พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1906 แอบสมคบกัน
ซ่างกวนชิงหันตัวเดินตามไปเช่นกัน เพียงแต่ก่อนจะไปกลับถ่ายทอดเสียงบอกเกาก้วนว่า “ค่อยเป็นค่อยไปนะ!”
เกาก้วนพยักหน้าเบาๆ เข้าใจความหมายของเขา อะไรที่เรียกว่าค่อยเป็นค่อยไปล่ะ? นั่นก็คือไม่ต้องให้เขาสืบอย่างจริงจัง!
คำพูดของประมุขชิงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นั่นคือความประสงค์ ทหารสวรรค์ที่กำลังล้อมอยู่สามารถลงมือสังหารได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางก็ได้เจอประมุขชิงแล้วด้วย อีกฝ่ายให้คำชี้แจงแล้ว ตัวเองก็สามารถให้คำชี้แจงกับอำนาจที่อยู่เบื้องหลังได้แล้วเช่นกัน ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป ดังนั้นเสียงร้องไห้เมื่อครู่นี้จึงหายไปแล้ว กลุ่มนางสนมทยอยกันลุกขึ้น พากันกลับไปแล้ว
ทหารสวรรค์ที่ล้อมอยู่ตรงนี้ คนที่พอจะมีประสบการณ์ความรู้บ้างแอบส่ายหน้า พวกเขาเข้าใจว่าการต่อสู้ข้างนอกลามเข้ามาถึงในวังแล้ว เพียงแต่มีคนไม่น้อยกำลังครุ่นคิดว่าฝ่าบาทกักบริเวณราชินีสวรรค์ไว้เพราะมีเจตนาอะไร
“เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถูกกักบริเวณแล้ว สนมสวรรค์ได้อำนาจที่วังหลังชั่วคราว?”
อิ๋งจิ่วกวงที่ยังวาดรูปอยู่ในห้องหนังสือ สุดท้ายก็หยุดมือแล้วเงยหน้าถาม
“ใช่ค่ะ ข่าวน่าจะไม่ผิดพลาด” จั่วเอ๋อร์พยักหน้า
“ทางกองทัพองครักษ์มีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ย?” อิ๋งจิ่วกวงถามอีก
จั่วเอ๋อร์ส่ายหน้า “ดูจากข่าวแต่ละด้านที่ส่งมาตอนนี้ ก็ไม่เห็นกองทัพองครักษ์มีความเคลื่อนไหวอะไรค่ะ”
กองทัพองครักษ์ไร้ความเคลื่อนไหว ทั้งยังให้อำนาจมหาศาลของวังหลังแก่จ้านหรูอี้ อิ๋งจิ่วกวงอดไม่ได้ที่จะเกิดความหวังในใจ เพียงแต่ไม่กล้าฟันธงว่าประมุขชิงกำลังคิดจะตบตาให้ทุกคนประมาทหรือเปล่า สิ่งนี้เป็นไปได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าสะเพร่า กล่าวเสียงต่ำว่า “กำลังพลตรวจตรากำลังติดตามความเคลื่อนไหวของแต่ละทัพอย่างเข้มงวด พร้อมรายงานขึ้นมาทุกเมื่อ!”
เขาไม่กลัวกองทัพองครักษ์ของประมุขชิง ถ้าใช้กำลังปะทะกันขึ้นมาจริงๆ แล้วอยากจะจัดการเขา กองทัพองครักษ์ก็ต้องจ่ายไม่น้อยเช่นกัน ประมุขชิงทนรับความเสียหายนั้นไม่ไหว ถ้ากำลังพลในมือประมุขชิงเสียหายรุนแรง นั่นก็ถึงคราวที่สี่ทัพจะพุ่งเป้าไปที่วังสวรรค์แล้ว สิ่งเดียวที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือ ขวัญกำลังใจทหารเบื้องล่างที่ไม่มั่นคงจนก่อกบฎ เขาไม่กลัวปัญหาภายนอก กลัวก็แต่ปัยหาภายใน
จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “ท่านอ๋องวางใจได้ เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังพลตรวจตราจะรายงานความเคลื่อนไหวของแต่ละทัพขึ้นมาทุกๆ สิบห้านาที”
อิ๋งจิ่วกวงลงพู่กันบนกระดาษอีกครั้ง วาดไปพลางพึมพำพลาง “สี่ทางเข้าอาณาเขตดาวผืนนี้ มีสองทางอยู่บนอาณาเขตของเฉิงไท่เจ๋อ หนึ่งทางอยู่บนอาณาเขตของเถิงเฟย ยังมีอีกทางที่อยู่บนอาณาเขตของลิ่งหูโต้วจ้ง ลิ่งหูโต้วจ้งเพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน ข้าไม่ค่อยกังวลเท่าไร แต่เฉิงไท่เจ๋อกับเถิงเฟยข้ายังไม่ค่อยวางใจ”
จั่วเอ๋อร์ลองถามว่า “ท่านอ๋องเคยให้คนหยั่งเชิงแล้วไม่ใช่เหรอ? ท่าทีของสองคนนั้นเด็ดเดี่ยวมาก ไม่มีการระดมกำลังพลผิดปกติอะไรด้วย”
อิ๋งจิ่วกวงส่ายหน้า “ก็เพราะเด็ดเดี่ยวเกินไปนี่แหละ ไม่เหลือช่องว่างไว้ปรึกษากันแม้แต่น้อย ข้าค่อนข้างเป็นกังวล อย่าบอกนะว่าพวกเขาไม่หวั่นไหวเลยจริงๆ? ไม่ว่าจะเป็นยังไง เวลาแบบนี้ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า ข้ายอมไม่เชื่อใครเลยดีกว่า สั่งให้กำลังพลตรวจตราจับตาดูสี่ทางเข้าอาณาเขตดาวไว้ให้ดี บอกไปเพียงว่า ถ้าอ๋องผู้นี้ไม่ได้อนุญาตด้วยตัวเอง ก็ไม่ให้ใครเข้ามาทั้งนั้น ต้องยืนหยัดไว้จนกว่ากำลังพลทัพใต้ ทัพตะวันตกและทัพเหนือกำลังจะมาถึง มีแค่ต้องให้กำลังพลกลุ่มใหญ่รวมตัวกันเท่านั้น ประมุขชิงถึงจะไม่กล้าบุ่มบ่าม!”
“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์นำระฆังดาราขึ้นมาสั่งงานทันที
จวนจอมพลสายฉลู กลุ่มทหารรวมตัวกันอยู่ในโถง ทยอยกันรายงานความเคลื่อนไหวของทัพใหญ่ใต้สังกัด เฉิงไท่เจ๋อฟังด้วยท่าทางรอบคอบมาก พยักหน้าเป็นระยะ
หลังจากรายงานจบ เฉิงไท่เจ๋อก็กวาดมองทุกคนด้วยแววตาเป็นประกายมีชีวิตชีวา “ทุกคน พวกเราได้รับความเมตตาอันใหญ่หลวงจากท่านอ๋อง เกียจคร้านไม่ได้เด็ดขาด ต้องกลับไปเฝ้ารักษาการณ์ท่ามกลางกำลังพลแต่ละกองที่รวบรวมไว้ ควบคุมพฤติกรรมที่จะทำให้ขวัญกำลังใจทหารปั่นป่วน!”
“รับทราบ!” บรรดาแม่ทัพกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง
พอเฉิงไท่เจ๋อโบกมือ บรรดาแม่ทัพก็แยกย้ายกันออกไปทันที
ในขณะนี้เอง ในบรรดาคนสิบกว่าคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ หนึ่งในแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งเข้ามาใกล้ แล้วกล่าวอย่างจริงใจว่า “จอมพลเฉิง ท่านเองก็เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน ท่านอ๋องเร่งรัดซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้โปรดรีบสั่งให้เบื้องล่างเร่งเดินทัพ!”
คนผู้นี้ชื่อว่าหันเปิน เป็นหนึ่งในสมาชิกกำลังพลตรวจตรา กลุ่มลูกน้องคนสนิทที่อิ๋งจิ่วกวงดึงตัวมาจากหน่วยต่างๆ ชั่วคราว และเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของกำลังพลตรวจตราฝั่งสายชวด
เฉิงไท่เจ๋อพยักหน้าอย่างอย่างจริงจังตั้งใจ “แน่นอนอยู่แล้ว” พูดจบก็เดินก้าวยาวออกไปนอกตำหนัก
พอหันเปินโบกมือ ผู้ติดตามสิบคนก็ตามหลังเขาไป ทั้งหมดเดินตามหลังเฉิงไท่เจ๋อไปแล้ว
เฉิงไท่เจ๋อที่เข้ามาในประตูเรือนด้านในหยุดเดินแล้วหันมามอง “หันเปิน เจ้าตามติดข้าทุกฝีก้าวแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
“จอมพลเฉิง ในเวลาแบบนี้ได้โปรดเข้าใจด้วย” หันเปินกุมหมัดคารวะ
เฉิงไท่เจ๋อหันตัวมา เอาสองมือไขว้หลัง พลางหรี่ตาถามว่า “พูดแบบนี้แปลว่าเป็นประสงค์ของท่านอ๋องสินะ หรือว่าท่านอ๋องไม่เชื่อใจจอมพลผู้นี้?”
“เปล่าๆ!” หันเปินรีบร้อนโบกมือ “จอมพลเฉิง ขออนุญาตพูดสิ่งที่ไม่น่าฟัง ตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ถ้าท่านจอมพลเคลื่อนไหวผิดปกตินิดเดียว ก็จะทำให้คนนินทาว่าร้ายได้ง่าย ที่พวกเราทำอย่างนี้ก็เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อท่านจอมพล ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรพวกเราก็เห็นได้ชัดเจน ถ้ามีใครพูดอะไร พวกเราจะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ท่านจอมพลได้ ในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้น้อยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา ท่านจอมพลว่ามั้ยล่ะ?”
“หึ ถ้าข้าเข้าห้องน้ำ เจ้าก็จะตามมาดูด้วยด้วยใช่มั้ยล่ะ?” เฉิงไท่เจ๋อแสยะยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้คนพวกนี้ตามมาอีก
หันเปินส่ายหน้ายิ้มเจื่อน นี่เป็นงานที่ล่วงเกินคนอื่นจริงๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ยังคงเรียกลูกน้องให้ตามไปด้วยกัน
ส่วนบรรดาแม่ทัพที่ออกจากตำหนักประชุมก็ยังไม่ได้ออกจากจวนจอมพล ถูกเซี่ยเซิง พ่อบ้านของจวนจอมพลดักไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ระหว่างทาง
เซี่ยเซิงกวักมือเรียกพวกเขาอยู่ใต้ต้นไม้ กลุ่มแม่ทัพที่เดินผ่านไปแล้วจึงเข้าไปทักทาย
หลังจากเซี่ยเซิงทักทายตามมารยาท ก็มองซ้ายมองขวา แล้วยื่นมือเชิญไปทางประตูพระจันทร์ด้านหลัง “ท่านจอมพลให้บ่าวเตรียมน้ำชาไว้เลี้ยงรับรองทุกท่านในเขตลานบ้านแล้ว เชิญด้านในขอรับ!”
กลุ่มแม่ทัพมองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อครู่นี้ท่านจอมพลยังให้ออกเดินทางทันทีไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มาบอกว่าเตรียมน้ำชาไว้ หมายความว่าอย่างไร?
ไม่นานทุกคนก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง แอบส่งสายตาให้กัน แล้วรีบตามเซี่ยเซิงเข้าไป
ส่วนเฉิงไท่เจ๋อพอเดินไปถึงประตูลานบ้าน ก็มีสตรีวัยกลางคนที่งดงามเย้ายวนคนหนึ่งรีบเดินออกมาต้อนรับ นางย่อตัวคำนับอย่างออดอ้อนไร้ที่เปรียบ “ท่านจอมพล”
“ดี!” เฉิงไท่เจ๋อยื่นมือไปลูบหน้านางด้วยรอยยิ้ม คว้าแขนนางขึ้นมา จากนั้นก็งอแขนรวบต้นขาอุ้มไว้ในอ้อมกอด แล้วขมุบขมิบริมฝีปากบนหน้าอกที่อิ่มเอิบของสาวงาม
พอสตรีวัยกลางคนเห็นว่ามีคนนอกอยู่ ก็รีบปิดหน้าอกตัวเองไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเขินอาย “ท่านอ๋อง มีคน…”
เฉิงไท่เจ๋อหันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้วตะคอกอย่างโมโหทันที “พวกเจ้าทำอะไรกัน? หรือแม้แต่เวลาข้าทำกิจกรรมในห้องนอน พวกเจ้าก็อยากจะรับชมด้วย?”
“ไม่ๆๆ!” หันเปินโบกมือซ้ำๆ อีกครั้ง แล้วกุมหมัดคารวะ “ท่านจอมพล ท่านกำลังจะออกเดินทางไปคุมทัพใหญ่ที่รวมตัวกันไม่ใช่เหรอ? เรื่องกิจกรรมในห้องนอนจะเอาไว้หลังทำงานใหญ่เสร็จใช่มั้ย?”
“เหลวไหล การไปครั้งนี้ยังไม่รู้เลยว่าอีกนานแค่ไหนจะได้ลิ้มรสเนื้ออีก แต่ไหนแต่ไรมาก่อนจะออกศึก จอมพลผู้นี้ก็ต้องจัดเต็มให้ถึงอกถึงใจก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” เฉิงไท่เจ๋อพูดทิ้งท้าย แล้วอุ้มสาวงามมุ่งตรงไปที่เรือนด้านใน
“…” หันเปินยื่นมือไป รู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ
สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก จนกระทั่งเรียกคนให้ตามไป จนกระทั่งตามไปถึงนอกห้องนอนแล้วถึงได้หยุด ได้แต่มองเฉิงไท่เจ๋ออุ้มผู้หญิงเข้าห้องไปตาปริบๆ จากนั้นก็โบกมือสั่งให้ล้อมไว้รอบๆ ห้อง
เมื่อเข้ามาข้างในแล้วไม่เห็นว่ามีคนนอก สตรีวัยกลางคนก็เริ่มเป็นฝ่ายรุก สองแขนคล้องคอเฉิงไท่เจ๋อ แล้วเรียกอย่างออดอ้อนเขินอาย “ท่านอ๋อง…”
ใครจะคิดว่าสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือของเฉิงไท่เจ๋อจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว เขาวางนางลง แล้วกระซิบข้างหูสองสามประโยค
สตรีวัยกลางคนอึ้งไป มองเข้าด้วยสายต่าระแวงสงสัยไม่หยุด
เฉิงไท่เจ๋อถลึงตาจ้องนางอย่างดุดัน นางจึงพยักหน้าซ้ำๆ ทันที รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้วขึ้นไปกลิ้งบนเตียง ส่งเสียงราวกับกำลังมีสองร่างกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนนั้น พร้อมส่งเสียงครางปนเสียงหอบหายใจ
เฉิงไท่เจ๋อเงี่ยหูตั้งใจฟังครู่หนึ่ง จากนั้นรีบเดินไปข้างตู้ตัวหนึ่ง ดันตู้ออกเบาๆ เผยช่องว่างช่องหนึ่ง ในนั้นมีบันได เขารีบเดินเข้าไป
“อ๊า…อา…อา…”
ไม่นานในห้องก็มีเสียงกิจกรรมระหว่างชายหญิงดังมา เสียงเนื้อกระแทกกันดังชัดเจนมาก สามคนที่เฝ้าอยู่ตรงประตูมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาด้วยสีหน้าแปลกๆ หันเปินที่อยู่ตรงกลางก็ยิ่งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาเอานิ้วแหย่หู พบว่าเรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นแอบฟังกิจกรรมในห้องนอนของท่านจอมพลอย่างเปิดเผย เขาส่งสายตาให้คนทางซ้ายและขวา เตือนว่าหลังจากออกไปแล้วห้ามพูดเรื่องนี้ซี้ซั้ว
บรรดาแม่ทัพที่ล้อมดื่มน้ำชาอยู่ข้างโต๊ะยาวตัวหนึ่งในเขตลานบ้านมองไปข้างนอกเป็นระยะ พบว่าถูกกลุ่มคนสวมหน้ากากดำกลุ่มหนึ่งจับตาดูอยู่ ไม่รู้ชัดว่าพลังของคนพวกนี้เป็นอย่างไร ส่วนเซี่ยเซิงก็หรี่ตายิ้มมองทุกคนอยู่ข้างๆ ตลอด
ผ่านไปครู่เดียว เงาร่างของเฉิงไท่เจ๋อก็ปรากฏตัวอยู่นอกประตูอย่างรวดเร็ว แล้วเดินก้าวยาวออกมา
บรรดาแม่ทัพยืนขึ้น ขณะกำลังจะเปล่งเสียงทำความเคารพ เฉิงไท่เจ๋อก็ยกนิ้วขึ้นขึ้นตั้งตรงปาก บอกใบ้ให้ทุกคนเงียบไว้ การกระทำนี้ทำให้ทุกคนสบตากันอย่างเข้าใจ
เฉิงไท่เจ๋อเดินมาตรงหัวโต๊ะ เผชิญหน้ากับกลุ่มคนทางซ้ายและขวาพร้อมบอกว่า “การที่ให้เซี่ยเซิงดักทุกคนไว้ คาดว่าคงเดาเจตนาของจอมพลผู้นี้ออกแล้ว พอออกประตูไปก็จะถูกกำลังพลตรวจตราติดตามทุกคนทันที ทำได้เพียงกล่าวสรุปสั้นๆ ที่นี่ ทุกคนอ่านสิ่งนี้สักหน่อยเถอะ” เขาโยนคำสั่งแผ่นหนึ่งออกไป ให้ทุกคนได้อ่านดู
เนื้อหาในคำสั่งก็ไม่ใช่อะไร เป็นหนังสือแต่งตั้งอ๋องที่ประมุขชิงเขียนเอง
แม่ทัพที่อ่านเนื้อหาแล้ว แต่ละคนทั้งตกใจทั้งดีใจ ที่แท้ท่านอ๋องก็มีความเคลื่อนไหวตั้งนานแล้วนี่เอง ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนผลักดัน เขาก็แค่เสแสร้งปฏิเสธเท่านั้นเอง
สุดท้ายคำสั่งก็กลับมาอยู่ในมือเฉิงไท่เจ๋อ เฉิงไท่เจ๋อกล่าวเสียงต่ำว่า “หนังสือแต่งตั้งอ๋องฉบับนี้ ที่จริงแล้วมันอยู่ในมือข้ามาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว!”
ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน เรื่องที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีผลกระทบเลย ขวัญกำลังใจทหารยังไม่ปั่นป่วนจนกลายเป็นแบบนี้ หมายความว่าประมุขชิงรู้มาตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้วว่าจะเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น อย่าบอกนะว่าสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้านี้เป็นแผนที่ประมุขชิงวางเองกับมือ?
ขณะมองปฏิกิริยาของทุกคน เฉิงไท่เจ๋อก็พูดต่อว่า “หลังจากข้าได้คำสั่งมาแล้ว ก็ยังไม่ได้ตอบรับในทันที เพราะรู้ว่าโอกาสที่เรื่องนี้จะสำเร็จมีไม่มาก ไม่อยากให้พี่น้องทุกคนเสี่ยงอันตราย จนกระทั่งเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ข้าถึงได้เข้าใจ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทวางแผนไว้นานแล้ว ข้าถึงได้พบว่าโอกาสสุกงอมแล้ว! ทุกคนติดตามข้ามาหลายปี ข้าเองก็หวังจะเห็นเกียรติยศความมั่งคั่งของทุกคนสูงขึ้นอีกขั้น ก่อนหน้านี้ทุกคนสนับสนุนแล้วข้าไม่กล้าตอบตกลง คาดว่าทุกคนก็คงรู้สาเหตุอยู่แก่ใจบ้างแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจพี่น้องทุกคน แต่ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าท่ามกลางทุกคนมีใครแอบติดต่อกับอิ๋งจิ่วกวงหรือเปล่า? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เกี่ยวข้องกับชีวิตครอบครัวของทุกคน จะประมาทได้อย่างไรล่ะ?”
ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ด้วยว่าในนี้มีใครแอบติดต่อกับอิ๋งจิ่วกวง จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเฉิงไท่เจ๋อถึงกล้าพูดออกมาในเวลานี้ หรือว่าเจอตัวการที่แอบติดต่อกับอิ๋งจิ่วกวงแล้ว?
เฉิงไท่เจ๋อเข้าใจว่าทุกคนกำลังสงสัยอะไร “ที่ข้ากล้าพูดเปิดเผยออกมาตอนนี้ ก็เพราะอยากจะบอกทุกคน ข้าไม่สนว่าในพวกเจ้าจะมีสายลับของอิ๋งจิ่วกวงหรือไม่ ต่อให้มี แต่อิ๋งจิ่วกวงจะให้เจ้าได้สักเท่าไรเชียว? ขอเพียงงานครั้งนี้สำเร็จ นอกจากจะให้รางวัลทุกคนตามผลงานแล้ว ทรัพย์สินที่อิ๋งจิ่วกวงครอบครองไว้ ข้าก็ยินดีจะแบ่งกับพี่น้องทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าอิ๋งจิ่วกวงจะตบรางวัลอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนได้มากขนาดนี้!”
………………