พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1908 ล้อมเมือง
ข้างหลังเขามีคนพุ่งเข้ามานับหมื่นในทันที ทั้งหมดเผยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ เล็งไปที่ชายหน้าขาวหนวดยาวและพรคคพวก ชายหน้าขาวถามอย่างตกใจมากว่า “บังอาจ พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏหรือไง?”
“ฆ่า!” แม่ทัพที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ยกดาบขึ้นมาฟันหนึ่งทีเพื่อส่งสัญญาณ
ปั้งๆๆ พลังอิทธิฤทธิ์กระเพื่อมสาดซัด ลำแสงที่หนาแน่นยิงออกมาทันที ฝังกลบคนพวกนั้นเอาไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” กำลังพลตรวจตราที่อยู่ไกลๆ เห็นความเคลื่อนไหวทางนี้แล้วตะคอกถาม
ใครจะคิดว่าทัพใหญ่ที่อยู่ทางซ้ายและขวาจะเปลี่ยนทิศทาง หันมารุกโจมตีเขาแทน
สถานการณ์คล้ายๆ กันแทบจะเกิดขึ้นทุกอาณาเขตที่มีทัพใหญ่อยู่นอกประตูดวงดาว กำลังพลที่เฝ้าประตูดวงดาวทยอยกันสลับอาวุธจู่โจม ลงมือกับกำลังพลตรวจตราแบบครอบคลุม
ความวุ่นวายยังมาทันสงบ แม่ทัพที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ก็ชูธงขาวสะบัดไปทางประตูดวงดาว
ใช้เวลาไม่นาน แสงกลมขนาดใหญ่ที่เป็นค่ายกลปิดผนึกก็หมุนเปิดออก ตรงกลางมีช่องว่าง เผยประตูดวงดาวที่กำลังหมุนวนอย่างลึกลับ
ทัพใหญ่ที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างหน้ารีบเปิดทางซ้ายขวา เกิดเป็นเส้นทางเส้นทางหนึ่ง พอโพ่จวินโบกมือ คนสิบคนก็เข้ามาล้อมคุ้มกันเขาไว้ทันที แล้วพุ่งไปทางประตูดวงดาวที่เปิดออก
ความวุ่นวายนอกประตูดวงดาวสงบลงอย่างรวดเร็ว จำนวนกำลังพลตรวจตราที่อยู่ท่ามกลางทัพใหญ่ร้อยล้านจะก่อเรื่องก่อราวอะไรขึ้นมาได้ เมื่อฝั่งนี้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะกำจัดพวกเขา กอปรกับวางแผนลอบจู่โจม การกำจัดทิ้งก็เป็นเรื่องที่ทำได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
จากนั้นก็ได้รับคำสั่งให้ระมัดระวังเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างกาย ควบคุมการใช้ระฆังดาราอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีคนรายงานขึ้นไปจนข่าวหลุด
พวกโพ่จวินถูกพ่นออกมากลางอากาศแยกแยะทิศทาง แล้วมุ่งตรงไปที่รังของอิ๋งจิ่วกวง…
ตามตลาดสวรรค์แต่ละแห่ง ทัพใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ทยอยกันมาถึง กลุ่มเล็กก็หลักหมื่น กลุ่มใหญ่ก็เกินแสน พอกำลังพลมาถึงแล้ว ก็ล้อมตลาดสวรรค์เอาไว้ทันที พลทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองเครียดเป็นพิเศษ
“ข้าคือเคอเจิ้นเฟิง แม่ทัพภาคจวนเทียนไห่ รีบเปิดประตูเมือง!”
ประตูเมืองทั้งสี่ด้านปิดสนิทแล้ว เปิดใช้งานค่ายกลใหญ่คุ้มกันแล้ว แม่ทัพเกราะม่วงที่อยู่ใต้กำแพงเมืองไม่มีทางเข้าไปได้โดยตรง ตอนนี้ชี้อาวุธไปทางหอประตูเมืองพลางตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ข้างหลังเขาคือกำลังพลนับหมื่นที่มาจากอาณาเขตใกล้ๆ นี้
ที่จริงไม่ว่าจะเป็นตลาดสวรรค์หรือบุคคลระดับสูงสุดของตลาดสวรรค์ เดิมทีก็มีกำลังพลไม่เยอะอยู่แล้ว เพราะในยามปกติจะไม่เกิดเรื่องอะไรที่ตลาดสวรรค์ กำลังพลที่ตลาดสวรรค์มีไว้รักษาระเบียบเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ไม่กลัวเกิดเรื่อง ก็เพราะที่ตลาดสวรรค์มีคนเยอะมาก ถ้าจู่โจมตำหนักคุ้มเมืองเมื่อไร พ่อค้ากลุ่มใหญ่ก็สามารถรวมตัวกันต่อต้านได้ทุกเมื่อ ไม่เหมือนกำลังพลที่ตั้งค่ายอยู่รอบๆ ที่หาใครไม่ได้
บนกำแพงเมือง เฉินเชียนชิวนำคนโผล่หน้ามาแล้ว ตะโกนตอบกลับไปว่า “ข้าคือลูกน้องของผู้ตรวจการหนิว ทูตลาดตระเวนตลาดสวรรค์ ได้รับคำสั่งจากราชินีสวรรค์ให้ตรวจสอบคนทำผิด ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากราชินีสวรรค์ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกทั้งนั้น!”
เคอเจิ้นเฟิงชี้ทวนพลางตะคอกอย่างเดือดดาล “ตลกแล้ว! ตลาดสวรรค์คืออาณาเขตปกครองของข้า ขนาดข้ายังไม่ได้รับรายงานเลย ใครจะไปรู้ว่าคำสั่งในมือเจ้าคือของจริงหรือของปลอม รีบเปิดประตูเมืองให้ข้าตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
เฉินเชียนชิวตอบกลับเสียงดัง “ถ้านายท่านเคออยากจะตรวจสอบก็ง่ายมาก รายงานขึ้นไปถามเบื้องบนก็รู้แล้ว มีอย่างที่ไหนนำกำลังพลที่ไม่ใช่ของตลาดสวรรค์มาล้อมตลาดสวรรค์ไว้ หรือคิดจะก่อกบฏ?” จากนั้นก็โบกมือไปข้างหลัง บนกำแพงเมืองมีกำลังพลกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาทันที แต่งกายหลายแบบปนกัน ล้วนเป็นพ่อค้าขาจรที่มาตลาดสวรรค์ ถูกจับรวมกลุ่มกันเมื่อเรื่องจวนตัว
ไม่มีใครเต็มใจทำเรื่องนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่ทำ อีกฝ่ายก็จะลงดาบกับเจ้าทันที เจ้ากล้าลงมือกำลังพลตำหนักสวรรค์ท่ามกลางฝูงชนเหรอ?
เอาเป็นว่าบนกำแพงเมืองปรากฏกลุ่มคนดำทะมึน มีจำนวนเยอะกว่ากำลังพลที่ล้อมกำแพงเมือง
เคอเจิ้นเฟิงกวาดสายตามองกำแพงเมือง แล้วตะคอกอย่างเดือดดาลอีกครั้ง “ให้เถี่ยฟางเจวี๋ยออกมาพบข้า!”
เฉินเชียนชิวตอบว่า “แม่ทัพภาคเคอ คำสั่งของราชินีสวรรค์เป็นของจริงหรือของปลอม เจ้าเองก็รู้ชัดกว่าใคร เจ้าไม่เพียงแค่นำกำลังพลมาล้อมตลาดสวรรค์ แต่ยังมาชี้นิ้ววาดเท้าอยู่ที่นี่อีก มีเจตนาอะไรกันแน่? ข้าจะยืนยันอีกครั้ง ข้าได้รับคำสั่งจากราชินีสวรรค์ให้มาตรวจสอบและยึดทรัพย์คนทำผิด ก่อนที่จะตรวจสอบความจริงให้กระจ่าง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกโดยพลการ เจ้าแม่ทัพภาคเคอ ถ้าอยากขัดคำสั่งก็พูดออกมาต่อหน้าทุกคนเลย อย่ามาหาข้ออ้างอะไรตรงนี้!”
“ใครจะไปรู้ว่าตัวตนของเจ้าจริงหรือปลอม แม่ทัพภาคผู้นี้ได้รับรายงาน บอกว่าพวกเจ้าปลอมแปลงตัวตน เถี่ยฟางเจวี๋ย ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าถูกพวกเจ้าวางแผนทำร้ายแล้วหรอกนะ? ข้าเตือนพวกเจ้าไว้ก่อน ถ้าอ่านสถานการณ์ออกก็เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้ ข้าไม่มีความอดทนมาเสียเวลากับพวกเจ้าหรอกนะ ถ้ายังไม่เปิดประตูให้ข้าตรวจสอบตัวตนอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เคอเจิ้นเฟิงกล่าว
“ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะไม่เกรงใจยังไง ถ้าอยากจะก่อกบฏก็ลองดู ทัพใหญ่แดนรัตติกาลจะต้องสังหารโจรกบฏแน่นอน!” เฉินเชียนชิวตะโกนเสียงดัง
ทัพใหญ่แดนรัตติกาลยังมีอิทธิพลมาก คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ใต้กำแพงเมืองมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว แม่ทัพที่อยู่ข้างหน้าเดินมาข้างกายเคอเจิ้นเฟิงแล้วถ่ายทอดเสียงโน้มน้าว “ท่านแม่ทัพภาคโปรดระงับโทสะ จะลงมือหรือไม่ลงมือก็รอเบื้องบนแจ้งลงมาก่อน อย่างไรเสียการโจมตีตลาดสวรรค์ก็ไม่ใช่ข้อหาเล็กๆ ขนาดเบื้องบนยังไม่ตัดสินใจเลย ทำไมพวกเราต้องหาเรื่องใส่ตัว!”
เคอเจิ้นเฟิงทำหน้าตึงแล้ว…
ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน นอกกำแพงเมืองก็กำลังคุมเชิงกันอยู่เช่นเดียวกัน เซียวหลิงโปกำลังทหารแม่ทัพอยู่ใต้กำแพงเมืองเช่นกัน สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ ตลาดสวรรค์อาณาเขตทั้งจวนแม่ทัพภาคตงหัวไม่มีคนที่ปี้เยว่ส่งมาเลย พวกที่มามีแต่กำลังพลท้องที่
ปี้เยว่ได้ข่าวจากเหมียวอี้แล้ว ย่อมไม่ส่งคนมา ทำให้ตลาดสวรรค์ในอาณาเขตนี้ลดความกดดันลงไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่มีใครอาศัยเบื้องบนมากดดัน
พวกเหมียวอี้ที่ปลอมตัวแล้วปรากฏตัวอยู่ริมหน้าต่างบนหอประตูเมือง กำลังมองภาพเหตุการณ์ด้านนอก
สาเหตุที่เขาต้องซ่อนตัวอยู่ที่ตลาดสวรรค์ ก็เพราะลูกน้องที่อยู่ตามตลาดสวรรค์แต่ละแห่งมีน้อยเกินไป เขาจำเป็นต้องมาอยู่แนวหน้าเพื่อรับรู้สถานการณ์และบัญชาการด้วยตัวเอง
มีผู้ตรวจการใหญ่นำยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ของทัพใหญ่แดนรัตติกาลมาคุมสถานการณ์บนหอประตูเมืองด้วยตัวเอง กำลังพลหลายหมื่นด้านนอกเป็นแค่กำลังพลของผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้น ไม่พอให้กลัวเลย เซียวหลิงโปย่อมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่กังวลเลยสักนิด กลับต้องการจะโอ้อวดตนด้วยซ้ำ
“คนของพวกเราที่อยู่ในตลาดสวรรค์เขตทัพตะวันออกออกไปหมดแล้วใช่มั้ย?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ หลังจากได้รับข่าวจากตระกูลเซี่ยโห้วได้ไม่นาน ว่ากำลังพลท้องถิ่นกำลังตามมาที่ตลาดสวรรค์ เขาก็สั่งให้ลูกน้องที่ตลาดสวรรค์ในอาณาเขตทัพตะวันออกหนีออกไปซ่อนตัวเงียบๆ คนของเขาสั่งให้เปิดประตูเมืองฝั่งหนึ่งก่อนโดยปิดบังตระกูลเซี่ยโห้วไว้ หลังจากปลอมตัวแล้วก็หนีออกไปเงียบๆ จากนั้นใช้ระฆังดาราติดต่อให้คนของตระกูลเซี่ยโห้วควบคุมตลาดสวรรค์ต่อไป ถึงอย่างไรตอนนี้คนของตระกูลเซี่ยโห้วก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ พูดอะไรก็เชื่อฟังทุกอย่างราวกับคนโง่ เรียกใช้ง่ายมาก
ตอนหลังถ้าตระกูลอิ๋งต้องการจะโจมตีเมืองจริงๆ เช่นนั้นก็ให้คนของตระกูลเซี่ยโห้วจัดการเอาเองแล้ว
ทำไมถอนกำลังคนของตลาดสวรรค์แค่ในอาณาเขตของทัพตะวันออกเท่านั้น สาเหตุก็เรียบง่ายมาก ถ้าฝั่งอิ๋งจิ่วกวงพบว่ากองทัพองครักษ์ลงมือเมื่อไร ก็จะต้องจนตรอกเป็นหมากระโดดกำแพงแน่นอน ในเมื่อฉีกหน้ากันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องทนอีก ต้องออกคำสั่งโจมตีแน่นอน ถ้าไม่ถอนกำลังออกไป ทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่อยู่ในอาณาเขตทัพตะวันออกก็อาจจะเสียหายหนักได้
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ถอนกำลังได้สะดวก นั่นก็คือกำลังพลทัพตะวันออกส่วนใหญ่ไปรวมตัวอารักขาอยู่ที่รังเดิมของอิ๋งจิ่วกวงหมดแล้ว คาดว่าการป้องกันในอาณาเขตทัพตะวันออกแทบจะกลายเป็นแค่สิ่งที่ตั้งแสดงไว้แล้ว ทำให้คนของเขาหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลัวการล้อมจับกุม ส่วนสถานการณ์ในอาณาเขตทัพใต้ ทัพตะวันตก ทัพเหนือนั้นต่างกัน ตอนนี้ต้องอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมป้องกันอย่างสูงแน่นอน
นอกจากนี้ ถ้าอิ๋งจิ่วกวงพ่ายแพ้จนเอาคืนไม่ได้เมื่อไร ทัพใต้ ตะวันตก เหนือก็ไม่จำเป็นต้องโจมตีตลาดสวรรค์จนโดนข้อหาวางแผนก่อกบฏอีก
นอกจากนี้ ถ้าถอนกำลังพลออกไปหมด เขากลัวว่าคนที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพองครักษ์จะถูกเปิดโปง
ลูกน้องเก่าของเขากระจายตัวอยู่ที่กองทัพองครักษ์ ตอนที่วางกำลังไว้ก็ติดต่อคนพวกนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เดาว่าตอนที่กองทัพองครักษ์ระดมกำลัง จะต้องสั่งห้ามใช้ระฆังดาราแน่นอน ดังนั้นในตอนที่ยังไม่ถูกควบคุม เขาจึงขอให้คนพวกนั้นคอยติดต่อกับฝั่งนี้เป็นระยะ ผลก็คือพบว่าคนหลายร้อยขาดการติดต่อไปพร้อมกัน
ไม่ต้องคิดมากเลย เหมียวอี้เดาออกทันทีว่าแผนการที่ฝั่งนี้หลอกใช้ชิงหยวนจุนได้ผลแล้ว ประมุขชิงแอบลงมือแล้ว
ถ้าไม่มีความมั่นใจนี้ มีหรือที่เหมียวอี้จะกล้าเล่นอย่างนี้ เป็นการเอากำลังพลของตัวเองไปรนหาที่ตายชัดๆ
เขาจะให้ภายนอกรู้ไม่ได้ว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวของกองทัพองครักษ์ ไม่อย่างนั้นประมุขชิงก็จะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไป เมื่อได้โอกาสเหมาะแล้วถอนกำลังไปหมด ก็จะมีคนสงสัยว่าเขารู้แล้วหรือเปล่าว่าประมุขชิงจะลงมือกับตระกูลอิ๋ง บรรลุเป้าหมายแล้วหนีไปทันทีงั้นเหรอ? ถ้าคนอื่นสงสัยก็ยังดีหน่อย แต่ถ้าประมุขชิงรู้ว่าตัวเองโดนหลอกใช้เมื่อไร นั่นต่างหากที่จะเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากจะไม่ปล่อยเขาไปแล้ว ลูกน้องเก่าของเขาที่อยู่กองทัพองครักษ์ก็จะต้องถูกประมุขชิงขุดรากถอนโคนหมดแน่นอน คาดว่าประมุขชิงคงยอมฆ่าผิดตัวดีว่าปล่อยผ่านไป
สิ่งเดียวที่เขาไม่เข้าใจตอนนี้ก็คือ เขาไม่รู้ว่าประมุขชิงจะทำศึกอย่างไรกันแน่ เขาไม่รู้ด้วยว่าฝั่งประมุขชิงปลุกระดมให้เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อก่อกบฎแล้ว
ดังนั้นเมื่อดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ในใจเขาก็เป็นกังวลอยู่บ้าง หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เขาก็เอียงหน้าบอกหยางเจาชิงว่า “ถ่ายทอดคำสั่งไปแต่ละพื้นที่ จับคนในร้านค้าของตระกูลก่วง ตระกูลฮ่าวและตระกูลโค่วเดี๋ยวนี้ ควบคุมตัวมาที่กำแพงเมือง! ถ้าพบว่ากำลังพลนอกเมืองส่อแววว่าจะโจมตีเมืองเมื่อไร ก็สั่งให้คนที่เฝ้าเมืองตะโกนว่าอิ๋งจิ่วกวงวางแผนก่อกบฏแพ้แล้ว ถูกตำหนักสวรรค์จับตัวไว้แล้ว! ถ้าอีกฝ่ายดึงดันจะโจมตีเมือง ก็ให้ประหารทุกคนที่จับตัวไว้ทันที!”
หยางเจาชิงเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ที่ให้ตะโกนแบบนี้ ก็เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามชั่งน้ำหนักสักหน่อย ว่าคุ้มหรือไม่ที่จะโจมตีตลาดสวรรค์เพื่ออิ๋งจิ่วกวงที่พ่ายแพ้ไปแล้ว ต่อให้จะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ได้ถ่วงเวลาสักหน่อยก็ยังดี สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่แตะต้องคนของตระกูลอื่น ก็เพราะต้องการคุมให้ตระกูลเหล่านั้นสงบก่อน ถ้าอีกฝ่ายเกิดความคิดที่จะโจมตีเมืองจริงๆ ตัวประกันที่มีอยู่ในมือมากมายขนาดนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายชั่งใจได้ การเสียคนงานในร้านค้าไปรวดเดียวเยอะขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขาทำเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามสงบลงเช่นกัน!
“รับทราบ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับแล้วปฏิบัติตาม
ชิงเยว่กับซิงที่อยู่ข้างๆ สบตากันแวบหนึ่ง แม้เหมียวอี้จะไม่บอกพวกนางว่าเรื่องอะไรกันแน่ แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้ยินตรงหน้าก็ทำให้ทั้งสองแอบด่าในใจว่าเหมียวอี้บ้าไปแล้ว!
แม่ทัพที่อยู่ใต้กำแพงเมืองถือระฆังดาราติดต่ออยู่พักหนึ่ง แล้วตะโกนขึ้นไปบนกำแพงว่า “ราชินีสวรรค์ออกคำสั่งเกินขอบเขต ถูกฝ่าบาทจับตัวไว้แล้ว คนบนกำแพงยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”
เซียวหลิงโปชี้เขาพลางตะโกนว่า “บังอาจ กล้าใส่ร้ายราชินีสวรรค์กับฝ่าบาทเหรอ สงสัยพวกเจ้าคงคิดจะก่อกบฏแล้วจริงๆ!”
อย่าว่าแต่คนอื่นที่ไม่เชื่อ แม้แต่เหมียวอี้ที่อยู่บนหอประตูเมืองก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าราชินีสวรรค์ถูกจับไปแล้ว ในเวลาแบบนี้ อยู่ดีๆ ประมุขชิงจะจับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไปทำไม เป็นเบื้องล่างที่จงใจปล่อยข่าวลือแน่นอน เขาไมได้ติดต่อกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ทางเซี่ยโห้วลิ่งรู้สถานการณ์เบื้องลึก แต่กลับจงใจปิดบังเหมียวอี้ ให้คนของเหมียวอี้ต้านอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าคนของเหมียวอี้ตายหมดเขาก็จะไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ ขอเพียงเขาบรรลุจุดมุ่งหมายก็พอแล้ว
ส่วนประมุขชิงก็ไม่สนใจความเป็นความตายของเหมียวอี้เช่นกัน ในสายตาประมุขชิงตอนนี้มีแต่อิ๋งจิ่วกวง ตราบให้ที่ทำให้อิ๋งจิ่วกวงประมาทและให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของกองทัพองครักษ์ต่อไปได้ การคุมตัวราชินีสวรรค์จนส่งผลกระทบกับสถานการณ์ของเหมียวอี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเทียบกับอิ๋งจิ่วกวงแล้ว จะสละชีวิตหนิวโหย่วเต๋อไปสักคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งก็วุ่นวายจนไก่บินสุนัขกระโดด ถ้าร้านค้าของพวกขุนนางใหญ่เหล่านั้นต่อต้านตั้งแต่แรกก็ยังได้ผลบ้าง แต่ตอนนี้คนที่คุมตลาดสวรรค์อ้างคำสั่งราชินีสวรรค์เพื่อรวบรวมคนกลุ่มใหญ่มาล้อมจับ คนเยอะจึงกล้าหาญ!
…………………