พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1894 นึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง
ตลาดผียังคงแช่อยู่ในท้องฟ้ายามราตรี แสงจากโคมไฟสว่างพร่างพราว ตรงถนนมีผู้คนสัญจรไปมา แต่กลับไม่ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวาย มีเพียงเสียงฝีเท้าเท่านั้น
นอกจวนแม่ทัพภาค ทหารสวรรค์หลายร้อยยืนเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่ตรงประตู ทหารยามขวางกำลังพลกลุ่มนี้ไว้ไม่ให้เข้ามา
แม่ทัพรูปหล่อร่างกำยำคนหนึ่งสวมเครื่องแบบกราะม่วงหกแถบ หนวดเคราบนใบหน้าเผยกลิ่นอายความเป็นชายเต็มเปี่ยม กำลังถูกตรวจสอบซักถามอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
แม่ทัพผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเกาจื่อหู หัวหน้าภาคน่านฟ้าขาลปิ่ง เป็นน้าชายของท่านโหวก่วงจวินอัน และเป็นบิดาของเกาเหยียนนั่นเอง
ครอบครัวนี้เรียกได้ว่ามีเชื้อสายที่ดี ทั้งพ่อทั้งลูกล้วนเป็นผู้ชายประเภทที่หน้าตาดีมากๆ มีรูปลักษณ์ภายนอกดีมาก เกาจื่อเซวียนผู้เป็นพี่สาวก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากได้โลกนี้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกอ๋องสวรรค์ก่วงรับเป็นอนุภรรยา ทั้งครอบครัวราวกับได้เป็นสุนัขระกาทะยานวิมานเนื่องจากเกาจื่อเซวียนได้แต่งงานกับคนดีๆ ได้รับผลประโยชน์มากมาย เสพสุขกับเกียรติยศความร่ำรวยเต็มที่
เกาจื่อหูมาที่นี่ก็เพราะได้รับแจ้งจากตระกูลก่วง บอกว่าศพลูกชายของเขาอยู่ที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี ให้เขามารับกลับไป ต้องการให้เขามายืนยันด้วยว่าใช่ลูกชายของเขาหรือไม่ เพราะข่าวที่ได้รับมาบอกว่า แยกแยะหน้าตาลูกชายของเขาไม่ค่อยออกแล้ว
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อย พลทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าประตูก็ยื่นมือเชิญ “หัวหน้าภาคเกา เชิญด้านใน”
เกาจื่อหูสะบัดผ้าคลุมด้านหลัง แล้วเดินก้าวยาวขึ้นบันไดไป ข้างหลังมีคนกลุ่มหนึ่งต้องการจะตามเข้าไปด้วย แต่ใครจะคาดคิด ทหารยามถืออาวุธขวางไว้ทันที
พลทหารที่เข้ามารับบอกเกาจื่อหูว่า “หัวหน้าภาคเกา ท่านเข้าไปได้เพียงคนเดียว ให้กำลังพลรออยู่ข้างนอกเถอะ!”
นัยน์ตาเกาจื่อหูะลันฉายแววเดือดดาล จวนแม่ทัพภาคตลาดผีต่ำต้อยบังอาจเสียมารยาทกับเขาถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาก็มาพร้อมความแค้นอยู่แล้ว อยากจะออกคำสั่งถล่มจวนแม่ทัพภาคแห่งนี้ให้ราบเสียเลย แต่ความจริงกลับทำให้เขาต้องข่มไฟโกรธเอาไว้ เพราะคนที่ควบคุมตลาดผีไม่ใช่จวนแม่ทัพภาค แต่เป็นตึกศาลาสัตยพรต ถ้าเขาก่อเรื่องนี้ที่นี่จนยั่วโมโหตึกศาลาสัตยพรต เกรงว่าคงรอดชีวิตออกจากที่นี่ไปไม่ได้
ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง จากที่พี่สาวบอกมา เขารู้แล้วว่าลูกชายตัวเองสร้างปัญหาไว้ใหญ่มาก ทำให้สายลับที่ท่านอ๋องวางกำลังไว้ที่ตลาดผีถูกกำจัดทิ้งไปหมด ท่านอ๋องเดือดดาลมาก!
ในเวลานี้ไม่เหมาะจะก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว!
ปกติอาศัยว่ามีพี่สาวและพี่เขยหนุนหลัง ได้รับความอยุติธรรมน้อยมาก แต่ครั้งนี้กลับต้องกล้ำกลืนความแค้นเอาไว้ชั่วคราว โบกมือไปทางตีนบันได “ทุกคนรออยู่ข้างนอก!” เขาเองไม่ได้กลัวว่าเข้าไปในจวนแม่ทัพภาคตลาดผีแล้วจะมีใครกล้าทำอะไรเขา ถ้ากล้าลงมือกับเขาอย่างเปิดเผย หนิวโหย่วเต๋อก็ต้องรับผลที่ตามมาเช่นกัน
กำลังพลที่ตามมาถอยกลับไปทันที มองตามเกาจื่อเซวียนเข้าไปในจวนแม่ทัพภาค
ตรงประตูห้องใต้ดินห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตู จู่ๆ พลทหารที่นำทางมาก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หัวหน้าภาคเกา แม้จะยืนยันไม่ได้ว่าคนข้างในคือลูกชายของท่านหรือไม่ แต่ท่านได้โปรดเตรียมใจเอาไว้ให้ดี โจรลงมือได้โหดร้ายทารุณมาก”
“เปิดประตู!” เกาจื่อหูแทบจะเค้นเสียงออกมาตามไรฟัน สีหน้ามืดครึ้มน่ากลัว
แกร๊ก พอประตูเปิดออก ไอเย็นก็โผเข้ามาใส่หน้า ข้างในใส่ดวงจิตน้ำแข็งเอาไว้เพื่อไม่ให้ศพเน่าเปื่อย
ภายใต้ไข่มุกราตรี ไอหนาวเย็นยะเยือน ความเงียบเชียบเพิ่มความรู้สึกลี้ลับ
ในห้องมีของที่คล้ายกับลิ้นชักไม้ ไม่มีกระดานกั้น เป็นที่วางศพตามปกติ ทุกศพหันศีรษะออกด้านนอก สามารถแยกแยะได้สะดวก เกาจื่อหูเดินวนในห้องอย่างช้าๆ รอบหนึ่ง จ้องเพียงแท่นที่อยู่กลางห้อง มีผ้าขาวคลุมร่างร่างหนึ่งเอาไว้ เขาค่อยๆ เดินวนดู
สุดท้าย เขาก็หยุดอยู่ข้างศีรษะศพ พอคว้าผ้าขาวเลิกออก “อา” ในห้องก็มีเสียงคำรามร้องอันน่าเศร้าทันที…
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง สวนจิ้งเซวียน ในโถงหลักวางศพที่คลุมผ้าขาวเอาไว้ เกาจื่อหูที่กลับมาจากตลาดผียืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าตึงนิ่ง ดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ทั้งตัวแผ่ซ่านกลิ่นอายความน่าหวาดกลัว ราวกับเป็นสัตว์ป่าที่จะกินคนได้ตลอดเวลา
“จื่อหู…” เกาจื่อเซวียนสาวเท้าเดินมาพร้อมก่วงจวินอัน พอมาถึงก็เรียกทักทาย แต่สายกลับกลับมองศพบนพื้นแล้วตะลึงค้าง นางเดินช้าๆ ไปข้างศพแล้วถามว่า “นี่คือเหยียนเอ๋อร์เหรอ?”
เกาจื่อหูที่เงยหน้าขึ้นมาน้ำตาไหลพราก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบว่ “ดูเอง!”
เกาจื่อเซวียนถอนหายใจเบาๆ แล้วตบแผ่นหลังของเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ จากนั้นก็คุกเข่าลงช้าๆ เลิกผ้าขาวที่คลุมศีรษะออก แต่มองเพียงแวบเดียวก็ร้อง “อ๊า” แล้ว นางตกใจจนล้มนั่งลงกับพื้น แล้วหันหน้าหนีพลางขยับถอยหลังไป
ก่วงจวินอันรีบเข้ามาประคองมารดาที่ตกใจจนหน้าซีด แล้วขมวดคิ้วมองศพที่โผล่ออกมานอกผ้าขาว
“ท่านพี่ ท่านต้องล้างแค้นให้เหยียนเอ๋อร์นะ!” สุดท้ายเกาจื่อหูก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจจนไหล่สั่น
“ไป รีบไปเชิญท่านอ๋องเข้ามา รีบไป!” เกาจื่อเซวียนตะคอกสั่งทางประตูอย่างเดือดดาล
ท่านอ๋องไม่ได้มาเอง พ่อบ้านโกวเยว่มาแทน พอเปิดผ้าขาวดูศพก็แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งยังลงมือตรวจสอบศพอย่างละเอียดด้วยตัวเองรอบหนึ่งด้วย
ในสวนป่า ก่วงลิ่งกงกำลังนั่งเล่นกับนกขนสีรุ้งตัวหนึ่ง
หลังจากโกวเยว่กลับมาแล้ว ก็รายงานอยู่ข้างหลังเขาว่า “ท่านอ๋อง เป็นเกาเหยียนจริงๆ ขอรับ เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อลงมือโหดไปหน่อย”
“อ้อ!” ก่วงลิ่งกงเอียงหน้าถาม “โหดยังไง?”
โกวเยว่ส่ายหน้ายิ้มแห้ง “กรีดหนัง ตัดลิ้น ควักลูกตา ตอนอวัยวะเพศ ดูจากสภาพแล้ว เกาเหยียนคงจะถูกกรีดหนังทั้งเป็นๆ หนังยังถูกโยนทิ้งไว้ข้างศพ สภาพศพอนาถจนทนมองไม่ได้ ภายนอกร่างกายไม่มีบาดแผลที่ถึงแก่ความตาย สามารถสันนิษฐานได้ว่าเกาเหยียนไม่ได้ถูกฟันตาย แต่ถูกทรมานให้ตายทั้งเป็นๆ ขอรับ!”
ก่วงลิ่งกงเอามือไขว้หลังหันตัวมา แล้วขมวดคิ้วถามว่า “โหดเหี้ยมถึงขนาดนี้เชียวหรือ? หรือว่าเกาเหยียนเคยทำเรื่องต่ำทรามอะไรกับหลานสาวเจ้าสำนักลมปราณคนนั้น?”
โกวเยว่ตอบว่า “น่าจะไม่ได้ทำขอรับ ไม่อย่างนั้นฝั่งนั้นคงไม่ถึงขั้นไม่ปริปากพูดอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้น จากที่ตรวจสอบมา ก่อนที่เกาเหยียนจะไปสำนักลมปราณ ก็ไม่เคยเจอเป่าเหลียนนั่นมาก่อน เพิ่งอยู่ที่สำนักลมปราณได้ไม่ถึงหนึ่งวัน ต่อให้เขาจะใจกล้าขนาดไหน แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำอะไรซี้ซั้วกับเป่าเหลียนที่สำนักลมปราณ ถ้ายั่วโมโหสำนักลมปราณจนทำให้งานท่านอ๋องเสีย…จากการสันนิษฐานของบ่าว เกาเหยียนยังไม่มีความกล้าขนาดนั้นขอรับ!”
ก่วงลิ่งกงประหลาดใจ “งั้นก็แปลกแล้ว แค่ด่าเขาไปสองประโยคเอง ทั้งยังไม่ได้ทำอะไรด้วย แค่ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง จำเป็นต้องทรมานขนาดนี้เชียวหรือ? ด้วยฐานะของหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้ จำเป็นต้องไประบายอารมณ์กับเกาเหยียนต่ำต้อยคนเดียวหรือไง? เกาเหยียนน่าจะไม่อยู่ในสายตาเขาสิ”
“ท่านอ๋องอย่าลืมนะขอรับ ฉู่จื่อซาน หัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงเคยถูกหนิวโหย่วเต๋อแล่เนื้อเถื่อหนังจนตายมาแล้ว!” โกวเยว่กล่าว
ก่วงลิ่งกงโบกมือ “นั่นไม่เหมือนกัน หนิวโหย่วเต๋อในตอนนั้นไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อในตอนนี้ คนคนนี้เมื่อเดินขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงในระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่พบเห็นมีเยอะ ประสบการณ์ก็เยอะด้วย เรื่องบางเรื่องย่อมเห็นจนชินชา ถ้าจะบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อเจ้าคิดเจ้าแค้นข้าก็เชื่อ คนที่ทำผลงานอย่างนั้นที่สระน้ำมังกรดำได้ คงไม่ถึงขั้นไร้ความใจกว้าง ที่ทำกับฉู่จื่อซานคือการระบายความแค้น แต่สิ่งเกาเหยียนทำมันไม่คุ้มค่าให้เขาแค้นฝังใจถึงขั้นนี้เลย แล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องยั่วโมโหข้าด้วย ข้ากำลังคิดว่า ถ้าไม่มีเรื่องลับเรื่องอื่นอีก ลูกน้องของเขาก็คงอยากแสดงผลงานแต่คาดเดาเจตนาเจ้านายผิด ถึงได้ทำเรื่องดีๆ แบบนี้ออกมาได้”
เขาเดาไม่ผิดจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เกาเหยียนไม่เคยได้ผ่านมือเหมียวอี้เลย เหมียวอี้แค่สั่งให้ลูกน้องส่งศพไปที่ตระกูลก่วงเท่านั้น ไม่ได้ให้ทำเรื่องแบบนี้ จนป่านนี้แล้วเหมียวอี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเกาเหยียนถูกทรมานอย่างนี้ก่อนตาย
“พอท่านอ๋องพูดแบบนี้ บ่าวก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง” โกวเยว่พลันกล่าวขณะครุ่นคิด
“อ้อ” ก่วงลิ่งกงขานรับแล้วมองเขา รู้ว่าเขาไม่มีทางยิงธนูโดยไร้เป้า
โกวเยว่อธิบายอย่างไม่แน่ใจนัก “ท่านอ๋องยังจำความแค้นระหว่างหลวงซิ่นกับโจวจ้าว อดีตจอมพลสายมะแมได้หรือเปล่า? ตอนนั้นเกาจื่อหูยังไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้ แต่โจวจ้าวเป็นเทพประจำดาวแล้ว ตอนนั้นเกาจื่อหูมักจะไปเที่ยวเล่นกับโจวอ้าวหลินลูกชายของโจวจ้าว ตามที่ทราบมา ตอนที่โจวอ้าวหลินขอผู้หญิงจากหลงซิ่น คนที่ออกหน้าพูดกับหลงซิ่นให้โจวอ้าวหลินก็คือเกาจื่อหู ตอนหลังหลงซิ่นกับโจวจ้าวทะเลาะกัน ท่านอ๋องก็เคยให้บ่าวไปสืบว่ามีเรื่องนี้หรือเปล่า ตอนนั้นมีข่าวลือว่า ที่จริงแล้วคนที่ชอบผู้หญิงคนนั้นก่อนก็คือเกาจื่อหู โจวอ้าวหลินก็รู้มาจากปากเกาจื่อหูเช่นกันว่ามีผู้หญิงคนนี้อยู่ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานอะไร แล้วตอนนั้นท่านหญิงของสวนจิ้งเซวียนก็ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง กอปรกับท่านอ๋องไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่แปดเปื้อนเข้ามาในจวน จึงฝืนทำให้เรื่องนี้จบไป…ท่านอ๋อง ท่านว่าการตายอนาถของเกาเหยียนจะเกี่ยวข้องกับหลงซิ่นหรือเปล่า?”
“…” ก่วงลิ่งกงลูบเคราครุ่นคิด พอจะนึกออกแล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เขาแสยะยิ้มหนึ่งที “มิน่าล่ะ อ๋องผู้นี้เสนอผลประโยชน์มากขนาดนั้น แต่หลงซิ่นก็ไม่ยอมกลับมา ยอมติดตามหนิวโหย่วเต๋อเสียดีกว่า…ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ช่างเป็นกรรมตามสนองจริงๆ! เรื่องราวผ่านไปแล้ว เอ่ยถึงอีกก็ไม่มีความหมายอะไร ทางสวนจิ้งเซวียนมีท่าทียังไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรนอกจากล้างแค้นกับขอคำชี้แจงขอรับ” โกวเยว่กล่าว
ก่วงลิ่งกงบอกอีกว่า “ตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วมีทิศทางการเคลื่อนไหวไม่ชัดเจน ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ ตอนหลังค่อยว่ากัน ตอนนี้ให้พวกเขาทำตัวดีๆ หน่อย…ส่วนศพของเกาเหยียน ส่งไปที่วังสวรรค์”
“ส่งไปที่วังสวรรค์?” โกวเยว่งุนงง ไม่ค่อยเข้าใจ
ก่วงลิ่งกงอธิบายว่า “อิ๋งจิ่วกวงถูกประมุขชิงวางอุบายไปแล้วรอบหนึ่ง เรื่องที่ชิงหยวนจุนถูกลดตำแหน่งนั้นมีเงื่อนงำ ตอนนี้ข้าสงสัยนิดหน่อยว่าประมุขชิงกำลังหล่อเลี้ยงอำนาจให้ชิงหยวนจุนแล้วหรือเปล่า…ให้ท่านนั้นของวังสวรรค์ได้ดูสักหน่อยว่าหนิวโหย่วเต๋อมีสันดานยังไง! นอกจากนี้ ปล่อยข่าวด้วย ปล่อยข่าวเรื่องที่ฉู่จื่อซานของน่านฟ้าระกาติงถูกแล่เนื้อเถือหนังพร้อมกับข่าวของเกาเหยียนพร้อมกัน จะเป็นฝีมือหลงซิ่นหรือหนิวโหย่วเต๋อ เดี๋ยวสืบดูก็ย่อมรู้แล้ว ถ้าเป็นหลงซิ่นทำ ข้าก็อยากจะเห็นว่าหนิวโหย่วเต๋อจะผลักหลงซิ่นออกมาเพื่อล้างความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง หรือยินดีจะแบกรับชื่อเสียงอำมหิตนี้ไว้เอง”
โกวเยว่เข้าใจกระจ่างในทันที เข้าใจเจตนาแล้ว พยักหน้าเอ่ยรับ “บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ”
ผ่านไปครู่เดียว โกวเยว่ก็นำคนมาที่สวนจิ้งเซวียนอีก ต้องการจะยกศพของเกาเหยียนไป
เกาจื่อหูที่ลูกตาแดงก่ำรั้งโกวเยว่ไว้ แล้วกุมหมัดคารวะถามอย่างเกรงใจ “พ่อบ้านโกว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเตรียมจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
โกวเยว่มองเขา แล้วถามอย่างใจเย็น “หัวหน้าภาคเกายังจำเรื่องดีที่ทำกับโจวอ้าวหลินในปีนั้นได้หรือไม่?”
โจวอ้าวหลิน? เกาจื่อเซวียนกับก่วงจวินอันได้ยินแล้วค่อนข้างแปลกใจ พ่อบ้านโกวเอ่ยถึงคนที่ตายไปแล้ว หมายความว่าอะไร?
“…” เกาจื่อหูอึ้งไปชั่วขณะ นึกตามไม่ค่อยทัน ‘เรื่องดี’ ที่เขากับโจวอ้าวหลินทำในปีนั้นมีมากเกินไป จึงถามอย่างไม่แน่ใจ “ไม่ทราบว่าพ่อบ้านโกวหมายถึงเรื่องไหน?”
“ตอนนี้หลงซิ่นอยู่ที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล” โกวเยว่ตอบเสียงเรียบ
เกาจื่อหูสีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน ตระหนักอะไรบางอย่างได้แล้ว ลูกกระเดือดขยับเล็กน้อย แก้ตัวว่า “เกาไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อบ้านโกวหมายความว่าอะไร”
โกวเยว่พอจะได้เบาะแสจากปฏิกิริยาของเขาแล้ว ในใจแอบทอดถอนใจ สงสัยจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหมอนี่จริงๆ เขากล่าวอย่างสุขุมว่า “ฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แค่รู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว เรื่องบางเรื่องท่านอ๋องหูสว่างตากระจ่าง ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่กำลังไว้หน้าหรูฮูหยิน! เรื่องของลูกชายท่าน ท่านอ๋องย่อมมีแผนการแล้ว หวังว่าหัวหน้าภาคเกาจะไม่ทำอะไรซี้ซั้ว ถ้าทำอีก อาจจะไม่ใช่แค่ทำร้ายตัวท่านเอง แต่จะทำร้ายหรูฮูหยินด้วย บ่าวพูดจบแล้ว!” พูดจบก็กุมหมัดคารวะเกาจื่อเซวียนกับก่วงจวินอันที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ
………………