พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1885 เรื่องสู่ขอมีการเปลี่ยนแปลง
หลัวจากออกจากจวนท่านปู่สวรรค์มาถึงดาราจักร เหมียวอี้ก็ติดต่อหยางเจาชิงทันที มาสั่งงานเรื่องแลกเปลี่ยนเงื่ออนไขกับตระกูลอิ๋ง จากนั้นก็บอกให้หยางชิ่งรู้อีก ว่าจัดการทางตระกูลเซี่ยโห้วได้แล้ว ให้ดำเนินการแผนหลังจากนั้นต่อได้เลย
แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง บนตึกศาลาในตำหนักปราชญ์
หยางชิ่งที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างค่อยๆ กำระฆังดารามาไว้ตรงหน้าอก แล้วส่ายหน้าเบาๆ พลางอมยิ้ม เหมือนรู้สึกตกตะลึง
เขานึกไม่ถึงจริงๆ นึกไม่ถึงว่าแผนเมื่อครู่นี้จะสำเร็จแล้ว เพิ่งจะเริ่มผลักดัน พอเหมียวอี้ลงมือก็จัดการเซี่ยโห้วลิ่งได้เลย เปิดด่านที่ยากที่สุดได้ในรวดเดียว รวดเร็วขั้นเทพ เซี่ยโห้วลิ่งเองก็ไม่ใช่คนโง่ มีหรือที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะฟังคำสั่งคนอื่นง่ายๆ ปฏิบัติการนี้ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้
“งานใหญ่มีโอกาสสำเร็จ…” หยางชิ่งพึมพำแล้วถอนหายใจเบาๆ นี่ไม่ใช่การอนุมานต่อแผนการในครั้งนี้ แต่เป็นการประเมินค่าต่อเหมียวอี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็กางแขน เงยหน้าขึ้นฟ้าพลางหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ” หัวเราะอย่างบ้าคลั่งไร้ที่เปรียบ
คนนอกไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเตรียมแผนการที่ใหญ่ขนาดนี้ ค้นพบความรู้สึกสะใจยามได้วางแผนจัดการกับวีรบุรุษในใต้หล้า
ชิงจวี๋ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกลมองเขาอย่างงุนงง เวลาที่นายท่านปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก
จินม่านที่เพิ่งเข้ามาในลานบ้านก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งเช่นกัน นางเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นหยางชิ่งกำลังปลดปล่อยอารมณ์ตามอำเภอใจอยู่ริมหน้าต่าง ก็อดไม่ได้ที่จะทำสายตาสงสัย
จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง ในห้องหนังสือที่ปิดสนิท มีแสงสว่างขมุกขมัว ช่วงนี้อิ๋งจิ่วกวงมักจะชอบนั่งสมาธิเงียบๆ อยู่เพียงลำพังในห้องหนังสือ
ตอนนี้กำลังเขียนจดหมายขอโทษลงบนแผ่นหยก เรื่องเกิดที่ปราสาทดำเนินจันทร์ เขาส่งคนไปจับตัวคนที่ปราสาทดำเนินจันทร์ ผลปรากฏว่าจับใครไม่ได้ กลับถูกลี่หัวประมุขปราสาทดำเนินจันทร์ฟ้องไปทางวังสวรรค์ ประมุขชิงจึงสั่งให้อิ๋งจิ่วกวงเขียนจดหมายขอโทษ อิ๋งจิ่วกวงไม่มีเหตุผลแก้ตัว ทำได้เพียงปฏิบัติตาม
จั่วเอ๋อร์เข้ามาในห้องหนังสือ เดินมาตรงหน้าโต๊ะยาวแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋อง ทางหนิวโหย่วเต๋อส่งข่าวมา ว่าให้หยุดการแลกเปลี่ยนชั่วคราว”
“อะไรนะ หยุดการแลกเปลี่ยนชั่วคราว?” อิ๋งจิ่วกวงพลันเงยหน้า ถามด้วยสีหน้าพยับเมฆว่า “หรือเจ้าเวรนั่นคิดจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง? คิดว่าข้าทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ ใช่มั้ย?”
จั่วเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ แต่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อ หวังว่าทางนี้จะเลิกกักบริเวณชีอู๋ เขาอยากจะย้ายชีอู๋ไปทำงานที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล”
“ชีอู๋?” อิ๋งจิ่วกวงค่อนข้างงุนงง “ชีอู๋ไหน? พวกเรามีคนคนนี้ด้วยเหรอ?”
จั่วเอ๋อร์ยิ้มเจื่อน “เจ้าสำนักคนก่อนของสำนักลมปราณ”
“สำนักลมปราณ…” อิ๋งจิ่วกวงงุนงง พอลองไตร่ตรอง ก็เริ่มนึกอะไรได้ วางแผ่นหยกในมือลง เอนกายพิงเก้าอี้ ทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เอานิ้วทั้งห้าเคาะโต๊ะพลางกล่าวอย่างแปลกใจ “หนิวโหย่วเต๋อไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักลมปราณแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีก?”
จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “บางทีอาจไม่เป็นอย่างที่เห็นกันภายนอก ที่บังเอิญก็คือ ทางตระกูลก่วงก็มีคนส่งข้อความมาแล้วเหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะกดดันชีอู๋ได้ เรื่องนี้เริ่มส่งให้คนเบื้องล่างจัดการแล้ว บ่าวรู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็เลยถามรายละเอียด เป็นเกาเหยียน หลานชายของเกาจื่อเซวียน เขาต้องการแต่งงานกับเป่าเหลียน หลานสาวเจ้าสำนักลมปราณ แล้วเป่าเหลียนก็เคยเป็นลูกน้องข้างกายหนิวโหย่วเต๋อตอนอยู่ตลาดสวรรค์”
“เกาจื่อเซวียน? ภรรยาคนที่สองของก่วงลิ่งกงเหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงถาม
“ค่ะ”
“เป่าเหลียนอะไรนั่นสวยมากเหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงถามอีก
“ไปถามมาแล้วค่ะ ไม่นับว่างามเลิศล้ำอะไร แต่ก็สวยอยู่” จั่วเอ๋อร์ตอบ
อิ๋งจิ่วกวงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “สงสัยเจ้าเกานั้นคงอยากควบคุมช่องทางรายได้ของร้านขายของชำ ยั่วโมโหจนหนิวโหย่วเต๋อออกโรงแล้ว น่าสนใจ”
“แล้วจะทำยังไงกับชีอู๋นั่นคะ?” จั่วเอ๋อร์ถาม
อิ๋งจิ่วกวงพ่นเสียงทางจมูกแล้วมองมา ตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “หนิวโหย่วเต๋อเป็นสุนัขบ้าตัวหนึ่ง ดูเหมือนจะอยากแก้ไขปัญหาให้สำนักลมปราณ คิดจะทำอะไรกัน? หึ ส่งคนให้เขาไป ข้าอยากจะเห็นว่าเขาจะฉีกหน้ากับก่วงลิ่งกงได้หรือเปล่า”
อ่องสวรรค์อิ๋งผู้สง่าผ่าเผยเอ่ยปากแล้ว เบื้องล่างของทัพตะวันออกยังกล้าขัดขวางอีกเหรอ?
นอกประตูใหญ่แห่งหนึ่งที่มีทหารยามหนาแน่น ชีอู๋เจินเหรินที่สวมเกราะม่วงเครื่องแบบตำหนักสวรรค์เดินลงบันไดอย่างช้าๆ พอเดินมาถึงบันไดขึ้นสุดท้าย เขาก็หันกลับไปมองบ้านเรือนที่ยาวเหยียดด้านหลังแวบหนึ่ง แล้วมองแผ่นหยกในมืออย่างงุนงง
ท่านหัวหน้าภาคมาพบเขาด้วยตัวเอง โยนคำสั่งย้ายฉบับนี้ให้เขา บอกว่าตั้งแต่นี้ไปเขาไม่อยู่ในสังกัดนี้อีกแล้ว ให้เขาไปรายงานตัวที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ชักช้าไม่ได้
พอพูดถึงจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ท่านหัวหน้าภาคที่ก่อนหน้านี้ชอบชักสีหน้าใส่เขาก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มแล้ว ของที่ยึดเอาไว้ก็คืนให้เขาหมด ทั้งยังตบบ่าเขาด้วยสีหน้าเป็นมิตร บอกเขาว่าเรื่องก่อนหน้านี้อย่าเก็บมาใส่ใจ เขาเองก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ยากจะฝ่าฝืนคำสั่ง ทั้งยังบอกอีกว่าเป็นความเข้าใจผิด ในเมื่อสนิทกับผู้ตรวจการใหญ่หนิวแล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นคงใช้ให้เขาทำงานในตำแหน่งสำคัญแล้ว สรุปก็คือพูดจาสุภาพเกรงใจเป็นชุด ส่งเขาออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ
ชีอู๋เจินเหรินกลุ่มใจนิดหน่อย ตอนที่เร่งเหาะอยู่ในดาราจักรก็คิดวนไปวนมา รู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักลมปราณ จึงติดต่อไปถาม
สำนักลมปราณ ในตำหนักใหญ่ที่มีโคมไฟสั่นไหว ศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้งสองกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกกลม กำลังกลัดกลุ้มใจ นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเขายังคิดวนเวียนว่าพรุ่งนี้จะเผชิญหน้ากับการกดดันของเกาเหยียนอย่างไรดี
ระฆังดาราส่งข่าวมาแล้ว หลังจากอวี้หลิงเจินเหรินหยิบออกมาคุยพักหนึ่ง ก็อึ้งไปนานมาก
อวี้เลี่ยนเจินเหรินชำเลืองมองแล้วถามว่า “ศิษย์พี่ เป็นอะไรไป?”
“ท่านอาจารย์ถูกปล่อยแล้ว” อวี้หลิงเจินเหรินยิ้มเจื่อน
อวี้เลี่ยนเจินเหรินตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? เป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า?”
“ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อลงมือแล้วหรือเปล่า แต่อาจารย์หลุดออกจากทัพตะวันออกแล้ว ถูกย้ายไปรับตำแหน่งที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ตอนนี้กำลังกลับมาที่สำนัก เตรียมจะกลับมาก่อนแล้วค่อยไปแดนรัตติกาล” อวี้หลิงเจินเหรินพูดจบแล้วถอนหายใจ แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ก็แน่ใจแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเหมียวอี้แน่นอน
“หึ!” อวี้เลี่ยนเจินเหรินปรบมืออย่างตื่นเต้นดีใจ ลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่า “ศิษย์พี่ ท่านดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่มั้ยล่ะ ถ้าไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าหนิวโหย่วเต๋อทำได้หรือเปล่า ท่านดูสิ ทำสำเร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?”
อวี้หลิงเจินเหรินพยักหน้าเงียบๆ รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย หนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลอิ๋งมีเรื่องกันขนาดนั้นแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลอิ๋งจะปล่อยคน เรื่องของเบื้องบนช่างเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้าเหมือนคลื่นเมฆ คนเบื้องล่างเห็นแต่เมฆหมอก ไม่รู้ชัดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่
พอลองครุ่นคิดดู เขาก็กล่าวอย่างลังเลว่า “ศิษย์น้อง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าลองติดต่อหนิวโหย่วเต๋ออีกสิ ถามเขาหน่อยว่าขั้นต่อไปจะทำยังไงดี เรื่องบางเรื่องถ้าอาศัยโลกทัศน์ของพวกเราอย่างเดียวคงมองไม่กระจ่าง”
“ได้!” อวี้เลี่ยนเจินเหรินหยิบระฆังดารามาติดต่อเหมียวอี้ทันที หลังจากติดต่อเสร็จแล้ว ก็บอกว่า “ศิษย์พี่ เขายอมรับว่าเรื่องอาจารย์เป็นฝีมือเขาเอง ส่วนรายละเอียดนั้นไม่ได้บอก แค่ให้พวกเราทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ทำตัวตามปกติก็พอ ส่วนทางเกาเหยียนก็ไม่ต้องสนใจ ต่อไปนี้เขาจะจัดการเรื่องอื่นๆ เอง”
“…” อวี้หลิงเจินเหรินพยักหน้าเงียบๆ
สวนจิ้งเซวียน ก่วงจวินอันสาวเท้าเดินเข้ามา มุ่งตรงมาที่โถงหลักของเรือนด้านหลัง มีสาวใช้ทำความเคารพตลอดทาง
พอเข้ามาในโถงใหญ่แล้ว ก่วงจวินอันก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา เริ่มขมวดคิ้วแล้ว
ผ่านไปครู่เดียว เกาจื่อเซวียนที่ปล่อยผมยาวประบ่าก็เดินเข้ามาพร้อมสาวใช้ พอเจอหน้าก็ถามทันทีว่า “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว รีบร้อนมาพบข้า มีเรื่องอะไร?”
ก่วงจวินอันโบกมือไล่สาวใช้ข้างหลังนาง เมื่อไล่ออกไปหมดแล้ว ถึงได้เข้ามาใกล้แล้วกระซิบว่า “ท่านแม่ เกรงว่าเรื่องของเกาเหยียนคงมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย”
เกาจื่อเซวียนเลิกคิ้ว “หรือว่าสำนักลมปราณเล็กๆ จะไม่รู้จักแยกแยะขนาดนี้?”
ก่วงจวินอันขมวดคิ้ว “เพิ่งจะได้รับข่าวจากทัพตะวันออก ว่าทางนั้นปล่อยชีอู๋เจ้าสำนักลมปราณคนก่อนไปแล้ว ทั้งยังยุติความเกี่ยวข้องของเขากับทัพตะวันออกด้วย บอกว่าทางจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลต้องการคน”
“จวนผู้ตรวจการใหญ่แดนรัตติกาลหรือเปล่า? หนิวโหย่วเต๋อ?” เกาจื่อเซวียนตกใจ “ทัพตะวันออกจะปล่อยคนให้หนิวโหย่วเต๋อได้ยังไง?”
ก่วงจวินอันตอบว่า “ไม่รู้รายละเอียดของสถานการณ์ทางนั้นเหมือนกัน บอกแค่ว่าเบื้องบนสั่งมา ชีอู๋ได้รับคำสั่งย้ายจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว ข้าไปสืบเรื่องนี้มานิดหน่อย เป็นจัวเอ๋อร์ที่สั่งเอง เบื้องล่างไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง”
“แบบนี้ก็แสดงว่าหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้? หนิวโหย่วเต๋อตัดสัมพันธ์กับสำนักลมปราณแล้วไม่ใช่เหรอ?” เกาจื่อเซวียนสงสัยไม่หยุด
“เป่าเหลียนนั่นเคยเป็นลูกน้องข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ รับใช้หนิวโหย่วเต๋อเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือบางอย่าง บอกว่าผู้หญิงคนนี้เคยนอนกับหนิวโหย่วเต๋อมาแล้ว ถ้าข่าวลือเป็นเรื่องจริง เกาเหยียนก็ถือว่าไปแตะต้องผู้หญิงของเขาแล้ว จะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นก็ไม่แปลก” ก่วงจวินอันกล่าว
“เอ่อ…” เกาจื่อเซวียนทำสีหน้าจริงจังทันที ต่อให้เป็นก่อนหน้านี้ นางก็อาจจะไม่เห็นหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่พอเกิดเรื่องที่สระน้ำมังกรดำขึ้น ก็พบว่าเป็นคนที่กล้าสู้กับอิ๋งจิ่วกวง ผู้หญิงในตระกูลสูงศักดิ์อย่างนางแม้จะมีความร่ำรวย แต่ก็ยังไม่อยากไปมีเรื่องกับคนประเภทนี้ สาเหตุหลักเป็นเพราะกลัวเรื่องพัง พอเปลี่ยนความคิดแล้ว นางก็คว้าข้อมือก่วงจวินอัน “น้องชายเจ้าคงจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
ก่วงจวินอันตอบว่า “หนิวโหย่วเต๋อเป็นสุนัขบ้าตัวหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย สั่งให้เกาเหยียนกลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าหนิวโหย่วเต๋อทำให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โต พวกเราก็ไม่สะดวกจะชี้แจงกับท่านพ่อแล้ว ท่านคิดว่ายังไง?”
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล นี่เป็นเรื่องด่วน!” เกาจื่อเซวียนพยักหน้าซ้ำๆ รีบหยิบระฆังดารามาติดต่อหลานชาย
สำนักลมปราณ ในลานบ้านเรือนรับแขก สุราอาหารเลิศรส เกาเหยียนกำลังดื่มสุราชมจันทร์ ยังคิดว่าถ้าจัดการเรื่องสู่ขอเรียบร้อยจะรีบจัดการแต่งงาน จะได้ลิ้มลองรสชาติของพริกเม็ดนั้นโดยเร็ว ใครจะคิดว่าท่านป้าจะส่งข่าวมาในเวลานี้ ทำให้เขาตกใจจนเหงื่อแตกแล้ว
สงสัยสำนักลมปราณจะมีหนิวโหย่วเต๋อหนุนหลังจริงๆ พอนึกว่าตัวเองพูดจาล่วงเกินหนิวโหย่วเต๋อก่อนหน้านี้ ก็เรียกได้ว่าตกใจจนขนหัวลุกจริงๆ
ในใจเขารู้แจ่มแจ้ง ว่าฐานะของเขาเอาไว้ใช้หลอกคนทั่วไปยังพอไหว เอาไว้ข่มลูกผู้ดีทั่วไปยังพอไหว แต่เมื่อเจอกับหนิวโหย่วเต๋อที่มีกำลังทหารในมือ เอะอะก็ยกทัพมาหาเรื่อง รัศมีรอบกายตัวเองก็ไม่เปล่งแสงอีกแล้ว นั่นคือคนที่กล้าสู้ตายกับอ่องสวรรค์อิ๋ง ขนาดหลานชายของอิ๋งจิ่วกวงก็ยังโดนฆ่าต่อหน้าฝูงชน ญาติห่างๆ อย่างเขานับเป็นตัวอะไรล่ะ หัวหลุดได้เลย
ขนาดท่านป้ายังรู้สึกว่าเรื่องนี้ร้ายแรง บอกให้เขารีบหนีไป ยังสงสัยด้วยว่าเป่าเหลียนเป็นผู้หญิงของหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะคิดไม่ซื่อกับผู้หญิงของหนิวโหย่วเต๋อซะแล้ว ถ้าหูไม่หนวกก็ล้วนเคยฟังว่าหนิวโหย่วเต๋อยกทัพไปก่อเรื่องที่น่านฟ้าระกาติงเพื่อผู้หญิงคนเดียว เขาจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร ลุกขึ้นตะโกนทันทีว่า “ท่านบุรุษจ้าว ท่านบุรุษจ้าว!
“……………