันออกไปสองล้านกว่าแล้ว
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ที่จริงในใจกำลังทอดถอนใจ ตัวละครเล็กๆ ของพิภพเล็กในปีนั้น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะเดินมาถึงขั้นนี้ มู่ฝานจวินยืนจ้องอยู่ตรงหน้าดอกไม้ดอกหนึ่ง สีหน้าสับสนที่สุด
บนตึกศาลา มีเข็มทิศกางอยู่อันหนึ่งเช่นกัน แผนที่ที่ปรับออกมาก็คือสระน้ำมังกรดำ หยางชิ่งไม่มีประสบการณ์ทำศึกในดาราจักร ตอนนี้จินม่านกำลังอธิบายข่าวสถานการณ์รบที่รวบรวมได้ให้ฟัง คลายความสงสัยให้หยางชิ่ง
หลังจากอธิบายจบ จินม่านก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ที่ศึกน่านฟ้าระกาติงตอนนั้น ข้ารู้ว่าเขากล้าหาญน่าชื่นชมมา พอมาดูตอนนี้แล้ว ราชาปราชญ์ช่ำชองการสู้รบจริงๆ ถ้าศึกนี้ราชาปราชญ์ถอยกลับมาได้ ชื่อเสียงก็จะสะท้านใต้หล้าแล้ว! พอมาดูตอนนี้ ความกังวลของผู้ช่วยใหญ่ก่อนหน้านี้อาจจะคิดเล็กคิดน้อยไปหน่อย กลับเป็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของราชาปราชญ์ที่ไม่ธรรมดา ยืนหยัดในความคิดที่ถูกต้องของตัวเอง ขนาดช่องทางทำเงินอย่างโถงชุมนุมอัจฉริยะก็ยังโยนทิ้ง ดูตอนนี้สิ กองทัพองครักษ์ใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าทัพตะวันออกคิดจะพลิกกระดานก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว นอกเสียจากแผนของราชาปราชญ์จะเกิดความผิดพลาดใหญ่หลวง!” ประโยคสุดท้ายหยอกล้อหยางชิ่งนิดหน่อย
หยางชิ่งเหมือนจะไม่เข้าใจที่นางหยอกล้อ หลังจากจ้องเข็มทิศเงียบๆ นานมาก สุดท้ายก็พยักหน้าช้าๆ “ใกล้แล้ว”
“ใกล้แล้วอะไร?” จินม่านงงนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดหมายความว่าอะไร
หยางชิ่งยิ้มเบาๆ ไม่ได้อธิบายอะไร หยิบระฆังดาราออกมาแล้ว
หลังจากไปถึงจุดที่กำลังพลของชิงเยว่อยู่ เหมียวอี้ที่ยังไม่ถอดเกราะรบก็เดินเข้าไปในถ้ำภูเขา พวกชิงเยว่เข้ามาต้อนรับ ชิงเยว่เป็นฝ่ายยอมรับผิดก่อน “ล้วนเป็นข้าน้อยที่บุ่มบ่าม ทำให้ทัพใหญ่เสียหายหนักมาก!”
เหมียวอี้จ้องนางพักหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “สร้างผลงานใหญ่แต่ดันไม่แสดงออก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้!” เขาเดินไปข้างกายพวกเมิ่งหรู มองทั้งสามที่ได้รับบาดเจ็บ จ้องอ๋าวเถี่ยที่เสียแขนไปข้างหนึ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เดินก้าวยาวเข้าไปในโถงถ้ำแล้ว มายืนตรงหน้าเข็มทิศแล้วบอกว่า “ได้รับรายงานมาก ทัพฝ่ายศัตรูกระจายทัพใหญ่หนึ่งล้านไปเป็นสายลับอีกแล้ว จะเห็นได้ว่ายังไม่เลิกความคิดชั่วร้าย! แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว พวกเรายังเหลือกำลังพลอีกเกือบสองล้าน อีกฝ่ายก็เหลือไม่ถึงสามล้านเหมือนกัน ยังต้องเจียดกำลังพลไปเป็นสายลับอีกหนึ่งล้าน แล้วธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ในมือพวกเราก็มีเกือบสี่หมื่นคัน สถานการณ์ดีกว่าตอนก่อนเปิดศึกตั้งเยอะ ขนาดก่อนหน้านี้ยังไม่กลัวเลย ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ต้องกลัว! จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ ฝ่ายศัตรูรีบร้อนจะมาทำศึกชี้ขาดกับพวกเรา แต่พวกเรากลับรอโอกาสเหมาะเพื่อลงมือได้ ดังนั้นยังคิดหาทางแบ่งแยกทัพฝ่ายศัตรูแล้วค่อยกำจัดได้ ตอนนี้สั่งให้ทัพใหญ่เร่งปรับปรุงกำลังแข่งกับเวลา!”
“รับทราบ!” ทหารทุกคนกุมหมัดคาระวพร้อมกัน
จากนั้นทุกคนก็ล้อมอยู่ตรงหน้าเข็มทิศเพื่อปรึกษาวางกลยุทธ์ขั้นต่อไป
โม่โหยวที่อยู่ข้างๆ กลับมีสีหน้าเศร้าอาดูร เพราะพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำรบตายไปนับล้าน!
คนข้างๆ นางที่เข้าร่วมศึกนี้ด้วยตัวเองกลับมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็น ท่าทางราวกับตระหนักรู้และเกิดแรงบันดาลใจ ศึกนี้เรียกได้ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำแสดงบทบาทเยอะมาก ที่แท้พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำก็มีความสามารถที่จะสู้กับทัพตะวันออก!
หลังจากพวกขำเลืองมองอยู่ข้างเข็มทิศครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายเข้าไปฟังใกล้ๆ ว่าพวกเหมียวอี้แบ่งสรรกำลังพลอย่างไร เห็นได้ชัดว่ามีท่าทางปรารถนาที่จะเรียนรู้
เมื่อผ่านการชำระล้างจากศึกใหญ่นี้แล้ว ก็มีคนไม่น้อยที่สภาพจิตใจเปลี่ยนไป
เหมียวอี้ที่ปรึกษาหารือได้ครึ่งทางเดินออกจากเข็มทิศชั่วคราว หยิบระฆังดาราออกมาแล้ว เป็นหยางชิ่งที่ส่งข่าวมา
หลังจากหยางชิ่งทักทายตามมารยาท ก็ถามตรงๆ เลยว่า : ต่อไปนายท่านเตรียมจะทำอย่างไร?
เหมียวอี้ : สู้กันก็สู้ไปแล้ว ไม่มีอะไรน่าเกรงใจ พวกเขากล้าเล่น ข้าก็กล้าเล่นเป็นเพื่อน!
หยางชิ่ง : นายท่าน! ไม่ต้องสู้แล้ว วางมือได้แล้ว! กำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำยังไม่ต้องพูดถึง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเหลือเพียงหกหมื่นคน นี่คือรากฐานของท่านในอนาคตนะ ในท่านลืมสถานการณ์ในปีนั้นยามในมือไร้คนให้ใช้งานไปแล้วเหรอ? หกหมื่นคนนี้จะเป็นกำลังสำคัญให้ท่านคุมอาณาเขต ถ้าให้พวกเขาไปรบตายหมด หรือว่าในอนาคตท่านจะไปพึ่งพาคนอื่นอีก?
พูดแทงใจดำเหมียวอี้แล้ว หลังจากเหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก็ตอบว่า : กลัวว่าข้ายอมเลิก แต่อีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกน่ะสิ มาถึงขั้นนี้แล้ว คนก็ล่วงเกินไปแล้ว ข้าก็ยิ่งแสดงความอ่อนแอไม่ได้!
หยางชิ่งโน้มน้าวปากเปียกปากแฉะ : อย่าใช้อารมณ์ทำงานอีก อวดดื้อถือดีไม่ได้แล้ว! บางครั้งการยอมถอยหนึ่งก้าวไม่ได้แปลว่ากลัวอีกฝ่าย และไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอด้วย บางครั้งการชักหมัดกลับมาก็เพื่อสะสมกำลังให้ดีกว่าเดิมแล้วค่อยชกออกไปอีกครั้ง!
เหมียวอี้ : เจ้ามีวิธีการอะไร?
หยางชิ่ง : ก่อนหน้านี้ที่ให้นายท่านรวบรวมเชลยศึกกับศพ ก็เพื่อจะบีบให้ตระกูลอิ๋งวางมือ เพราะข้าน้อยได้ข่าวจากสายลับของหกลัทธิแล้ว ว่ากองทัพองครักษ์กำลังจะมาถึง ฝ่ายที่ควรร้อนรนก็คือตระกูลอิ๋งต่างหาก ไม่ใช่นายท่าน ถ้าสู้ต่อแล้วแพ้ทั้งคู่ก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้าบีบจนอิ๋งจิ่วกวงไม่เหลือทางให้ประนีประนอมจริงๆ นายท่านก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จะทำศึกสงครามที่ไร้ประโยชน์ไปทำไม? ตอนนี้อิ๋งจิ่วกวงถูกบีบจนหาทางลงไม่เจอแล้ว ถ้านายท่านยินดีช่วยหาทางลงให้อิ๋งจิ่วกวง การปิดบังอำพรางโจรคือเรื่องจริงของทัพตะวันออก ทั้งสองฝ่ายก็ยังเจรจากันได้ โถงชุมนุมอัจฉริยะเสียหายหนักขนาดนั้น นายท่านไม่อยากเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกบ้างเหรอ? นี่เป็นโอกาสดีที่สิงโตจะอ้าปากกว้างแล้ว!
……………