พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1907 กบฏ
กลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้พูดอะไร ทุกคนได้แต่มองเขาพูด
ส่วนเฉิงไท่เจ๋อก็พูดไปพลางสังเกตปฏิกิริยาของทุกคนไปพลาง “จอมพลผู้นี้ขอให้สัญญาต่อหน้าพี่น้องทุกคน หากผิดคำสัญญา ในภายหลังก็ไม่มีหน้าไปเจอทุกคนแล้ว! ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ดี อิ๋งจิ่วกวงพ่ายแพ้ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ทำให้ขวัญกำลังใจทหารหย่อนยาน ถามหน่อยว่าทัพใหญ่แบบนี้จะไปปะทะกับกองทัพองครักษ์ขงอฝ่าบาทได้ยังไง? ส่วนฝ่าบาทก็ระดมกำลังพลหนึ่งพันล้านมาดักซุ่มอยู่นอกประตูดวงดาวของที่พักอิ๋งจิ่วกวงแล้ว แค่รอให้ฝั่งพวกเราเปิดทางเข้า พวกเขาก็จะสังหารเข้ามาในรวดเดียว! ถ้าพวกเราไม่เปิดทางให้ กองทัพองครักษ์ก็จะฝืนโจมตีเข้ามา แล้วกำลังพลที่พวกเรารวบรวมไว้ตรงทางเข้าประตูดวงดาวตอนนี้ก็ต้านไม่ไหวอยู่ดี เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่าบาทจะรอให้กำลังหนุนของฝ่ายตรงข้ามมาถึง ดังนั้นจึงเหลือเวลาให้พวกเราไม่มากแล้ว”
ที่จริงกองทัพองครักษ์ไม่ได้ระดมกำลังพลหนึ่งพันล้านอะไรเลย แต่วังสวรรค์ต้องการให้ฝั่งนี้สงบใจ จึงตบตาฝั่งนี้ ที่จริงแล้วมีกำลังพลมาแค่สามกองเท่านั้น เป็นเพราะไม่กล้าระดมพลเยอะเกินไป ถ้ามากันเยอะเกินก็จะถูกอำนาจแต่ละฝ่ายสังเกตเห็นว่าระดมกำลัง
เขาเองก็เดาจุดนี้ออกแล้ว แต่กลับยังกล่าวเกินจริงให้ลูกน้องฟัง เพื่อให้ลูกน้องแน่วแน่ต่อการตัดสินใจ
“ท่านจอมพล ที่รังเดิมจองอิ๋งจิ่วกวงระดมกำลังทหารไว้เกือบสองร้อยล้าน ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาก็เป็นเรื่องยากที่พวกเราจะไม่เสียหาย ไม่ทราบว่าวางแผนการโจมตีไว้เรียบร้อยหรือยัง?” ทหารคนหนึ่งเอ่ยถาม
เฉิงไท่เจ๋อพยักหน้า “ถามได้ดี! นี่ก็คือสิ่งที่ข้าอยากบอกกับทุกคน ไม่ปิดบังทุกคน คนที่ได้คำสั่งแต่งตั้งอ๋องไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว ยังมีเถิงเฟย จอมพลสายชวด ก่อนหน้านี้พวกเราติดต่อกันแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมมือกันเคลื่อนไหว หลังจากจบเรื่องทัพตะวันออกก็จะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ฝ่าบาทสัญญาแล้วว่าจะให้พวกเราสองคนเป็นอ๋อง!”
พอได้ยินว่าทัพตะวันออกจะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ก็มีคนรู้สึกผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตำแหน่งดีๆ มีน้อยลงแล้ว จึงถามว่า “ทำไมต้องยกประโยชน์ให้เถิงเฟย?”
เฉิงไท่เจ๋อส่ายหน้าถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าทุกคนคิดยังไง แต่ถ้ามีแค่พวกเราที่ได้ครองผลประโยชน์นี้ มีหรือที่เถิงเฟยกับลิ่งหูโต้วจ้งจะนิ่งดูดาย พอเกิดเรื่องขึ้นจะต้องรีบไปช่วยอิ๋งจิ่วกวงแน่นอน ถ้าแต่ละฝ่ายร่วมมือกันสู้กับพวกเรา เกรงว่าพวกเราคงกินเนื้อชิ้นนี้ไม่ลง กลับจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ อย่าบอกนะว่าทุกคนหวังให้กองทัพองครักษ์สู้หัวชนฝาเพื่อพวกเรา? เกรงว่าประมุขชิงคงหวังให้พวกเราเข่นฆ่ากันเองด้วยซ้ำ แล้วถ้าสงครามยืดเยื้อ หลังจากกำลังพลทัพใต้ ทัพตะวันตกและทัพเหนือตามมาถึงแล้ว จุดจบของพวกเราจะเป็นยังไงก็คงไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะ นี่เป็นการกระทำที่จนใจเช่นกัน กำลังของพวกเรามีจำกัด กลืนเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว ต่อให้กลืนลงแล้ว แต่เรื่องย่อยภายในเวลาสั้นๆ นี้ก็จะกลายเป็นปัญหา ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ทำไมประมุขชิงถึงต้องการจะลงมือกับอิ๋งจิ่วกวงล่ะ? เรื่องที่สี่อ๋องสวรรค์ปฏิเสธการเข้าประชุมขุนนางได้ยั่วโมโหประมุขชิงแล้ว ช้าเร็วประมุขชิงก็ต้องแบ่งสี่ทัพเป็นแปดส่วน เพียงแต่เลือกลงมือกับอิ๋งจิ่วกวงก่อนก็เท่านั้นเอง ถ้าพวกเราฮุบไว้ฝ่ายเดียว เกรงว่ายังไม่ทันรอย่อย ประมุขชิงก็จะเริ่มลงมือกับพวกเราแล้ว ดังนั้นจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป แก้ไขปัญหาตรงหน้าก่อน อย่าใจเร็วด่วนได้!”
กลุ่มแม่ทัพพยักหน้าเงียบๆ มีแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งบอกว่า “ที่ท่านจอมพลกล่าวมาก็มีเหตุผล”
เมื่อเห็นทุกคนไม่มีความคิดเห็นแย้งอะไร เฉิงไท่เจ๋อก็โบกมือไปด้านข้าง เซี่ยเซิงเผยเข็มทิศทันที ปรับแผนที่ดาวออกมาแล้ว
กลุ่มแม่ทัพทยอยกันเข้ามาล้อมโต๊ะยาว เฉิงไท่เจ๋อชี้เข็มทิศพร้อมอธิบาย “พวกเราไม่ใช่ฝ่ายรุกโจมตี กองทัพองครักษ์จะรับผิดชอบหน้าที่นี้เอง นี่คือสิ่งที่ข้ากับวังสวรรค์ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว แบบนี้จะหลีกเลี่ยงความเสียหายของทุกคนได้ ใช้พิกัดเข็มทิศแบ่งเป็นทิศตะวันออกกับตะวันตก เถิงเฟยอยู่ที่ทางเข้าทิศตะวันออก ทัพข้าอยู่ที่ทางเข้าทิศตะวันตก หลังจากกองทัพองครักษ์เข้าอาณาเขตดาวที่อยู่ของอิ๋งจิ่วกวงแล้ว ก็จะโจมตีเข้ารังของอิ๋งจิ่วกวงโดยตรง ทัพของข้าจะตามเข้าไปทีหลัง แบ่งกำลังพลเป็นสองสายตีโอบเข้าไป ให้กำลังพลสายหนึ่งดักซุ่มไว้รอบๆ เตรียมป้องกันไม่ให้อิ๋งจิ่วกวงแพ้แล้วหนีไปที่อาณาเขตดาวนิรนาม ถ้าพบเห็นเมื่อไร ก็ต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อถ่วงเวลาอิ๋งจิ่วกวงไว้ให้ได้ ช่วงชิงเวลาให้กองทัพองครักษ์ไล่ตามมาสังหาร ต้องกำจัดภัยพิบัติในอนาคตอย่างอิ๋งจิ่วกวงให้ได้ในรวดเดียว ส่วนกำลังพลอีกสายหนึ่งก็มุ่งไปที่ทางเข้าประตูดวงดาวของลิ่งหูโต้วจ้งทางฝั่งเหนือทันที โจมตีขัดขวางไม่ให้ทัพใหญ่ของลิ่งหูมาช่วย เมื่อทัพใหญ่ของเถิงเฟยเข้ามาแล้ว ก็จะแบ่งกำลังพลเป็นสองสายเหมือนพวกเรา สายหนึ่งดักซุ่ม อีกสายหนึ่งร่วมมือกับพวกเราโจมตีสกัดทัพหนุนของลิ่งหูโต้วจ้ง เถิงเฟยจะควบคุมซีกตะวันออกของอาณาเขตดาว ข้าจะควบคุมซีกตะวันตกของอาณาเขตดาว แล้วกำลังพลของพวกเราสองฝั่งก็มารวมตัวกันอยู่ข้างนอกแล้วรีบเปลี่ยนทิศทาง โจมตีขนาบซ้ายขวาทัพใหญ่ของลิ่งหูโต้วจ้งที่ตามมาทีหลัง ทุกคนเข้าใจแล้วใช่มั้ย?”
“เข้าใจแล้ว” บรรดาแม่ทัพพยักหน้า ล้วนเป็นคนที่คุมทัพมาหลายปี เมื่ออธิบายตรงหน้าแผนผังดาวแบบนี้ ทุกคนย่อมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
แต่ก็มีทหารถามอีกว่า “ท่านจอมพล ถ้าจบเรื่องแล้วประมุขชิงไม่ทำตามสัญญาล่ะ พวกเราจะทำยังไง?”
เฉิงไท่เจ๋อตอบว่า “เรื่องนี้ข้ากับเถิงเฟยปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะไม่ปล่อยให้ประมุขชิงจูงจมูกเดิน ต้องตั้งมั่นเพื่อปกป้องตัวเองก่อน ถ้าฝั่งนี้กำจัดอิ๋งจิ่วกวงได้เมื่อไร ข้ากับเถิงเฟยก็จะร่วมมือกับฮ่าวเต๋อฟาง ก่วงลิ่งกงและโค่วหลิงซวีทันที แสดงความจริงใจต่อพวกเขา แสดงท่าทีว่าจะเดินในเส้นทางของอิ๋งจิ่วกวงต่อไป จะพึ่งพากันและกันกับพวกเขาต่อไป ขอเพียงอิ๋งจิ่วกวงพ่ายแพ้จนเอาคืนไม่ได้แล้ว ต่อให้ในใจอ๋องสวรรค์ทั้งสามจะไม่ยอม แต่ก็ต้องยอมจำนนต่อความจริงอยู่ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะบีบให้พวกเราวกกลับไปหาประมุขชิงโดยสิ้นเชิง แบบนั้นจะทำให้ประมุขชิงได้กำลังทหารมากกว่าเดิมเพื่อมาสู้กับพวกเขา พอเป็นแบบนี้ ก็ย่อมกำจัดภัยคุกคามจากสามทัพนั้นได้ แล้วพวกเราก็อาศัยกำลังของสามทัพนั้นมาปกป้องตัวเองได้ด้วย แบบนี้ประมุขชิงก็ไม่จำเป็นต้องกลืนคำพูด งานใหญ่จะสำเร็จได้!”
“ดีมาก!” ทุกคนทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วย
“ทุกคน!” เฉิงไท่เจ๋อเรียกดึงสติ หันมองรอบวง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ศึกนี้มีแต่ต้องรีบรบรีบจบเท่านั้น ปล่อยให้ยืดเยื้อไม่ได้ ถ้าได้รับสัญญาณลงมือจากข้า ก็ให้สังหารกำลังพลตรวจตราที่อิ๋งจิ่วกวงส่งมาอยู่ข้างกายทุกคนทันที! ก็อย่างที่บอก ข้าไม่สนว่าในบรรดาพวกเจ้าจะมีคนของอิ๋งจิ่วกวงหรือไม่ ข้าจะไม่ตรวจสอบด้วย ข้าแค่อยากจะให้เจ้าเข้าใจ ว่าต่อให้ศึกนี้จะขาดเจ้าไป ต่อให้เจ้าจะรายงานข่าวให้อิ๋งจิ่วกวงรู้เพื่อให้อิ๋งจิ่วกวงหนีไป ในเมื่อข้ากับเถิงเฟยคิดกบฎ อิ๋งจิ่วกวงก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว เจ้าจะร่วมกันรักษาเกียรติยศความร่ำรวยต่อไป หรือจะเอาชีวิตคนในครอบครัวลงหลุมศพไปพร้อมกับอิ๋งจิ่วกวง ข้ายินดีให้เจ้าชั่งน้ำหนักเอาเอง เอาเป็นว่าอิ๋งจิ่วกวงอาการร่อแร่แล้ว แพ้ศึกนี้แน่นอน!”
ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง แล้วกุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งท่านจอมพล!”
“ดี! วันนี้ไม่สะดวกจะคุยยาว เพื่อไม่ให้น่าสงสัย ทุกคนรีบไปเถอะ!” เฉิงไท่เจ๋อโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายกัน
ข้างหูมีเสียงกิจกรรมในห้องนอนดังไม่หยุด หันเปินขมวดคิ้วเดินไปเดินมาอยุ่ในลานบ้าน
“อ๊า…”
คนในห้องพลันร้องเสียงสูง เสียงกิจกรรมที่ไม่เรียบร้อยเงียบลงเร็วมาก
ใช้เวลาไม่นาน เฉิงไท่เจ๋อที่ทำสีหน้าเหมือนกระปรี้กระเปร่าก็เดินออกจากห้อง แสยะยิ้มถามหันเปินว่า “ฟังหนำใจแล้วหรือยัง?”
“ท่านจอมพลล้อเล่นแล้ว” หันเปินตอบด้วยสีหน้าอึดอัด
เฉิงไท่เจ๋อขี้คร้านจะสนใจเขา เดินก้าวยาวออกไปแล้ว หันเปินรีบเดินตามเขาไป
คนกลุ่มนี้เพิ่งออกจากลานบ้านได้ไม่นาน พ่อบ้านเซี่ยเซิงก็รีบเดินเข้ามา ผลักประตูเข้ามาเสียเลย
สตรีวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พอหันกลับมาเหห้นก็ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “พ่อบ้านเซี่ย ทำไมเสียมารยาทเช่นนี้?”
“ท่านจอมพลมีเรื่องสำคัญให้บ่าวมาบอกหรูฮูหยิน รีบร้อนจนเสียมารยาท หวังว่าหรูฮูหยินจะอภัย” เซี่ยเซิงที่เดินเข้ามากล่าวขออภัยซ้ำๆ
สตรีวัยกลางคนไม่กล้าล่วงเกินเขามากนัก เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแล้ว “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มีเรื่องอะไร?”
เซี่ยเซิงชี้ที่ตลับแป้งบนโต๊ะเครื่องแป้ง สตรีวัยกลางคนหันกลับไปมองอย่างประหลาดใจ กลับไม่ป้องกันเซี่ยเซิงที่ลงมือจู่โจมข้างหลัง แสงสะท้อนคมอาวุธแวบผ่าน นางไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ ศีรษะกระเด็นออกไปแล้ว เลือดสดฉีดพุ่งออกจากคอที่ขาดอย่างบ้าคลั่ง เป็นเลือดสีแดงสด
ขณะมองร่างล้มลงพื้น เซี่ยเซิงก็ถอนหายใจ “เดิมทีคิดจะควบคุมเจ้าไว้ชั่วคราว แต่ท่านจอมพลไม่อยากให้คนรู้อุบายที่ใช้ในวันนี้ ยามปกติเจ้าก็ชอบพูดมากด้วย ท่านจอมพลจึงทำได้เพียงนำเจ้ามาสังเวยก่อนออกศึก…”
ในถ้ำภูเขาบนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง โพ่จวินที่ปลอมตัวแล้วกำลังจ้องอยู่หน้าเข็มทิศ ซ้ายขวามีแม่ทัพยืนเรียงแถว
มีบางคนเหมือนจะรอจนทนไม่ไหว ก้าวออกจากแถวมากุมหมัดคารวะ “นายท่าน จนป่านนี้แล้ว ทางฝั่งเถิงเฟยยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ถ้าถ่วงเวลาต่อไปจนกองหนุนมาถึง เกรงว่าจะต้องพลาดโอกาสดีๆ ข้าน้อยยินดีนำทัพใหญ่สังหารเปิดทางเลือดขอรับ!”
โพ่จวินเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบ “นี่เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร ข้ากับอู๋ฉวี่แบ่งกำลังทหารกัน ตอนนี้ในมือมีกำลังพลร้อยล้านเท่านั้น แล้วกำลังพลที่เฝ้านอกทางเข้าประตูดวงดาวก็มีเป็นร้อยล้านเหมือนกัน แม้ทัพของอีกฝ่ายจะไม่แข็งแกร่งเท่าของข้า แต่ถ้าสู้กันก็ตีฝ่าเข้าไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้อยู่ดี แบบนี้ต่างหากที่ถ่วงเวลา ทั้งยังทำให้เถิงเฟยเข้าใจผิดว่าฝ่ายพวกเรามีเจตนาไม่ซื่อด้วย ถึงตอนนั้นนอกจากจะกดดันให้เขาต่อต้านแล้ว กำลังพลฝั่งพวกเราก็จะเสียหายไม่น้อยเหมือนกัน ต่อให้สังหารเข้าไปถึงรังของอิ๋งจิ่วกวง แต่ถ้าสู้กับกำลังพลสองร้อยล้านของฝ่ายตรงข้ามอีก บวกกับพวกเถิงเฟยที่ตีย้อนกลับมา พวกเราจะสู้ยังไงล่ะ? รนหาที่ตายเหรอ?”
“ถ้าเถิงเฟยไม่ตอบสนองแบบนี้ต่อไปจะทำยังไงดี?” แม่ทัพถาม
สายตาของโพ่จวินไปหยุดอยู่บนเข็มทิศ “งั้นก็ถอนกำลัง ไม่สู้แล้ว!”
กลุ่มแม่ทัพบ้างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก บ้างก็แอบสายหน้า ทำได้เพียงเฝ้ารอต่อไป
ในขณะนี้เอง จู่ๆ โพ่จวินก็ขยับคิ้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อพักหนึ่ง แล้วรีบหยิบระฆังดาราอีกอันออกมา ไม่รู้ว่าติดต่อไปที่ไหน หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว ก็กล่าวเสียงต่ำว่า “เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อกระจายงานกันเรียบร้อยแล้ว อู๋ฉวี่เชิญให้พวกเราลงมือพร้อมกัน ออกเดินทาง!”
บรรดาแม่ทัพมีสีหน้ากระปรี้กระเปร่า กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “รับทราบ!”
พอเก็บเข็มทิศแล้ว บรรดาแม่ทัพที่ปลอมตัวแล้วก็เหาะออกจากถ้ำพร้อมโพ่จวิน หายไปในดาราจักรอันกว้างใหญ่อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาไม่นาน กลุ่มคนสิบคนนี้ก็มาถึงประตูดวงดาวแห่งหนึ่งที่ถูกปิดล้อมไว้ ค่ายกลใหญ่ที่เพิ่งผนึกไว้ราวกับเป็นแสงกลมขนาดมหึมา ปิดผนึกประตูดวงดาวที่หมุนวนอย่างลึกลับ ด้านนอกประตูดวงดาว กำลังพลนับไม่ถ้วนกระจายกำลังกันแน่นหนา ขบวนรบที่ยืนเรียงรายกำลังเตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่คาดคิดทุกเมื่อ
พวกโพ่จวินยังไม่หยุด เข้าใกล้ขบวนรบต่อไป
“หยุดนะ ผู้ที่มาเป็นใคร!” มีเสียงแม่ทัพร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนถามไกลๆ กำลังพลทางซ้ายและขวาถืออาวุธเตรียมป้องกัน
ทางนี้เพิ่งจะพูดจบ แม่ทัพข้างๆ ก็ถลันตัวเข้ามา บอกว่า “เป็นพวกเดียวกัน” แล้วก็ส่งสายตาให้แม่ทัพที่เฝ้ายาม
แม่ทัพที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เข้าใจทันที กดมือลงทางซ้ายและขวา กำลังพลที่เตรียมป้องกันวางอาวุธลงทันที
พวกโพ่จวินเข้ามาหยุดตรงหน้า ตอนนี้ท่ามกลางทัพใหญ่ที่วางกำลังไว้มีคนจำนวนมากถลันเข้ามา ชายหน้าขาวหนวดยาวที่นำหน้ามาตะคอกถาม “เป็นใคร?”
“ทหารสายตรวจที่จอมพลเถิงส่งมา” แม่ทัพที่เฝ้ายามที่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมข้ารู้สึกแปลกหน้ามา ทั้งยังใส่หน้ากากด้วย ค้นตัว!” ชายหน้าขาวหนวดยาวกล่าวด้วยใบหน้านิ่งตึง
แม่ทัพที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ยื่นมือขวาง แล้วเลิกคิ้วบอกว่า “นายท่านซู ทหารคนสนิทของท่านจอมพลท่านก็จะค้นตัวเหรอ เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
พวกโพ่จวินมองดูเงียบๆ อย่างแนบเนียน แต่แอบเตรียมป้องกันแล้ว
“ท่านอ๋องมีคำสั่ง ถ้าพบบุคคลน่าสงสัยให้ควบคุมไว้ทันที ถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามาโดยพลการ เจ้าคิดจะขัดคำสั่งเหรอ?” ชายหน้าขาวหนวดยาวถามเสียงต่ำ
แม่ทัพที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่แสยะยิ้ม “นี่ท่านไม่ไว้หน้าท่านจอมพลของพวกเราเหรอ!” มือที่ไขว้อยู่ข้างหลังพัดโบกลงเล็กน้อย ส่งสัญญาณมือให้
………………