พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1919 ฝันลมๆ แล้งๆ
“…” บรรดาแม่ทัพงงงวย บ้างก็ทำสีหน้าโง่เขลา บ้างก็ทำสีหน้าฉงนสนเท่ห์ บ้างก็เหมือนตกอยู่ในความฝันอย่างกะทันหัน
ต่อให้นอนฝันทุกคนก็คิดไม่ถึง ว่าท่านจอมพลจะวางแผนไปถึงแดนรัตติกาลแล้ว
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ แม่ทัพคนหนึ่งก็กล่าวอย่างลังเล “ตำหนักนารีสวรรค์จะยอมรับพวกเราได้ยังไง เบื้องหลังราชินีสวรรค์คือตระกูลเซี่ยโห้ว ต่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วยอมรับ แต่ประมุขชิงก็ไม่ยอมรับอยู่ดี ประมุขชิงจะให้ตระกูลเซี่ยโห้วกุมกำลังทหารได้ยังไง?”
ลิ่งหูโต้วจ้งส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้น! พวกเราไปขอพึ่งพาตำหนักนารีสวรรค์ ถ้าประมุขชิงไม่ยอม แล้วตระกูลเซี่ยโห้วจะกุมอำนาจทหารทหารไว้ได้ยังไง? แม้ราชินีสวรรค์จะมาจากตระกูลเซี่ยโห้ว แต่อย่าลืมนะว่าประมุขชิงสามารถเปลี่ยนตัวราชินีสวรรค์ได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยลักษณะการทำงานของตระกูลเซี่ยโห้ว เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับผลกระทบเรื่องนี้ ตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะคัดค้านก็ได้ หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถึงยังไงประมุขชิงก็ยังมีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ สาเหตุที่ข้าเดาว่าประมุขชิงจะตอบตกลง ก็เพราะประมุขชิงไม่อยากให้กำลังพลกลุ่มเราไปตกอยู่ในมือคนอื่น!”
“เกรงว่าคนอื่นก็คงไม่อยากให้พวกเราตกอยู่ในมือประมุขชิงเหมือนกัน” แม้ทัพคนหนึ่งกล่าว
ลิ่งหูโต้วจ้งจึงบอกว่า “มันก็ดีตรงที่เป็นช่วงเวลานี้ อิ๋งจิ่วกวงตกจากตำแหน่ง ประมุขชิงมีอำนาจฝ่ายกระทำเยอะมาก อย่างแรกเลยนะ ถ้าเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋ออยากให้ประมุขชิงทำตามสัญญา พวกเขาก็จะไม่ต่อต้านประมุขชิง ถ้าสามอ๋องสวรรค์อยากจะดึงสองคนนี้มาเป็นพวก ก็จะไม่ทำให้สองคนนี้ลำบากเช่นกัน เมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว ถ้าคิดอยากจะไปแดนรัตติกาลอีกก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
“ท่านจอมพล! แดนรัตติกาลเพิ่งจะระดับไหนเอง พวกเราไปจะเหมาะสมเหรอ?” แม่ทัพอีกคนถาม
ลิ่งหูโต้วจ้งถามกลับ “แล้วถ้าแดนอเวจีล่ะ? เข้าไปได้เหรอ? ผู้เหลือรอดของหกลัทธิจะเชื่อพวกเรามั้ย? หรือจะไปแดนสุขาวดี? ประมุขพุทธะจะรับกำลังพลของประมุขชิงได้เหรอ? ถ้าไปขอพึ่งพาประมุขชิงโดยตรง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะไม่มีที่ให้พวกเราอยู่ ยศของพวกเราก็จะรักษาไว้ไม่ได้ด้วย พวกเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของอิ๋งจิ่วกวงทั้งนั้น เป็นขุนนางที่มีความผิด! ไม่ฆ่าทิ้งก็ถือว่าเมตตาแล้ว! เมื่อรบแพ้ครั้งนี้ บนราชสำนักก็ไม่มีที่ยืนให้พวกเราแล้ว ต่อให้ดันทุรังไปเข้าประชุมขุนนาง แต่ก็จะต้องโดนทุกคนคัดค้านแน่นอน แล้วถ้าอยู่ที่ทัพตะวันออกต่อไปล่ะ? เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อจะต้องปราบพวกเราแน่นอน กอปรกับขวัญกำลังใจทหารของพวกเรายังไม่มั่นคง อิ๋งจิ่วกวงก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว ทำผิดซ้ำรอยเดิมได้ง่ายๆ เลย อาณาเขตดาวนิรนามอันกว้างใหญ่มีที่ให้พวกเราไปเหรอ? คนมากมายขนาดนี้ต่างก็มีครอบครัวของตัวเอง แล้วเรื่องกินเรื่องอยู่จะทำยังไงล่ะ? หรือจะไปขอพึ่งพาอีกสามอ๋องสวรรค์? ทุกคนคงจินตนาการชีวิตในวันข้างหน้าได้ สถานการณ์ภายในของสามตระกูลนั้นเป็นยังไง พวกเราก็รู้อยู่แก่ใจ คนนอกอย่างพวกเราไม่โดนบีบคั้นก็แปลกแล้ว ทุกคนต่างก็มีครอบครัว ยินดีจะรับความออยุติธรรมนี้ไปด้วยกันมั้ยล่ะ? แต่ถ้าไปแดนรัตติกาลก็จะต่างกัน ต่อให้จะโดนลดยศเพราะเรื่องของอิ๋งจิ่วกวง แต่อย่างน้อยก็ปกป้องคนในครอบครัวให้ปลอดภับราบรื่นได้ ไม่ต้องให้พวกเราได้รับความลำบากไปด้วย แล้วอีกอย่าง คนที่แดนรัตติกาลเป็นประเภทไหนล่ะ ในปีนั้นตำแหน่งของชิงเยว่ไม่ได้ต่ำกว่าข้าเลย ในปีนั้นหลงซิ่นก็ได้เข้าประชุมในราชสำนักเหมือนกัน ล้วนเป็นพวกขุนนางที่ถูกยึดทรัพย์ ไปอยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครดูถูกพวกเราหรอก แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาเกียรติยศเงินทองของปัจจุบันไว้ แต่ทุกคนลองคิดดูสิ พวกเราก่อความวุ่นวายกับอิ๋งจิ่วกวง ไม่ว่าจะไปหรือไม่ไปแดนรัตติกาล ก็รักษาเกียรติยศเงินทองในตอนนี้ไว้ไม่ได้อยู่ดี อยากสุขสงบปลอดภัย หรืออยากได้รับความอัปยศ ทุกคนยังมีทางเลือกอีกเหรอ?”
พวกลูกน้องบ้างก็ลังเล บ้างก็พยักหน้า มีคนถอนหายใจแล้วบอกว่า “แต่นั่นคืออาณาเขตของหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อเล่นใช้อุบายต่อต้านล่ะ บวกกับตระกูลเซี่ยโห้วไม่ยินดี พอมีสองฝ่ายสมคบกัน หรือไม่ก็ไม่ได้สมคบกันแค่สองฝ่าย ถ้ายังมีพวกที่ไม่อยากให้พวกเราได้ดีร่วมมือด้วยอีกล่ะ ในที่แจ้งมีคนบนราชสำนักช่วย ในที่ลับมีตระกูลเซี่ยโห้วช่วย เกรงว่าจะค่อนข้างยุ่งยาก มิหนำซ้ำเจ้าเวรตะไลหนิวโหย่วเต๋อนั่นก็ทำได้ทุกอย่าง ขนาดเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นตอนนี้เขายังกล้าแหย่เท้าเข้ามายุ่ง ถ้าจะวางอุบายกับพววกเราขึ้นมา ก็เกรงว่าจะไม่ปรานี เขาทำได้จริงๆ!”
ลิ่งหูโต้วจ้งตอบว่า “นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้ากังวลเหมือนกัน พวกเราไปที่แดนรัตติกาลแล้วจะอยู่ร่วมกับหนิวโหย่วเต๋อยังไงก็ยังเป็นปัญหา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง ขอเพียงประมุขชิงอยากจะฮุบพวกเราไว้ เขาย่อมคิดหาทางแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว ถ้าเขากล้าขัดเจตนาของประมุขชิง ก็เป็นไปได้ว่าประมุขชิงจะย้ายเขาออกไป”
“ในเมื่อท่านจอมพลคิดไว้ชัดเจนแล้ว พวกข้าน้อยก็ยินดีติดตาม เพียงแต่จะทำยังไงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดี กำลังพลพวกนี้?”
หลังจากปรึกษากันได้พักหนึ่ง ทุกคนก็ได้ข้อสรุปแล้ว ถ้าคิดจะให้กำลังพลพวกนี้ไปด้วยก็เป็นไปไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในนั้นจะมีคนส่วนใหญ่ไม่ยอมไปกับพวกเขา ถ้าฝืนดึงตัวมาก็อาจจะมีคนอยากกบฏทันที กลับจะทำให้พวกเขาไปอย่างไม่เป็นอิสระก็ได้ ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง แม้กำลังพลตรงหน้าจะมีทั้งดีทั้งเลวปนกัน แต่ก็เป็นกำลังพลเกือบหนึ่งพันล้าน แม้จะมีบางส่วนยังตามมาไม่ถึง แต่นี่ก็ยังไม่รวมนักพรตวรยุทธ์ต่ำกว่าบงกชทองที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ถ้าพาคนพวกนี้ไปด้วยกันหมด อำนาจฝ่ายไหนจะยอมนิ่งดูดายล่ะ? จะต้องสร้างปัญญาให้การกับการปลีกตัวของพวกเขาแน่นอน
หลังจากเรียกแม่ทัพของแต่ละกองมารวมกันแล้ว ลิ่งหูโต้วจ้งก็เผชิญหน้ากับทุกคนพร้อมกล่าวเสียงดัง “ข้ารู้ว่าในบรรดาพวกเจ้ามีบางคนที่ไม่ได้มีใจเป็นหนึ่งเดียวกับข้า สำหรับในจุดนี้ข้าก็ไปบังคับไม่ได้…”
เขาพูดประมาณว่า เป็นเพราะอิ๋งจิ่วกวงตายแล้ว ทุกคนล้วนอยากวิ่งไปสู่อนาคต ถ้าเต็มใจอยู่ก็อยู่ต่อ ถ้าเต็มใจจะตามเขาไปก็ตามเขาไป ทุกคนจากกันแต่โดยดี ไม่อยากให้ทุกคนใช้กำลังปะทะกัน แต่ลิ่งหูโต้วจ้งก็ยังไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะไปที่ไหน ที่ไม่บอกก็เพราะจะเหลือแผนสำรองเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ถูกดัก
การตัดขาดกับลิ่งหูโต้วจ้งในเวลาแบบนี้ ที่จริงก็เป็นวิธีการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง ดังนั้นผลที่ได้จึงทำให้ลิ่งหูโต้วจ้งค่อนข้างผิดหวังท้อใจ แม้แต่คนในเครือข่ายของเขาเองก็มีไม่น้อยที่ต้องการจะแยกจากกับเขาแต่โดยดี สุดท้ายคนที่ยินดีจะไปกับเขาก็มีแค่ประมาณห้าสิบล้านคนเท่านั้น ล้วนเป็นเครือข่ายสายตรงที่มีสายสัมพันธ์ค่อนข้างลึก รู้ว่าถ้าแยกกับลิ่งหูโต้วจ้งไปก็ไม่ได้ใช้ชีวิตสบายอยู่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เกรงว่าคนที่อยากจะแยกย้ายไปหาอนาคตคงมีมากกว่านี้แล้ว
ความไร้น้ำใจของชาวโลกก็เป็นเช่นนี้ ลิ่งหูโต้วจ้งทำได้เพียงปล่อยวาง เพียงแต่กำลังพลจำนวนน้อยเท่านี้ทำให้เขาเสียต้นทุนในการเจรจาไปแล้วไม่น้อย แต่จนใจที่ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ไม่มีทางย้อนคืนวันวานได้ แต่ก็ช่างเถอะ สุดท้ายก็นำคนแยกตัวจากทัพใหญ่ แล้วหายไปในจุดลึกของดาราจักรอย่างรวดเร็ว
ใจคนก็เหมือนน้ำ ดอกไม้เบ่งบานและร่วงโรย เรื่องราวในโลกก็เป็นเช่นนี้ เกิดขึ้นภายในเวลาชั่วข้ามคืนเท่านั้น
อ๋องสวรรค์ยุคหนึ่งปิดฉากลงอย่างเศร้าสลด จอมพลยุคหนึ่งจากไปด้วยความสะเทือนใจ สถานการณ์ผันผวนไม่หยุดนิ่ง ทัพตะวันออกกลายเป็นประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ ความสำเร็จของแม่ทัพกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังอาหารของคนในใต้หล้า
เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อออกจากประตูดวงดาวฝั่งตะวันตกและตะวันออกมาแล้ว ทั้งสองมารวมตัวกันและดักซุ่ม เฝ้าอยู่ในท้องฟ้าผืนหนึ่ง แค่รอให้ให้ลิ่งหูโต้วจ้งเข้ามาแล้วก็จะโจมตีทันที ตอนนี้ทั้งสองตะลึงงัน ได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก
“หนีไปแล้วเหรอ? เขาจะไปไหนได้?” เถิงเฟยถาม
เฉิงไท่เจ๋อส่ายหน้า คิดไม่ออกเหมือนกันว่าลิ่งหูโต้วจ้งจะไปไหนได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าประมุขชิงกับอีกสามอ๋องจะขัดใจและผลักพวกเขาให้ฝ่ายตรงข้ามโดยรับลิ่งหูโต้วจ้งไว้แทนในเวลานี้ แต่นอกจากสองฝั่งนี้ ลิ่งหูจะยังไปที่ไหนได้อีก? ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้
ที่สำคัญคือตอนนี้เจ้าไม่มีทางส่งคนไปสกัดขวางได้ เพราะกำลังพลที่ทำศึกได้ของแต่ละพื้นที่ในเขตทัพตะวันออกถูกย้ายออกไปแล้ว ทุกที่ว่างเปล่า ไม่มีใครขัดขวางกำลังพลห้าสิบล้านที่ลิ่งหูโต้วจ้งพาไปด้วยได้ มิหนำซ้ำยังเป็นกำลังพลห้าสิบล้านที่จนตรอกจนต้องสู้ตาย ตัดตัวภาระออกไปแล้ว พลังรบจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน จะให้อีกสามอ๋องสวรรค์ช่วยสกัดให้เหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะยอมช่วยหรือไม่ ไม่แน่ว่าลิ่งหูอาจจะไปขอพึ่งพาพวกเขาแล้วก็ได้
สุดท้ายเฉิงไท่เจ๋อก็ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ไปแล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องเข่นฆ่ากันให้กำลังรบของพวกเราเสียหาย แค่กำลังพลไม่กี่สิบล้านคน สร้างเรื่องอะไรไม่ได้หรอก ขอแค่ไม่พาคนอื่นไปด้วยก็พอ ทั้งยังช่วยพวกเราควบคุมอาณาเขตสายขาลได้ด้วย สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือ ต้องปลอบขวัญทัพใต้ ทัพตะวันตก ทัพเหนือ กำลังหนุนของอีกฝ่ายกำลังตามมาที่นี่ ใกล้จะมาถึงแล้ว ตราบใดที่ทำให้สามอ๋องสงบใจได้ คนจำนวนเล็กน้อยของลิ่งหูโต้วจ้งก็ไม่พอให้กังวลหรอก โดยภาพรวมแล้วไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากแล้ว!”
เถิงเฟยพยักหน้า “ลิ่งหูโต้วจ้งหนีไปแล้ว สถานการณ์ภาพรวมถูกกำหนดแล้ว ติดต่อพวกเขาเถอะ!”
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว เกิดเสียงดังโครมในป่าไผ่ โค่วหลิงซวีที่อยู่ในศาลาโบกมือพลิกโต๊ะหินจนคว่ำ แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอย่างกระฟัดกระเฟียด คำรามเสียงต่ำราวกับสัตว์ป่า “คนอย่างเถิงเฟยน่ะเหรอคิดจะมายืนคุมเชิงกับอ๋องผู้นี้? คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฝันลมๆ แล้งๆ!”
พอชำเลืองมองโต๊ะหินที่พลิกคว่ำ ก็รู้แล้วว่าท่านพ่อกำลังเดือดดาล โค่วเจิงจึงไม่กล้าพูดอะไร
ในมือถังเฮ่อเหนียนยังใช้ระฆังดาราติดต่อ หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว ก็รายงานอีกว่า “ท่านอ๋อง เฉิงไท่เจ๋อส่งข่าวมา มีความคิดเหมือนกับเถิงเฟย เขาบอกว่ายินดีร่วมกับเถิงเฟยเพื่อคุมอาณาเขตเดิมของทัพตะวันออกให้ดี ยินดีเดินตามแนวทางเดิมของอิ๋งจิ่วกวง หวังว่าท่านอ๋องจะถอนกำลังทหารกลับไป บอกว่าไม่อยากปะทะกับคนของท่านอ๋อง!”
“ฝันลมๆ แล้งๆ!” โค่วหลิงซวีตะคอกอีกครั้ง
ถังเฮ่อเหนียนพูดไม่ออก ทำได้เพียงเฝ้ารอ รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของท่านอ๋องยังไม่สงบ การตายของอิ๋งจิ่วกวงทำให้เขายอมรับความจริงลำบาก
เป็นอย่างนี้จริงๆ หลังจากโค่วหลิงซวีเริ่มใจเย็นลงแล้ว ก็ค่อยๆ นั่งลงบนม้านั่งหิน ทุบหมัดบนเข่า “เฮ้อ!” หลังจากไตร่ตรองอยู่นานก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “อิ๋งจิ่วกวงเอ๊ยอิ๋งจิ่วกวง ทำไมไม่ยืนหยัดไว้อีกสักหน่อย…กำลังหนุนไม่มีเป้าหมายแล้ว ถอนกำลังเถอะ! ถอนกำลังคนที่ตลาดสวรรค์ด้วย” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความจนใจ ไม่อาจใช้อารมณ์ทำงาน สุดท้ายก็ต้องประนีประนอมกับความเป็นจริง
“รับทราบ!” ถังเฮ่อเหนียนเอ่ยรับ แล้วปฏิบัติตามนี้
ในตำหนักดาราจักร รายละเอียดของผลการรบยังไม่ออกมา แต่กองทัพองครักษ์เกิดการสูญเสียแล้ว จากสามร้อยล้านคนตายไปสามสิบล้านกว่าคน จากจุดนี้จะเห็นถึงกำลังรบของกองทัพอิ๋งจิ่วกวง ความเสียหายการรบครั้งนี้ทำให้ประมุขชิงตกอยู่ในความเงียบ
ทว่ารายงานลับจากซ่างกวนชิงก็ทำให้ประมุขชิงเงยหน้าอย่างงุนงงอีก “ตำหนักนารีสวรรค์? แดนรัตติกาล?”
ซ่างกวนชิงพยักหน้า “ขอรับ”
ประมุขชิงเดินออกจากโต๊ะ ขมวดคิ้วมุ่นดินไปเดินมาในตำหนัก หลังจากผ่านไปนาน จู่ๆ ก็หัวเราะเบาๆ “ลิ่งหูโต้วจ้งคนนี้น่าสนใจ สายตาช่างกลับกลอก! เกาก้วน เจ้าคิดว่ายังไง?”
เกาก้วนทำท่างงไปชั่วครู่ แล้วกุมหมัดคารวะ “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทหมายถึงเรื่องไหน?”
ประมุขชิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เป็นรายงานลับจากซ่างกวนชิง เกาก้วนยังไม่ได้ยิน จึงชี้เกาก้วนทันที “ซ่างกวน เจ้าบอกให้เขาฟังหน่อย”
“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วก็บอกเกาก้วนอีก “ทูตขวาเกา ทัพใหญ่ของฝ่าบาทจู่โจมกะทันหัน ลิ่งหูโต้วจ้งมาช่วยอิ๋งจิ่วกวงไม่ทัน ตอนนี้นำกำลังพลห้าสิบล้านหนีไปแล้ว เพิ่งจะรายงานขึ้นมาขอรับผิดกับฝ่าบาท แต่กลับอาศัยกำลังพลที่มีในมือมาต่อรองกับฝ่าบาท บอกว่าอยากจะไปขอพึ่งพาตำหนักนารีสวรรค์ จะไปตั้งตัวที่แดนรัตติกาล!”
เกาก้วนแทบจะไม่คิดอะไร กล่าวเสียงเรียบว่า “เป็นทหารที่รบแพ้ แต่ยังบังอาจมาต่อรองกับฝ่าบาท ควรฉวยโอกาสนี้ปราบให้หมด ฝ่าบาทสามารถแจ้งผ่านกำลังพลในสี่ทัพให้ล้อมปราบได้เลย ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าสี่ทัพไม่เชื่อฟัง ฝ่าบาทก็สามารถขู่ได้ว่าจะรับกำลังพลของลิ่งหูโต้วจ้งไว้ สี่ทัพจะต้องร่วมมือกันล้อมปราบอย่างสุดกำลังแน่ ไม่ต้องให้ฝ่าบาทใช้กำลังพลตัวเองสักคน!”
“เจ้านี่ตั้งแต่เช้ายันค่ำรู้จักแต่ฆ่าๆๆ เจ้าฆ่าคนน้อยไปหรือไง?” ประมุขชิงหันตัวมาชี้เกาก้วน “ข้ากำลังสื่อว่า ข้าจะตอบตกลงเงื่อนไขของเขาดีมั้ย ไม่ได้ให้เจ้าคิดหาทางล้อมปราบ!”
…………………