พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1905 กักบริเวณราชินีสวรรค์
หลังจากถ่ายทอดคำสั่งของเหมียวอี้ไปที่พิภพเล็กแล้ว หยางเจาชิงก็เก็บระฆังดาราแล้วแอบถอนหายใจ ตอนจูเก๋อชิงเกือบจะโดนคนลอบสังหาร จึงให้เหยียนซิวกับตนสลับกันจับตาดูสถานการณ์ของตำหนักประมุขดาวกลาง สิ่งนี้อธิบายได้แล้วว่านายท่านแอบปกป้องจูเก๋อชิง เขาแต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายจูเก๋อชิงจะถูกนายท่านประทานความตายเพียงเพราะร้องเพลง
เหมียวอี้ที่นิ่งเงียบเหมือนสัตว์ป่าถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ดับไฟโกรธที่ซ่อนไว้ในดวงตา รีบโยนเรื่องของจูเก๋อชิงทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะวิกฤติใหญ่หลวงกำลังจะมาถึง เขาไม่มีกะจิตกะใจจะมาพัวพันอยู่กับเรื่องที่พิภพเล็ก ต้องรวบรวมสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนมากเกินไป…
“เหนียงเหนียง…”
ในตำหนักบูรพา หยินซวง ไป๋เสวี่ยคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจ้านหรูอี้ เรียกได้ว่าวิงวอนขอร้องไม่หยุด
จ้านหรูอี้หันตัวช้าๆ เดินเนิบนาบเข้าไปที่ห้องสมาธิของตัวเอง เสียงประตูหินปิดดังครืน ไม่สนใจใยดีความวุ่นวายของโลกภายนอกอีก
ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างนอกสบตากันอย่างพูดไม่ออก ทำได้เพียงยืนขึ้นอย่างหน้าม่อยคอตก
ส่วนนอกตำหนักบูรพา ทั้งวังหลังปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สนมนับหมื่นจากแต่ละตำหนักทยอยกันเดินออกจากตำหนักบรรทมของตัวเอง รวมตัวเดินไปที่ตำหนักดาราจักรด้วยกันอย่างอึกทึกครึกโครม สะเทือนถึงประมุขชิง สะเทือนถึงตำหนักนารีสวรรค์ กองทัพองครักษ์ที่เฝ้าวังสวรรค์ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรู นอกวังสวรรค์ส่งกำลังพลกองทัพองครักษ์เข้ามาเพิ่มอีก
อย่าไปมองว่าผู้หญิงพวกนี้เป็นเพียงสนมของราชันสวรรค์ เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ฝึกตนอยู่ที่วังสวรรค์มานานมากโดยไม่ขาดทรัพยากร ถ้าพวกนางรวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็เรียกได้ว่าเป็นกำลังรบที่เข้มแข็งมาก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาก็สามมารถถล่มทั้งวังสวรรค์ได้
ระหว่างทางไปตำหนักดาราจักร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปรากฏตัวแล้ว แต่งกายอลังการสมกับเป็นมารดาแห่งใต้หล้า มองกำแพงสาวงามที่ประชิดเข้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบ ข้างหลังนางมีสนมยืนอยู่ร้อยกว่า ล้วนเป็นคนในเครือข่ายของตระกูลเซี่ยโห้ว พวกนางย่อมยืนหยัดอยู่ข้างหลังนางอยู่แล้ว
นางสนมวังหลังที่ประชิดเข้ามาหยุดคุมเชิงอยู่ตรงหน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ พวกนางมีสีหน้าแตกต่างกันไป บ้างก็ประหม่า บ้างก็กังวล บ้างก็เด็ดเดี่ยว สรุปก็คือทุกคนล้วนโดนบีบจนไม่มีทางเลือก มือที่อยู่หลังม่านผลักให้พวกนางออกมา พวกนางจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่สีหน้าเยียบเย็นดุจน้ำค้างเกาะ กวาดสายตามองกลุ่มคนพลางกล่าวเสียงต่ำ “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? อยากก่อกบฏเหรอ?”
“เหตุใดเหนียงเหนียงถึงยัดข้อหาใหญ่ขนาดนั้นเพคะ พวกเราพี่น้องแค่จะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเท่านั้นเอง” สนมหันที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยตอบ
“ขอพบฝ่าบาทจำเป็นต้องมากันเยอะแยะขนาดนี้ด้วยเหรอ? ส่งตัวแทนมาไม่กี่คนก็พอแล้ว!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าว
สนมหันตอบว่า “เหนียงเหนียง พวกเราพี่น้องไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะพบฝ่าบาทเชียวหรือเพคะ?”
“ข้าบอกแล้วไง ส่งตัวแทนมาไม่กี่คนก็พอ คนอื่นๆ กลับไปให้หมด มีอย่างที่ไหนมาแออัดวุ่นวายในวังหลัง? กลับไป!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตะคอก
สนมที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครถอยไป สนมลี่กล่าวว่า “หรือว่าเหนียงเหนียงคิดจะตัดขาดช่องทางเสนอความเห็นของวังหลังเพคะ?” พอนางโบกมือ กลุ่มนางสนมก็ดันไปข้างหน้าอีกครั้ง
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พยักหน้าเบาๆ แล้วแสยะยิ้มไม่หยุด “กบฎแล้วจริงๆ ข้าก็อยากจะเห็นว่าวันนี้ใครจะกล้ากำเริบเสิบสาน ทหาร!”
แกร๊งๆ! เสียงเกราะรบเสียดสีสั่นไหว เสียงรองเท้าโลหะขยับวิ่งบนพื้น
ในประตูวงพระจันทร์ทางซ้ายและขวาข้างหลังนางมีทหารสวรรค์กลุ่มใหญ่พุ่งออกมาทันที มายืนเรียงแถวอยู่ข้างหลังเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แล้วแบ่งเป็นสองกลุ่มออกมาทางซ้ายและขวาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เข้ามาล้อมสนมสวรรค์กลุ่มใหญ่ไว้อย่างรวดเร็ว บนกำแพงก็มีมือธนูโผล่ออกมาตั้งแถวสองแถวพร้อมถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว ลำแสงท่วมท้น ปลายลูกธนูดาวตกเล็งไปยังนางสนมนับหมื่นที่อยู่บนทางขนาบกำแพงวัง บรรยากาศตึงเครียดมาก
กลุ่มนางสนามที่ประชิดเข้ามาหยุดแล้ว แต่ละคนมองหน้ากันเลิกลั่ก มีจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเครียดมาก หวาดกลัวมาก
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กวาดสายตาควานหาอยู่พักหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เห็นเงาของสนมสวรรค์จ้านหรูอี้ ไม่อย่างนั้นนางจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อฉวยโอกาสนี้เล่นงานอีกฝ่ายให้ตาย ในใจนางเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้ แล้วขู่เสียงเย็นว่า “พวกเจ้าจะถอยหรือไม่ถอย?”
ทว่าสนมที่อยู่แถวหน้ากลับทยอยกันคุกเข่า กลุ่มคนกลายเป็นเหมือนกระแสคลื่นทันที ทยอยกันนั่งคุกเข่า สนมนับหมื่นไม่มีขาดไปสักคน ทั้งหมดทั้งคุกเข่าแล้ว ใช้วิธีคุกเข่ายอมจำนนเพื่อแสดงท่าทีว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ไม่ใช่การถอยไปข้างหลัง และไม่พูดอะไรด้วย พวกนางต่อต้านเงียบๆ อยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ขู่ไป ไม่สนใจว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะพูดอะไรอีก ก็แค่ไม่สนใจ แต่ต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท
การกระทำนี้ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธแทบแย่ นางเองก็ไม่มีทางสั่งประหารได้ เพราะผู้หญิงเหล่านี้ล้วนเป็นสนมของฝ่าบาท แค่นั่งคุกเข่าเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย ถ้านางสั่งให้ลงมือ กองทัพองครักษ์ก็อาจจะไม่เชื่อฟังนาง ต้องทราบไว้ว่านี่ไม่ใช่การสังหารแค่คนสองคน มีแค่การพุ่งชนแนวป้องกันกองทัพองครักษ์จนเป็นภัยคุกคามต่อวังสวรรค์เท่านั้น ทหารองครักษ์ถึงจะสามารถลงมือได้
ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงหลับตาเอนกายอยู่หลังโต๊ะยาว สีหน้ามืดครึ้ม วังหลังมีการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ จะปิดบังสายตาเขาได้อย่างไร เขาเองก็กำลังครุ่นคิดว่าจะประหารผู้หญิงเหิมเกริมกลุ่มนี้หรือว่าจะใช้วิธีการอื่น
“ฝ่าบาท ราชินีสวรรค์นำทหารไปล้อมคนไว้ในทางระหว่างกำแพงแล้ว…” ซ่างกวนชิงเก็บระฆังดารา แล้วรายงานข้างหูประมุขชิงอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็สังเกตสีหน้าประมุขชิง มองออกแล้วว่าตอนนี้ในใจประมุขชิงเดือดดาลมาก โมโหแล้วจริงๆ บนตัวเผยกลิ่นอายสังหารให้เห็นรางๆ
แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าประมุขชิงรักชื่อเสียง ถ้าสังหารผู้หญิงมากมายขนาดนี้ ผลที่ตามมาก็จะสะเทือนทั้งใต้หล้า จะต้องแบกรับชื่อเสียงว่าโหดเหี้ยมไร้น้ำใจ
“สนมสวรรค์เข้าร่วมด้วยหรือเปล่า?” ประมุขชิงที่กำลังหลับตาเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เปล่าขอรับ ในบรรดาคนของสี่ตระกูล มีเพียงสนมสวรรค์ที่ยังอยู่ในตำหนักบูรพา” ซ่างกวนชิงตอบ
“หรูอี้ก็นิสัยแบบนั้น ตระกูลอิ๋งบงการนางได้ยาก ลองมองไปทั้งวังหลัง ก็มีแค่นางที่ประพฤติตนเหมาะสม” ประมุขชิงลืมตาพูดอย่างค่อนข้างชื่นชม จากนั้นก็เคาะข้อนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะ “ตระกูลพวกนั้นกำลังหยั่งท่าทีข้าอยู่เหรอ”
ในขณะนี้เอง ทูตตรวจการขวาเกาก้วนก็เดินก้าวยาวเข้ามาพร้อมชุดคลุมสีดำ มาหยุดยืนอยู่เบื้องล่างแล้วทำความเคารพ “คารวะฝ่าบาท”
ประมุขชิงยืนขึ้นแล้วเดินอ้อมออกจากโต๊ะยาว เดินก้าวยาวออกไปนอกตำหนัก “ไปเถอะ! ไปดูสักหน่อย”
ผ่านไปไม่นาน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่และกำลังพลที่ปิดล้อมก็หลีกเปิดเส้นทางให้ทางหนึ่ง ประมุขชิงนำซ่างกวนชิงกับเกาก้วนเดินเข้ามาแล้ว ส่วนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็หลีกไปยืนด้านข้างแล้วย่อเข่าทำความเคารพ “หม่อมฉันคำนับฝ่าบาท”
เมื่อเห็นประมุขชิงมาแล้ว กลุ่มผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็พากันน้อมคำนับ “ฝ่าบาท!”
บางคนถึงขั้นเริ่มร้องไห้แล้ว เหมือนได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง
ประมุขชิงกวาดสายตามองกลุ่มนางสนม พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว พากันคุกเข่าทำไม? ทุกคนลุกขึ้นเถอะ” ท่าทางแตกต่างกับคนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคร
“ฝ่าบาท…” มีคนเริ่มร้องไห้ทันที ยังไม่มีใครยืนขึ้น สนมหันกล่าวเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท พวกพี่น้องแค่อยากจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ราชินีสวรรค์กลับขวางไม่ให้พวกหม่อมฉันเข้าเฝ้าฝ่าบาท ทั้งยังให้ทหารล้อมพวกหม่อมฉันไว้ด้วยเพคะ”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดือดดาลทันที ชี้นางพลางตะคอกว่า “พูดจาเหลวไหล คนเยอะขนาดนี้เกรียวกราวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมันใช่เรื่องเหรอ? ข้าแค่บอกให้พวกเจ้าส่งตัวแทนมา แต่พวกเจ้าเองที่ดึงดันจะต่อต้านให้ได้ วังหลังนี้ยังมีกฎระเบียบอยู่หรือเปล่า?”
“อย่างนั้นเหรอ?” ประมุขชิงเอียงหน้าถามแม่ทัพที่อยู่ข้างกาย
ทหารคนนั้นกุมหมัดคารวะพร้อมรายงานสถานการณ์ทันที
ประมุขชิงฟังจบแล้วพยักหน้าเบาๆ เขามายืนข้างกายเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แล้วบอกกลุ่มผู้หญิงที่กำลังคุกเข่าว่า “ราชินีสวรรค์เป็นมประมุขของวังหลัง ที่รักษาระเบียบของวังหลังก็สมเหตุสมผล ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม นี่พวกเจ้ากำลังพาลหาเรื่องโดยไร้เหตุผลงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ยืดเอวขึ้นมาแล้ว กวาดสายตามองทางซ้ายและขวา
“ไม่ใช่ว่าพวกหม่อมฉันพาลหาเรื่อง แต่เดิมทีพวกหม่อมฉันต้องการจะร้องเรียนฝ่าบาทเรื่องราชินีสวรรค์เพคะ ราชินีสวรรค์ห้ามไว้ พวกเราไม่มีที่ให้ร้องขอความเป็นธรรมแล้วเพคะ!” สนมจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก
“ร้องขอความเป็นธรรม?” ประมุขชิงเลิกคิ้วถาม “ได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร?”
สนมจ้าวกล่าวอย่างปวดใจว่า “ฝ่าบาท น้องสาวฝาแฝดของหม่อมฉันเที่ยวเล่นที่อุทยานหลวง เพียงแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งไม่ได้สังเกตเห็นว่าราชินีสวรรค์เสด็จมา จึงถูกราชินีสวรรค์ลงโทษจนตายด้วยข้อหาไร้มารยาท นางตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ฝ่าบาทได้โปรดทวงความเป็นธรรมให้ด้วยเพคะ” นางหมอบพื้นพลางร้องไห้
“ฝ่าบาท สนมซ่งก็ถูกราชินีสวรรค์ลงโทษจนตายด้วยเหตุผลเดียวกันเพคะ”
“ฝ่าบาท สนมจินแค่รู้สึกว่าทหารยามที่มาใหม่แปลกหน้า จึงมองหน้าหลายครั้ง แล้วนางก็ถูกราชินีสวรรค์ลงโทษจนตายด้วยข้อหามีมลทินเพคะ”
“ฝ่าบาท ตอนสนมเมิ่งม้วนแขนเสื้อเล่นน้ำที่สระน้ำหยกแล้วเผยแขนออกมานิดหน่อย ราชินีสวรรค์ก็ลงโทษจนตายด้วยข้อหาว่ามีมลทินเหมือนกันเพคะ”
เสียงร้องเรียนดังต่อเนื่องเป็นระลอก ข้อหาอะไรก็ล้วนมีหมด ทหารยามที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินแล้วแอบเกาะลิ้น ไม่ว่าข้อหาพวกนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็พบว่าสนมวังหลังที่ตายด้วยน้ำมือราชินีสวรรค์มีไม่น้อยเลยจริงๆ
คำประณามที่ปะทุพร้อมกันแบบนี้ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธจนหน้าเขียว ตอนนี้เพิ่งตระหนักได้ว่านางแพศยาพวกนี้ที่แท้แล้วพุ่งเป้ามาที่ตน
“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่าราชินีสวรรค์ถือวิสาสะสั่งหนิวโหย่วเต๋อหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล สั่งให้ฆ่าคน จับคน ปิดร้าน ปล้นสินค้าอย่างอุกอาจที่ตลาดสวรรค์โดยไร้ข้อหา”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันก็ได้ยินว่าราชินีสวรรค์แอบสั่งให้หนิวโหย่วเต๋อรีดไถสมบัติ สมบัติที่รีดไถได้แอบส่งเข้าตำหนักนารีสวรรค์เพคะ”
แล้วก็มีคำประณามเกี่ยวกับเรื่องของตลาดสวรรค์ในช่วงนี้ถล่มไปที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อย่างต่อเนื่องอีก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กำหมัดสองข้าง กัดฟันกรอดด้วยความแค้น
การฟ้องร้องแต่ละเรื่องช่างมากมายจนนับไม่ไหวจริงๆ ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะพูดไปถึงเมื่อไร
“พอแล้ว!” ประมุขชิงยกมือห้าม ห้ามไม่ให้กลุ่มสนมฟ้องร้องต่อไป แล้วหันกลับมาถามเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ว่า “ราชินีสวรรค์ ที่พวกนางพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบอย่างโกรธแค้น
ประมุขชิงกวักมือ ซ่างกวนชิงก้าวขึ้นมาข้างหน้า จากนั้นประมุขชิงก็บอกว่า “กักบริเวณราชินีสวรรค์ไว้ที่ตำหนักนารีสวรรค์เดี๋ยวนี้ หากยังสืบเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจน ก็ห้ามออกจากตำหนักนารีสวรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้สนมสวรรค์คุมกฎของวังหลังชั่วคราว”
“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ
กำลังจะมอบอำนาจในวังหลังให้จ้านหรูอี้เหรอ? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตกใจจนหน้าถอดสี ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ! หม่อมฉัน…”
“พอแล้ว!” ประมุขชิงตะคอก ขู่ให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตกใจจนไม่พูดต่อ โบกมือสั่งว่า “พาตัวไป!”
มีแม่ทัพสองคนเข้ามายื่นมือเชิญเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทันที นางกัดริมฝีปากแน่นจนเกือบเลือดไหล มองกลุ่มนางสนมด้วยสายตาแค้นเคืองสุดขีด ก่อนจะก้มหน้าเงียบๆ ขณะถูกพาตัวไป
เจ้าก็มีวันนี้เหมือนกันเหรอ? สนมจำนวนไม่น้อยที่กำลังคุกเข่ามีความแค้นกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ พวกนางแอบหัวเราะเยาะ เมื่อได้เห็นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เสียหน้าต่อหน้าฝูงชนแล้วสะใจจริงๆ
ประมุขชิงเอียงหน้านี้ “เกาก้วน เรื่องนี้เจ้าต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง!”
“รับทราบ!” เกาก้วนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง
ประมุขชิงบอกกับกลุ่มสนมที่นั่งคุกเข่าอีกว่า “ถ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอะไรก็ส่งหนังสือให้ผู้การซ่างกวนได้ มีอย่างที่ไหนมานั่งคุกเข่าร้องไห้? แต่ละคนยังมียางอายกันอยู่มั้ย? ให้เวลาพวกเจ้าแยกย้ายภายในสิบห้านาที…” จากนั้นหันกลับมาบอกทหารที่อยู่ข้างๆ อีกว่า “หลังจากนี้สิบห้านาที ถ้ายังมีคนอยู่ที่นี่ต่อจนวังหลังเสียระเบียบอีก ไม่ว่าจะเป็นใคร ให้ลงโทษในข้อหาขัดบัญชา ฆ่า!”
“รับทราบ!” ทหารกุมหมัดคารวะเอ่ยรับเสียงดัง จากนั้นหันตัวไปโบกมือ กำลังพลที่อุดทางข้างหลังไว้รีบแยกออกเป็นสองฝั่ง เปิดทางถอยกลับให้สนมกลุ่มนี้
ส่วนประมุขชิงก็หันเลี้ยวเดินจากไปเลย
……………